จากกระทู้นี้  ทำให้ผมเข้าใจว่า  ทำไมคนที่เขาปรารถนาทำเพื่อสังคมอย่างแท้จริง  จึงไม่มีใครกล้าออกมาทำเพื่อสังคม
หรือนำเสนอแง่คิดด ๆ  เพื่อสังคม  แล้วโดยส่วนตัวแล้วผมว่าคนที่ทำเพื่อผู้อื่นมากกว่าตนเองอย่างแท้จริงเจอสภาพไม่ต่างกัน
ขึ้นอยู่กับ่าใครเจ็บแล้วจำหรือเจ็บแล้วไม่จำ  หรือพูดง่าย ๆ  ว่าใครมีความอดทนทำเพื่อผู้อื่นมากกว่ากัน  ทนได้แค่ไหนแค่นั้น
ไม่มีใครที่ทำเพื่อผู้อื่นมากกว่าตนเองแล้วไม่มีเจ็บ  เจ็บทั้งนั้น  เจ็บมากหรือน้อย  ถ้าตั้งใจมากก็เจ็บมากถ้าตั้งใจน้อยก็เจ็บน้อย
แล้วถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นอะไรก็หยุดยั้งความตั้งใมจที่จะทำเพื่อผู้อื่นมากกว่าตนเองอีกต่อไปแม้กระทั่งความตาย
คนที่เขาทำเพื่อตนเองเขากลัวเจ็บ  พิมพ์ไปแล้วกลัวว่าจะมีคนไม่ชอบ  กลัวว่าคนอื่นคิดว่าตนเองจะไปสั่งสอนเขา  ท้ายสุด
อยู่เงียบ ๆ  ดีกว่า  เมื่อต่างคนต่างเงียบต่างเอาตัวรอด  สังคมจึงไม่รอดไงครับ  แน่นอนว่าถ้าผมยังพิมพ์ธรรมะออกมาอีก
ผมก็จะโดนอีก  แต่ด้วยเหตุผลข้างบนนั่นแหล่ะที่ทำให้ผมไม่หยุดยั้ง  คนเราเกิดมาชาติหนึ่งอย่าให้เสียชาติเกิด
เกิดมาแล้วมีโอกาสแล้วทำในสิ่งดี ๆ  เสีย  ถ้ามัวกลัวว่าคนจะตำหนิจะพลาดโอกาสไป  มันก็เท่านั้นเอง
ยื่นสิ่งดีให้คนอื่นไป  ไม่ต้องสนใจว่าใครจะสนใจสิ่งที่เราทำ  ยิ่งให้มากสิ่งดีย่อมเกิดกับตนมาก  ผมขอระบาย
ความในใจเท่านี้แหล่ะครับ
ต่อไปคุยจะพูดอะไร ควรเจาะจงลงไปว่าอะไร ใคร ที่ไหน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด 
การปรารถนาทำเพื่อสังคมอย่างแท้จริงในกระทู้นี้มีใครบ้าง
แล้วใครกันที่เป็นคนต่อต้าน
ก็เพราะงี้ไงครับ  ผมถึงไม่ระบุ  เพราะมันไม่ใช่เรื่องเฉพาะตัว  ถ้าเป็นเรื่องเฉพาะตัว  ผมจะหยิบมา  quote  
แต่นี่ผมเสนอกลาง ๆ  ไม่ได้เจาะจง  แต่นำเสนอเป็นภาพรวม  ที่ผ่านมาก็เป็นงี้มาตลอด  อีกอย่างผมก็ไม่ได้
มองไปถึงว่าใครจะต่อต้านหรือไม่  เพราะถ้ามองงั้นไม่ต้องทำอะไรกันพอดี    คนเราที่เป็นทุกข์กันทุกวันนี้
เพราะเข้าใจหลักธรรมที่ว่า  "กรรมเป็นเครื่องแสดงเจตนา"  ผิดอย่างร้ายแรง  ผมเองกว่าจะเข้าใจก็เป็น
ทุกข์อยู่หลายปี  ผมเริ่มเข้าใจธรรมะอย่างแท้จริงตอนที่  ผมเริ่มเอาความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับตนเป็นที่ตั้ง  แทน
ที่จะเอาข้อธรรมเป็นที่ตั้ง  แล้วหาสาเหตุทำให้ตนเองเป็นทุกข์  ทุกอย่างโยงเข้ามาถึงเรื่องเจตนาของตนทั้งสิ้น
ไม่มีใครทำให้ผมทุกข์หรอก  ผมเท่านั้นที่ทำให้ตนเองทุกข์  ทุกข์เพราะไปคิดว่าคนอื่นจะมาว่าตนอย่างนั้นอย่างนี้
ทั้ง ๆ  ที่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวว่าตนเช่นนั้นสักหน่อย  ทุกข์เพราะตนเองอยากให้คนอื่นเป็นหรือเข้าใจอย่างที่ตนคิด
ทั้ง ๆ  ที่ทำไม่ได้  เมื่อรู้ว่าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องไปสนใจ  นั่นแหล่ะมันก็ไม่ทุกข์ตั้งแต่บัดนั้นมา  คำว่าเจ็บที่ผมพิมพ์ไป
จึงไม่ได้หมายถึงความทุกข์ที่ผมเป็นหรือได้รับ  แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนที่คิดและทำเพื่อผู้อื่น   สิ่งที่แต่
ละคนต้องให้ความสนใจ  คือตั้งใจคิดกับคนอื่อย่างไร  หรือตั้งใจจะทำให้ใครอย่างไรมากกว่า  ถ้าตั้งใจไม่ดี
นั่นแหล่ะตัวทุกข์ไปเกิดกับตนแล้ว  จริงหรือไม่มาันก็พิสูจน์กับตนตามหลักกาลามสูตรอยู่แล้ว