ต่อไป »

[โซวบักท้ง]

นึกถึงตัวเองบ้างตอนเรียนจบใหม่ไปหางานทำ

ไปทำงานใหม่ๆไม่มีใครเป็นงานหรอก ต้องถามคนเก่าที่นั้นเพื่อเรียนรู้งาน

พอเป็นงานหน่อย ประกอบกับตัวเองได้เรียนมา ก็เริ่มคล่องขึ้นทำงานได้ไวขึ้น

พอทำงานได้ไวได้เร็ว เจ้านายเห็นใหม่ๆ ก็ชมตลอด ก็เริ่มหลงตัวเองว่า เก่งกาจ

หลังจากนั้นก็ไม่เห็นหัวใครละทีนี้ ข้าคือเทพ

ไม่มีใครเก่งมาจากท้องแม่หรอกนาย ลองนั่งนึกถึงย้อยหลังไปเรื่อยๆ

...

การที่นายไล่ใครออกสักคนนะ เรารู้ว่ามันรู้สึกไง

แต่ อาชีพกราฟฟิก มันก็ไม่งานอะไรให้ทำอยุ่แล้วนิ จ้างไปก็สิ้นเปลื่องเป่าๆ เราต้องปั้นๆๆๆๆๆๆๆ แฮ่ๆ ใช่มะ เทมเพลตเดิมๆ เปลี่ยนแค่สี กะโลโก จบ แค่นี้ก็ทำ

เงินได้เป็นกอบเป็นกำแล้วว่ามะ นายโชว์

...

อยากถามว่า ถ้าวันหนึ่งคุณไปเป็นวิทยากร แล้วมีคนว่าคุณอวดเก่งอยากโชว์ พูดต่อหน้าคนเยอะๆเลยนะ เอาเท้าตบมือตบไปด้วย

คุณจะรู้สึกอย่างไง


55555

ปล. สิ่งที่นายเริ่มทำมาทั่งหมดเพื่อเผยแพร่ให้คนได้รุ้ ตอนแรกนายรู้สึกดีไหม เป็นฮีไร่ของทุกคนไหม ใครๆ ก็ยืนยอสรรเสริญ ว่าท่านคือเทพ  แต่นายรุ้ไหมนายกำลังทุบหม้อข้าวตัวเอง จากยุคขุดทอง ตอนนี้เป็นยุคเผาถ่านขายละ นายเอ้ย

เวรกรรม ..... ก่ะแล้วเชียว ว่าไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวมาพูดในบอร์ด

ขอชี้แจงหน่อยแล้วกันครับ 

1) งานที่ผมจ้าง graphic designer เข้ามา   ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ Adsense , การทำ template หรือ การทำเว็บเลยครับ ......   ถ้าเป็นงานแบบนี้ ผมใช้ outsource ดีกว่า จะได้ไม่ต้องมีรายจ่ายทุกเดือน 

ดังนั้นอย่าได้เข้าใจผิด ว่าผมเป็นคนมองแต่ตัวเลขขนาดนั้นครับ  มันมีหลายเหตุหลายผลด้วยกัน ในการตัดสินใจที่จะทำอย่างใดอย่างหนึ่งลงไป ........


2) ผมไม่เคยคิดเลยครับว่าผมทุบหม้อข้าวตัวเอง แล้วก็ไม่เคยคิดเสียใจเลยด้วย    ผมรู้สึกดีเสมอครับ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสนับสนุน เผยแพร่ความรู้ ให้กับเพื่อนๆทุกคน

ตั้งแต่เริ่มทำ TSB  มา ....  ผมได้เพื่อนดีๆมากมาย  รู้จักคนหลายหลายในวงการ  ได้รับโอกาสในประเมินค่าไม่ได้หลายครั้ง หลายหน  แล้วก็ได้ ไอเดียแจ่มๆอีกนับไม่ถ้วน   


ไม่มีเหตุผลใดเลยครับ ที่ผมจะคิดแบบนั้น ........ 

[barco]

การทำงานเป็นทีมมาเหนือสิ่งอื่นใดครับ 

มนุษย์ 1 คนไม่สามารถมองด้านหน้าและด้านหลังพร้อมกันในทีเดียวได้ครับ

ถ้าให้คนธรรมดามีค่าเท่ากับ 1 คนเก่งมีฝีมือมีเค่าเป็น 2

ตามสมการการทำงานเป็นทีม โดยใช้หลักการ barco's law 
 
1 = 1
2 = 2
1+1 = 4
1+1+1 = 8
1+1+1+1 = 16
1+1+. . .+1+1 = inf.

ฉะนั้นคนที่อีโก้สูงแม้ทำงานเป็นทีมสุดท้าย ก็ได้ผลงานตามที่ คนๆนั้นต้องการคนเดียว
แต่คนที่ทำงานเป็นทีม จะได้ผลงานที่เกิดจากการสร้างสรรของมุมมองคนทั้งทีม

[trvoy]

"เลือกคนให้ถูกงาน" ถึงลูกน้องห่วยแค่ไหน องค์กรก็เจริญได้

[thitoiw]

คงต้องดูเอาเองล่ะครับ
ถ้ารักลูกน้องจริงอย่างน้อยก่อนไล่ออกก็ควรจะพูดกับเขาก่อนและให้โอกาสเขาได้แก้ตัวสักครั้ง
ถ้าพูดดีๆถ้าเขาไม่ใช่โรคจิตหรืออะไรแล้วคงจะปรับปรุงตัวได้
และจะซื้อใจเขาได้เมื่อถึงตอนนั้นแล้วคุณไม่ต้องกังวลเลยเรื่องงานเขาจะยอมทุ่มเทหมดตัวหมดใจเลยหล่ะ
เพราะคนแบบนี้เป็นคนใจหนักใจแข็งนับถือคนยากถ้าไม่เห็นความดีของคนจริงๆ
เพื่อนผมก็มีแบบนี้ถึงตอนนี้มันไม่เคยทิ้งเพื่อนเลยถึงไหนถึงกันและไม่เคยที่จะไม่ช่วยไรเลย
คือคนแบบนี้ต้องเอาใจซื้อใจแล้วคุณจะรู้ว่าเขาก็มีดี

[barco]

The last lecture เขียนไว้ว่า
"คุณจะพบว่าคนๆนึงนั้นดีแค่ไหน ถ้าคุณอดทนได้นานพอที่เค้าจะแสดงความดีให้คุณเห็น"

โน๊ต อุดม แต้พาณิชย์ พูดไว้ว่า
"โดยพื้นฐานไม่ว่าคนดีหรือคนเลว  ทุกคนอยากทำความดีทั้งนั้น"


 

[ปลาบิน]

ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่ไม่มีประโยชน์

[ก้ามปู]

1 คนเทพ ส่วนใหญ่ ไม่อาจสู้ 100 คนธรรมดาได้ครับ

ร้อยต่อหนึ่ง เงินเดือนเพิ่มร้อยเท่านะครับ ถ้างานดีกว่าแค่ยี่สิบเท่านี่เจ๊งเลยนะเนี่ย 

[lOol]

     ผมไม่เห็นด้วยกับการไล่ออกน่ะครับ เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า ไม่ว่าแมวมันจะสีดำหรือขาว ขอให้มันจับหนูได้เป็นพอไหมครับ ผมว่ามันน่าจะอยู่ที่วิธีการมากกว่าน่ะครับ กับคนประเภทนี้เราต้องใช้จิตวิทยานิดนึง นอบน้อมเข้าไว้ ชมไปเถอะครับว่าผลงานเค้าดีน่ะ เออ เจ๋งว่ะ แล้วค่อยบอกให้เค้าเปลี่ยนบางอย่างที่เราชอบแทน (จากประสบการณ์พวกอีโก้แรงนี่มักหลงตัวเองอย่างมากอ่ะ ขึ้นต้นด้วยคำชมก่อนดีที่สุดครับ

     ส่วนวิธีการนั่นคุณคงต้องหาเอาเองเพราะนิสัยเชิงลึกคนที่อยู่ใกล้น่าจะเห็นมุม ได้หลายมุมกว่า) เพราะการที่เค้าเก่ง (ถ้าเก่งจริงน่ะ) เค้าไปอยู่กับบริษัทคุ่แข่งเราจะเป็นอุปสรรคกับเราอย่างมากทีเดียวครับ เพราะเค้าจะรู้จุดอ่อนของบริษัทเราแล้วสามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับบริษัทใหม่ได้เลย 

     แล้วการที่คุณจะต้องมาเสียเวลาในการเทรดคนให้มีระดับฝีมือให้เท่ากันหรือมาตราฐานเดียวกันนั่นก้อต้องเสียทั้งเวลาและเงินเพิ่ม เพราะมันต้องใช้การเรียนรู้กว่าจะเข้ารูปเข้ารอย ถ้าเค้าไม่มีมนุษยสัมพันธ์เลยผมว่าคุณจ้างเค้าเป็น outsource หรือไม่ก้อหางานที่ไม่ต้องพบปะผู้คนเลยดีกว่า ประมาณว่าทำงานเสร็จ ส่งเมล์ ดูตรวจทาน แล้วก้อส่งกลับมาแก้ ราว ๆ นั่น เพื่อลดปัญหาการมีปากมีเสียงกัน เพราะการพิพาท ทางตัวอักษรและคำพูดนี่ให้ผลต่างกันพอสมควรน่ะครับ
     อย่างพวกบริษัทของฝรั่งใหญ่ ๆ หลายบริษัทนี่ผมก้อเห็นมาเยอะน่ะครับ พวกประมาณนี้(ทั้งจากเพื่อน แล้วก้อบริษัทเมีย ) แต่บริษัทก้อยังคงจ้างไว้ เพราะเค้าเห็นว่าถ้าให้คนซึ่งเก่ง ออก แล้วรับคนใหม่เข้ามาทำจะทำให้บริษัทเสียหาย มากกว่าการที่จ้างไว้แล้วค่อยปรับเปลี่ยนวิธีในการใช้งาน(ทั้ง ๆ ที่ผมก้อไม่เห็นว่ามันจะปรับอะไรกานเลย) 

     เห็นในนี้เค้าก้อให้ข้อมูลมากานเยอะแล้วน่ะพวกหนังสือต่าง ๆ เห็นคุณก้อเป็นคนที่ชอบโพสบทความดี ๆ มาให้อ่านเรื่อย ๆ นี่ครับน่าจะได้สรุปสำหรับปัญหานี้ไม่ยากนัก หรือถ้าให้ผมแนะนำ ลองหาพวกหนังสือเรื่องเกี่ยวกับการอ่านคนดูก้อได้ครับ มันจะมีบอกไว้น่ะว่า ถ้าเราเจอกับคนแบบนี้ท่าทางแบบนี้ บุคลิกอย่างนี้ นิสัยอย่างนี้เราควรรับมือยังไง แต่มันก้อเป็นแค่แนวทางแหละครับ ส่วนวิธีการนี่คงต้องเป็นเรื่องท้าทายสำหรับคุณเองแล้วละครับ

[yogolas101]

เค้าเข้ากับเราไม่ได้ หรือว่าเรา เข้ากับเค้าไม่ได้

 : เข้าใจซึ่งกันและกัน แล้วจะอยู่ด้วยกันได้อย่างสบายใจ

[sugar]

อ่านแล้วนึกถึง สตีฟจ๊อบ เจ้าชายของแอ๊ปเปิ้ล 

ถูกใจมากๆๆ +1 ครับไม่มีอาไรจะบนและ... 

[bestpositionno.1]

มาสไตล์เดี๋ยวกะม้าเฉียว เเบบนี้น่าจะเก็บไว้นะ

[barbies55]

สงสัยเหลือเกิน ที่คุณบ่นๆข้อเสียของเขามาน่ะ อย่างกะไม่ใช่คนแน่ะ 
คนอะไรจะร้ายกาจ โรคจิต นิสัยเสียได้ขนาดนี้
เป็นที่น่าสงสัยยิ่งนัก ว่าก้าวหน้าขนาดเป็นหัวหน้าได้อย่างไง ไอ้คนอย่างงี้น่าจะโดนเหยียบตายตั้งแต่เป็นลูกน้องธรรมดาแล้วนี่นา
คือจะชี้ให้เห็นว่า เขาต้องมีอะไรสักอย่างนี่แหล่ะ ที่ทำให้เจ้านายไว้วางใจจนได้เป็นหัวหน้า 
อย่างที่หยินตอบไปใน rep แรก คือเข้าใจว่า คุณไม่ใช่หัวหน้าเขาที่มีสิทธิไปไล่เขาออกได้ใช่ไหม คือเป็นลูกน้อง หรือเป็นเพื่อนร่วมงานที่ต้องทำงานกับเขาแล้วรู้สึกอึดอัดใจ
เขาอาจจะนิสัยเสีย แต่ทำงานได้ครบถ้วนเรียบร้อย
เขาอาจจะปากเสีย ด่ากราดกระทั่งผู้ใหญ่ แต่ทำไมผู้ใหญ่ยังเลี้ยงเขาไว้ เพราะความปากเสียนั่นคือการพูดแบบขวานผ่าซากหรือเปล่า
นั่นคือ ถ้าเป็นลูกน้องธรรมดา อาจจะพูด ได้ครับท่าน แต่เขาเป็นคนเดียวหรือเปล่า ที่กล้าสวนว่า ห่วยแตกครับท่าน

นี่จากประสบการณ์จริงเลยนะ เคยมีหัวหน้าที่นิสัยประมาณนี้แหล่ะ ร้ายกาจ โรคจิต นิสัยเสีย ในสายตาลูกน้องมากๆ 
ยิ่งถ้าคนไหนแสดงออกว่าเก่งเกินหน้าเกินตา มีโดนแกล้ง เขี่ยงานทิ้งแบบไม่ดูเลยก็มี
ก็เคยสงสัย แล้วก็คับแค้นใจเหมือนกัน ว่าทำไมมันไม่โดนไล่ออกฟะ ทำงานอะไรก็มีแต่คนหน่าย ต้องตามใจมันทุกอย่าง

แต่เจ้าหัวหน้าโรคจิตคนนี้แหล่ะ ที่ทำงานได้เรียบร้อยลุล่วง ยิ่งงานไหนที่ท่านเป็น one man show ละก็ ทำงานได้แบบมืออาชีพมากมาย
มีคอนเนคชั่นกับหน่วยงานภายนอก รู้ดีทุกอย่างว่างานไหนควรติดต่อใคร
แต่ถามว่าเก่งแบบเทพเลยไหม มันก็ไม่ถึงขนาดนั้น บางอย่างเราก็มอง(ด้วยความหมั่นไส้)ว่า ชิๆ งานแบบนี้ตูก็ทำได้
แต่บางครั้งก็ต้องจนใจยอมรับว่า บางสิ่งบางอย่าง เราทำไม่ได้อย่างเขาหรอก

แล้วเวลาลูกน้องร้องไห้เพราะโดนตำหนิเนี่ย หยินยังไม่เคยเห็นหัวหน้าคนไหนเขาเข้ามาปลอบใจหรือขอโทษลูกน้องเลยนะ
ก็เขาเป็นคนตำหนิ จะให้เขามาขอโทษที่เขาตำหนิ แสดงว่าไอ้ที่ตำหนิไปมันก็ไม่จริงน่ะสิ
ถ้าเป็นหยิน หยินก็คงพูดแบบเขานั่นแหล่ะ ลำบากใจนัก ทำเองก็ได้ กลับไปนอนซะไป๊ 

[kitdee]

ลืมบอกไปว่า เขาพึ่งเข้างานมา 3 เดือนครับ พูดง่ายๆว่าอยู่ในขั้นการประเมิณผลงาน ที่นี้ Boss จะเรียกพนักงานทุกที่เกี่ยวของกับเขาไปถามเกี่ยวกับคนๆนี้ครับว่า เป็นอย่างไรบ้าง เพราะพวกผมเป็นพนักงานที่ทำงานมากว่า 2 ปีแล้ว  รายละเอียดตรงนี้พอดีไม่ได้บอกไป  เขาเข้ามาสมัครในตำแหน่งหัวหน้าครับ ตำแหน่งหัวหน้าเป็นตำแหน่งที่ไม่ได้เลื่อนขึ้นมา เป็นตำแหน่งที่เขาสมัครเข้ามาเอง พูดง่ายๆก็คืออยู่ในขั้นทดลองงานก็ว่าได้ ถ้าไม่เวอร์ก็เชิญออก

ถ้าพูดถึงขอดี เท่าที่ผมได้สัมพัส แบบไม่ลำเอียงเลยนะคับ เขาเป็นคนที่ขยันมากๆ ทำงานออกมาเร็วดี งานออกมาอยู่ในขั้นสวยดี งานในการออกแบบโดยใช้ Illustrator ( ตรงนี้ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน ) เป็นคนที่จริงจังกับงานมากๆ ทำงานแบบไม่สนใจใครเลยทั้งสิ้นทำแต่งานอย่างเดียว  เขาจะซีเรียดเรื่องงานเอามากๆ ต้องเป็นตามสีที่กำหนด ตามแบบที่เขาต้องการ ผมว่าเขาเป็นคนที่เรียนเก่งมาก่อนนะ เป็นคนที่ยึดมั่นในความคิดของตัวเองอย่างเหนียวแน่น มีไอเดียในงานได้ตลอด คิดทำนู๊นทำนี้ พูดง่ายๆก็คือ Active สูงมากๆ จนน่ากลัวมากๆ ขยันหางานให้ลูกน้องทำตลอด บางวันกลับบ้าน 2 ทุ่ม หอบงานไปทำที่บ้านทุกวัน

แต่ในความคิดของผม การที่เป็นหัวหน้านั้น ต้องสามารถ เก่งคน เก่งงาน ด้วยการที่ผมยกตัวอย่างลูกน้องที่ร้องไห้ เป็นการยกตัวอย่างในการปกครองคน ซึ่งถ้าลูกน้องไม่เครพนับถือแล้วคุณจะปกครองพวกเขาอย่างไรละจริงไหมครับ  ไม่ใช่พอมีปัญหาการทำงานของลูกน้องก็บอกว่างั้นเธอไม่ต้องทำ ฉันทำเอง อ้าวอย่างนี้จะมีลูกน้องไว้ทำไม่ละ จริงไม่ ทำเองหมดเลย งั้นลูกน้องก็สบายซิ ถ้าลูกน้องทำไม่ได้น่าจะสอนเขา หรือให้คำปรึกษาว่ามีปัญหาตรงไหน ถ้าระดับหัวหน้าเพราะฝีมือสูงส่งกว่าคนอื่นต้องสอนคนได้ถึงจะถูก แต่กรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช้ลูกน้องทำไม่ได้ แต่เกิดจากหัวหน้าไม่ฟังความคิดเห็นของลูกน้อง ทำให้เขาน้อยใจทำอะไรไม่ได้ก็ร้องไห้ ( ลูกน้องอายุ 18 ปี พึ่งเข้าทำงานที่นี้ครั้งแรก )

อย่าลืมนะครับ หัวหน้า ไม่ใช้อยู่ระดับเดียวกับพนักงานทั่วไป ฝีมือนะมีแล้ว ( ขั้นเทพ ) แต่ทำไม่ไม่ยักปรับปรุงมนุษยสัมพันธ์ละ ถ้ามีทั้งสองอย่างแล้ว ก็มีทั้งพระเดช และพระคุณ แค่นี้คนอื่นก็นับถือแล้ว

ผมไม่เห็นด้วยกับการเอาคนเก่งออก แต่ถ้าเขาเข้ากับสภาพแวดล้อมภายในบริษัทไม่ได้ วัฒธรรมในองค์กรจะเป็นตัวบีบเขาออกเอง คงไม่ต้องไล่เขาออกหลอก แค่ทำงานอึดอัด แค่นี้เขาก็ไปของเขาเองแหละ คนบ้างคนอาจจะเหมาะกับองค์กรแบบหนึ่ง บางคนอาจจะเหมาะกับองค์กรแบบหนึ่ง นานาจิตตังครับ

[Step9]

ถ้าเก่งขั้นอัจฉริยะ แต่ขาดมนุษยสัมพันธ์ แบบ กาลิเลโอเพี้ยน(หนังญี่ปุ่นทางTPBS)
เรื่องให้ออกไม่มีอยู่ในหัวครับ 

[gapblog1]

ผมว่าสำคัญทั้งสองอย่างนะครับ

[barbies55]

ถ้าคุณสมบัติแบบที่คุณ kitdee ว่ามา เขาเหมาะจะเป็นพนักงานที่ดีมากกว่าค่ะ
ไล่ออกก็เสียดายฝีมือ เอาแค่ลดตำแหน่งให้เป็นพนักงานธรรมดา อยู่เรียนรู้วัฒนธรรมองค์กรไปก่อนละกัน

[slotpro]

ผมว่าการบริหารคนเป็นอะไรที่ลึกซึ้งมากที่จะทำให้ลูกน้องรักเราเชื่อเราขนาดเราดีด้วยบางคนยังหน้าไหว้หลังหลอกเลย  :-\

[compeak]

เก่ง บ้างาน ทุ่มเท จ้างคนเดียวเหมือนจ้าง 10 คน รักบริษัท ทำรายได้ให้บริษัท คุ้มค้าจ้าง แบบนี้เก็บไว้  เช้าชาม เย็นชาม คุยแต่เอ็ม เวลางาน ก็เอามาปั่นเว็บ แบบนี้ไล่ออก ... อ้าว ซวยแล้วเรา   

[*~เก้าคุง~*]

ดูแล้วไม่น่าให้เป็นหัวหน้านะครับ คุณสมบัติเหมาะเป็นพนักงานเฉญๆ

[siamman]

ดูแล้วไม่น่าให้เป็นหัวหน้านะครับ คุณสมบัติเหมาะเป็นพนักงานเฉญๆ

เห็นด้วยครับ