สรรพากรแก้กฎหมายสามารถสุ่มตรวจสอบบัญชีผู้เสียภาษี การทำธุรกรรมต่างๆ พุ่งเป้าอีคอมเมิร์ซ ดันถอนขนห่านเพิ่มอีกแสนล้านบาท ส่วนทะเบียนเอสเอ็มอีบัญชีเดียวมั่นใจวันสุดท้ายยอดพุ่ง หลังเข้าระบบแล้ว 4.3 แสนราย จากเป้าหมาย 3.5 แสนราย
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแก้ไขกฎหมายประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการเรียกดูข้อมูลบุคคลที่ 3 ภายในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งจะมีผลทำให้กรมเชื่อมโยงข้อมูลผู้เสียภาษีผ่านบัญชีธนาคารได้ทันที สามารถสุ่มตรวจรายได้ ตรวจสอบการทำธุรกรรม และเรียกข้อมูลเสียภาษีของผู้เสียภาษีได้ทุกราย
คาดว่าการเสนอแก้ไขกฎหมายจะผ่านการพิจารณา ครม. และเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เร็ว และจะมีผลให้กรมสอบภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ตั้งแต่ปี 2560
“การเชื่อมข้อมูลกับระบบของธนาคารพาณิชย์ จะทำให้การจัดเก็บภาษีรั่วไหลลดลง เห็นผลชัดเจนโดยเฉพาะในกลุ่มประกอบการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีคอมเมิร์ซ) ที่โอนเงินรายได้ผ่านบัญชีธนาคาร ทั้งในส่วนที่เป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล กรมจะตรวจสอบภาษีได้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบกับผู้เสียภาษี เพราะคนไทยทุกคนมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเมื่อรายได้ถึงเกณฑ์”
การเชื่อมข้อมูลกับระบบธนาคารจะทำให้กรมสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น ในส่วนภาษีทางตรงคงไม่มาก จะเห็นชัดเจนจากภาษีทางอ้อม ซึ่งคาดว่าในปี 2560 รายได้กรมจะเพิ่มขึ้นอีก 30% ของรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ภายในประเทศที่เก็บได้ 3.5 แสนล้านบาทต่อปี หรือเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 แสนล้านบาท
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ในวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้าย สำหรับการเปิดยื่นให้จดแจ้งเป็นผู้ประกอบการบัญชีชุดเดียว ซึ่งล่าสุดมีผู้มายื่นจดแล้ว 4.7 แสนราย เมื่อตัดรายที่ยื่นจดซ้ำออก จะเหลือ 4.3 แสนราย โดยมั่นใจว่าจะมีผู้มายื่นจดแจ้งในวันสุดท้ายอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งภาพรวมการยื่นขอจดแจ้งสูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 3.5 แสนราย เนื่องจากผู้เสียภาษีเห็นว่าการยื่นขอจดบัญชีเดียวจะส่งผลดีมากกว่าผลเสีย
นอกจากนี้กรมอยู่ระหว่างออกมาตรการภาษีให้เกิดการซื้อสินค้าจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน (โอท็อป) ตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี โดยขั้นแรกกลุ่มวิสาหกิจ ต้องมาจดทะเบียนอยู่ในฐานภาษีทั้งหมด จากปัจจุบันมีผู้ประกอบการโอท็อปรายใหญ่แค่ 20% ที่อยู่ในฐานภาษีเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม
http://www.khaosod.co.th/view_...wsonline.php?newsid=1457980045 