ร่วมถกด้วยคน...
ผมว่าเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์แอบแฝงบางอย่าง..
เมื่อวานมาจนวันนี้ผมไล่ดูคลิปที่ทางสำนักสงฆ์สามแยกนี้ได้อัพโหลดไว้..ความเห็นส่วนตัว..ผมกลับรู้สึกแตกต่างจากที่เห็นคลิปแรกเมื่อวาน..
ไอ้เรื่องสำรวมไม่สำรวมไม่ต้องพูดกัน เพราะมียกขาพาดก้านคอพระรูปอื่นได้ ฉะนั้นไอ้เรื่องแค่พูดหยาบคงเล็กไป...
แต่.........
ผมกลับมองว่า..พระท่านรู้ตัว!!!! ว่าทำอะไร....
ท่านรู้ว่า...ยกขาพาดคอเพื่อน...พูดจาส่อเสียด ลามก หยาบคายอะไรก็แล้วแต่...มันแค่...
อาบัติ ปาจิตตี ! ....ปลงอาบัติ..จบข่าว
แต่สิ่งที่ท่านพยายามบอกในหลายๆคลิปมันน่าจะประมาณว่า...
ให้เคารพนับถือกันที่ พระพุทธเจ้า พระธรรมวินัย และพระสงฆ์ผู้ประพฤติดีประพฤติชอบ
ผมว่าท่านพยายาม..
หาเรื่อง...เพื่อที่จะบอกสังคมว่า...
พระเอาขาพาดคอเพื่อน...อาบัติ ปาจิตตี....แก้ได้ง่ายๆ
แต่..พระที่สะสมลาภยศ เงินทอง ผู้หญิง และประพฤติตนเยี่ยงฆราวาสอื่นๆ...คือ?


พระพูดจาหยาบคาย..แต่ตีแผ่พระไตรปิฎกมาสอนคน..
กับพระพูดจาอ่อนหวาน..แต่เรียกรับผลประโยชน์เข้าสู่ตน..
....ความเห็นส่วนตัวแล้วผมว่าเราคงต้องมองกันยาวๆ ท่านใดที่ยังไม่แน่ใจก็อย่าเพิ่งไปด่าว่าพระท่านเลยครับ บาปหนักจะติดตัวเราไปเปล่า.....ผมมองว่าท่านแสดงกริยาแอบแฝงเพื่อ..หาเรื่อง!!! กับพระผู้ใหญ่...เพราะท่านคงมั่นใจในความผิดที่เล็กน้อยของท่านว่าคงเทียบไม่ได้กับพระที่มีรถ มีบ้าน มีบริวารทั้งหลาย....
ปล.
อาบัติ แปลว่าความถูกต้อง หรือพูดให้ชัดลงไปว่า “ความผิดที่เกิดขึ้นเพราะไม่ละเว้นข้อที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม และไม่ทำตามข้อที่พระองค์ทรงพระอนุญาตให้ทำ เรียกว่าอาบัติ”
อาบัตินั้นว่าโดยชื่อมี 7 อย่าง คือ
ปาราชิก สังฆาทิเสส ปาจิตตีย์ ถลุลัจจัย ปาฏิเทสนียะ ทุกกฎ ทุพภาสิตโทษของพระนั้น เมื่อแบ่งโดยละเอียด ก็เป็น 7 ชั้น ตามชื่อของอาบัติดังกล่าวแล้ว แต่เมื่อว่าโดยย่อก็แบ่งเป็นโทษที่แก้ไขให้กลับเป็นปกติได้ กับโทษที่แก้ไขไม่ได้ ท่านเรียกเป็นภาษาบาลีว่า สเตกิจฉา คือโทษที่แก้ไขได้ กับอเตกิจฉา โทษที่แก้ไขอะไรไม่ได้
อเตกิจฉา นั้น
ได้แก่อาบัติปาราชิก ซึ่งพระที่ต้องอาบัติขั้นนี้แล้ว ท่านเรียกว่าเป็นผู้พ่ายแพ้ มีทำได้อย่างเดียวคือสึกออกไปเป็นฆราวาส ถ้าปรารถนาจะสร้างความดีก็ทำความดีในขั้นของฆราวาสไป แม้จะกลับมาบวชอีกก็ถือว่าไม่เป็นภิกษุ หมายความว่าตลอดชาตินี้จะเป็นพระอีกไม่ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ๆก็ตาม แต่ท่านแสดงว่าถ้าสึกออกมาแล้วตั้งใจบำเพ็ญเพียรทางจิตในฐานะที่เป็นฆราวาส อาจบรรลุมรรคผล 3 ขั้นต้นได้ถ้ามีบารมีพอ
สเตกิจฉา นั้น
มีวิธีแก้ไขที่ผิดกันอยู่ คือ
อาบัติสังฆาทิเสสนั้น เป็นโทษที่รองลงมาจากอาบัติปาราชิกถึงแม้ผู้ต้องจะไม่ขาดจากความเป็นพระแต่ต้องประจานตนเองและทรมานตนด้วยการประพฤติมานัตและอยู่ปริวาส เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 6 ราตรีแต่ถ้าปกปิดไว้ก็ต้องเพิ่มวันออกไปอีกกว่าจะกลับเป็นพระบริสุทธิ์ได้เหมือนเดิมก็หนักอยู่ คือต้องประชุมสงฆ์ให้ยอมรับรู้ถึง 20 รูปมากกว่าการประชุมเพื่อรับคนเข้าบวชเสียอีก
ส่วน
อาบัติปาจิตตีย์ ถุลลัจจัย ปาฏีเทสนียะ ทุกกฎ ทุพภาสิตนั้น จะบริสุทธิ์ได้ด้วยการบอกความผิดของตนแก่เพื่อนสหพรหมจารี และรับว่าจะสำรวมระวังต่อไป ปาจิตตีย์บางประเภทมีแปลกอยู่ที่ว่า นอกจากจะบริสุทธิ์ได้ด้วยการแสดงแล้ว บางข้อยังต้องทำลายสิ่งของที่เป็นเหตุให้ต้องอาบัตินั้นด้วย
โทษของพระที่หนักที่สุด คือต้อง
อาบัติปาราชิก 4 ดังกล่าวแล้ว อาบัตินั้น ได้แก่
การเสพเมถุนจะกับคนหรือสัตว์ก็ตาม ลักของคนอื่นราคาบาทหนึ่งขึ้นไป ฆ่าคนตาย และอวดคุณพิเศษมีมรรค ผล นิพพาน ทั้งๆที่ตนไม่มีคุณพิเศษเช่นนั้น และยุยงทำลายให้พระสงฆ์แตกกัน อันเรียกว่าสังฆเภท ถ้าต้องแล้วยังขืนเป็นพระอยู่ก็เป็นเพียงผ้าคลุมคนเท่านั้น ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน คือจะไปเกิดในสวรรค์หรือบรรลุนิพพานไม่ได้ถ้ายังขืนครองเพศพระอยู่จนตาย และในขณะที่มีชีวิตอยู่จะบำเพ็ญเพียรอย่างไรก็ไม่อาจลบล้างกรรมชั่วนั้นจนบรรลุมรรค-ผลได้