ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comอื่นๆCafe[มาม่า]ใครรู้จักพระอาจารย์หลวงปู่เกษม บ้างครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 7   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: [มาม่า]ใครรู้จักพระอาจารย์หลวงปู่เกษม บ้างครับ  (อ่าน 18335 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
vvoody
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 62
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 361



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #40 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 08:52:51 »

เอ่อ... ผมว่าไปมาม่าเรื่องอืนๆ กันดีกว่ามั้ยครับ
เรื่องศาสนา การเมือง อย่าเอาเข้ามายุ่งกับบอร์ดนี้้เลยครับ

ด้วยความเคารพครับ
 wanwan017

อีกเสียง

เห็นด้วยครับ
บันทึกการเข้า

h8
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 60
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 677



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #41 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 08:54:51 »

เรื่องนี้ ไม่มีอะไรมาก  แค่บรรลุ แล้ว เป็นบ้า  เห็นพระหลายรูป นิยมเป็นกันบ่อยๆ     การเข้าถึงญาน ต้องสามารถ ควบคุมจุดไหน จุดหนึ่งให้ได้  ก็สามารถกลับมาบนโลกแห่งความจริงได้ปกติ แต่เมื่อคิดว่าตัวเองทำได้
แล้วโล้ดโพน และ ไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อกลับมาอยู่โลกแห่งความจริง จะเกิดอาการ สติ ฟั่นเฟือน  ซึ่งเป็นผลจากการ เดินทางของจิตที่สามารถก้าวข้ามบางอย่างไปได้   เฉกเช่น  ปั่นไม่ยอมหยุด ไม่ดูตาม้า ตาเรือ  ควบคุมไม่ได้   สุดท้าย กลับมาโดน แพนด้า เก็บ   (เรื่องเดียวกันรึป่าว หว่า )    wanwan004   wanwan007
บันทึกการเข้า

knight15
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 30
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 391



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #42 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 09:00:13 »

ทำแบบนี้แหละ คือ อยากดัง

ถ้าพูดหวานๆ ไม่ดังเท่านี้แน่

บันทึกการเข้า
montherstss
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 114
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,753



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #43 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 09:08:25 »

No comment
บันทึกการเข้า

heart
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 148



ดูรายละเอียด
« ตอบ #44 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 09:13:50 »

 wanwan015
บันทึกการเข้า
cyberfox.g
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 22
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 354



ดูรายละเอียด
« ตอบ #45 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 09:18:58 »

ทุกอย่างมันเป็น ตถาตา ครับ
บันทึกการเข้า
AdBest-Price
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 232



ดูรายละเอียด
« ตอบ #46 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 09:19:55 »

เป็นคลิปที่ยาวมาก แต่นั่งดูจนจบ
บันทึกการเข้า
Godlike
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 183



ดูรายละเอียด
« ตอบ #47 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 09:39:13 »

เอ่อ... ผมว่าไปมาม่าเรื่องอืนๆ กันดีกว่ามั้ยครับ
เรื่องศาสนา การเมือง อย่าเอาเข้ามายุ่งกับบอร์ดนี้้เลยครับ

ด้วยความเคารพครับ
 wanwan017

อีกเสียง

ตามนี้ครับ

เห็นด้วยครับ
บันทึกการเข้า
wave100
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 108
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,534



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #48 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 10:07:05 »

สายเซนรึเปล่า
บันทึกการเข้า

itong
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 181
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,363



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #49 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 10:10:21 »

เพลาๆ ความแรง ลงหน่อยก็ดีครับ 

ผมมองว่า มันเสี่ยงเกินไป มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ครับ

ด้วยความเคารพ  wanwan017
บันทึกการเข้า

กลับมาแระ ไม่ได้เข้าบอร์ดมาเป็นปี หาอะไรอ่านเล่นสักพักละกันโนะ
HostGator เดือนแรก 0.01$ code: thaizon1cent จ่ายรายปีใช้ thaizon25per ลด 25% จ้า  สมัครโฮสเกเตอร์
moshikub1
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 45
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 712



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #50 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 10:12:19 »

ผมไปวัดนี้มาแล้วครับ

แล้วทุกวันนี้ก็อุทิศบุญครับ ไม่กราบไว้ นับถือ เคารพ ทองเหลือง ที่เคารพคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เท่านั้นครับ หุหุ
บันทึกการเข้า

งานออนไลน์ | รายได้เสริม |   รายได้พิเศษ | ธุรกิจออนไลน์ | ชุดเวียดนาม

รับปั่น UIP ละ 6 บาทต่อเดือน เช่น 1000UIP/วัน = 6000 บาท จำนวนเยอะต่อรองราคาได้ เป็นคนไทยคนจริง 99%

รับทำ Autopost CURL หน้าเว็บได้ทุกรูปแบบครับ PM มาได้เลย ราคาสบายๆ
mSkyline
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 131
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,472



ดูรายละเอียด
« ตอบ #51 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 10:14:45 »

"ใครทำดีทำชั่วช่างเขา....ทำใจเราให้ดี เป็นพอ" พระพุทธเจ้าสอนครับ
บันทึกการเข้า

AnyWhereToThai รับขนสินค้าจาก US UK JP KR CN กลับไทย
https://www.facebook.com/AnyWhereToThai
webunder
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 89
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 554



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #52 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 10:27:57 »

แก้ไข

พอดูคลิปแล้ว ท่านนบอกท่านตั้งใจมา20ปีแล้ว เลยขอeditที่พิมพ์ไป

แต่ขอแสดงความเห็นว่า มีพระพุทธรูปดีกว่าไม่มี
ข้อดีของการมีพระพุทธรูป
- เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ วางไว้ในบ้านก็อุ่นใจ มองเห็นก็รูปสึกสงบ เย็นใจ ไม่ต้องเทศใดๆก็ทำให้คนมีความสุขสงบได้
- ไหว้พระพุทธรูป ดีกว่ากราบไหว้พระสงฆ์บางองค์ที่ ไม่ได้ความบริสุทธิ์แท้100% แต่พระพุทธรูปแทนความบริสุทธิ์แทน ท่านไม่เคยทำอาบัติแน่ๆ สบายใจในการกราบไหว้
- หากล่วงเลยไป 100ปี1000ปี พระสงฆ์อาจจะเหลือน้อยลง แต่หากมีพระพุทธรูป จะพอเป็นหลักฐานสำคัญให้เชื่อได้ว่าบ้านนี้เมืองนี้เคยมีศรัทธาในพระพุทธศาสนามากแค่ไหน อาจจะช่วยต่ออายุพระศาสนาได้

ข้อเสียคือ
- ในพระไตรปิฏกไม่เห็นด้วยที่ให้กราบไหว้พระพุทธรูป

แต่พระวินัยในพระไตรปิฏกก็มีข้อห้ามอีกหลายอย่าง ทั้งเรื่องกริยาสงฆ์ พระวินัยต่างๆ แต่หลวงปู่องค์นี้ท่านไม่เลือกที่จะทำตามพระไตรปิฏกในเรื่องพระวินัย
แต่ดันไปชูเรื่องรูปเคารพ ซึ่งไม่ใช่สาระสำคัญที่ทำให้คนมีความสุขได้ แต่กลับทำให้คนส่วนใหญ่รับไม่ได้และทุกข์ใจมากขึ้น

เอาแค่นี้ก่อน จริงๆมีอีกเยอะ
ฝากไปให้ลูกศิษย์ลูกหาท่านด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 กันยายน 2011, 11:24:55 โดย webunder » บันทึกการเข้า

eworkshop
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 13
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 347



ดูรายละเอียด
« ตอบ #53 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 10:31:05 »

แรงๆๆ รับไม่ได้ ทำได้ไง  Shocked Shocked
บันทึกการเข้า

lalulalalulalala
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 492
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,195



ดูรายละเอียด
« ตอบ #54 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 11:00:18 »

เอ่อ... ผมว่าไปมาม่าเรื่องอืนๆ กันดีกว่ามั้ยครับ
เรื่องศาสนา การเมือง อย่าเอาเข้ามายุ่งกับบอร์ดนี้้เลยครับ

ด้วยความเคารพครับ
 wanwan017

อีกเสียง

ตามนี้ครับ

เห็นด้วยครับ

ด้วยคนค่ะ wanwan017
บันทึกการเข้า

.........ตามให้ทัน ตามให้ทัน
make step
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 61
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 928



ดูรายละเอียด
« ตอบ #55 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 11:06:01 »

ชอบอะ
บันทึกการเข้า

...
joasan108
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 30
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 209



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #56 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 13:12:51 »

อย่าไปวิจารณ์หรือด่าทอพระภิกษุเลยครับ  บาปกรรมและนรกมันอยู่ที่ปากเรานี่เอง

เพราะเรายังไม่รู้ว่าจริง ๆแล้วจิตใจท่านเป็นเช่นไร

สมัยหนึ่งไม่นานมานี้ เคยมีคนวิพากษ์วิจารณ์ท่านพระอาจารย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมมปันโน ว่าท่านไม่ใช่พระอรหันต์หรอก พูดจาก็

หยาบคาย ด่าคนโน้นคนนี้ และอื่นๆอีกมากมาย

แล้วบังเอิญมีพระรูปหนึ่ง ท่านสงสารจึงกล่าวเตือนว่า เรื่องของพระปล่อยให้พระท่านจัดการเถิด อย่าหาบาปใส่ตัวโดยไม่สมควรเลย

ท่านว่า มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่ละอุปนิสัยได้ นอกนั้นพระอริยเจ้าทั้งหลายละได้แต่กิเลส แต่อุปนิสัยละไม่ได้

พระสารีบุตรเกิดเกิดเป็นลิงยาวนานถึง 500 ชาติ บางคราวท่านกระโดดข้าวลำธารด้วยความเคยชิน พระที่เป็นปุถุชนว่าท่านว่าไม่สำรวม

สงสัยคงบรรลุธรรมไม่จริง พระอรหันต์น่าจะสำรวมกาย วาจาใ จ ได้ดี



พระอีกรูปหนึ่งสมัยพุทธกาลชอบด่าคนว่าไอ้ถ่อย ท่านพูดหยาบเป็นปกติ แต่เป็นพระอรหันต์ ละกิเลสได้ เป็นที่รักของมนุษญ์และเทวดาทั้ง

หลาย พระพุทธเจ้าว่าท่านผู้นี้เคยเกิดเป็นพราหมณ์ชาติตระกูลบริสุทธิ์ไม่ปลอมปนสายโลหิตกับใครมาถึง 500 ชาติ ถ้อยคำด่าทั้งหลายนั้น

เป็นความเคยชินท่ีด่าผู้อื่นซึ่งมีวรรณะต่ำกว่าตนอยู่เสมอ(พาหมณ์เขาถือตนว่าวรรณธสูงส่ง บริสุทธฺ์กว่าผู้ใด) เมื่อบรรลุธรรมแล้ว ก็ละกิเลส

ได้ แต่ละอุปนิสัยไม่ได้ เป็นความเคยชิน



พระพุทธเจ้าท่านห้ามไม่ให้ใครตำหนิ ดูถูก ดูหมิ่นพระอริยะทั้งหลาย ทั้งกรณีพระสารีบุตร และพระอรหันต์รูปอื่น ๆ เพราะสิ่งทั้งหลายที่คนใน

โลกนับถือว่าดี ว่าเหมาะสม ว่าควรแล้ว ก็เป็นไปเพียงสมมุติเท่านั้น ผู้บรรลุธรรมท่านไม่มีความยึดถือในสิ่งเหล่านั้น ท่านไม่สนใจ ไม่มี

อิทธิพลต่อจิตใจของท่านเลย จะมีก็แต่เพียงอนุโลมตามโลกไปเท่านั้น



เช่นครั้งเลือกพระพุทธอุปปุฏฐาก ท่านก็ไม่เลือกพระอรหันต์ เพราะจะต้อนรับบุคคลให้เหมาะสมกับฐานะเขาไม่ได้ เนื่องจากพระอรหันต์มอง

คนเสมอกันหมด ปัญหาคือคนที่ยังมีกิเลสมักมีความถือตัว คิดว่าข้าเป็นกษัตริย์ ข้าเป็นพราหมณ์ ข้าเป็นพ่อค้าร่ำรวยมาก ทำไมจึงต้อนรับข้า

ไม่สมควรแก่ฐานะ ดังนี้จึงให้พระอานนท์ซึ่งเป็นพระโสดาบันเป็นพระพุทธอุปปุฏฐาก (พระโสดาบันกิเลสยังมากอยู่นะครับ ร้องไห้เสียใจก็

เป็น ราคะโทสะ ยังมีอยู่ แต่ท่านไม่ละเมิดธรรม)



เคยอ่านเรื่อง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านมีเพื่อนอีก 2 รูป คือท่านฤาษีลิงเล็ก กับใครอีกท่านหนึ่งผมจำ

ไม่ได้ ทั้ง 2 รูปนี้หลวงพ่อปานบอกให้ไปอยู่ในป่า ทั้งสองท่านมีอภิณญาแก่กล้า หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านว่าเพื่อน 2 คนนี้เก่งกว่าท่านอีกทำ

ฤทธิ์แสดงฤทธิ์ได้ เหาะเหิร เดินดิน ไปนรก สวรรค์ก็ได้ แต่พฤติกรรมส่วตัวจะออกแผลง ๆ ทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา เดี๋ญวอยู่

ดี ๆ ท่านอาจจะนั่งเอาหัวทิ่มดินเอาขาชี้ฟ้าเล่นซะยั้งงั้น ชาวบ้านจะแตกตื่น และหมดความศรัทธา หาว่าพระเป็นบ้าเสีย อาจารย์ท่านเลยให้ไป

อยู่ป่า ห้ามเข้ามาอยู่ในเมือง



พระเซ็น ก็มักมีอะไรแผลง ๆ บางองค์ท่านอยู่แบบที่ใครก็คาดไม่ถึง มีรูปหนึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่  สอนลูกศิษ์ลูกหามามากมาย แต่หาคนตั้งใจ

ปฏิบัติเพื่อละกิเลสไม่ค่อยจะมี อยู่มาวันหนึ่งท่านเลยทิ้งวัด ออกเดินทางไปโดยลำพัง ลูกศฺษ์ก็พากันตามหา ท่านก็หนีเรื่อยไปเพราะเบื่อ

หน่าย จนสุดท้ายไม่มีใครหาท่านพบ จนลูกศิษญ์คนหนึ่งไปพบท่านกำลังขอทานอยู่ ผมเผ้ารุงรัง หน้าตาดูไม่ได้ ลูกศิษย์อ้อนวอนให้

ท่านกลับวัด ท่านก็ไม่กลับ ลูกศิาย์เลยขออยู่ด้วย ท่านก็ไม่ให้อยู่ ลูกศิษญ์ก็ไม่ไป ท่านเลยบอกว่าถ้าทำตามท่านได้ก็อยู่ได้ แต่ถ้าทำตาม

ท่านไม่ได้ก็ต้องไป จนอยู่มาวันหนึ่งมีขอทานที่อยู่อาศัยใต้สะพานใกล้กันเสียชีวิต ท่านกับลูกศิษญ์ก็ช่วยกันฝัง แล้วพบว่าขอทานคนนี้มี

อาหารที่ตนขอทานมาได้อยู่ชามหนึ่งแต่อาหารนั้นเน่าบูดแล้ว  ลุกศิษย์จะเททิ้งแต่อาจารย์กลับเอามากิน แล้วก็บอกลูกศิษ์ให้กิน ลูกศิย์ก็กิน

ไม่ได้ สุดท้ายท่านบอกว่า เห็นไหมล่ะ เจ้าอยู่กับข้าไม่ได้หรอก ตกลงลูกศิาษย์ต้องยอมไปจากอาจารย์



พระบางรูปในนิกายเซ็น แสดงปริศนาธรรม ด้วยการตบหน้าอาจารย์  แต่อาจารย์กลับยิ้ม บอกว่าดี ๆ

เป็นการแสดงว่าตนหมดความยึดถือในตัวตนแล้วทั้งศิษ์และอาจารย์


ท่าอาจารย์พุทธทาสของเรา สมัยยังหนุ่มๆ คนก็ยังหาว่าท่านเป็นพระบ้านะ เพราะทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขาทำกัน


ผู้ที่บรรลุธรรมนั้นเขาหมดความยึดถือแล้ว  แต่เราปุถุชนนั้นยังยึดนั่นถือนี่อยู่เต็มไปหมด มันเลยยุ่ง


ที่เขียนมายืดยาวนี้ ผมไม่มีเอี่ยวอะไรกับใครเลย แค่อยากเตือนพวกเราว่าอย่าหาบาปใส่ตัวโดยรู้เท่าไม่ถึงกาลเลย อยู่เฉย ๆดีกว่า


กรณีหลวงพ่อเกษมนั้น เรายังไม่รู้ว่าท่านดีหรือไม่ดีอย่างไร ดังนั้นอะไรที่เราไม่ทราบแน่ชัดก็อย่าไปคาดเดาเลยครับ เกิดท่านเป็นพระ

อรหันต์จริง การด่าว่า บริภาษพระอรหันต์นี่บาปหนักมากนะครับ เพราะท่านเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วโดยสิ้นเชิง

เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองครับว่าท่านเป็นเช่นไร แต่เราเป็นชาวบ้านผู้ไม่รู้ว่าใครเป็นอะไร หรือไม่เป็นอะไร ...ไม่รู้ก็เฉยไว้ดีกว่าครับ

ด้วยความรักและห่วงใยครับ
บันทึกการเข้า
pyramide
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 35
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 596



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #57 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 13:17:25 »

ระดับโลกียะ อิทธิฤทธิปาฎิหารยทำได้ทุกคน ถ้าปฏิบัติได้ระดับหนึ่ง
แต่พอเล่นมากๆก็ติดฤทธิ แล้วก็เสื่อม ดูแค่จริยากับคำสอนก็รู้แล้วคับ
จะเอามายกตัวอย่างกับหลวงตามหาบัว หลวงพ่อฤาษีไม่ได้หรอก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 กันยายน 2011, 13:51:13 โดย pyramide » บันทึกการเข้า

kaojung
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 40
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 629



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #58 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 13:25:28 »

no comment  wanwan023
บันทึกการเข้า

louist
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #59 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 13:37:40 »

เห็นด้วยครับ...เคยบวชมา...เจอมาเยอะ ^^

อย่าไปวิจารณ์หรือด่าทอพระภิกษุเลยครับ  บาปกรรมและนรกมันอยู่ที่ปากเรานี่เอง

เพราะเรายังไม่รู้ว่าจริง ๆแล้วจิตใจท่านเป็นเช่นไร

สมัยหนึ่งไม่นานมานี้ เคยมีคนวิพากษ์วิจารณ์ท่านพระอาจารย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมมปันโน ว่าท่านไม่ใช่พระอรหันต์หรอก พูดจาก็

หยาบคาย ด่าคนโน้นคนนี้ และอื่นๆอีกมากมาย

แล้วบังเอิญมีพระรูปหนึ่ง ท่านสงสารจึงกล่าวเตือนว่า เรื่องของพระปล่อยให้พระท่านจัดการเถิด อย่าหาบาปใส่ตัวโดยไม่สมควรเลย

ท่านว่า มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่ละอุปนิสัยได้ นอกนั้นพระอริยเจ้าทั้งหลายละได้แต่กิเลส แต่อุปนิสัยละไม่ได้

พระสารีบุตรเกิดเกิดเป็นลิงยาวนานถึง 500 ชาติ บางคราวท่านกระโดดข้าวลำธารด้วยความเคยชิน พระที่เป็นปุถุชนว่าท่านว่าไม่สำรวม

สงสัยคงบรรลุธรรมไม่จริง พระอรหันต์น่าจะสำรวมกาย วาจาใ จ ได้ดี



พระอีกรูปหนึ่งสมัยพุทธกาลชอบด่าคนว่าไอ้ถ่อย ท่านพูดหยาบเป็นปกติ แต่เป็นพระอรหันต์ ละกิเลสได้ เป็นที่รักของมนุษญ์และเทวดาทั้ง

หลาย พระพุทธเจ้าว่าท่านผู้นี้เคยเกิดเป็นพราหมณ์ชาติตระกูลบริสุทธิ์ไม่ปลอมปนสายโลหิตกับใครมาถึง 500 ชาติ ถ้อยคำด่าทั้งหลายนั้น

เป็นความเคยชินท่ีด่าผู้อื่นซึ่งมีวรรณะต่ำกว่าตนอยู่เสมอ(พาหมณ์เขาถือตนว่าวรรณธสูงส่ง บริสุทธฺ์กว่าผู้ใด) เมื่อบรรลุธรรมแล้ว ก็ละกิเลส

ได้ แต่ละอุปนิสัยไม่ได้ เป็นความเคยชิน



พระพุทธเจ้าท่านห้ามไม่ให้ใครตำหนิ ดูถูก ดูหมิ่นพระอริยะทั้งหลาย ทั้งกรณีพระสารีบุตร และพระอรหันต์รูปอื่น ๆ เพราะสิ่งทั้งหลายที่คนใน

โลกนับถือว่าดี ว่าเหมาะสม ว่าควรแล้ว ก็เป็นไปเพียงสมมุติเท่านั้น ผู้บรรลุธรรมท่านไม่มีความยึดถือในสิ่งเหล่านั้น ท่านไม่สนใจ ไม่มี

อิทธิพลต่อจิตใจของท่านเลย จะมีก็แต่เพียงอนุโลมตามโลกไปเท่านั้น



เช่นครั้งเลือกพระพุทธอุปปุฏฐาก ท่านก็ไม่เลือกพระอรหันต์ เพราะจะต้อนรับบุคคลให้เหมาะสมกับฐานะเขาไม่ได้ เนื่องจากพระอรหันต์มอง

คนเสมอกันหมด ปัญหาคือคนที่ยังมีกิเลสมักมีความถือตัว คิดว่าข้าเป็นกษัตริย์ ข้าเป็นพราหมณ์ ข้าเป็นพ่อค้าร่ำรวยมาก ทำไมจึงต้อนรับข้า

ไม่สมควรแก่ฐานะ ดังนี้จึงให้พระอานนท์ซึ่งเป็นพระโสดาบันเป็นพระพุทธอุปปุฏฐาก (พระโสดาบันกิเลสยังมากอยู่นะครับ ร้องไห้เสียใจก็

เป็น ราคะโทสะ ยังมีอยู่ แต่ท่านไม่ละเมิดธรรม)



เคยอ่านเรื่อง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านมีเพื่อนอีก 2 รูป คือท่านฤาษีลิงเล็ก กับใครอีกท่านหนึ่งผมจำ

ไม่ได้ ทั้ง 2 รูปนี้หลวงพ่อปานบอกให้ไปอยู่ในป่า ทั้งสองท่านมีอภิณญาแก่กล้า หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านว่าเพื่อน 2 คนนี้เก่งกว่าท่านอีกทำ

ฤทธิ์แสดงฤทธิ์ได้ เหาะเหิร เดินดิน ไปนรก สวรรค์ก็ได้ แต่พฤติกรรมส่วตัวจะออกแผลง ๆ ทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา เดี๋ญวอยู่

ดี ๆ ท่านอาจจะนั่งเอาหัวทิ่มดินเอาขาชี้ฟ้าเล่นซะยั้งงั้น ชาวบ้านจะแตกตื่น และหมดความศรัทธา หาว่าพระเป็นบ้าเสีย อาจารย์ท่านเลยให้ไป

อยู่ป่า ห้ามเข้ามาอยู่ในเมือง



พระเซ็น ก็มักมีอะไรแผลง ๆ บางองค์ท่านอยู่แบบที่ใครก็คาดไม่ถึง มีรูปหนึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่  สอนลูกศิษ์ลูกหามามากมาย แต่หาคนตั้งใจ

ปฏิบัติเพื่อละกิเลสไม่ค่อยจะมี อยู่มาวันหนึ่งท่านเลยทิ้งวัด ออกเดินทางไปโดยลำพัง ลูกศฺษ์ก็พากันตามหา ท่านก็หนีเรื่อยไปเพราะเบื่อ

หน่าย จนสุดท้ายไม่มีใครหาท่านพบ จนลูกศิษญ์คนหนึ่งไปพบท่านกำลังขอทานอยู่ ผมเผ้ารุงรัง หน้าตาดูไม่ได้ ลูกศิษย์อ้อนวอนให้

ท่านกลับวัด ท่านก็ไม่กลับ ลูกศิาย์เลยขออยู่ด้วย ท่านก็ไม่ให้อยู่ ลูกศิษญ์ก็ไม่ไป ท่านเลยบอกว่าถ้าทำตามท่านได้ก็อยู่ได้ แต่ถ้าทำตาม

ท่านไม่ได้ก็ต้องไป จนอยู่มาวันหนึ่งมีขอทานที่อยู่อาศัยใต้สะพานใกล้กันเสียชีวิต ท่านกับลูกศิษญ์ก็ช่วยกันฝัง แล้วพบว่าขอทานคนนี้มี

อาหารที่ตนขอทานมาได้อยู่ชามหนึ่งแต่อาหารนั้นเน่าบูดแล้ว  ลุกศิษย์จะเททิ้งแต่อาจารย์กลับเอามากิน แล้วก็บอกลูกศิษ์ให้กิน ลูกศิย์ก็กิน

ไม่ได้ สุดท้ายท่านบอกว่า เห็นไหมล่ะ เจ้าอยู่กับข้าไม่ได้หรอก ตกลงลูกศิาษย์ต้องยอมไปจากอาจารย์



พระบางรูปในนิกายเซ็น แสดงปริศนาธรรม ด้วยการตบหน้าอาจารย์  แต่อาจารย์กลับยิ้ม บอกว่าดี ๆ

เป็นการแสดงว่าตนหมดความยึดถือในตัวตนแล้วทั้งศิษ์และอาจารย์


ท่าอาจารย์พุทธทาสของเรา สมัยยังหนุ่มๆ คนก็ยังหาว่าท่านเป็นพระบ้านะ เพราะทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขาทำกัน


ผู้ที่บรรลุธรรมนั้นเขาหมดความยึดถือแล้ว  แต่เราปุถุชนนั้นยังยึดนั่นถือนี่อยู่เต็มไปหมด มันเลยยุ่ง


ที่เขียนมายืดยาวนี้ ผมไม่มีเอี่ยวอะไรกับใครเลย แค่อยากเตือนพวกเราว่าอย่าหาบาปใส่ตัวโดยรู้เท่าไม่ถึงกาลเลย อยู่เฉย ๆดีกว่า


กรณีหลวงพ่อเกษมนั้น เรายังไม่รู้ว่าท่านดีหรือไม่ดีอย่างไร ดังนั้นอะไรที่เราไม่ทราบแน่ชัดก็อย่าไปคาดเดาเลยครับ เกิดท่านเป็นพระ

อรหันต์จริง การด่าว่า บริภาษพระอรหันต์นี่บาปหนักมากนะครับ เพราะท่านเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วโดยสิ้นเชิง

เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองครับว่าท่านเป็นเช่นไร แต่เราเป็นชาวบ้านผู้ไม่รู้ว่าใครเป็นอะไร หรือไม่เป็นอะไร ...ไม่รู้ก็เฉยไว้ดีกว่าครับ

ด้วยความรักและห่วงใยครับ

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 7   ขึ้นบน
พิมพ์