แนะนำ ในฐานะคนทำ ecommerce ด้วยกัน
แวะเข้าไปดูเวบไซด์ที่ลายเซ็นได้เลยครับ
เห็นเวบแบบนี้แต่ขาย ebook ได้วันละ 1-2 เล่มเลยนะครับ ตกประมาณวันละ 300-600 บาท (โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย เขียนบทความ 1-2 สัปดาห์ต่อครั้ง)
การบ้านที่ควรทำก่อนเริ่มเปิดร้าน
1. หา dot com ที่จำง่าย เพื่อให้คนเข้ามาอีกครั้งได้ (.com เป็นอันดับหนึ่ง ) บางครั้ง ผมเห็นคนเข้ามา subscribe เดือนมกราคม แต่มาซื้อ ebook ของผมอีก 1 ปีให้หลังก็ยังมี คนส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อสินค้าทันทีที่เข้าไปในเวบไซด์นะครับ ดังนั้นชื่อ domain ต้องจำง่าย
hosting ต้องเสถียรครับ เพราะถ้ามีคนเข้ามาแล้วหาเวบของคุณไม่เจอ เขาก็จะไป (คุณก็เสียลูกค้า)
2. สร้าง Brand ของตนเอง พยายามทำให้จดจำได้ง่ายๆ สร้างเอกลักษณ์ เพื่อให้มีคนพูดถึง
3. เขียน newsletter ทำธุรกิจอะไรอยู่ให้เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ข้อดีคือ google ชอบ rich content website ครับ และคนก็ชอบเข้ามาอ่านบทความด้วย จะช่วยให้ร้านดูมีความเป็น professional ว่าเรารู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆด้วย มีบทความของผมอยู่เยอะเหมือนกันที่เวบไซด์อื่นก็เอาไปลงแล้วก็ลิงค์กลับมา = เป็นการโฆษณาแบบปากต่อปากด้วยราคาที่ถูกมาก...มาก
- newsletter ทำให้คนกลับมาที่เวบไซด์ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อมาอ่านบทความใหม่ (ทุกครั้งที่ผมเขียนบทความ = ผมจะขายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติเล็กน้อย)
- newsletter ทำให้เราได้มีโอกาสโฆษณาสินค้าของเรามากขึ้น
- newsletter บางฉบับ ก็จะมีการส่งต่อ ช่วยแพร่กระจายเวบไซด์ให้เป็นที่รู้จัก
แต่สิ่งที่ผมย้ำเสมอคือ (อย่า Spam เด็ดขาด แต่ให้ใช้วิธีดักชื่อและอีเมลแทน) เพราะถ้า spam ก็จะกลายเป็นการทำลายธุรกิจโดยตรง ช่วยกันลดขยะในโลกอินเตอร์เนตด้วยนะครับ
4. พยายามหาสินค้าที่มีความเป็น unique คือเป็นหนึ่งเดียวที่มีความแตกต่าง เพื่อขจัดคู่แข่งที่ขายสินค้าเดียวกันกับเราออกไปให้หมดครับ เพราะข้อเสียของการขายสินค้าเหมือนกับของคนอื่นๆก็คือ คุณต้องตอบคำถามให้ได้ครับว่าทำไมลูกค้าจึงต้องซื้อกับคุณ เขาไปห้างแล้วซื้อที่อื่นไม่ดีกว่าหรือ ได้เห็นได้จับต้องสินค้าด้วย
ดังนั้นคุณต้องให้ "บางอย่าง" ที่แตกต่างจากที่ขายในท้องตลาดครับ ผมยกตัวอย่างให้ฟัง ถ้าคุณขายเครื่องสำอาง ของแถมที่คุณจะให้กับลูกค้าก็อาจจะเป็น "เคล็ดลับวิธีการดูแลผิวหน้า" ก็จะช่วยให้บริการของคุณนั้นแตกต่างครับ และเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่า "คุ้ม" เมื่อซื้อกับคุณครับ
5. สร้าง affiliate program ผมเสียค่าใช้จ่ายในเรื่อง affiliate program เดือนละ1500 บาท ก็ขายได้เพิ่มขึ้น แต่ผลพลอยได้ก็คือ link ที่เข้ามาก็เพิ่มด้วย แนะนำให้หาโปรแกรมจัดการ affiliate ที่ link อยู่ภายใต้โดเมนเนมของเราเช่น
www.yourdomain.com/?a=12345 
เป็นต้น จะช่วยให้มีคนเอาลิงค์ของเราไปติด และช่วยในเรื่องของ ranking ใน google ด้วย
6. จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า แนะนำครับว่าให้ทำข้อนี้ด้วย เพราะเป็นอะไรที่เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าครับ
7. ใช้ชื่อจริง - นามสกุลจริง เพราะถ้าคุณใช้ชื่อเล่น (ซึ่งผมเคยทำมาแล้ว) ขายไม่ออกเลยครับ คนซื้อจะได้ทราบครับว่า คุณเป็นใคร มาจากไหน ติดต่อได้ที่ไหน ให้เบอร์โทรศัพท์ด้วยครับ (ไม่มีใครโทรมาป่วนคุณหรอก ตามประสบการณ์ของผม แทบไม่มีใครโทรมาเลยด้วยซ้ำ แต่ลูกค้าจำเป็นต้องทราบว่าถ้ามีปัญหาจะสามารถติดต่อคุณได้อย่างไร)
8. ใช้ภาษาให้ถูกด้วยครับ อันนี้สร้างเครดิต ถ้าเขียนผิด เครดิตลดลงไปเยอะครับ
9. รูปของสินค้า ควรเป็นรูปของสินค้าจริงๆ (ขนาดผมเป็นสินค้าอิเล็กโทรนิก ไม่มีรูป ยังต้องทำรูปขึ้นมาเองเลย)
10. email ควรใช้เป็นโดเมนเนมของคุณเอง อันนี้สร้างเครดิตให้กับคุณมากขึ้นครับ เช่น
http://www.thaifittips.com 
(ถ้าจะติดต่อผมก็
[email protected]) เพราะถ้าคุณใช้ free email ความน่าเชื่อถือก็จะลดลง (สูญเงินมากขึ้น)
11. คุณจำเป็นต้องเขียนเวบไซด์ด้วยมือของคุณอง เพื่อที่คุณจะได้บริหารจัดการเวบไซด์ได้ทั้งหมด 100% เพราะถ้าคุณใช้เทมเพลตที่เขาให้มา ก็จะได้อยู่แค่นั้น ความสามารถของร้านค้าก็จะจำกัดอยู่แค่นั้นครับ คุณจะทำอะไรเพิ่มมากกว่าที่เทมเพลตกำหนดไว้ไม่ได้เลย เช่นถ้าวันหนึ่งร้านค้าเกิดดังขึ้นมา มีคนเข้ามาใช้บริการมากขึ้น คุณเกิดอยากทำระบบสมาชิกร้านค้า หรือสร้างกลุ่ม "ผู้รักสวยรักงาม" คุณจะทำอย่างไร
(ผมเองก็กำลังเล็งๆไว้อยู่ว่าจะสร้างระบบ community หรือ software ขยายกิจการเพิ่มเติม)
12. แม้ว่าเดี๋ยวนี้จะมีโปรแกรมช่วยในการเขียนโฮมเพจ แต่แนะนำให้เรียนวิธีการเขียน HTML ที่เป็นพื้นฐานด้วยครับ สำหรับใช้ในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับเวบไซด์เล็กๆน้อยๆได้
13. ศึกษาตลาดก่อน ว่าเรามีคู่แข่งเยอะเพียงใด และมีความต้องการสินค้ามากเพียงใด เพราะถ้าเราขายสินค้าที่เหมือนๆกับคนอื่น ไม่มีทางที่จะเป็นอันดับหนึ่งได้หรอกครับ
ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่การหาสินค้า แต่อยู่ที่การสนองต่อความต้องการ พยายามดูก่อนครับว่าคนส่วนใหญ่ต้องการอะไร ถ้าเราลงไปแข่ง เราสู้เขาได้ไหม
-วิธีการศึกษาก็ไม่ยากครับ ดูว่าคน search หาอะไร แล้วคำ seach นั้นมีเวบไซด์ที่ให้ข้อมูลอยู่มากเท่าไหร่ แล้วถ้าเราลงไปแข่ง เราสู้เขาได้ไหม
-ดูจากเวบ pantipครับ หาดูครับว่าคนส่วนใหญ่ถามถึงเรื่องอะไรบ้าง คือมันจะมีคำถามซ้ำๆกันโผล่มาเรื่อยๆ "ลดความอ้วนยังไง" "ลดน้ำหนักด้วยวิธีไหนดี" แล้ว "ถ้าฉันจะลดน้ำหนัก ต้องทำอะไรบ้าง" เป็นต้น นั่นแหละครับตลาด
14. พยายามทำเวบไซด์ให้ใช้ง่าย ง่ายที่สุด ชนิดที่ว่าเด็ก 15 ขวบต้องใช้งานเวบของคุณได้ด้วย ผมทดสอบโดยให้หลานมานั่งเล่นในเวบของผมแล้วสังเกตเขาว่าเขามีพฤติกรรมอย่างไร เข้าใจ หรือมีท่าทีลังเล ลังเลเพราะอะไร เพราะคนส่วนใหญ่ถ้าเขาใช้งานเวบของคุณไม่เป็น ก็จะล้มเลิกและออกไปจากเวบไซด์ไปในที่สุด นั่นคือคุณจะสูญเสียลูกค้า สังเกตครับว่าเวบไซด์ของผมข้างบนมีอยู่เพียงแค่ไม่กี่ลิงค์เท่านั้น
15. 5 วินาทีแรกที่มีคนเข้าในเวบไซด์ของคุณ เขาต้องรู้ว่าเวบไซด์ของคุณนำเสนออะไร สะกดเขาให้อยู่ ทำให้เขาอ่านต่อไปเรื่อยๆ แล้วชักนำให้ซื้อสินค้า เพราะถ้าเขาไม่รู้ว่าคุณกำลังนำเสนออะไร เขาก็จะไปในที่สุด
16. เขียน Sale Page ขายได้หรือไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้แหละ เป็นหัวใจของร้านค้าบนอินเตอร์เนต อย่าคิดว่าคนซื้อจะไม่อ่านนะครับ ผมยกตัวอย่างจากลิงค์ในลายเซ็น สังเกตนะครับว่าผมเขียนอะไรลงไป
หัวข้อ-- เป็นต้วสำคัญครับ ที่จะช่วยดึงความสนในของผู้มาเยี่ยมชมแล้วอ่านต่อ
หัวข้อรอง --
เหตุผล (ที่เป็นความจริง)-- เขียนหลักการตามความเป็นจริง
บรรยายสินค้า -- อันนี้บรรยายว่าผู้ซื้อจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ที่สอดคล้องกับเหตุผลข้างต้นว่าจะสามารถช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้
โบนัส -- ช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้า
ประสบการณ์ผู้ที่เคยซื้อหนังสือมาอ่าน (มีนิตยสารที่มาสัมภาษณ์ )-- อันนี้เพิ่มเครดิตครับ ซึ่งผมเริ่มจากการที่ไม่มีใครมาซื้อเลย ต้องใช้ระยะเวลาที่นานพอสมควร
การรับประกันสินค้า -- ต้องมี แล้วผมคืนเงินให้จริงๆครับ
วิธีการสั่งซื้อ -- ต้องทำให้วิธีการสั่งซื้อง่ายที่สุด
ปล.-- ย้ำเหตุผลว่าทำไมต้องซื้อวันนี้ ซื้อวันหลังไม่ได้หรอ
ซึ่งกว่าจะออกมาเป็นแบบนี้ผมเขียนแล้วแก้ เขียนแล้วแก้ อยู่ปีครึ่ง ทดสอบ แล้วทดสอบ ว่าแบบไหนจะขายได้มากกว่ากัน เพื่อเพิ่มยอดขาย
สังเกตนะครับว่าเวบไซด์ของผม มีคนเข้าอยู่ไม่กี่ร้อย แต่ขายได้ทุกวัน ก็เพราะ Sale page นั่นแหละครับ
ถามว่าเวบไซด์ของผม fix cost ต่อเดือนราวๆ 500 กว่าบาท (ค่าโฮส)+ 500 บาท (ค่าโปรแกรม newsletter ) + 1500 บาท (ค่า affiliate program) ไม่รวมค่าโฆษณาตกราวๆ เดือนละ 2000 บาท แต่รายได้ 300-600 บาทต่อวัน