ไม่อยากออกความเห็นเพราะนี่เป็นเรื่องการเมืองแท้ ๆ เลย แต่จะเล่าให้ฟังเมื่อวานแม่บ้านจะไปซื้อไข่เบอร์ 0 แต่ไปหาซื้อไม่ได้
ทั้ง ๆ ที่มีข่าวว่าตอนนี้หน้าฝนมีอุปสงค์น้อยกว่าอุปทาน ราคาน่าจะถูกลงแล้วของหน้าจะซื้อง่าย อันนี้มีเหตุเดียวเลยครับคือการ
กักตุนสินค้าทำให้สินค้าขาดตลาดจะได้สร้างอุปทานเทียมขึ้นมา แล้วอุปทานเทียมนำไปสู่การขึ้นราคาสินค้าโดยอ้างเหตุมาจากอุปทาน
มากกว่าอุปสงค์ นี่เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นแล้วสำหรับประเทศไทยนี่ปัญหานี้เลยครับ ปัญหาอื่น ๆ ก็มีแต่ไม่ได้สำคัญเท่า
คุณมั่ว ครับ...ช่วงนี้ช่วงเปิดเทอม ความต้องการซื้อมากกว่าขาย....
ผมเคยทำฟารมไข่
ช่วงนี้เนื้อสัตว์ราคาขึ้น ไข่ก็ต้องขึ้นตามเพราะอุปสงค์เยอะขึ้น
จากประสพการณ์การเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่มา หน้าฝนสัตว์จะให้ผลผลิตน้อย
แต่ที่ราคาพยุงอยู่ได้เพราะอาหารธรรมชาติออกมาเยอะกว่าหน้าอื่น
แต่ตอนนี้อาหารธรรมชาติลดลง เพราะมีการใช้สารเคมีในการเกษตร
คนที่ทำไร่ไถนาจะรู้ดีว่าทุกวันนี้แม้แต่ปลาตามไร่นายังอยู่ไม่ได้
แช่น้ำในนานานๆจะเจอพิษยาฆ่าหญ้า แล้วปลามันจะอยู่เหรอ
คราวนี้ก็มาโทษว่ารัฐบาลไม่ควบคุมอีก ทั้งๆที่รัฐพยายามผลักดันให้ลดการใช้ยาฆ่าหญ้า
กรมวิชาการเกษตรก็โดนชาวบ้านด่าประจำ หาว่าเป็นเสือกระดาษ
เกษตรกรไม่เชื่อ ใช้สารเคมีฉีดหนะดีแล้ว รัฐก็ทำอะไรไม่ได้
แต่พอชักหน้าไม่ถึงหลังมาก็โบกให้รัฐมาช่วยอีก คราวนี้ก็ด่ารัฐกันใหญ่หาว่าไม่ช่วย
ดังนั้นบางทีก็ดูด้วยว่าเป็นเพราะการบริหารรึสันดานคน ไม่ว่าใครบริหารก็จะแก้ปัญหานี้ไม่ได้
เพราะสันดานคนก็ยังพาให้ไปกินชาบูชิอิ่มละ 289 ดีกว่ากินจิ้มจุ่มข้างทางอิ่มละ 139 บาทอยู่ดี
ราคาไข่มันเป็นกลไกตลาดจริง ตอนนี้คนเลี้ยงเป็ดไขก็ทำขายแทบไม่พอ เพราะคนซื้อกินเยอะขึ้น
จากใจคนเลี้ยงหมู
อันนี้มีส่วนถูกครับตรงที่เดี๋ยวนี้ใช้สารเคมีกันเยอะขึ้น ต้นเหตุมาจากการใช้เศรษฐกิจแบบทุนนิยม
ส่วนทุกอย่างเดี๋ยวนี้มันไม่ได้เป็นไปตามกลไกการตลาดแล้วครับ เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้เลี้ยงสัตว์ปลูก
พืชไว้กินอยู่แล้วแต่เน้นผลิตเพื่อขาย แล้วมีนักการเมืองร่วมกับบริษัทค้ายาค้าปุ๋ยรวมทั้งอาหาร
สัตว์ข้ามชาติ มาส่งเสริมให้ใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อเร่งผลผลิตให้ออกได้มาก ๆ จะได้ขายได้มาก ๆ
ส่วนสิ่งที่คุณว่ามานั้นเป็นผลที่เกิดขึ้นตามมา
เรื่องราคาไข่จะถูกหรือจะแพง หรือสิ้นค้าอะไรจะถูกหรือจะแพงพวกนี้เค้าวางแผนกันเป็นปี
ผมยกตัวอย่างก่อนน้ำมันปาล์มจะขึ้นราคาจาก ขวดละ 38 เป็นขวดละ 47 นโยบาย
กระทรวงพานิช ตอนปีที่แล้วในช่วงน้ำท่วม ซึ่งผลผลิตปาล์มได้รับผลกระทบ แต่แล้ว
มีนโยบายให้ส่งน้ำมันปาล์มออกไปขายต่างประเทศ พอน้ำมันปาล์มขาดตลาดก็ขึ้น
ราคาตามฟอร์มครับ แล้วพอน้ำมันปาล์มขึ้นราคาปุ๊บของก็ทะลักเข้าเต็มห้างราวปาฏิหารย์
ก่อนหน้าที่ของจะขึ้น แถบหาซื้อไม่ได้ซักหยด
ความจริงวันนี้ กล้าปาล์มพันธ์ดีจากหน้าโรงงาน 150+ (บางพันธ์200+ ยังมีคนซื้อ) กากปาล์ม จาก 2.5 เป็น 7.5
ความจริงก็คือผลผลิตปาล์มขาดจริงๆ ผมเป็นคนเลี้ยงหมู ซื้อกากปาล์มมาใช้ แล้วก็เลิกไปเพราะราคาขึ้น
มีพี่ที่สนิทกันเค้าเป็นพ่อค้าซื้อปาล์มแถวภาคอีสาน ทำให้รู้มาว่าโรงงานเองแทบไม่มีผลผลิตเข้า
หาใช่ว่าทำน้ำมันไปแล้วกักไว้ทีหลัง แล้วผลผลิตปาล์มสดก็เก็บไว้ไม่ได้นาน
ก่อนหน้านั้นที่ส่งออกเพราะผลผลิตไม่เสียหาย แต่เกิดภัยธรรมชาติผลผลิตเลยลดลงอย่างเหนือความคาดหมาย
อีกส่วนหนึ่งปาล์มถูกนำไปผลิตเป็นไบโอดีเซล ความต้องการเลยพุ่งขึ้นอย่างคาดไม่ถึง
ผมเลยสงสัยว่านักการเมืองมันสั่งฟ้าสั่งฝน สั่งให้มีภัยธรรมชาติได้เหรอครับ
ผมได้ข้อมูลมาจากข้อเท็จจริง ไม่ได้ฟังมาจากข่าว ไปดูหน้าโรงงานจริง
ทำไมหนะเหรอ เพราะผมมีแผนจะปลูกปาล์ม พี่เค้าเลยชวนไปดู ชวนไปคุยกับเจ้าของโรงงาน (เค้าสนิทกัน เป็นลูกศิษย์พระวัดเดียวกัน)
งานนี้พลิกโผครับ การกักตุนน้ำมันปาล์มไม่ได้มีผลมาก แต่เพราะโรงงานไม่มีผลผลิตเข้า ต้องลดกำลังการผลิตลง
ลองไปดูให้เห็น อย่าเชื่อแต่พวกเอาหนังสือพิมพืมาอ่านแล้ววิเคราะห์ แล้วคุณจะรู้ว่าความจริงมันเป็นยังไง
ส่วนเรื่องราคาของที่แพงขึ้น นั่นหละสันดานคนไทย ที่ชอบกอบโกย กรมการค้าภายในเองก็ทำงานเท่าที่จะทำได้แล้ว (แต่ก็ยังทำน้อยกว่าคนปกติ)
แต่พ่อค้าแม่ค้าก็สับขาหลอกได้เรื่อยๆ ตอนมาตรวจใส่ราคาหนึ่ง ลับหลังอีกราคาหนึ่ง นี่เองคือสันดานคน
ที่จริงผมก็ไม่ได้เครียดอะไรครับ แต่เวลารุ้มันก็ต้องรู้ให้จริงแล้วรู้ให้ละเอียด
เช่นพ่อค้าหมู ไก่รายย่อยจะตายเพราะผุ้ค้ารายใหญ่ ราคาสินค้าในการบริโภค
สินค้าทุกตัวล่ะครับ เกิดจากนักการเมือง + พ่อค้ารายใหญ่ฮั้วกันเพื่อกำหนด
นโยบายเพื่อกำหนดทิศทางราคาสินค้าแต่ละตัว สภาพสถานการณ์ปัจจุบันเป็น
แบบนี้
ส่วนเหตุอื่น ๆ มันเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้นเอง แต่ถ้าบ้านเรามีการเมืองที่ดีปัญหา
ทุกปัญหาแก้ได้หมดล่ะครับ
เอาจริงๆเลยนะท่าน ผมไม่ได้อยากขัดท่านหรอก แต่ผมเองคลุกคลีกับวงการค้าหมูมาสองปีละ (ผมคนเลี้ยงหมูไง)
พ่อค้าหมูรวยขึ้นไม่มีจน ยิ่งรายใหญ่เข้ามา พ่อค้าหมูยิ่งได้กำไร คนที่จะตายหนะเกษตกรต่างหาก
เพราะปลายปีที่แล้วรายใหญ่ปล่อยหมูออกมาต่ำกว่าราคาตลาด พ่อค้าหมูกำไรอื้อซ่า
ตอนแรกราคาตลาดหมูหน้าฟาร์ม 57 บาท หล่นฮวบมา 46 บาท ผมเกือบเจ๊ง
ไหวตัวทัน เอาหมูตัวเองมาทำเนื้อขายเลย ใช้รถเร่วิ่งเอา ราคาถูกกว่าตลาด 10-20บาท
หมู 100 โล ขายเหลือวันละ 5-10 โล หักราคาเนื้อและค่าจ้างค่าน้ำมันออกแล้วยังได้กำไร 800-1800/ ตัว
เฮ้ยคิดดูสิ พ่อค้าหมูตามตลาดจะได้กำไรตัวละเท่าไหร่ ชัวร์ป๊าบครับ 2000+ วันนึงขายไป 3-4 ตัว/ราย (สำหรับรายย่อยตลาดเล็ก)
เฮ้ย คุณยังจะมาทำ Adsense ทำ Amazon อยู่ทำไมเนี่ย ไป๊! ไปขายหมู
จากใจคนเลี้ยงหมูครับ