ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comอื่นๆCafeคำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้
หน้า: 1 2 3 [4]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: คำถามของ ไอสไตน์ เขาว่า 98% ของคนบนโลกนี้  (อ่าน 15324 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
EThaiZone
เจ้าพ่อโลลิค่อน
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 321
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12,518



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #60 เมื่อ: 13 มีนาคม 2009, 04:06:33 »

อ้างถึง
จะต้องชั่งน้ำหนักอย่างน้อยที่สุดกี่ครั้ง
ถึงจะรู้ว่า ถุงไหนเป็นของปลอม

ตอบข้อ3
ชั่งอย่างน้อยที่สุด 1 ครั้ง  ในครั้งแรกบังเอิญหยิบได้ถุงทองปลอมพอดี  เหรียญทองปลอมหนัก 9g ถ้าสมมติมี 10 เหรียญ ก็หนัก 90g ก็ถุงนี้แหละปลอม  Smiley

อึ๊งครับ รู้สึกมีเขางอกเพิ่มมา

ทำไมตูนึกไม่ได้แบบนี้ล่ะเนี่ย  Tongue
บันทึกการเข้า

utto
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 308



ดูรายละเอียด
« ตอบ #61 เมื่อ: 13 มีนาคม 2009, 12:00:28 »

อ้างถึง
เท่ากันได้ครับ ก็อย่างที่ผมบอกไป โอกาสในการเท่ากันมันมีอยู่
หมายความว่าวิธีนี้ใช้ระบุว่าถุงที่ชั่งเป็นถุงปลอมไม่ได้ 100 %
การชั่งครั้งเดียวแล้วบังเอิญว่าได้น้ำหนัก 90g แล้วบอกว่าถุงที่เหลือไม่มีน้ำหนัก 90 กรัมอีกได้หรือครับ
ถ้าได้แปลว่าคุณรู้แต่แรกแล้วว่าถุงที่ชั่งอยู่เป็นถุงที่มีเหรียญปลอม
ไม่งั้นคุณก็ต้องบอกกำกับว่า
เมื่อเหรียญในถุงปลอม มีจำนวน 10,20,30,... ต้องไม่มีน้ำหนักทั้งถุงเท่ากับถุงที่มีเหรียญจริงที่เหลือ
แต่
ถ้าคุณบอกว่าคุณบังเอิญหยิบ เหรียญ 1 เหรียญ จากถุงปลอมมาชั่งได้ 9 g
แล้วบอกว่าถุงนี้เป็นถุงปลอม แบบนี้โอเคครับ


ปล.กรณีนี้ไม่เหมือนกับกรณี ครูถามเงินทอนนักเรียนนะครับ
ดูเผินๆมันอาจจะดูเหมือนเฉยๆแต่จริงๆมันแตกต่างนะ ผมอยากให้แยกแยะให้ออก

เหอๆ คือ ว่าอย่างนี้นะครับ ที่ว่าเท่าไม่ได้เพราะ ถ้าจะเท่ากัน เราต้องรู้ 2 อย่างถึงจะนำมาเท่ากัน แต่ถ้าเรารู้อย่างเดียวแล้วเราจะเอาไปเท่ากับอะไรล่ะ เช่น คุณมีเงิน 100 บาท จะรู้ได้ไงว่ามากหรือน้อย จะรู้ก็ต่อเมื่อมีการเปรียบเทียบกับ เงินในกระเป๋าอื่นๆ ทีนี้ ถ้าถุงมี 12 ถุง สมมติให้มี เบอร์ 1-12 และเบอร์ 12 เป็นถุง ปลอม ผมใช้วิธีสุ่มเสี่ยงชั่ง ทีละถุง โอกาส ที่ผมจะเลือก เบอร์ 12 เป็นถุงแรก ก็เป็น 1/12 และเคสนี้เท่านั้นที่ ถูกพอดี คำถามถามแค่ อย่างน้อยที่สุดกี่ครั้ง ถึงจะรู้ ก้เคสนี้ คือ 1 ครั้งรุ้เลยไงครับ  เราไม่สนเคสอื่น ถูกต้องที่ว่าถุงอื่นอาจจะหนักเท่ากับถุงนี้ก็ได้ครับ แต่เราได้ถุงที่ปลอมแล้ว เราก็ไม่ได้ชั่งต่อไปอีกแล้ว ผมไม่ได้หาวิธีการที่จะนำไปใช้ได้ในทุกๆครั้ง เพื่อเป็นสูตรและถูก 100% สำหรับนำไปใช้กับ การชังถุงทองในวันต่อไป แต่มุ่งแค่จะตอบปัญหาว่า น้อยสุดกี่ครั้งเท่านั้นครับ 

ถ้าจะหาวิธีที่ใช้ได้ทุกครั้ง 100%  ผมคิดไม่ออกครับ ต้องรอคำตอบจากคุณแล้วล่ะครับ

ปล. รู้สึกเหมือนกำลัง ตอบกระทู้ พันทิล ห้องศาสนา ปรัชญาเลยแฮะ
บันทึกการเข้า
melodica
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 331



ดูรายละเอียด
« ตอบ #62 เมื่อ: 14 มีนาคม 2009, 02:44:51 »

มาสรุป คำตอบกันหน่อย ผมตอบได้บางข้อเหมือนกัน แต่จะสรุปของคนที่คิดว่าตอบถูก
โดยอ้างอิงจากคำถามนะครับแบบตรงๆเลย ไม่มีแบบเชาว์ เอาแบบตรงคำถามเลย
(สรุปไว้ดูเองครับ  Grin เดี๋ยวรอเจ้าของกระทู้มาเฉลยสรุปอีกทีแล้วกัน)
โค๊ด:
ข้อ 1 เรื่องมีอยู่ว่ามีบ้านอยู่ 5 หลัง ในแต่ละหลังมีสีต่างกัน
แต่ละบ้านมีคนอยู่ 1 คน ต่างกัน 5 ชนชาติ
ทุกคนจะดื่มน้ำที่แตกต่างกัน สูบบุหรี่ยี่ห้อแตกต่างกัน
และเลี้ยงสัตว์ต่างชนิดกัน ดังนี้


1. คนที่เป็นชาวอังกฤษอยู่บ้านสีแดง

2. คนที่เป็นชาวสวีเดนเลี้ยงหมา

3. คนที่เป็นชาวเดนมาร์กดื่มชา

4. บ้านสีเขียวอยู่ทางซ้ายของบ้านสีขาว


5. เจ้าของบ้านสีเขียวดื่มกาแฟ

6. คนที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ Camel เป็นคนเลี้ยงนก


7. เจ้าของบ้านสีเหลืองสูบบุหรี่ยี่ห้อ
Dunhill

8. คนที่อยู่บ้านหลังกลางดื่มนม

9. คนที่เป็นชาวนอร์เวย์อยู่บ้านหลังแรก


10. คนที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ Marlboro อยู่ติดกับคนเลี้ยงแมว


11. คนที่เลี้ยงหนูแฮมเตอร์อยู่ติดกับของที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ
Dunhill

12. คนที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ Kent ดื่มเบียร์


13. คนที่เป็นชาวเยอรมัน สูบบุหรี่ยี่ห้อ
Vogue

14. คนที่เป็นชาวนอร์เวย์อยู่ติดกับบ้านสีฟ้า


15. คนที่สูบบุหรี่ยี่ห้อ Marlboro เป็นเพื่อนบ้าน(บ้านติดกัน)กับคนดื่มน้ำส้ม
***แก้ไข***


คำถาม....... ใครเป็นคนเลี้ยงปลา?
คำตอบ ที่คิดว่าถูกแล้วคือ
เหลือง    ฟ้า            แดง          ขาว          เขียว         
นอร์เวย์   เดนมาก       อังกฤษ      สวีเดน       เยอรมัน      
แมว       หนูแฮมเตอร์  นก           หมา          ปลา          
น้ำส้ม     ชา             นม          เบียร์          กาแฟ        
Dunhill  Marlboro    Camel     Kent        Vouge      

เยอรมันครับ

โค๊ด:
ข้อ 2 2.มีห้องสี่เหลี่ยมมุมฉาก(มันบี้ไม่ได้นะ
ไม่ต้องพยายามบี้ห้อง) เช่นห้องนอน (กว้าว
* ยาว*สูง) อยู่ห้อง หนึ่ง และในห้องนี้มีมดอยู่ตัวหนึ่ง
ซึ่งอยู่มุมซ้ายบน จงหาเส้นทางที่มดจะเคลี่อนที่ได้สั้นที่สุด
ที่จะไปถึงมุมขวาล่าง ที่อยู่ทะแยงกันและคนละด้านกันนะครับ

อธิบายเพิ่มเติมโจทย์-สมมุติว่าคุณไปยืนกลางห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่งและหันหน้าเข้ากำแพงด้านใดด้านหนึ่ง
แล้วมองไปข้างหน้าที่ซ้ายมือบนมีมดอยู่ตัวหนึ่งกำลังจะเดินไปที่มุม
(มองไปข้างหลังขวามือ) ขวาล่าง

-มดบินไม่ได้

-ห้องสี่เหลี่ยมแบบไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็น
สีเหลี่ยมจตุรัส


ให้แนวคิดดี และแม่นในหลักการไม่หลงติดกับภาพลวง
คำตอบที่คิดว่าถูก คือ
มดเดินมาตามขอบลงล่างสุด แล้วเดินทะแยงมุมอีกที

โค๊ด:
ข้อ 3 มีถุงทองอยู่ทั้งหมด 12 ถุงซึ่งแต่ละถุงจะมีทอง
อยู่ และใน 12 ถุงนี้มีถุง นึงที่เป็นทองปลอมทั้งถุง
(เหรียญทองจริงหนัก = 10 g ,เหรียญทองปลอมหนัก
= 9 g )

จะต้องชั่งน้ำหนักอย่างน้อยที่สุดกี่ครั้ง
ถึงจะรู้ว่า ถุงไหนเป็นของปลอม

-จำนวนเหรียญทองในแต่ละถุงไม่เท่ากัน

-ชั่งด้วยเครื่องชั่งแบบไหนก็ได้

-การชั่งไปแล้วค่อยๆนำเหรียญออกหรือเพิ่มถือว่า
เป็นการชั่งครั้งใหม่

คำตอบที่คิดว่าถูกคือ
ชั่งครั้งเดียว เอาถุงที่ 1 มา 1 เหรียญ + ถุงที่ 2 ก็ 2 เหรียญ ... ถุงที่ 12 ก็ 12 เหรียญ  หายไปกี่กรัม ก็ถุงนั้นแหล่ะครับ

โค๊ด:
ข้อที่ 4 เคยเล่นเกมส์ 24 หรือเปล่าครับ คล้าย ๆ
กับ เกมส์ 180 ไอคิว คือ มีตัวเลขโดดมา 4 ตัว

ในที่นี้ คือ 1/4/5/6 ใช้ได้เฉพาะ บวก,ลบ,คูณ,หาร
ทำยังไงให้ได้ 24

เช่น 2/7/7/1 ทำให้ได้ 24 คือ 7*7 = 49 เอาไป ลบ 1
ได้ 48 แล้ว หาร 2 ได้ 24 ครับ

-คิดได้ 2 วิธี

-การทำให้ค่าของเลขเพิ่มขึ้นไม่จำเป็นต้องบวกหรือคูณเสมอไปนะครับ
ถ้าคิดว่าต้องแล้วข้อนี้คิดยังไงก็ไม่ออก
**ข้อนี้ดีมากครับ***

-ยกกำลัง ถอดราก ใช้ไม่ได้ครับ

เล่นได้ตั้งแต่เด็ก ป.5 ป.6 ไปจนถึง ระดับ
ด็อกเตอร์ เพราะว่ามี บวก ลบ คูณ หาร แต่ยิ่งเรียนสูงยิ่งคิดไม่ออก
เป็นโจทย์ของเกมส์การแข่งขัน ของม. ต้นมั้งครับ
ระดับประเทศ ใช้เวลาคิดไม่ถึง 10 หรือ 5 วินาทีครับ
แต่ผมคิดเป็น วัน
คำตอบที่คิดว่าถูกคือ
6/[(5/4)-1] = 24

โค๊ด:
ข้อที่ 5 มีเพื่อนอยู่ 3 คนไปกินข้าว พอกินเสร็จ
ก็เรียกพนักงานมาเก็บเงิน ทั้งหมด 25 บาท
เพื่อน 3 คน ก็เลยควัก แบงค์ 10 คนละใบ รวมกันได้
30 บาท ที่นี้ พอจะหารมันหารไม่ลงตัว กัน
พนักงานก็เลยเสนอว่า "เอางี้นะครับ เงินทอน
5 บาท พี่เอาคืนกันไปคนละ 1 บาท แล้ว อีก
2 บาท ทิปให้ผม"

ขณะที่กำลังเดินทางกลับ มีเพื่อนคนนึงคิดขึ้นมาว่า
เฮ้ย เราออกกันไป 9 บาท สามคน ก็ 27 บวกกับ
เงินทิป2 บาท มันก็ได้ 29 แล้ว หายไปไหน บาทนึงว่ะ!!


ถามว่า เงินหายไปไหน 1 บาท


-ข้อนี้ง่ายสุด (หลังจากเจอข้อยาก ๆ มาผ่อนคลายกันดีกว่า)
แต่อาจทำให้คนงง หรือ เออจริงแหะ ได้ว่ามันไปไหน


เวลาไปกินข้าว อย่าเพิ่งไปทะเลาะกัน เพราะมันอาจเกิดขึ้นได้จริง
คำตอบที่คิดว่าถูกคือ
สามคนรวมกันได้ 27 บาท จ่ายค่าอาหาร 25 บาท เหลือสองบาทไว้ทิปถูกแล้วครับ คนส่วนใหญ่ไปติดตรง 30 บาท กับ 25 ซึ่งคนละเรื่องกัน

โค๊ด:
ข้อที่ 6 ข้ามแม่น้ำ คำถามนี้เจอบ่อยที่สุดแล้วมั้ง
หลายคนอาจจะคุ้น แต่คิดอีกทีอาจจะไม่ออก

มี พ่อ แม่ ลูกชาย 2 คน ลูกสาว 2 คน นายพราน
เสือ รวมทั้งหมด 8 ชีวิต


และมีเรือพาย 1 ลำ นั่งได้สูงสุด 2 ชีวิต
คนที่สามารถพายเรือได้ มีอยู่ 3 คน พ่อ แม่
นายพราน


ข้ามแม่น้ำผมมีลิ้งค์ให้เล่นผ่านเน็ต
จะได้ไม่ต้องมานั่งลบ แต่อยากให้คิดมากกว่าจะนั่งกดไปเรื่อย
ๆ นะ

หมายเหตุ-เปลี่ยนจากนายพรานเป็น ตำรวจ
เปลี่ยนเสือ -เป็นโจร

**ถ้ามีใครอยู่กับโจรต้องมีตำรวจอยู่ ไม่งั้นโจรจะทำร้าย
ประชาชน

จะทำยังไงให้ข้ามไปได้ทั้งหมด

โดยมีเงื่อนไขที่ว่า

1.พ่อถ้าอยู่กับลูกสาวต้องมีแม่อยู่ไม่งั้น
พ่อจะตีลูกสาว

2.แม่ถ้าอยู่กับลูกชายต้องมีพ่ออยู่ไม่งั้น
แม่จะตีลูกชาย

3.ถ้ามีใครอยู่กับเสือต้องมีนายพรานอยู่ด้วยไม่งั้น
คนจะกินเสือ เอ้ย ! ไม่ใช่ เสือจะกินคน

-ข้อนี้คล้ายข้อแรกครับ คิดหน่อยเดี๋ยวก็ออกทางไปไม่กี่ทาง

-มีจุดหลอกล่ออยู่จุด - สองจุด

-ใช้กระดาษมาตัดหรือสิ่งของจะง่ายกว่าครับ

ข้อนี้เป็นการฝึกให้คิดอย่างมีเหตุผลว่าอันไหนจริง
หรือทำได้กรณีเดียว ต้องมั่นใจว่าไม่ผิด
แล้วคำตอบจะอยู่ไม่ไกล
คำตอบที่คิดว่าถูกคือ
ตอนแรกให้พ่อพาลูกชายข้ามฝั่งก่อนแล้วให้พ่อพายเรือกลับ
จากนั้นให้พ่อพาแม่ข้ามฝั่งแล้วให้แม่พายเรือกลับ
ให้นายพรานพาเสือข้ามฝั่งแล้วให้พ่อพายเรือกลับ
ให้พ่อกับแม่ข้ามฝั่งแล้วให้แม่พายเรือกลับไปรับลูกสาว

โค๊ด:
ข้อ 7 มีพ่อ-แม่ชาวนา คู่หนึ่ง มี ลูกสาวหน้าตาดี
และมีชายเศรษฐี ทีเป็นเจ้าหนี้ของชาวนาคู่นั้น

ซึ่งเศรษฐี ก็ใฝ่ฝันต้องการได้ลูกสาวมาเป็นเมีย
จึงไปบอกชาวนาคู่นั้นว่า ถ้าเจ้าไม่มีใช้หนี้
ก็จะยึดที่นา

แต่ถ้าไม่อยากให้ยึดก็ต้องยกลูกสาวเป็นข้อแลกเปลี่ยน
ซึ่งพอลูกสาวรู้เข้าก็ไม่ยอม บอกว่าเป็นการเอาเปรียบและกลั่นแกล้งคนที่ไม่มีทางสู้
จึงเสนอข้อแลกเปลี่ยนว่า "ให้ท่านหยิบหินที่ชายหาด
(ดำกับขาว) มาใส่ถุงทึบเอาไว้และถ้าตนหยิบได้สีขาวก็ถือว่า
ยกหนี้ให้พร้อมทั้งไม่ต้องไปเป็นเมีย
แต่ถ้าได้สีดำก็ถือว่าพรหมลิขิต(โอกาส
50-50 ) และเต็มใจ แบบนี้ดีไหม ท่านคงไม่อยากได้ชื่อว่ารังแกคนไม่มีทางสู้"

ทางเศรษฐี ก็ตอบตกลง และได้แอบหยิบ หินสีดำมาทั้ง
2 ก้อน ทั้ง ๆ ที่จะต้องเป็นสีดำก้อน ขาวก้อน
ซึ่งทางลูกสาวก็ได้เห็น และคิดในใจว่า
ถ้าอย่างนี้ตนก็ต้องไปเป็นเมีย นะสิและถ้าเปิดเผยว่าเศรษฐีโกง
มันก็จะต้องโกรธและไม่ตกลง คงจะยึดที่ดินของพ่อ-แม่ไปแน่เลย
หญิงสาวผู้นี้จะทำยังไงดี

ถามว่าถ้าท่านเป็นหญิงสาวผู้นี้ ท่านจะแก้ไขสถานการณ์นี้ยังไงให้รอดออกมาได้และดีด้วย

-การที่จะได้คำตอบไม่จำเป็นต้อง แก้ตรงๆ
เสมอไป

-มันประยุกต์มาจากการพนันก็ได้ ที่มี ถ้วย
3 ใบแล้วมีของอยู่ในนั้น หรือไพ่ 3 ใบ แล้วให้ทายให้ถูก
ทริคของพวกต้มตุ๋น

ข้อนี้ ให้ข้อคิดดีมาก ๆ เลยครับ*** พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส***


ผมว่าข้อนี้ในบรรดา 12 ข้อให้มีโอกาสให้ประโยชน์เกี่ยวกับ
ชีวิตจริงมากที่สุดแล้วละครับ

ข้อคิดคือ จากที่ รอด-ไม่รอด 50-50 และ ไม่รอดแน่ๆ
100 % เป็น รอด 100% เลยครับ
คำตอบที่คิดว่าถูกคือ
ลูกสาวจับหินได้แล้ว ให้เปิดดูก้อนหินในถุงแทนก้อนในมือ ซึ่งต้องเป็นสีดำ แปลว่าในมือควรจะเป็นสีขาว(ทั้งๆที่ถือสีดำอีกก้อน)

โค๊ด:
ข้อ 8 มีคนอยู่ 5 คน ซึ่ง แต่ละคนใช้เวลาในการเดินข้ามสะพาน
ตอนกลางคืนไม่เท่ากัน

คนแรกใช้ เวลา 12 นาที คนที่สอง 9 นาที คนที่สาม
6 นาที คนที่สี่ 3 นาที คนสุดท้าย 1 นาที

-สะพานรับน้ำหนักได้มากสุด 2 คน

-ตะเกียงอยู่ได้ นาน 30 นาที

-มีคนเอาตะเกียงไป ต้องเอากลับมาด้วย และเสียเวลาเดินย้อนมาเท่ากับที่ระบุไว้ข้างต้น

-จะแบกขึ้นหลังไป ก็ถือนับเอาเวลา ที่มากที่สุด
เช่น 1 ไปกับ 12 ก็นับว่า 12 นาที เพราะฉะนั้นไม่ต้องบอกว่าแบกขึ้นหลัง
เดินไปธรรมดาก็ใช้เวลาเท่ากัน ไม่หนักด้วย

ถือตะเกียงข้ามสะพาน credit : deadman ขอบคุณที่นำลิ้งค์มาให้ครับ

ถามว่า จะข้ามสะพานยังไงให้ 5 คนข้ามไปได้หมด
โดยที่สะพานไม่หัก และตะเกียงไม่ดับเสียก่อน

-ใจเย็นค่อยๆ คิด ถ้าทำมาได้ทุกข้อ ข้อนี้ก็ไม่น่าจะยากอะไรแล้วครับ

คล้ายๆกับข้อข้ามแม่น้ำ แต่ก็ไม่คล้ายซะทีเดียว
มันคล้าย แค่ ข้ามได้ทีละ 2 แล้วจะบอกทำไมว่ะเนี่ย
ตู
คำตอบที่คิดว่าถูกคือ
รอบแรก คนสุดท้าย กับ คนที่สี่ไป ใช้เวลา 3 นาที
คนสี่กลับมาใช้เวลา 1 นาที
รอบสอง คนสุดท้าย กับ คนที่สามไป ใช้เวลา 6 นาที
คนสี่กลับมา ใช้เวลา 3 นาที
รอบสาม คนแรกกับคนสองไป ใช้เวลา 12 นาที
คนสุดท้ายกลับมา ใช้เวลา 1 นาที
รอบสี่ คนที่สี่กับคนสุดท้ายไป ใช้เวลา 3 นาที

รวมเวลาก็ 29 นาที

โค๊ด:
ข้อ 9 มีแก้วอยู่ 3 ใบ แต่ละใบมีความจุต่างกันคือ
19 13 7 หน่วยตามลำดับ ถ้ามีน้ำอยู่ในใบ

ที่ 2 และ 3 เต็ม ทำอย่างไรให้ได้น้ำ 10 หน่วย
credit: kokoSanG

แก้ว 3 ใบ credit : deadman ขอบคุณที่นำลิ้งค์มาให้ครับ
ทำได้แล้วลองทำซ้ำดูนะครับ แล้วมันจะไม่ออก
อิอิ

-เวลาคิดทำอย่างไรก็ได้ แต่อย่าทำวน

-ผลต่างของความจุแต่ละถัง เป็นตัวทำให้ได้
10 หน่วย

-มีคำตอบก่อนจะได้ 10 มากกว่า 1 วิธี

-มันมีอยู่ 3 ถัง ถ้าเราหยิบมา 1ถัง มันก็จะใส่ได้แค่อีก
2 ถัง ซึ่งพอทำไป มันจะบังคับให้เราใส่ได้แค่ถังเดียวไม่งั้นจะวนมาที่เดิม(ที่ว่ามันบังคับ
เพราะว่าเราเอาถัง 1 ไปใส่ 2 แล้วจะเอา 2
ไปใส่ 1 ก็เหมือนเดิม) เราก็ควรใส่อีกถังแค่นั้นครับ
แต่อดทนหน่อย ถ้าเข้าใจข้อนี้ที่ผมใบ้ก็คงอีกไม่นานก็ออกแล้วอ่ะครับ.

เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ว่า ท้าทายนะ ไม่ง่าย
แต่ก็ไม่ยากเกินกำลัง เอาคำใบ้ผมเป็นที่ตั้ง
ทำอย่างไรก็ได้อย่าซ้ำเดิมแล้วมันจะออก
แต่ต้องอดทนและเชื่อมั่นว่า เราก้าวหน้าไม่ใช่ทำแล้ว
ย้ำอยู่กับที่ คือต้องได้ตัวเลข ในถังใหม่
คำตอบที่คิดว่าถูกคือ


โค๊ด:
ข้อ 10 มีเหรียญอยู่ 12 เหรียญ แต่มีอยู่เหรียญ
1 ใน 12 นั้นน้ำหนักต่างกว่าเหรียญอื่น อยากจะทราบจะชั่งด้วยวิธีชั่งแบบไหน
ภายใน 3 ครั้ง สามารถบอกได้ว่าเหรียญไหนแปลกกว่าเหรียญอื่น

-เครื่องชั่งแบบ 2 แขน

-เหรียญที่แปลกกว่าเหรียญอื่นไม่รู้ว่าหนักหรือเบากว่า

-ถ้าคิดวิธีใดได้ วิธีที่เหลือก็ต้องได้จากหลักการเดียวกันไม่งั้นแสดงว่า
แค่คิดได้แต่ไม่เข้าใจหลักการและไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง
ว่าต้องตั้งเงื่อนไขยังไงในการจะไขคำตอบครับ
(แต่รับรองว่าคุ้มกับการคิดให้ได้ถ่องแท้ข้อนี้)

-มีวิธี มากมาย จากวิธีที่คุณ praewproud คิดได้นะครับ

-อยากจะบอกว่าข้อนี้ ความโหดพอ ๆ หรือมากกว่ากับข้อ
3 เลย แต่เพียงว่าข้อ 3 มันมีในการ์ตูน

-โดยส่วนตัว ชอบข้อนี้มากครับ พอๆ กับข้อ
3,4

-และถ้าความคิดส่วนตัวผม ข้อนี้น่าจะบอกได้ว่า
สุด ๆ (ผมคิดไม่ออกทั้งข้อ 3 และ 10)
คำตอบที่คิดว่าถูกคือ
แบ่งเป็น 3 กอง กองละ 4 เหรียญ นะฮ้า ซึ่งมันคิดออกมาได้ 2 กรณีคะ
วิธีการ
- เอากองที่ 1 ชั่งเทียบกะ กอง 2 ถ้าน้ำหนักเท่ากัน ก็เข้ากรณีที่ 1 คือ กองที่3 มีเหรียญแปลก แต่ถ้านน.ไม่เท่ากันจะเข้ากรณีที่ 2

กรณีที่ 1
1. เอาเหรียญจากกองปกติมา 3 เหรียญ และเหรียญจากกองไม่ปกติมา 3 เหรียญ ชั่งเทียบกัน ถ้านน.เท่ากัน แสดงว่าอีกเหรียญที่ไม่ได้ชั่งในกองที่ 3 แหละแปลก ลองเอามาชั่งกะเหรียญปกติ ก็จะรู้ได้ว่ามันหนักกว่ารึเบากว่า * กรณีนี้ต้องโชคดีมากเพราะชั่งแค่ 2 ครั้งเองก็รู้แล้ว

2. ถ้าชั่งจากข้อ 1 แล้วได้นน.ไม่เท่ากัน คือ หนัก/เบากว่า (สมมติว่าหนักนะคะ) แสดงว่าเหรียญแปลกอยู่ใน 3 อันที่ชั่งอยู่ ก็เอา 3 เหรียญนี้ มาชั่งเทียบกัน 2 เหรียญ ถ้าอันไหนหนักกว่า(ตามสมมติ) อันนั้นแหละค่าเหรียญแปลก หรือ ถ้าน้ำหนักเท่ากัน แสดงว่าเหรียญที่ไม่ได้ชั่งแหละค่า เหรียญแปลก *กรณีนี้ชั่ง 3 ครั้งพอดี


กรณีที่ 2 (แอบยาก งงเต๊ก)
อัน นี้พอชั่งครั้งแรกเราจะยังไม่รู้ว่ากองที่ 1 กะ 2 อันไหนมีเหรียญแปลก แต่ที่แน่ๆ คือกอง 3 เป็นเหรียญปกติ ปัญหาค&#
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 มีนาคม 2009, 07:47:02 โดย melodica » บันทึกการเข้า

teesong
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



ดูรายละเอียด
« ตอบ #63 เมื่อ: 14 มีนาคม 2009, 04:55:34 »

 เพิ่มเติมครับ  สำหรับข้อ 11 ผมก็เคยมีเพื่อนนำมาถาม และคิดว่า ข้อนี้ 11 นี้ โจทย์ยังไม่สมบูรณ์ครับ

***เดิมพันด้วยชีวิตนักโทษทั้งหมด -ตอบถูกคนเดียวรอดหมดและถ้าตอบผิดคนเดียวตายหมด****

ข้อ 11 มีนักโทษอยู่ 4 คน และมีผู้คุม อยู่
ได้คิดคำถามขึ้นมาข้อหนึ่ง

มีหมวกอยู่ 4 ใบ ขาว 2 ใบ ดำ 2 ใบ

ให้นักโทษ ยืนเรียงเป็นแถวตอน โดยระหว่างคนที่
1 กับ 2 มีกำแพงอยู่

1 lllllll 2 3 4

ซึ่งคนแรก ใส่หมวกสีขาว คนที่ 2 ใส่สีดำ
คนที่3 ใส่สีขาว คนที่ 4 ใส่สีดำ (สลับกัน)

คำถามของผู้คุม ถามว่า ถ้าใคร(นักโทษคนไหน)ตอบได้ว่า
หมวกของตัวเองสีอะไร เพราะอะไรด้วย ถ้าถูกแล้วจะรอดทั้งหมด

-นักโทษไม่รู้ว่าลำดับหมวกเป็นยังไง แต่รู้ว่ามี
สีดำ 2 ใบ สีขาว 2 ใบ

-นักโทษมองไปข้างหน้าได้อย่างเดียว หันหลังไม่ได้
คือเห็นสีหมวกของคนที่อยู่ข้างหน้าทั้งหมด

-เวลาตอบห้ามเดา ต้องถูก 100 % พร้อมทั้งเหตุผล

-คำตอบต้องตอบเป็นนักโทษ คนที่ 1 2 3 หรือ
4 เท่านั้น

โจทย์ที่สมบูรณ์จะเพิ่มเติมไปอีกก็คือ หลังจากที่ผู้คุมถามว่า ใครรู้บ้างว่า ตนเองใส่หมวกสีใด ในครั้งแรก ไม่มีผู้ใดตอบได้  ต่อมาอีกแป๊บเดียวผู้คุม ก็ถามอีกครั้ง มีคนตอบได้หลังจากนั้นทันทีเลย ถามว่าใครเป็นผู้ที่ตอบได้ และเพราะเหตุใด

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 มีนาคม 2009, 04:58:04 โดย teesong » บันทึกการเข้า
Rapture
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 116
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 639



ดูรายละเอียด
« ตอบ #64 เมื่อ: 14 มีนาคม 2009, 07:03:49 »

อ้างถึง
เท่ากันได้ครับ ก็อย่างที่ผมบอกไป โอกาสในการเท่ากันมันมีอยู่
หมายความว่าวิธีนี้ใช้ระบุว่าถุงที่ชั่งเป็นถุงปลอมไม่ได้ 100 %
การชั่งครั้งเดียวแล้วบังเอิญว่าได้น้ำหนัก 90g แล้วบอกว่าถุงที่เหลือไม่มีน้ำหนัก 90 กรัมอีกได้หรือครับ
ถ้าได้แปลว่าคุณรู้แต่แรกแล้วว่าถุงที่ชั่งอยู่เป็นถุงที่มีเหรียญปลอม
ไม่งั้นคุณก็ต้องบอกกำกับว่า
เมื่อเหรียญในถุงปลอม มีจำนวน 10,20,30,... ต้องไม่มีน้ำหนักทั้งถุงเท่ากับถุงที่มีเหรียญจริงที่เหลือ
แต่
ถ้าคุณบอกว่าคุณบังเอิญหยิบ เหรียญ 1 เหรียญ จากถุงปลอมมาชั่งได้ 9 g
แล้วบอกว่าถุงนี้เป็นถุงปลอม แบบนี้โอเคครับ


ปล.กรณีนี้ไม่เหมือนกับกรณี ครูถามเงินทอนนักเรียนนะครับ
ดูเผินๆมันอาจจะดูเหมือนเฉยๆแต่จริงๆมันแตกต่างนะ ผมอยากให้แยกแยะให้ออก

เหอๆ คือ ว่าอย่างนี้นะครับ ที่ว่าเท่าไม่ได้เพราะ ถ้าจะเท่ากัน เราต้องรู้ 2 อย่างถึงจะนำมาเท่ากัน แต่ถ้าเรารู้อย่างเดียวแล้วเราจะเอาไปเท่ากับอะไรล่ะ เช่น คุณมีเงิน 100 บาท จะรู้ได้ไงว่ามากหรือน้อย จะรู้ก็ต่อเมื่อมีการเปรียบเทียบกับ เงินในกระเป๋าอื่นๆ ทีนี้ ถ้าถุงมี 12 ถุง สมมติให้มี เบอร์ 1-12 และเบอร์ 12 เป็นถุง ปลอม ผมใช้วิธีสุ่มเสี่ยงชั่ง ทีละถุง โอกาส ที่ผมจะเลือก เบอร์ 12 เป็นถุงแรก ก็เป็น 1/12 และเคสนี้เท่านั้นที่ ถูกพอดี คำถามถามแค่ อย่างน้อยที่สุดกี่ครั้ง ถึงจะรู้ ก้เคสนี้ คือ 1 ครั้งรุ้เลยไงครับ  เราไม่สนเคสอื่น ถูกต้องที่ว่าถุงอื่นอาจจะหนักเท่ากับถุงนี้ก็ได้ครับ แต่เราได้ถุงที่ปลอมแล้ว เราก็ไม่ได้ชั่งต่อไปอีกแล้ว ผมไม่ได้หาวิธีการที่จะนำไปใช้ได้ในทุกๆครั้ง เพื่อเป็นสูตรและถูก 100% สำหรับนำไปใช้กับ การชังถุงทองในวันต่อไป แต่มุ่งแค่จะตอบปัญหาว่า น้อยสุดกี่ครั้งเท่านั้นครับ 

ถ้าจะหาวิธีที่ใช้ได้ทุกครั้ง 100%  ผมคิดไม่ออกครับ ต้องรอคำตอบจากคุณแล้วล่ะครับ

ปล. รู้สึกเหมือนกำลัง ตอบกระทู้ พันทิล ห้องศาสนา ปรัชญาเลยแฮะ
ผมเข้าใจนะว่าคุณหมายถึงอะไรยังไง
ผมไม่ได้บอกว่าคำตอบของคุณไม่ถูกหรอก เพียงมันเป็นคำตอบที่ไม่มีประสิทธิภาพ
มันไม่มีประสิทธิภาพเพราะอะไรผมคงไม่ต้องบอกซ้ำ
ผมกำลังพูดถึงมุมมองไม่ใช่ปรัชญานะ
แต่ถ้างั้นผมจะถามว่า
ในเมื่อไม่มีการเปรียบเทียบ ย่อมหมายความว่า ไม่รู้ว่าเท่ากันหรือไม่
การที่คุณบอกว่า เท่ากันไม่ได้นั้น คุณรู้ได้ไง
แล้วคุณรู้หรือเปล่าการที่คุณบอกว่า เท่ากันไม่ได้นั้น แปลว่าคุณรู้ว่า ไม่เท่ากัน
การไม่รู้ว่าสิ่งไหนเท่ากันหรือไม่ ก็บอกไม่ได้ด้วยว่า เท่ากันไม่ได้
การบอกว่าเท่ากันไม่ได้ บอกไม่ได้เมื่อยังไม่มีการเปรียบเทียบ
คุณลองคิดดูดีๆแล้วกัน คุณกำลังติดกับดักในมุมมองของคุณเองอยู่
สำหรับวิธีที่ใช้ได้ 100% ในการชั่งครั้งเดียวตามโจทย์ที่อยากได้ มีคนตอบไปแล้ว
ลองกลับไปอ่านดู

ขอเพิ่มเติมหน่อยนะครับ
อ้างถึง
เท่ากันได้ครับ ก็อย่างที่ผมบอกไป โอกาสในการเท่ากันมันมีอยู่
หมายความว่าวิธีนี้ใช้ระบุว่าถุงที่ชั่งเป็นถุงปลอมไม่ได้ 100 %
การชั่งครั้งเดียวแล้วบังเอิญว่าได้น้ำหนัก 90g แล้วบอกว่าถุงที่เหลือไม่มีน้ำหนัก 90 กรัมอีกได้หรือครับ
ถ้าได้แปลว่าคุณรู้แต่แรกแล้วว่าถุงที่ชั่งอยู่เป็นถุงที่มีเหรียญปลอม
ไม่งั้นคุณก็ต้องบอกกำกับว่า
เมื่อเหรียญในถุงปลอม มีจำนวน 10,20,30,... ต้องไม่มีน้ำหนักทั้งถุงเท่ากับถุงที่มีเหรียญจริงที่เหลือ
แต่
ถ้าคุณบอกว่าคุณบังเอิญหยิบ เหรียญ 1 เหรียญ จากถุงปลอมมาชั่งได้ 9 g
แล้วบอกว่าถุงนี้เป็นถุงปลอม แบบนี้โอเคครับ


ปล.กรณีนี้ไม่เหมือนกับกรณี ครูถามเงินทอนนักเรียนนะครับ
ดูเผินๆมันอาจจะดูเหมือนเฉยๆแต่จริงๆมันแตกต่างนะ ผมอยากให้แยกแยะให้ออก

เหอๆ คือ ว่าอย่างนี้นะครับ ที่ว่าเท่าไม่ได้เพราะ ถ้าจะเท่ากัน เราต้องรู้ 2 อย่างถึงจะนำมาเท่ากัน แต่ถ้าเรารู้อย่างเดียวแล้วเราจะเอาไปเท่ากับอะไรล่ะ เช่น คุณมีเงิน 100 บาท จะรู้ได้ไงว่ามากหรือน้อย จะรู้ก็ต่อเมื่อมีการเปรียบเทียบกับ เงินในกระเป๋าอื่นๆ ทีนี้ ถ้าถุงมี 12 ถุง สมมติให้มี เบอร์ 1-12 และเบอร์ 12 เป็นถุง ปลอม ผมใช้วิธีสุ่มเสี่ยงชั่ง ทีละถุง โอกาส ที่ผมจะเลือก เบอร์ 12 เป็นถุงแรก ก็เป็น 1/12 และเคสนี้เท่านั้นที่ ถูกพอดี คำถามถามแค่ อย่างน้อยที่สุดกี่ครั้ง ถึงจะรู้ ก้เคสนี้ คือ 1 ครั้งรุ้เลยไงครับ  เราไม่สนเคสอื่น ถูกต้องที่ว่าถุงอื่นอาจจะหนักเท่ากับถุงนี้ก็ได้ครับ แต่เราได้ถุงที่ปลอมแล้ว เราก็ไม่ได้ชั่งต่อไปอีกแล้ว ผมไม่ได้หาวิธีการที่จะนำไปใช้ได้ในทุกๆครั้ง เพื่อเป็นสูตรและถูก 100% สำหรับนำไปใช้กับ การชังถุงทองในวันต่อไป แต่มุ่งแค่จะตอบปัญหาว่า น้อยสุดกี่ครั้งเท่านั้นครับ 

ถ้าจะหาวิธีที่ใช้ได้ทุกครั้ง 100%  ผมคิดไม่ออกครับ ต้องรอคำตอบจากคุณแล้วล่ะครับ

ปล. รู้สึกเหมือนกำลัง ตอบกระทู้ พันทิล ห้องศาสนา ปรัชญาเลยแฮะ


ประเด็นนี้หนูเห็นด้วยกะท่าน rapture นิดนึงค่ะ คือ ท่าน utto อาจจะลืมไปว่าทองในแต่ละถุงมันไม่เท่ากัน ฉะนั้นจึงมีทองอยู่ 2 ถุงที่มีสิทธิ์หนัก 90 กรัม ไม่ว่าทองในถุงนั้นจะปลอมรึไม่ ฉะนั้นถ้าท่าน utto จะบอกว่าหยิบมาชั่งถุงนึงหนัก 90 กรัม แล้ว แล้วบังเอิญมี 10 เหรียญ เป็นทองปลอมนั้น แสดงว่าท่านต้องเทเหรียญออกจากถุงตอนชั่งแล้วนับว่ามันมีกี่เหรียญแล้วเอามาหารด้วยน้ำหนัก เป็น 90/10 = 9 กรัม ทำนองนี้ ไม่งั้นวิธีของท่านก็เป็นแค่สมมติฐาน ยังไม่ใช่คำตอบอ่ะค่ะ เพราะมันไม่มีข้อสนับสนุนว่าไอ้ถุงนี้มันเป็นทองปลอมจริง (ในกรณีที่ท่านไม่ได้เทเหรียญออกมานับจำนวน)
เพราะทองปลอม 9 กรัม 10 เหรียญ นี่มันไขว้อยู่กับทองจริง 10 กรัม 9 เหรียญ ท่านจะพิสูจน์ได้อย่างว่าท่านมือแม่นหยิบถุงทองปลอมได้จริง ไม่ใช่ถุงทองจริง คำตอบมันยังเป็นแค่ 50% ไม่ใช่ 100% อ่ะค่ะ

หนูเข้าใจประเด็นคำตอบของท่าน utto เด้อค่า แต่มันเหมือนเป็นมุมมองของคนที่รู้อยู่แล้วว่าในแต่ละถุงมีทองอยู่จำนวนเท่าไหร่ แล้วใส่เบอร์ 1-12 เสร็จแล้วก็หลับตาหยิบ ปรากฎว่ามือดีหยิบได้ถุง 10 เหรียญ 90 กรัมพอดี เลยไม่ต้องชั่งต่อ เพราะรู้ว่าเป็นถุงทองปลอมแน่ ถ้าอารมณ์นี้ คำตอบจะเป็น 100% ค่า


อันนี้หนูมาถกด้วยเด้อค่าเพราะเห็นประเด็นนี้น่าสนใจดีค่า  Kiss

Shocked
มีคนมาช่วยให้คำตอบของคุณ utto มีประสิทธิภาพเต็ม 100%แล้ว
นั่นคือ เมื่อชั่งน้ำหนักเสร็จ ก็เทเหรียญออกจากถุงแล้วนับจำนวน จะทำให้บอกได้ 100 %ว่า
ถุงนั้นเป็นถุงปลอม
พอทำอย่างนี้กรณีเรื่องน้ำหนักเท่ากัน จะถูกแก้ไขด้วยจำนวนเหรียญที่ไม่เท่ากัน
เพราะโจทย์ก็ไม่ได้บอกว่าเทเหรียญออกจากถุงมานับไม่ได้นี่
เพราะตอนแรกคำตอบคุณ utto วัดผลที่น้ำหนักของถุง ส่วนเรื่องสมมติจำนวนเหรียญก็แค่ดูผลของน้ำหนัก
ซึ่งก็ไม่ได้บอกว่าเทเหรียญออกจากถุงออกมานับ
ไม่งั้นแทนที่จะบอกว่า เหรียญทองปลอมหนัก 9g ถ้าสมมติมี 10 เหรียญ ก็หนัก 90g
ก็ต้องบอกว่า ถ้าชั่งได้ 90g ก็นับจำนวนเหรียญว่ามีเท่าไร ถ้านับได้ 10 เหรียญก็แปลว่าถุงนี้เป็นถุงปลอม
ปล.ผมเองก็ติดกับดักด้านมุมมองเหมือนกัน  Cry
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 มีนาคม 2009, 20:16:29 โดย Rapture » บันทึกการเข้า
melodica
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 331



ดูรายละเอียด
« ตอบ #65 เมื่อ: 14 มีนาคม 2009, 07:34:19 »

เพิ่มเติมครับ  สำหรับข้อ 11 ผมก็เคยมีเพื่อนนำมาถาม และคิดว่า ข้อนี้ 11 นี้ โจทย์ยังไม่สมบูรณ์ครับ

***เดิมพันด้วยชีวิตนักโทษทั้งหมด -ตอบถูกคนเดียวรอดหมดและถ้าตอบผิดคนเดียวตายหมด****

ข้อ 11 มีนักโทษอยู่ 4 คน และมีผู้คุม อยู่
ได้คิดคำถามขึ้นมาข้อหนึ่ง

มีหมวกอยู่ 4 ใบ ขาว 2 ใบ ดำ 2 ใบ

ให้นักโทษ ยืนเรียงเป็นแถวตอน โดยระหว่างคนที่
1 กับ 2 มีกำแพงอยู่

1 lllllll 2 3 4

ซึ่งคนแรก ใส่หมวกสีขาว คนที่ 2 ใส่สีดำ
คนที่3 ใส่สีขาว คนที่ 4 ใส่สีดำ (สลับกัน)

คำถามของผู้คุม ถามว่า ถ้าใคร(นักโทษคนไหน)ตอบได้ว่า
หมวกของตัวเองสีอะไร เพราะอะไรด้วย ถ้าถูกแล้วจะรอดทั้งหมด

-นักโทษไม่รู้ว่าลำดับหมวกเป็นยังไง แต่รู้ว่ามี
สีดำ 2 ใบ สีขาว 2 ใบ

-นักโทษมองไปข้างหน้าได้อย่างเดียว หันหลังไม่ได้
คือเห็นสีหมวกของคนที่อยู่ข้างหน้าทั้งหมด

-เวลาตอบห้ามเดา ต้องถูก 100 % พร้อมทั้งเหตุผล

-คำตอบต้องตอบเป็นนักโทษ คนที่ 1 2 3 หรือ
4 เท่านั้น

โจทย์ที่สมบูรณ์จะเพิ่มเติมไปอีกก็คือ หลังจากที่ผู้คุมถามว่า ใครรู้บ้างว่า ตนเองใส่หมวกสีใด ในครั้งแรก ไม่มีผู้ใดตอบได้  ต่อมาอีกแป๊บเดียวผู้คุม ก็ถามอีกครั้ง มีคนตอบได้หลังจากนั้นทันทีเลย ถามว่าใครเป็นผู้ที่ตอบได้ และเพราะเหตุใด



ถ้าตอบครั้งแรก ผิดหมด ครั้งที่สองทุกคนก็ตอบได้แล้วสิครับ ก็แค่ตอบตรงกันข้ามกับที่ตอบครั้งแรกอะครับ
 Huh?
บันทึกการเข้า

raanshum
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



ดูรายละเอียด
« ตอบ #66 เมื่อ: 14 มีนาคม 2009, 07:58:08 »

อ้างถึง
เท่ากันได้ครับ ก็อย่างที่ผมบอกไป โอกาสในการเท่ากันมันมีอยู่
หมายความว่าวิธีนี้ใช้ระบุว่าถุงที่ชั่งเป็นถุงปลอมไม่ได้ 100 %
การชั่งครั้งเดียวแล้วบังเอิญว่าได้น้ำหนัก 90g แล้วบอกว่าถุงที่เหลือไม่มีน้ำหนัก 90 กรัมอีกได้หรือครับ
ถ้าได้แปลว่าคุณรู้แต่แรกแล้วว่าถุงที่ชั่งอยู่เป็นถุงที่มีเหรียญปลอม
ไม่งั้นคุณก็ต้องบอกกำกับว่า
เมื่อเหรียญในถุงปลอม มีจำนวน 10,20,30,... ต้องไม่มีน้ำหนักทั้งถุงเท่ากับถุงที่มีเหรียญจริงที่เหลือ
แต่
ถ้าคุณบอกว่าคุณบังเอิญหยิบ เหรียญ 1 เหรียญ จากถุงปลอมมาชั่งได้ 9 g
แล้วบอกว่าถุงนี้เป็นถุงปลอม แบบนี้โอเคครับ


ปล.กรณีนี้ไม่เหมือนกับกรณี ครูถามเงินทอนนักเรียนนะครับ
ดูเผินๆมันอาจจะดูเหมือนเฉยๆแต่จริงๆมันแตกต่างนะ ผมอยากให้แยกแยะให้ออก

เหอๆ คือ ว่าอย่างนี้นะครับ ที่ว่าเท่าไม่ได้เพราะ ถ้าจะเท่ากัน เราต้องรู้ 2 อย่างถึงจะนำมาเท่ากัน แต่ถ้าเรารู้อย่างเดียวแล้วเราจะเอาไปเท่ากับอะไรล่ะ เช่น คุณมีเงิน 100 บาท จะรู้ได้ไงว่ามากหรือน้อย จะรู้ก็ต่อเมื่อมีการเปรียบเทียบกับ เงินในกระเป๋าอื่นๆ ทีนี้ ถ้าถุงมี 12 ถุง สมมติให้มี เบอร์ 1-12 และเบอร์ 12 เป็นถุง ปลอม ผมใช้วิธีสุ่มเสี่ยงชั่ง ทีละถุง โอกาส ที่ผมจะเลือก เบอร์ 12 เป็นถุงแรก ก็เป็น 1/12 และเคสนี้เท่านั้นที่ ถูกพอดี คำถามถามแค่ อย่างน้อยที่สุดกี่ครั้ง ถึงจะรู้ ก้เคสนี้ คือ 1 ครั้งรุ้เลยไงครับ  เราไม่สนเคสอื่น ถูกต้องที่ว่าถุงอื่นอาจจะหนักเท่ากับถุงนี้ก็ได้ครับ แต่เราได้ถุงที่ปลอมแล้ว เราก็ไม่ได้ชั่งต่อไปอีกแล้ว ผมไม่ได้หาวิธีการที่จะนำไปใช้ได้ในทุกๆครั้ง เพื่อเป็นสูตรและถูก 100% สำหรับนำไปใช้กับ การชังถุงทองในวันต่อไป แต่มุ่งแค่จะตอบปัญหาว่า น้อยสุดกี่ครั้งเท่านั้นครับ 

ถ้าจะหาวิธีที่ใช้ได้ทุกครั้ง 100%  ผมคิดไม่ออกครับ ต้องรอคำตอบจากคุณแล้วล่ะครับ

ปล. รู้สึกเหมือนกำลัง ตอบกระทู้ พันทิล ห้องศาสนา ปรัชญาเลยแฮะ


ประเด็นนี้หนูเห็นด้วยกะท่าน rapture นิดนึงค่ะ คือ ท่าน utto อาจจะลืมไปว่าทองในแต่ละถุงมันไม่เท่ากัน ฉะนั้นจึงมีทองอยู่ 2 ถุงที่มีสิทธิ์หนัก 90 กรัม ไม่ว่าทองในถุงนั้นจะปลอมรึไม่ ฉะนั้นถ้าท่าน utto จะบอกว่าหยิบมาชั่งถุงนึงหนัก 90 กรัม แล้ว แล้วบังเอิญมี 10 เหรียญ เป็นทองปลอมนั้น แสดงว่าท่านต้องเทเหรียญออกจากถุงตอนชั่งแล้วนับว่ามันมีกี่เหรียญแล้วเอามาหารด้วยน้ำหนัก เป็น 90/10 = 9 กรัม ทำนองนี้ ไม่งั้นวิธีของท่านก็เป็นแค่สมมติฐาน ยังไม่ใช่คำตอบอ่ะค่ะ เพราะมันไม่มีข้อสนับสนุนว่าไอ้ถุงนี้มันเป็นทองปลอมจริง (ในกรณีที่ท่านไม่ได้เทเหรียญออกมานับจำนวน)
เพราะทองปลอม 9 กรัม 10 เหรียญ นี่มันไขว้อยู่กับทองจริง 10 กรัม 9 เหรียญ ท่านจะพิสูจน์ได้อย่างว่าท่านมือแม่นหยิบถุงทองปลอมได้จริง ไม่ใช่ถุงทองจริง คำตอบมันยังเป็นแค่ 50% ไม่ใช่ 100% อ่ะค่ะ

หนูเข้าใจประเด็นคำตอบของท่าน utto เด้อค่า แต่มันเหมือนเป็นมุมมองของคนที่รู้อยู่แล้วว่าในแต่ละถุงมีทองอยู่จำนวนเท่าไหร่ แล้วใส่เบอร์ 1-12 เสร็จแล้วก็หลับตาหยิบ ปรากฎว่ามือดีหยิบได้ถุง 10 เหรียญ 90 กรัมพอดี เลยไม่ต้องชั่งต่อ เพราะรู้ว่าเป็นถุงทองปลอมแน่ ถ้าอารมณ์นี้ คำตอบจะเป็น 100% ค่า


อันนี้หนูมาถกด้วยเด้อค่าเพราะเห็นประเด็นนี้น่าสนใจดีค่า  Kiss
บันทึกการเข้า
utto
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 308



ดูรายละเอียด
« ตอบ #67 เมื่อ: 15 มีนาคม 2009, 13:52:15 »

อ้างถึง
การที่คุณบอกว่า เท่ากันไม่ได้นั้น คุณรู้ได้ไง
แล้วคุณรู้หรือเปล่าการที่คุณบอกว่า เท่ากันไม่ได้นั้น แปลว่าคุณรู้ว่า ไม่เท่ากัน
การไม่รู้ว่าสิ่งไหนเท่ากันหรือไม่ ก็บอกไม่ได้ด้วยว่า เท่ากันไม่ได้
การบอกว่าเท่ากันไม่ได้ บอกไม่ได้เมื่อยังไม่มีการเปรียบเทียบ
คุณลองคิดดูดีๆแล้วกัน คุณกำลังติดกับดักในมุมมองของคุณเองอยู่

เท่ากันไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าไม่เท่ากันครับ แต่เพราะจะพูดว่าเท่ากัน ก็ต้องมีของสองสิ่ง ถ้ามีของสิ่งเดียวไม่รู้จะเอาไปเท่ากับอะไร จึงบอกว่าเท่ากันไม่ได้ คุณต่างหากที่ติดกับดักด้านภาษา และข้อจำกัดของภาษา

คุณ raanshum ครับ เราไม่ได้รู้ก่อนว่ามันมีกี่เหรียญ หรือหนักเท่าไร หรือลืมไปว่าในถุงมีไม่เท่ากัน แต่เพราะเราไม่รู้ว่ามันมีเท่าไร เราจึงสมมติว่า ถ้ามีเท่านี้เหรียญ มันก็จะหนักเท่านั้นกรัม ไม่ต้องถึงขนาดที่ต้องบอกหรอกว่า เทออกมานับ เพราะไม่ว่าอย่างไร คำตอบมันก็เป็น 1 อยุ่ดี เพราะบอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าบังเอิญหยิบถุงที่ถูกมา เนื่องมาจากการสุ่ม โอกาสที่จะสุ่มถูกมันมีอยู่ ไม่ได้รู้ก่อน และไม่ต้องพิสูจน์ว่ามือแม่นได้อย่างไร ส่วนน้ำหนักนั้นเป็นแค่สมมติขึ้นมา เพื่อสนับสนุนว่า รู้แล้วว่าเป็นถุงปลอมเท่านั้น เพราะคำถามถามแค่ว่าอย่างน้อยกี่ครั้งจึงจะรู้ ไม่ได้ถามว่า จงแสดงวิธีการที่ถูกต้องอย่างละเอียดตามหลักวิทยาศาสตร์

ถ้าผมถามใหม่ว่า ต้องเปิดประตูออกไปหน้าบ้านอย่างน้อยสุดกี่ครั้ง ถึงจะเจอชายชื่อ สมปอง ที่มีพ่อชื่อสมบัติ ยืนคุยกับมนุษย์ต่างดาวชื่อเอล็ก เฟอกูสัน อยู่หน้าบ้านคุณ  ผมก็ตอบว่า 1 ครั้ง คือเปิดไปเจอพอดี ไม่ต้องพิสูจน์ด้วยการดูบัตรประชาชนว่า ชื่อถูกไหม มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือ หรืออะไรต่างๆนานา ให้มากความ เพราะยังไง น้อยที่สุดมันก็ 1 ครั้ง

ดังนั้นไม่ว่าถุงทองมันจะหนักเท่าไรหรือหนักเท่ากันหมดเลยทั้งหมดก็ไม่เป็นปัญหา เพราะโอกาสการสุ่มถูกตั้งแต่ครั้งแรก ก็ยังเป็น 1 ครั้งเท่าเดิมอยุ่ดี

มองต่างมุม คิดต่างวิธี ครับ ไม่มีใครผิดถูกครับ ขอบคุณที่ร่วมถกประเด็นครับ

บันทึกการเข้า
angelniwa
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 26



ดูรายละเอียด
« ตอบ #68 เมื่อ: 16 มีนาคม 2009, 04:18:47 »

 Smiley Smiley
บันทึกการเข้า
เดี๋ยวจะบอกว่าชื่ออะไร
~*มาเฟีย บอร์ดเสียว*~
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 206
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,266



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #69 เมื่อ: 16 มีนาคม 2009, 11:53:01 »

ผมคิดเหมือน utto แฮะ

เขาถามว่าอย่างน้อยที่สุด มันก็น่าจะเป็นหนึ่งนะ

เพราะเราอาจจะโชคดีจับโดนถุงเก๊ก็ได้

ปล.เข้ามาอ่านหลัง ๆ ขี้เกียจตอบข้ออื่นเลย

eq เราน้อย กว่าว่าจะเกรียนแตก

555
บันทึกการเข้า

เศรษฐีผู้รวยด้วยหนูตายหนึ่งตัว บริการรีวิว เพิ่มคำวิจารณ์ 5 ดาวแฟนเพจ ขายชิบ ไพ่เท็กซัส
เกิดในที่...ที่ดี...นั้นดีแน่ 
เกิดในที่...ที่แย่...ก็ดีได้  
เกิดที่ดี...แล้วแย่...มีถมไป  
เกิดที่ไหน...ก็ดีได้ถ้าใฝ่ดี
หน้า: 1 2 3 [4]   ขึ้นบน
พิมพ์