รบกวนผู้มีความรู้ด้านสิขสิทธิ์ครับ ++

ภาพกับสเปคจากเว็บของผู้ขาย
1. ภาพสินค้า โดยปกติ(ถ่ายโดยมีการเสริมแต่ง แสง, สี หรืออื่นๆ) จะมีลิขสิทธิ์ แล้วแต่ลิขสิทธิ์จะเป็นใคร ซึ่งก็คือเจ้าของสินค้าชิ้นนั้นแหละครับ
เมื่อเราซื้อสินค้านั้นๆมาแล้ว ถ่ายภาพ ตกแต่งเพิ่มเติม ลิขสิทธิ์ในภาพนั้นเป็นของเรา แม้จะเป็นยี่ห้อที่ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีสิขสิทธิ์ในสินค้ายี่ห้อนั้น
แต่หากเราไม่ได้ซื้อสินค้าชิ้นนั้นมาถ่าย เราจะอ้างสิทธิ์ได้ยังไง ดังนั้นจึงต้องขออนุญาตอย่างเดียว
   ในต่างประเทศที่มักจะเห็นเข้มงวด จริงจังที่สุด คือ ภาพถ่ายของสินค้าที่เกี่ยวกับแฟชั่นครับ โดนฟ้องให้กูเกิลลบกันตลอดเวลา
   กรณีไม่ได้ขออนุญาต แต่ไม่ละเมิดกฎหมายก็มีนะครับ ต้องดูเป็นกรณีไป เช่น บอกที่มาที่ไป ไม่เอาไปทำให้เขาเสียหาย ไม่ได้เอาเพื่อการค้ากำไร เป็นต้น

2. สเปคของสินค้า ผมเคยอ่านในเว็บต่างประเทศนานแล้ว บางคนบอกว่า ไม่มีลิขสิทธิ์ บางคนบอกว่ามี เพราะเจ้าของสินค้า คือผู้พัฒนา ย่อมมีสิทธิ์ในการระบุสเปคนั้นแต่ผู้เดียว ซึ่งผมเห็นด้วยกับความเห็นว่า มีลิขสิทธิ์นะครับ และไม่ทราบ การตีความของกฎหมายไทย
   แต่ถ้าจะให้แน่ ก็คือคุณดูให้ทั่วว่า เขาระบุไว้หรือไม่ ถ้าระบุ นี่ถือว่า เขายืนยันแน่นอนในเรื่องลิขสิทธิ์ ดังนั้น แม้จะคัดลอกเอามาทั้งหมด ก็ยังต้องขออนุญาต
และ หากเราดัดแปลงแก้ไขสเปคสินค้าล่ะ ผิดเต็มๆเลย เพราะเป็นการดัดแปลง แก้ไข ทำให้เจ้าของสินค้าเสียหาย ผู่ใช้ หรือผู้ซื้อสินค้าอาจเข้าใจผิดในข้อเท็จจริงได้ ถือว่าผิดหนักเข้าไปอีกครับ เป็นการละเมิดกฎหมายทั้งแพ่งและอาญา โดนหลายเด้งแน่นอน
   กรณีแก้ไข เพิ่มเติม นี่ถ้ายกตัวอย่างของ affiliate amazon จะเห็นได้ชัดเลยครับ ถ้าคุณไปเพิ่มสเปค หรือทำให้เข้าใจผิดในสเปคสินค้า คุณโดนแบนแน่ๆครับ
   ดังนั้น แม้เราจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของสินค้า เราก็ไม่สามารถแก้ไขดัดแปลงได้
   ส่วนการไม่ขออนุญาต แล้วไม่ผิดกฎหมายทำได้ไหม ทำได้ ตามที่ผมพูดถึงในเรื่อง ภาพถ่ายครับ รวมทั้งยังมีกรณีที่ผมไม่ได้พูดถึงอีกด้วย ต้องดูรายละเอียดในกฎหมายให้ครบถ้วนครับ

3. การตีความของกฎหมายในแต่ละประเทสอาจแตกต่างกันได้ ยิ่งกฎหมายลิขสิทธิ์ในไทย เราก็ต้องเอาของไทยเป็นเกณฑ์ครับ และหากพูดถึง Fair Use ผมไม่รู้ว่า จะมีคนรู้จักและ/หรือเข้าใจสักกี่คน เพราะยังไม่เห็นว่ามีใครให้คำจำกัดความที่ชัดเจนจนเอามาเป็นแนวทางตัดสินได้
   ดังนั้น อยากรู้จริงต้องโดนก่อนครับ 555...

*********************************
ขออนุญาตเพิ่มเติม เพื่อปกป้องตัวเองนะครับ
ความเห็นของผม ขอให้ถือเป็นความเห็นของผู้ที่เคยเรียนนิติศาสตร์เท่านั้น ไม่ใช่ข้อยุติในการตีความทางกฎหมาย
หากต้องการทราบความจริงอันเป็นข้อยุติในการตีความ คุณต้องปรึกษาผู้ทำหน้าที่โดยตรง หรืออย่างที่ผมบอกข้างต้น คือ ลองเป็นโจทย์หรือจำเลยดู แล้วจะรู้เอง