
Maze Runner วงกตมฤตยู
คงเป็นเรื่องปกติธรรมดาและเป็นสูตรสำเร็จไปเสียแล้ว ที่หนังฮอลลิวูดส่วนใหญ่ จะมีตัวละครที่เป็นชาวเอเชียร่วมอยู่ด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร เพราะหากต้องการขายความเป็นเอเชียให้คนเอเชียก็มักจะไม่ผิดหวัง เพราะผู้ชมชาวตะวันออกจะรู้สึกว่ามีส่วนร่วมอยู่ในหนังไม่มากก็น้อย ซึ่งใน Maze Runner ก็ได้เลือกเอา Ki Hong Lee นักแสดงชาวเกาหลี มารับบทเป็น มินโฮ นั่งวิ่งสำรวจเขาวงกต ซึ่งก็ได้รับบทเด่นไม่น้อย เป็นรองแค่ตัวแสดงนำ(พระเอก)เท่านั้น ส่วนบทนางเอกนั้นแสนจะน้อย ถ้าไม่พูดอะไรก็แค่ตัวประกอบทั่วไปดี ๆ นี่เอง ซึ่งต้องเข้าใจว่าหนังฝรั่งนั้น เขาจะไม่เน้นบทพระนางเหมือนหนังไทย
Maze Runner สร้างจากนิยายขายดีของ เจมส์ แดชเนอร์ เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่ง ที่ถูกจับมาปล่อยยังทุ่งหญ้าป่าโปร่ง มีกำแพงล้อมรอบ นอกเขตนั้นเป็นเขาวงกตที่ไม่สามารถออกไปได้ แม้จะลำบากลำบนกันบ้างแต่ชีวิตก็พอถู ๆ ไถ ๆ อยู่กันไปได้ แต่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อ โทมัส เด็กหนุ่มคนใหม่ ถูกส่งมายังทุ่งแห่งนี้ เพราะความคิดความอ่าน ความเป็นผู้นำของเขา ไม่เหมือนคนอื่น เรื่องนี้ได้ผู้กำกับฝีมือดี เวส บอล ซึ่งสร้างชื่อมาจากเรื่อง The Beginners ในปี 2010 โดยทุนสร้างหนังเรื่องนี้อยู่ที่ 34 ล้านดอลล่าร์ หรือ 1,088, ล้านบาท
ใน Maze Runner นี้ เราจะได้อรรถรสในการชม 2 แบบ แบบแรกเป็นแบบของการแอ๊คชั่นผจญภัย ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้ว ถ้าแปลชื่อหนังตามตัวก็คือ “นักวิ่งเขาวงกต” และแบบที่สองคือ การไขปริศนา ที่มาที่ไปของตัวละคร ซึ่งก็คงไม่มีหนังหลายเรื่องนัก ที่จะนำทั้งสองแบบมาอยู่ในเรื่องเดียวกัน ซึ่งทั้งสองด้าน ในส่วนของการไขปริศนา ทำได้ดีน่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง หนังค่อย ๆ เปิดเผยเรื่องราวออกมาทีละน้อยทีละน้อย ไม่บ่อยนักที่จะดูหนังแล้วไม่สามารถรู้ตอนจบล่วงหน้าได้ ในส่วนของการแอ๊คชั่นผจญภัยหรือการวิ่งนั้นก็ทำได้ดี เรียกว่า ตื่นเต้นจนลืมหายใจกันเลยทีเดียว
แต่อย่างที่ได้บอกแล้วว่า หนังต้องรับภาระในสองส่วนคือการไขปริศนาและการวิ่ง ซึ่งพื้นที่ (เวลา) ส่วนใหญ่จะไปหนักในด้านการไขปริศนา ทำให้พื้นที่ของการวิ่งน้อยลง คนที่จริงจังกับเรื่องชื่อ หรือคาดหวังจะเห็นการวิ่งที่มากเหมือนชื่อเรื่องก็อาจผิดหวังเล็กน้อย แต่ถ้าผู้สร้าง Maze Runner ใจถึงกล้าได้กล้าเสียมากกว่านี้ เพิ่มเวลาของหนัง ก็จะสามารถเพิ่มในส่วนของการวิ่งได้มากกว่านี้ และสามารถเพิ่มรายละเอียดของหนังให้มากกว่าเดิม แต่นั่นก็หมายถึงการเพิ่มของงบประมาณด้วย แต่อย่างที่เราเห็น ๆ กัน หนังอมตะส่วนใหญ่ก็ยาว ๆ ทั้งนั้น
ในส่วนปรัชญาข้อคิดของหนังเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก เรามักพบเห็นคนอย่าง โทมัส ในสังคมในโลกของความเป็นจริงเสมอ คนที่มักคิดอะไรแตกต่างจากคนอื่น คนที่ไม่ยอมแพ้ คนที่ไม่เคยยอมจำนนต่อโชคชะตา และมักถามตัวเองว่า มีอะไรที่ยังทำได้แต่ยังไม่ได้ทำ หรือทำแล้วแต่ยังไม่ดีพอ สิ่งที่เห็นที่เป็นอยู่เป็นสิ่งที่ถูกต้องควรจะเป็นแล้วหรือไม่ และในขณะเดียวกัน เราก็จะพบเห็นคนที่ยอมแพ้ ยอมจำนน สับสน จ่อมจมจับเจ่าอยู่กับความผิดหวัง คนที่ไม่ยอมทำอะไรให้ชีวิตดีขึ้น คนที่มัวยึดติดอยู่กับอดีต คนที่พอใจอยู่กับสิ่งเดิม ๆ โดยไม่คิดตั้งคำถาม คนที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง Maze Runner เป็นหนังที่สะท้อนสังคมในปัจจุบัน ที่มีคนหลากหลายเหมือนในทุ่งหญ้าป่าโปร่ง ที่ทุกคนถูกขังไว้ สำหรับคนที่กำลังท้อแท้และอยากหาอะไรสักอย่างมากระตุ้นต่อมความแอ็คทีพ ก็ขอแนะนำให้ไปดูหนังเรื่องนี้ ก็คงจะได้อะไรกลับมาพอสมควร
คะแนนของหนังเรื่องนี้เต็ม 5 ให้ 3.5
วารีรันตร์