ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comความรู้ทั่วไปGeneral (ถามคุยวิชาการ IM)มีสมาชิก TSB ท่านใดที่เรียนจบปริญญาโท - เอก บ้างไหมครับ
หน้า: 1 2 [3] 4   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มีสมาชิก TSB ท่านใดที่เรียนจบปริญญาโท - เอก บ้างไหมครับ  (อ่าน 8873 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
adsene5438
Global Moderator
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*****

พลังน้ำใจ: 3852
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,763



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #40 เมื่อ: 07 มกราคม 2013, 23:15:44 »

จบ ป.โท แล้วครับ ชีวิตวัยเด็กลำบากมาก เอาเป็นว่าลำบากว่าละครน้ำเน่าก็แล้วกันแหละ

ครูคนหนึ่งผมท่านเสียแล้ว เคยพูดไว้กับผมเสมอว่า "ตอนนี้เราไม่มีเงิน ยากจน อยากกินอะไร อยากได้อะไร ต้องอดเอาไว้ก่อน ตั้งใจเรียนหนังสือให้จบมีงานทำ แล้วค่อยไปซื้อไปหาเอาทีหลัง" ซึ่งมันก็เป็นจริงครับ

ชีวิตมีขึ้นมีลง เวลาขึ้นอย่าหลง เวลาลงอย่าท้อ ครับ
บันทึกการเข้า
Mr.Blogger
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 614
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,459



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #41 เมื่อ: 07 มกราคม 2013, 23:49:32 »

ผมเรียนจบแค่ป.ตรี

ส่วนตัวไม่คิดจะต่อโท-เอก

เพราะศัทธาการศึกษานอกรั้วมหาลัยมากกว่า   wanwan002

บันทึกการเข้า

Keywords ที่ปิดการขายได้ง่าย!
Keywords ที่ทำ SEO ได้ง่าย!!
ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไง ..
>>คลิกตรงนี้!!
shooter
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 99
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,415



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #42 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 00:15:24 »

ท่านโซว งัยคับ
บันทึกการเข้า

เพิ่ม 5000 view ใน YOUTUBE เพียง 599 บาท 10000 view เพียง 999 บาท ภายใน 5 วัน สนใจ PM

CreativeShooter

รับปรึกษาปัญหาโซเซียล เพิ่มยอดขายในธุรกิจคุณ
goldxp
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 73
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #43 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 00:41:16 »

จบโทถ้าประวัติดีๆ เข้าบริษัทใหญ่ได้น่าจะเงินดีอยู่ครับ
แต่อย่าไปสนใจเรื่องการเรียนจบโทมากเกินไปครับ หันมาทำสิ่งที่เกิดประโยชน์จริงๆ จังๆ ก่อนดีกว่า
ถ้ามีเงินมากขนาดไปเรียนโทได้ผมว่าเอาเงินตรงนั้นมามอบความสุขให้แก่ครอบครัวที่รักของคุณก่อนจะมีค่ามหาศาล

บันทึกการเข้า

igett
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 14
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 203



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #44 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 00:48:58 »

ผมกำลังจะจบโทครับ พอดีได้ทุนเรียน + ค่าใช้จ่ายทุกอย่างจากหน่วยงานอิสระแห่งหนึ่งในประเทศไทย อนาคตผมก็วางแผนไว้อยู่ 2-3 แนวครับ อย่างแรกคือเรียนต่อเอก ซึ่งผมเคยไปทำวิจัยต่างประเทศ แล้วก็มีคนเสนอทุนให้เรียนต่อในหลายประเทศ แต่จะว่าไปแล้ว มันก็ไม่ใช่ทางของผมเท่าไหร่ อีกทางนึงคือมาทำสิ่งที่ตัวเองรักซะที วุฒิ ป.โท คงเอาเก็บไว้ที่บ้านครับ สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ตั้งแต่ ป.ตรี จนถึง ป.โท ทำให้ผมรู้ว่า  เกรดมันไม่ใช่ทุกๆอย่างของชีวิตหรอกครับเพราะผมเคยเห็นคนมีทุกอย่าง ยกเว้นเกรดดีๆ กับอีกหลายคนที่มีเกรดดีๆ แต่ไม่มีอะไรซักอย่างมาแล้ว
บันทึกการเข้า

บริษัท ยิ้มกว้างดีเวลลอปเมนท์ จำกัด

รับออกแบบเว็บไซต์ /พัฒนาเว็บไซต์ด้วย Wordpress หรือ PHP Framework  /พัฒนา Mobile Applcation / พัฒนา Facebook Application / ออกแบบงาน Artwork หรือ Corporate Identity  ด้วยทีมงานคุณภาพมืออาชีพสุดๆ

#ให้คำปรึกษาในการพัฒนาเว็บไซต์หรือระบบ Web-based Application ฟรีครับ
#รับ Sales Freelance คอมมิชชั่น 30% + โบนัส
เว็บการศึกษา ข่าวรับครง สอบตรง โควต้า แอดมิชชั่น สอบ GAT/PAT
คนใจดี
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 68
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 809



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #45 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 01:01:59 »

กระผมขออนุญาติเข้ามาดูคนที่จบโทซักกะหน่อยนะครับผม กระผมเองไม่ได้เรียนสูงครับ. พอดีทางบ้านจน  ไม่มีเงินค่าเทอม  เงินปีละ10,000บาทไม่สามารถหาได้ครับ.  ข้าวบางวันกินไม่ครบสามมื้อ ส่วนมากแล้วข้าวเช้าไม่ได้กิน  ถ้าวันไหนโชคดีมีข้าวเช้ากินก็จะเป็นข้าวที่เหลือจากเมื่อคืนซะมากกว่า  และหลายครั้งข้าวหนึ่งมื้อจะทำเผื่อไว้กินหลายๆมื้อ เรียกว่าทำหม้อเดียวกินกันทั้งบ้าน2วันเลยก็มี เช่น แกงไก่ แกงปลาดุก แกงเห็ด ทอดไข่เจียว ทอดปลานิล  แม้กระทั้งกล้วยบวชชีก็ยังทำหม้อใหญ่กินกันสามวัน.  นึกถึงสมัยเรียนแล้วมันเศร้าจริงๆ  เฮ้อ ปั่นจักรยาน5กิโลไปโรงเรียนมัธยม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 มกราคม 2013, 01:08:48 โดย คนใจดี » บันทึกการเข้า

bullybrandname
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 458



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #46 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 02:09:25 »

เป็นกำลังใจให้ครับ

แต่ตอนนี้เพิ่งเรียนปี 1 เองไม่ใช่หรือ ภาระก็ดูเหมือนจะเยอะมาก ตอนนี้อยากให้คิดว่าทำยังไงจะจบปริญญาตรี
โดยที่ต้องทำงานไปด้วย เพื่อส่งทางบ้านก่อนดีกว่า

เพราะดูจากที่เล่า กว่าจะจบปริญญาตรีได้ ก็คงสาหัสพอประมาณ อย่าเพิ่งไปถึงขั้นปริญญาโท หรือเอกเลย
ถ้าจบปริญญาตรีแล้ว หรือเรียนปี 4  แล้ว ณ วันนั้น งานที่ทำไปดว้ยอาจประสบความสำเร็จมีรายได้
เพียงพอให้เรียนต่อได้อย่างสบาย ๆ ไมต้องมานั่งคิดมากก็ได้ครับ
บันทึกการเข้า

http://www.bullybrandname.com กระเป๋า COACH KATE SPADE และสินค้าแบรนด์เนมแท้
http://www.coachforman.com   กระเป๋าผู้ชาย COACH 
http://www.underwareforhim.com   กางเกงในผู้ชาย
http://www.underwareforher.com กางเกงในผู้หญิง ชุดกีฬา
http://www.komasquare.com เสื้อผ้าแฟชั่นผู้ชาย แบรนด์เนมจากอเมริกาแท้
ShowOff
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 67
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 827



ดูรายละเอียด
« ตอบ #47 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 02:26:15 »

สู้ๆครับ  wanwan003
บันทึกการเข้า
mija
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 107
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,089



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #48 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 07:27:31 »

กระผมขออนุญาติเข้ามาดูคนที่จบโทซักกะหน่อยนะครับผม กระผมเองไม่ได้เรียนสูงครับ. พอดีทางบ้านจน  ไม่มีเงินค่าเทอม  เงินปีละ10,000บาทไม่สามารถหาได้ครับ.  ข้าวบางวันกินไม่ครบสามมื้อ ส่วนมากแล้วข้าวเช้าไม่ได้กิน  ถ้าวันไหนโชคดีมีข้าวเช้ากินก็จะเป็นข้าวที่เหลือจากเมื่อคืนซะมากกว่า  และหลายครั้งข้าวหนึ่งมื้อจะทำเผื่อไว้กินหลายๆมื้อ เรียกว่าทำหม้อเดียวกินกันทั้งบ้าน2วันเลยก็มี เช่น แกงไก่ แกงปลาดุก แกงเห็ด ทอดไข่เจียว ทอดปลานิล  แม้กระทั้งกล้วยบวชชีก็ยังทำหม้อใหญ่กินกันสามวัน.  นึกถึงสมัยเรียนแล้วมันเศร้าจริงๆ  เฮ้อ ปั่นจักรยาน5กิโลไปโรงเรียนมัธยม

ไม่ชอบการกระแนะกระแหนแบบนี้เลย ทำเหมือนตัวเองลำบากอยู่คนเดียวในโลก ไม่มีข้าวแล้วทำไมไม่กินข้าววัด ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมโรงเรียนวัดก็มีและเรียนฟรี นี่ยังไม่รวมสารพัดทุนแจกเด็ก ๆ มากมาย ไอ้ที่มาบ่น ๆ นอกจากนั่งรำพรรณถึงความลำบากของตนเองแล้ว ยังไม่เห็นจะขวยขวายทำอะไรเลย คนในนี้ไม่ได้เรียนเลยก็มีเยอะแยะแต่อาศัยความอยากเรียนรู้ได้ดิบได้ดีก็มี บางคนก็โตมากับข้าววัด

พี่ในบอร์ดนี้คนหนึ่งที่สนิทเคยไม่มีบ้านนอน เคยรื้อถังขยะหาของกิน ยังเติบใหญ่และมีเงินทองด้วยความพยายามของตัวเอง และใช้ความลำบากนั้นช่วยเหลือผู้อื่นเพราะตัวเองเคยไม่มีมาก่อนถึงเข้าใจ ไม่เห็นเขาจะมาพร่ำเพ้อพรรณาอะไรแบบนี้เลย คนอาภัพก็น่าสงสารแต่คนอาภัพไม่มีสิทธิ์เอาความอาภัพนั้นมากระแนะกระแหนผู้อื่นว่าตัวเองสุดแสนลำบาก รวยจนอยู่ที่ใจ ดีชั่วอยู่ที่ทำตัว ไม่เกี่ยวกับยากดีมีจน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 มกราคม 2013, 07:33:16 โดย mija » บันทึกการเข้า

phurich
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 12
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 194



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #49 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 07:40:05 »

ทุกวันนี้ ทุกคนลำบากมาก ๆ ครับ ลำบากกันหมดจริง ๆ เพราะการงานอาชีพมันทำยาก และ คู่แข่งเยอะขึ้นเรื่อย ๆ สมัยนี้จะไปซื้อของมาขาย เป็นโชว์ห่วย มันทำไม่ได้แล้วนะครับ สมัยรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายทำอาชีพแบบนี้เยอะมาก ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า อาชีพนี้ตายสนิทจริง ๆ จะทำให้ไปได้ดีผมว่ายากกว่างมเข็มอีก

ผมอ่านข่าวต่างประเทศเค้าก็ทำอาชีพแบบนี้พอหาเลี้ยงตัวเองได้ เพราะเค้ามีผังเมืองที่ห้ามค้าปลีกขนาดใหญ่มาตั้งใจกลางเมือง ต้องไปอยู่ไกล ๆ โน้น

ครอบครัวผมก็ลำบากครับ ผมเป็นลูกคนโตด้วย แม่ผมจะ 60 แล้ว ยังต้องมานั่งคิดหาอาชีพใหม่ทำเลยครับ เพราะอาชีพเก่ามันไปแทบไม่ไหวแล้ว ผมเองก็คิดแทบทุกวันว่าจะทำอะไรดี เหนื่อยครับ โลกทุกวันนี้ ... เรียกว่าถ้าไม่ถึงกับอดตายก็ถือว่าโชคดีมากแล้วครับ

สู้ ๆ ครับ ต้องสู้อย่างเดียวถึงจะรอด  Cry สู้ทั้งน้ำตา
บันทึกการเข้า

ส่งของจากอเมริกากลับไทย นำเข้าจากอเมริกา Pre-order USA จำหน่ายกล้องส่องทางไกล กล้องดูดาว
จำหน่ายเมล็ดผัก ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า เลื่อยโซ่ยนต์ เครื่องตัดหญ้า

eMicroMart.com บริการซื้อสินค้าและจัดส่งสินค้าจากอเมริกา
ThaiOptics.com จำหน่ายกล้องส่องทางไกล กล้องดูดาว
ThaiSeedOnline.lnwshop.com จำหน่ายเมล็ดผักและเครื่องจักรการ
Jumpman999
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 43
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 663



ดูรายละเอียด
« ตอบ #50 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 07:49:24 »

จบตรี หรือ โท  ก็ขอให้เป็นคนดีครับ  เพราะสังคมยอมรับ     ส่วนความรู้สามารถหาเพิ่มเติมได้ทั้งใน มหาลัย และนอกมหาลัย  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 มกราคม 2013, 18:01:15 โดย Jumpman999 » บันทึกการเข้า

เที่ยวสงกรานต์ให้มีความสุข  งดดื่มสุราและของมึนเมา (คนเดียว)
JamesKung
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 150
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,122



ดูรายละเอียด
« ตอบ #51 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 08:01:46 »

ผมวิเคราะห์ปัญหาหลักๆ ของน้องได้ประมาณนี้นะครับ อันดับหนึ่งเลยคือ น้องรักและห่วงแม่น้องมาก ซึ่งข้อนี้พี่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งนะคับ อย่าลืมบุญคุณท่านนะครับ บางคนได้ดีแล้วลืมพ่อแม่ อันนี้ไม่ควรนะครับ ถึงแม้พ่อแม่เราจะจน เราหยิบยื่นอะไรได้เราก็หยิบยื่นให้ท่าน
บันทึกการเข้า
JamesKung
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 150
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,122



ดูรายละเอียด
« ตอบ #52 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 08:11:47 »

ผมวิเคราะห์ปัญหาหลักๆ ของน้องได้ประมาณนี้นะครับ อันดับหนึ่งเลยคือ น้องรักและห่วงแม่น้องมาก ซึ่งข้อนี้พี่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งนะคับ อย่าลืมบุญคุณท่านนะครับ บางคนได้ดีแล้วลืมพ่อแม่ อันนี้ไม่ควรนะครับ ถึงแม้พ่อแม่เราจะจน เราหยิบยื่นอะไรได้เราก็หยิบยื่นให้ท่าน เหมือนกับผมตอนเด็กก็จะติดแม่มากครับ แม่อยู่ห่างผมไม่ได้ห่างเมื่อไหร่ชาวบ้านเดือดร้อนทุกที เพราะต้องช่วยกันจับผมไม่ไห้ดิ้นนะคับ ฝนตกฟ้าร้องเมื่อไหร่ ผมเป็นห่วงแม่ผมตลอด เมื่อไหร่ที่ไม่เห็นแม่ผม ผมต้องออกไปตะโกนตามเรียกหาแม่ทุกครั้ง แม่ยังเคยเล่าให้ผมและคนอื่นๆฟัง ด้วยความรู้สึก ที่ดีที่ผมเป็นห่วงท่าน แต่ผมก็ทำให้ท่านไม่สบายใจหลาย อย่างเพราะถูกตามใจ เช่น อยากได้อะไรต้องได้ แม้ไม่มีเงิน แม่ก็ต้องหามาให้ผมให้ได้ นึกถึงตอนนี้ผมก็ยังเสียใจอยู่เลย ที่ทำให้ท่านไม่สบายใจ แต่อาจจะกลับไปย้อนสิ่งที่ผ่านมาไม่ได้แล้ว แต่ปัจจุบันและอนาคต ขอทำให้ดีที่สุดเพื่อแม่ พ่อ พี่น้อง และครอบครัวครับ ผมก็เป็นคนนึงที่เหมือนท่านครับ คือไม่อยากให้แม่ทำงาน อยากให้ท่านอยู่สบาย เพราะเรื่องนี้ทำให้ผมต้องทะเลาะกับแม่บ่อยๆ เพราะแม่ไม่ค่อยนอน ทำงานตลอด บางครั้งก็พูดกับแม่เสียงดังๆ อยากให้แม่นอนให้ได้อย่างน้อย 6 ชั่วโมงเพราะเห็นแกปวดหัวบ่อยๆ คงพักผ่อนไม่พอ ผมไม่เหมือนกับพี่น้องคนอื่นๆ ตรงที่ถ้าผมอยากซื้ออะไรให้แม่ ผมก็จะหาตังค์ซื้อให้เลย ไม่มีเงินเองก็ยืมของน้องๆ ช่วยกันแชร์ อย่างเช่นซื่อจานดาวเทียมให้พ่อ เห็นพ่อบ่นว่าดูมวยแล้วมันไม่ชัด ผมก็แชร์กับน้องซื้อให้เลย แต่สำหรับพี่ผมเค้าบอกว่าให้รอก่อน แต่ผมอยากซื้ออะไรหรือทำอะไรให้พ่อแม่ผม ก็ต้องรีบทำให้ทันทีเหมือนกันครับ ผมก็กล้วเหมือนที่น้องกล้วนั่นแหละครับ พ่อแม่เราก็อายุมากแล้ว ปัญหาข้อที่สอง สิ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่ทำให้น้องกังวลม่สบายใจ และเครียดคือ เรื่องเงิน ไม่พอที่จะใช้จ่ายในแต่ละเดือนทำให้ มีผลกระทบไปยังแม่ ตัวเองและครอบครัว ซึ่งพี่วิเคราะห์แล้วว่าข้อนี้ข้อเดียวกระทบไปทุกข้อเลย เพราะถ้าเรามีเงิน เราไม่จำเป็นต้องดิ้นรนมาทำงานถึงกรุงเทพ ต้องห่างจากครอบครัว และข้อที่สามคือ อยากจะเรียนต่อปริญญาโท จากที่พี่ใช้ Psychology(จิตวิทยา)วิเคราะห์ดูพี่วิเคราะห์ได้ว่าที่น้องอยากเรียนโทตอนนี้นะครับ เพราะเกิดจากโดนดูถูกเหยียดหยาม และโดนถามบ่อยๆ เช่นจบหรือยังล่ะ ลูกสาวป้า หลานป้า เค้าจบแล้วนะจบโท จบเอกที่โน่น ที่นี่ ตอนนี้ทำงานนั้นนี่ เงินเดือนเท่านั้นเท่านี้ พี่โดนประจำล่ะครับ เช่น ตอนแรก(ตอนยังเรียนอยู่)ถามว่าจบหรือยังล่ะ ลูกป้าจบแล้วนะทำงานที่โน่นที่นี่ เงินเดือนโน่นนี่ (ตอนเรียนจบ)อ้าว มีเมียหรือยังล่ะ ไม่พามีมาด้วยเหรอ ซะอย่างงั้น!!!บางครั้งต้องทำใจครับ เพราะสังคมสมัยนี้สอนให้แก่งแย่งแข่งขันกันครับ อยากโชว์อยากอวด ประเภทไม่มีเงินก็ยอมเป็นหนี้ แบบภายนอกดูดีเข้าไว้ประมาณนั้น บางครั้งก็ต้องปล่อยวางบ้างนะครับ คิดมากจะปวดหัวครับ สังคมสมัยนี้มีเงินเนรมิตได้ทุกอย่างครับ แต่ความสุขเนรมิตไม่ได้ ถ้าไม่รู้จักคำว่าพอครับ ฟังคน ฟังได้ครับ อะไรที่เราฟังแล้วมันได้ประโยชน์กับตัวเราเราก็รับไว้ อะไรที่ทำให้ปวดกะโหลกก็ปล่อยวางครับ

ไม่ทราบว่าน้องเรียนเต็มวันหรือป่าวนะครับ ถ้าสอบอย่างเดียวหรือไม่ได้เข้าเรียนเต็มเวลาก็หางานพวก 7-Family Mart-คลังสินค้า Big C,Lotus ประมาณนี้นะครับ ช่วยได้เยอะเลย ครับอย่างน้อยได้มีเงินเหลือเก็บ และมีเงินส่งให้ทางบ้านมากขึ้นนะคับ อาจเหนือยหน่อย แต่ต้องอดทน เราไม่ได้เกิดมา มีเงินกองไว้ตรงหน้า ตื่นขึ้นมามีคนรถรับส่ง ต้องพยายามครับ อย่างน้อยได้รู้จักอดทน พ่อแม่เราเคยลำบากมามากกว่าเราต้องกี่ปี ลองคิดดูสิครับ นี่เรายังไม่ได้ซักครึ่งชีวิตของท่านเลย อย่าพึ่งท้อ หนทางมีให้เดินเสมอครับ หาให้เจอ แล้วสู้กับมันครับ คนที่เป็นหัวหน้าคนที่แท้จริง ส่วนใหญ่แล้วเคยล้มลุกคลุกคลาน กันมาแล้วทั้งสิ้นครับ ล้มแล้วล้มอีก ไม่เหมือนกับคนที่มีเงินทองมากองให้ผิดหวังขึ้นมาซักนิดหน่อยก็หาทางไม่เจอสุดท้ายก็ไม่มีทางออกเพราะไม่เคยเจออุปสรรคอะไรเลย มีคนคอยเคลียร์ให้ตลอด

และอีกอย่างที่พี่คิดว่าที่น้องเป็นอย่างนี้ตอนนี้น้องอยู่คนเดียวหรือป่าวครับ มีเพื่อนเยอะมั้ย อาจจะเกิดจากความเหงา ไม่มีใครให้ปรึกษาก็ได้ครับ ปริญญาโทหรือเอก ถ้ามีโอกาสใครก็อยากเรียนครับ แต่อย่าไปเรียนตอนที่เรายังไม่พร้อมนะครับ นอกจากเราจะลำบากแล้ว อาจจะไม่จบและอาจจะเครียดยิ่งกว่าเก่านะครับ เรียนโทเรียนเอก ควรจะเรียนเมื่อเราพร้อมนะครับ เรียนตอนไหนก็ไม่สายครับ แต่ตอนนี้พี่ว่า ถ้ามีเวลาว่างก็หางานเสริมครับ ที่ได้กล่าวไปแล้ว และตอนนี้ขอให้ตั้งใจเรียนให้มากๆนะคับ สู้ๆนะคับ wanwan003 wanwan003 wanwan003
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 มกราคม 2013, 17:54:20 โดย JamesKung » บันทึกการเข้า
thaiauto
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 141



ดูรายละเอียด
« ตอบ #53 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 08:14:36 »

ถ้าเรียนดีลองสอนพิเศษดูครับ ถ้ายังเรียนไม่ดีก็ลองหาเพื่อนดีแล้ววันข้างหน้าก็จะมีอะไรดีๆ ขึ้นมาครับ
หลักๆ ต้องดูแลสุขภาพคู่กันไปด้วย จะมีเวลามากขึ้นถ้าสุขภาพดีครับ

ของผมเรียนโท โดยขอทุนเรียน แต่ที่ผมเรียนผมไม่ค่อยได้คบเพื่อนมากเพราะว่าฐานะไม่ดีครับห่วงแต่เรียน กลัวไม่ได้ทุนเอาแต่เกรด มันก็ได้เกรดได้ทุนครับ แต่เพื่อนจะน้อย โตช้ากว่าคนที่ทำกิจกรรมครับ Tongue
บันทึกการเข้า

.
nanjaow
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 353
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,322



ดูรายละเอียด
« ตอบ #54 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 09:30:08 »

ลองอ่านดูนะครับ เรื่องจริงจากสาวโรงงานคนหนึ่ง ไม่มีเงินเรียนต่อชั้นมัธยม แต่ด้วยความที่่เป็นคนรักการอ่านตั้งแต่เด็ก และความมานะพยายาม พลิกชีวิตจนกลายมาเป็นท่านผู้พิพากษาได้อย่างไร


กว่าจะมาเป็นผู้พิพากษา
.โดย ธรรมมะกับกฎหมาย เมื่อ 17 ธันวาคม 2012 เวลา 10:50 น. ·.ชีวิตคือการเดินทางที่แสนไกล บางครั้งเมื่อฉันมองย้อนกลับไปก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าฉันเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ชีวิตของฉันเริ่มต้นที่หมู่บ้านเล็กๆบนภูเขาแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคอีสานตอนบน ตั้งแต่เด็ก ทุกคนมองว่าฉันเป็นเด็กขี้อาย ไม่กล้าสู้หน้าคนแปลกหน้า ติดยาย เวลาไปไหนมาไหน ยายจะตามไปด้วยตลอดเวลา ในช่วงวัยเรียนประถม ฉันชอบอ่านหนังสือมาก ในขณะที่เพื่อนๆ ไปวิ่งเล่นกัน ฉันก็จะอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดของโรงเรียน โรงเรียนของฉันเป็นโรงเรียนเล็กๆ ในชนบทห่างไกล ไม่ค่อยมีหนังสือให้อ่าน ดังนั้น ฉันจึงอ่านหนังสือในโรงเรียน ทุกเล่ม เล่มละหลายๆรอบ

............................................................. เมื่อฉันจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ พ่อแม่บอกว่าไม่มีเงินส่งฉันเรียนในชั้นมัธยมศึกษา ประกอบคนในหมู่บ้านของฉันก็ไม่มีใครเรียนต่อกัน ดังนั้น ฉันจึงต้องหยุดเรียนและออกมาช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนา แต่ด้วยความที่ฉันถูกเลี้ยงมาแบบทะนุถนอม ยายไม่เคยปล่อยให้ฉันทำงานบ้านเอง ฉันจึงโตมาแบบทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ทำกับข้าวไม่เป็น ทำไร่ทำนาก็ไม่ไหว จนคนรอบข้าง มองฉันแล้วส่ายหน้า พร้อมกับพูดว่า ถ้าฉันไม่มีพ่อแม่ ยาย แล้ว ชีวิตฉันจะอยู่ได้อย่างไร ตอนนั้นฉันอายุสิบเอ็ดขวบ ฉันมีความคิดว่า ฉันไม่ชอบการทำไร่ทำนา เพราะมันเหนื่อย ฉันอยากเรียนหนังสือสูงๆ ทำงานดี ส่งเงินให้พ่อแม่ ฉันจึงขวนขวายที่จะเรียนการศึกษานอกโรงเรียน ฉันจึงขอพ่อไปเรียนการศึกษานอกโรงเรียน พ่อก็อนุญาต แต่แม่มีข้อแม้ว่า ฉันจะไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ประจำปี ไม่ได้สร้อยคอทองคำใส่ เหมือนกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้าน ฉันก็ตกลง

ต่อมาฉันจึงได้ไปเรียนการศึกษานอกโรงเรียน ที่จังหวัดข้างเคียง อยู่ห่างจากหมู่บ้านของฉันประมาณ สามสิบกิโลเมตร ฉันต้องเดินจากหมู่บ้านประมาณสามกิโลเมตร เพื่อขึ้นรถเมล์ไปเรียนทุกวันอาทิตย์ ยาย เป็นห่วงฉันมาก จึงเดินตามมาส่งฉันทุกอาทิตย์ และรอฉันอยู่ที่ปากทางเข้าหมู่บ้านจนกระทั่งฉันกลับมาในตอนเย็น ภาพที่คนแถวนั้นเห็นจนชินตา คือ จะมียายหลานคู่หนึ่ง เดินขึ้นเขาลงเขา ทุกวันอาทิตย์ ตอนเช้า และตอนเย็น

ฉันใช้เวลา สองปี จึงเรียนได้วุฒิเทียบเท่า ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ สาม ขณะนั้น ฉันอายุ สิบห้าปีพอดี ฉันจึงขอพ่อแม่ เข้ากรุงเทพเพื่อหางานทำและหาที่เรียนต่อ พ่ออนุญาต และแม่มีข้อแม้ว่า ฉันต้องส่งเงินให้แม่ทุกเดือน เพราะถ้าฉันไปก็ไม่ใครช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนา หลังจากนั้น ฉันและเพื่อนในหมู่บ้านอีกหลายคนก็ไปหางานที่สำนักจัดหางานประจำอำเภอ ฉันและเพื่อนถูกส่งไปทำงานที่โรงงานปลาทูน่ากระป๋องในจังหวัดนครปฐม ฉันและเพื่อน ทำงานวันแรก ก็คลื่นไส้ เป็นลม เพราะเหม็นปลาทูน่า มีหลายคนที่ทำงานไม่ไหว และลาออกในวันรุ่งขึ้น ส่วนฉันคิดว่าฉันทนได้ เพราะเป้าหมายของฉันคือการได้เรียนต่อ ฉันคิดว่าที่นี่เหมาะกับฉันเพราะ ฉันทำงานเข้ากะกลางคืน ในเวลากลางวันฉันก็จะสามารถไปเรียนต่อได้ตามความฝัน และฉันเห็นพนักงานที่โรงงานนี้ ก็เรียนต่อที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนกันหลายคน ฉันประทับใจกับคำพูดของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล ที่บอกว่า “อย่าคิดว่างานที่ทำเป็นงานที่ต่ำต้อย งานทุกอย่างมีคุณค่าในตัวเอง” ซึ่งฉันก็เห็นด้วยและคิดว่าฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการทำงานนี้ เป็นต้นว่า การฝึกความอดทน ไม่ย่อท้อต่อการทำงานหนัก ซึ่งเป็นพื้นฐานทำให้จิตใจเข้มแข็ง สามารถฝันฝ่าอุปสรรคต่างๆไปได้ ฉัน ทำงานอยู่ได้หนึ่งเดือน ทางโรงงานประสบปัญหาขาดทุนและเลิกจ้างพนักงานใหม่ ฉันจึงต้องออกจากงาน และย้ายไปทำงานโรงงานทอผ้า อีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงกัน ทำงานอยู่ได้หกเดือน ฉันก็ยังมองไม่เห็นหนทางที่จะได้เรียนต่อ ฉันจึงตัดสินใจกลับไปตั้งหลักที่บ้าน อยู่บ้านได้สักพัก ฉันก็ชวนเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ไปหางานที่อำเภอ เราสัญญากันว่า จะไปหางานทำด้วยกันและหาที่เรียนด้วยกัน จากนั้น ฉันและเพื่อนถูกส่งไปทำงานที่โรงงานผลไม้กระป๋อง ทำงานได้สักระยะ เพื่อนของฉันบอกว่า เค้าทนลำบากไม่ไหวแล้ว อยากจะกลับบ้าน ตัวฉันยังไม่อยากกลับบ้าน แต่ไม่มีเพื่อนอยู่ด้วย ฉันก็กลัว จึงต้องตามเพื่อนกลับบ้าน พอกลับไปอยู่บ้านสักพัก ฉันก็หาเพื่อคนใหม่ เพื่อไปหางานทำด้วยกันอีกครั้ง ฉันและเพื่อนอีกสี่คน ไปหางานที่สำนักจัดหางานประจำอำเภอ และถูกส่งกลับไปทำงานที่โรงงานปลากระป๋องในจังหวัดนครปฐม ที่เดียวกับที่ฉันเคยไปครั้งแรก ขณะนั้นกิจการดีขึ้นแล้ว ฉันรู้สึกดีใจมากและคิดว่าคราวนี้คงได้เรียนต่อสมใจซะที หลังจากทำงานได้สักระยะ ฉันก็สมัครเรียนการศึกษานอกโรงเรียนใกล้ๆกับที่ทำงาน แต่แล้วฉันก็ประสบปัญหาเดิมๆ นั่นคือ เพื่อนที่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน เค้าอยากจะกลับบ้านอีกแล้ว ฉันจึงตัดสินใจที่จะไม่ตามเพื่อนกลับบ้าน และนั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันต้องอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า โดยไม่มีคนจากหมู่บ้านเดียวกันอยู่ด้วย และแล้วฉันก็ผ่านมันไปได้ ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ท้อแท้ สิ่งที่ฉันยังจำได้ติดใจ คือ มีอยู่วันหนึ่ง ฉันเดินเข้าไปขออนุญาตหัวหน้างาน ขอเลิกงาน ห้าโมง เย็นโดยไม่ทำโอทีต่อถึง สองทุ่ม เพราะวันรุ่งขึ้นฉันต้องไปสอบ คำตอบที่ฉันได้รับคือ หน้าตาบึ้งตึงของหัวหน้างานพร้อมกับคำพูดเสียงแข็งว่า ไม่ได้ งานก็คืองาน วันนั้นฉันจึงต้องทำงานถึงสองทุ่ม และไปสอบในตอนเช้า โดยมีเวลาอ่านหนังสือเพียงน้อยนิด แต่ในที่สุด ฉันก็ได้วุฒิ ม. ๖ มาครอบครอง ซึ่งในเวลานั้น ฉันไม่รู้ว่าจะเอาวุฒิ ม. ๖ ไปทำงานอะไร หรือเรียนอะไร มีแต่คนรอบข้างที่บอกฉันว่า ขนาดคนที่เรียนในระบบโรงเรียน ยังตกงาน ยังไม่สามารถเรียนให้จบมหาวิทยาลัยได้เลย แล้วเด็กบ้านนอก จบกศน อย่างฉัน จะไปทำอะไรได้ ตอนนั้น ฉันเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจ จึงตัดสินใจกลับไปตั้งหลักที่บ้านอีกครั้ง

พอกลับไปบ้านสักพัก ความอยากเรียนต่อของฉันก็เร่งรัดให้ฉันเข้ามากรุงเทพอีกครั้งเพื่อหางานทำและหาที่เรียน คราวนี้ฉันมาทำงานก่อสร้าง พร้อมกับคนในหมู่บ้าน โดยมีแม่ตามมาทำงานด้วย ฉันทำงานก่อสร้างอยู่ได้เจ็ดวัน ก็เหน็ดเหนื่อยมากๆ จึงออกไปสมัครงานโรงงานอีกครั้ง และได้ทำงานโรงงานทำชิ้นส่วนอิเล็กทรอนนิกส์แห่งหนึ่ง ในจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อได้งานแล้วฉันก็ส่งแม่กลับบ้านนอก ฉันชอบที่นี่มาก งานสบาย สวัสดิการดี กว่าโรงงานที่ฉันเคยทำเยอะ ฉัน ตั้งใจว่า จะสมัครเรียนรามคณะรัฐศาสตร์ เพราะมีคนบอกว่า จบ กศน. อย่างฉัน เรียนได้แค่รัฐศาสตร์รามเท่านั้น ฉันทำงานที่นี่ได้สี่เดือน และกำลังจะสมัครเรียนราม แต่อนิจจา โรงงานที่ฉันทำงานอยู่ มีนโยบายไม่รับพนักงานประจำ คือจะจ้างพนักงานแค่สี่เดือนแล้วเลิกจ้าง จากนั้นก็รับสมัครพนักงานใหม่ ฉันจึงถูกเลิกจ้างด้วยประการฉะนี้ เมื่อตกงาน ฉันจึงต้องพักเรื่องการสมัครเรียนต่อไว้ก่อน

ต่อมาฉันได้งานใหม่ ที่โรงงานทำเครื่องแฟกซ์ แถว อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่นี่ เงินเดือนไม่ได้เท่าที่เดิม แต่ก็วันหยุดเยอะดี ต่อมาฉันก็วางแผนจะสมัครเรียนรามอีกครั้ง ตอนนั้นฉันคิดว่า ฉันคงเรียนสาขารัฐศาสตร์ไม่ได้ เพราะ วิชาพื้นฐานเยอะมาก และฉันไม่ได้เรียนมัธยมในระบบโรงเรียน คงตามเพื่อนไม่ทัน ส่วนคณะนิติศาสตร์ วิชาพื้นฐานน้อยดี วิชาหลักก็ไม่มีสอนในชั้นมัธยม มาเริ่มต้นพร้อมกัน ฉันคงพอเรียนได้

ปีแรก ฉันก็ลงทะเบียนเรียน ตามวันเวลาว่าง เพื่อจะได้ลางานให้น้อยที่สุด บางครั้งฉันลงทะเบียนเรียนสองวิชาที่สอบวันเดียวกัน ผลคือ ตอนเช้าสอบรามหนึ่ง ตอนบ่ายสอบรามสอง ตอนดึก ก็ไปทำงาน ผลสอบในปีหนึ่งเป็นที่น่าพอใจ ฉันสอบผ่านเป็นส่วนใหญ่ พอเริ่มปีสอง วิชาเรียนเริ่มยากขึ้น ฉันคิดการการทำงานโรงงานหนักเกินไป และไม่เหมาะแก่การเรียน ฉันตัดสินใจ ลาออกจากงานโรงงาน มา ทำงานร้านเซเว่น ใกล้กับมหาวิทยาลัย ช่วงไหนที่เข้ากะดึกและกะบ่าย ฉันก็จะหาโอกาสไปนั่งฟังคำบรรยาย ขณะนั้นฉันยังไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว ฉันจึงตัดสินใจ เข้าไปฝึกอบรมการพูดที่ศูนย์พัฒนาการพูดรามคำแหง ที่นี่ฉันมีเพื่อนมากมายและไม่อยากจะทำงานอีกต่อไป ประกอบกับช่วงนั้นมีโครงการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา ฉันจึงตัดสินใจ ลาออกจากงานและกู้เงินเรียน

ฉันใช้เวลาสามปีก็จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี จากนั้นก็ไปเรียนต่อที่เนติฯ อีกหนึ่งปี ก็จบเนติฯ ช่วงที่เรียนรามและเรียนเนติฯ ฉันไม่มีเงินซื้อหนังสือข้างนอกมาอ่าน ฉันจึงใช้วิธียืมหนังสือจากห้องสมุดมาอ่าน เมื่อยืมมาแล้วก็ต้องอ่านให้จบ ทำโน๊ตย่อไว้เพื่อทบทวนเพราะไม่ใช่หนังสือของเรา ตลอดเวลาสามปีที่รามและหนึ่งปีที่เนติ ฉันอ่านหนังสือในห้องสมุดแทบทุกเล่ม ตอนนั้นฉันสงสารตัวเองมากที่ไม่มีเงินซื้อหนังสือมาอ่าน แต่พอมองย้อนกลับไป พบว่า นั่นคือข้อดีอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ฉันมีความตั้งใจ อ่านหนังสือให้ได้เยอะ ๆเร็วๆ ฉับพบว่า หลังจากที่ฉันมีเงินซื้อหนังสือแล้ว ความขยันอ่านหนังสือหายไปเพราะคิดว่า หนังสือเป็นของเรา จะอ่านเมื่อไหร่ก็ได้ สุดท้าย ฉันมีหนังสือเต็มห้องแต่ยังอ่านไม่ครบทุกเล่ม ในช่วงสองปีที่ราม และหนึ่งปีที่เนติฯ เป็นครั้งแรกที่ฉันมีโอกาสได้ฟังคำบรรยายที่มีอาจารย์สอนแทนการอ่านหนังสือ ในขณะที่คนอื่นคิดว่าการนั่งเรียนเป็นเร่ืองน่าเบื่อ อ่านหนังสืออย่างเดียวดีกว่าเร็วดี แต่สำหรับฉันแล้วรู้สึกว่าเป็นเร่ืองโชคดีมากที่มีโอกาสได้รับทั้งความรู้และประสบการณ์โดยตรงจากผู้สอน บางครั้งอาจารย์ไม่ได้ถ่ายทอดเฉพาะความรู้เท่านั้น แต่ยังถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆที่ท่านเคยประสบการณ์ มาให้เราด้วย ดังนั้น ฉันจึงตั้งใจเรียน เกี่ยวทั้งความรู้และประสบการณ์ที่มีคุณค่าของท่าอาจารย์ มาปรับใช้ในการเรียนและการดำเนินชีวิตประจำวัน

หลังจากจบปริญญาตรีฉันเคว้งคว้างอยู้สักพัก หางานทำไม่ได้ ฉันไม่ค่อยชินกับการเรียนอย่างเดียวโดยไม่ได้ทำงาน ฉันสัญญากับตัวเองว่าถ้าหางานทำได้แล้วฉันจะตั้งใจทำงานอย่างดีที่สุด ต่อมา ฉัน สอบเข้าบรรจุเป็นข้าราชการที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ปีแรกที่ทำงานที่นี่ฉันมีความสุขมากๆ ฉันประทับใจกับการอบรมพนักงานใหม่ซึ่งให้ข้อคิดกับฉันว่า อะไรก็ตามถ้าเราทำถูกวิธีมันจะไม่เหนื่อย และประสบความสำเร็จได้ง่าย ถ้าเราทำอะไรแล้วเหนื่อยและไม่ได้ผล แสดงว่าเราทำผิดวิธีเราต้องหาวิธีการใหม่ ฉันก็ได้ใช้หลักการข้อนี้ มาปรับใช้กับการเตรียมตัวสอบผู้พิพากษา เพื่อนๆที่บรรจุพร้อมกันบอกว่างานที่นี่เหนื่อย หนัก เครียด แต่ในความรู้สึกของฉันคือ สบายกว่างานโรงงานที่ฉันทำตั้งเยอะ

ในการเตรียมตัวสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา บางครั้งเมื่อฉันเห็นคนที่อ่านหนังสือสอบอย่างเดียวฉันก็นึกอิจฉาอยากเป็นแบบนั้นบ้างแต่ทำไม่ได้เพราะมีภาระครอบครัวมากมาย มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ฉันลาพักผ่อนและไปนั่งอ่านหนังสือสามวันเต็ม ทั้งวันโดยไม่พัก ฉันอ่านจูริส จบไปสองสามเล่ม และฉันรู้สึกว่าความรู้เต็มหัวจนหนักอึ้งดพราะสมองซึมซับไม่ทัน ฉันเห็นหนังสือแล้วรู้สึกเวียนหัว อ่านหนังสือไม่ได้ไปอีกสองอาทิตย์ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ฉันเรียนรู้ว่า การศึกษาหาความรู้ ไม่ใช่การนำข้อมูลจำนวนมหาศาลมายัดใส่สมองภายในครั้งเดียว ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี แต่เป็นการค่อยซึมซับความรู้ทีละน้อยและฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ จุดสำคัญอยู่ที่ความต่อเนื่อง ถ้าเราอ่านหนังสือแค่วันละสองชั่วโมงแต่สามารถจนจำและนำไปปรับใช้ได้ มันจะเป็นความเข้าใจที่นานเท่าไหร่ก็จะไม่ลืม ถ้าเราทำได้ต่อเน่ืองทุกวัน ความรู้ที่มีจะค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เราไม่ต้องเหนี่อยฟรี นับแต่นั้นฉันจึงคิด เป็นความโชคดีของฉันที่ได้ ทำงานและเรียนด้วยมาโดยตลอด มันทำให้ฉันมีทั้งความรู้และประสบการณ์ที่นำมาใช้ด้วยกันได้อย่างลงตัว แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันพลาดไปก็คือ ฉันประมาทไปหน่อย ตอนที่ยังอายุไม่ครบที่จะสอบผู้พิพากษา ฉันก็ไม่ค่อยได้เตรียมตัว มัวแต่สนุกกับงาน สนุกเพื่อนใหม่ สถานที่แปลกใหม่ และคิดว่าอายุไม่ครบก็ยังไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากมาย พอฉันมีคุณสมบัติครบที่จะสอบผู้พิพากษาได้ และเริ่มเตรียมตัวอย่างจริงจังก็รู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมา คิดว่าเราน่าจะเตรียมตัวก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว และนั่นทำให้ฉันสอบผู้พิพากษาครั้งแรกไม่ผ่าน แต่ก็ยังดีที่ฉันยังสามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเองได้เร็ว และสามารถแก้ไขได้ จนทำให้สอบผ่านได้อย่างเฉียดฉิวในการสอบครั้งที่สอง

นับจากวันที่ฉันสอบผ่านได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา จนถึงวันนี้ เป็นเวลาแปดปีเศษ หลายครั้งที่มองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกว่า แทบไม่น่าเชื่อว่าเด็กบนดอยคนหนึ่งจะมายืนจุดนี้ได้ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันมีวันนี้ได้ คือความรักแบบไม่มีเงื่อนไขของคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ยาย น้องสาว แม้พวกเค้าจะไม่เข้าใจว่าฉันจะเรียนไปทำไมเยอะแยะมากมาย รู้แต่ว่าฉันอยากเรียนก็สนับสนุนทุกทางเท่าที่จะทำได้ ในขณะที่คนในหมู่บ้านมีแนวคิดว่าการเรียนหนังสือไม่มีประโยชน์เสียเวลาทำมาหากินและมีตัวอย่างของคนในหมู่บ้านที่ไปเรียนจบมาแล้วก็แต่งงานเลี้ยงลูกโดยไม่ได้ประกอบอาชีพตามที่เรียนมาเลย ดังนั้น พวกเค้าจึงไม่คิดที่จะส่งลูกหลานเรียนต่อ ตอนนั้นฉันชวนเพื่อนไปเรียนต่อด้วยกัน แต่พ่อแม่ของเพื่อนไม่อนุญาต และซื้อเครื่องเสียงให้เป็นการปลอบใจโดยให้เหตุผลว่า เครื่องเสียงฟังได้ทั้งครอบครัว แต่การเรียนต่อ คนในครอบครัวไม่ได้ประโยชน์อะไรด้วย ส่วนพ่อของฉันอยากให้ฉันเรียนอยู่แล้วแต่ไม่มีเงินส่งเรียน เมื่อฉันขอไปเรียน กศน. พ่อก็อนุญาต ส่วนแม่และยายแม้จะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่เคยห้าม มีแต่ช่วยสนับสนุนทุกทาง ยายมารับส่งทุกครั้งที่ไปเรียน ตอนที่ฉันเข้ามาทำงานกรุงเทพ แม่และยายก็ยอมแม้ว่าจะคิดถึงและเป็นห่วงฉันมากแค่ไหน คนข้างบ้านบอกว่าแม่ฉันจิตใจเข้มแข็งมากๆ ที่ยอมให้ลูก อายุไม่ถึงยี่สิบปีมาอยู่กรุงเทพเพียงลำพัง ฉันคิดว่าที่แม่ยอมเพราะแม่เชื่อว่าฉันดูแลตัวเองได้ดี และฉันสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้ครอบครัวผิดหวัง ส่วนน้องสาวคนเดียวของฉัน ฉันรักเค้ามาก และเค้าก็รักฉันมากเช่นเดียวกัน ในขณะทำงานฉันส่งเงินกลับบ้านเพื่อให้น้องสาวได้เรียนต่อ ซึ่งเค้าก็ไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง เค้าเรียนดี ตั้งใจเรียน มาโดยตลอด โดยที่ฉันไม่ต้องแนะนำสั่งสอน น้องเดินมาในทางเดียวกันกับที่ฉันเดิน ฉันดีใจที่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้น้องได้ บางทีฉันก็รู้สึกว่าน้องสาวของฉันอาจจะรู้สึกกดดัน ที่ใครก็ชื่นชมฉันและคาดหวังว่าน้องจะทำได้เหมือนฉัน ฉันอยากจะบอกน้องสาวว่าถึงแม้วันนี้น้องจะทำไม่ได้เท่าพี่ เพราะมีเหตุปัจจัยที่ต่างกัน ฉัน ก็รักและภูมิใจในตัวเค้ามากและดีใจที่ได้เกิดมาเป็นพี่น้องกัน อะไรที่พี่จะช่วยให้น้องประสบความสำเร็จได้พี่ก็พร้อมจะทำ อย่างเช่น การเปิดเพจธรรมมะกับกฎหมาย เพื่อแนะนำการเรียนกฎหมาย พี่เขียนเพจนี้ขึ้นมาก็เพราะคิดว่าเพจนี้จะเป็นประโยชน์กับน้องของพี่และคนอื่นๆ

.....................................เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าฉันมาจากครอบครัวที่ยากจน แต่วันนี้ฉันรู้แล้วว่าครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวที่อบอุ่น สมบูรณ์ที่สุด ตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่เคยเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันเลย เงินทุกบาทที่หามาได้ พ่อจะให้แม่เก็บทั้งหมด หากพ่อเอาเงินไปใช้ พ่อจะกลับมาบอกแม่ว่าใช้อะไรไปบ้าง ที่เหลือจะคืนแม่ทั้งหมด พ่อไม่เคยซื้อเสื้อผ้าใส่เอง แม่ซื้อเสื้อผ้าแบบไหนให้ก็ใส่แบบนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ พ่อแม่ทำงานหนักเพื่อมาเลี้ยงดูครอบครัว ยายเลี้ยงดูฉันอย่างดี ตอนเด็กฉันไม่เคยถูกตีเพราะมียายคอยปกป้องอยู่เสมอ ญาติพี่น้องทุกคนรักกันและคอยช่วยเหลือกันอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความรักในหัวใจ ที่พร้อมจะเดินตามความฝันของตัวเอง และแบ่งปันความรักให้แก่คนรอบข้าง ทำให้ฉันเรียนรู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะให้แก่คนที่เรารักได้คือ การให้เค้าได้เป็นตัวเอง ได้ทำในส่ิงที่รักและอยากมีความสุขที่จะทำ และนี่คือสิ่งที่ฉันได้จากครอบครัวของฉัน

...............................สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ทำให้ฉันเดินมาถึงตรงนี้ได้ นั้น คือ ฉันมีเป้าหมายชัดเจน และหาวิธีการเดินไปสู่จุดหมายนั้น ฉันไม่เคยยอมแพ้ ทุกครั้งที่ทุกอย่างไม่เป็นไปดังหวัง ฉันก็จะบอกกับตัวเองว่า มันต้องมีวิธีการอื่นที่ให้เราเดินไปสู่ความสำเร็จได้ ทุกเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมาไม่ว่าดีหรือร้ายก็สามารถเป็นครูสอนเราได้ สิ่งที่ดีเราก็ดูไว้เป็นตัวอย่างที่ควรทำตาม สิ่งที่ไม่ดีเราก็ดูไว้เป็นตัวอย่างที่ไม่ควรทำตาม คนเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้และเติบโตขึ้น คนเราไม่รู้หรอกว่า ทำกรรมอะไรไว้จึงได้ตัวตนแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่ถึงวันนี้ วันที่เรายังมีลมหายใจอยู่กับปัจจุบันขณะ เราสามารถเลือกได้ว่าจะเดินไปตามเส้นทางที่กรรมเก่าขีดเส้นไว้ หรือเลือกที่จะสำรวจข้อบกพร่องตัวเอง เลือกแก้ไขนิสัยเสียๆ ของตัวเอง และเลือกแก้ไขในส่ิงที่ผิด เลือกหาวิธีการที่เหมาะกับตัวเอง หาตัวเองให้เจอ แทนการเลือกโทษโชคชะตาฟ้าดิน พ่อแม่ คนรอบข้าง

credit : facebook
บันทึกการเข้า
webbest89
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 205



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #55 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 09:31:45 »

แค่ ป.ตรี ก็จะแย่แล้วครับ  wanwan044 wanwan044 wanwan044
บันทึกการเข้า

reviewer
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 49
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 956



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #56 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 09:39:40 »

ศักดิ์ศรี ความสุข อยู่ที่เรา
ถ้าจะเรียนมีทุนให้ขอเยอะแยะ ของคณะของมหาวิทยาลัย ของเอกชน ขององค์กรต่างๆ

มีคนจบเอกเยอะนะที่จบด้วยทุน
บันทึกการเข้า

คุณเชื่อไหมว่า มีพื้นฐานเกือบครบแล้วในไทยเสียว เหลือแต่ให้เราเอาไปประยุกต์ใช้งานจริง
USO (USer Optimization) สำคัญกว่า SEO?? 
SEO Reviewer  do for more Review Seo reviewer are reviewed by reviewer . Just kidding. IM Employment :IM SALER   and IM BUYER of property should make certain that IM  professionals.
ทำไมข้อสอบม.ต้นเยอะจัง อยากไปเรียนมหาวิทยาลัยก้ามหด จัง
dekmv
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 222
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,264



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #57 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 10:17:25 »

ได้ข้อคิดดีๆเยอะครับ ส่วนผมกำลังจะจบตรี ... wanwan011
บันทึกการเข้า
hippoyim
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 10
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 94



ดูรายละเอียด
« ตอบ #58 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 10:21:50 »

หลายคนแนะนำมาเยอะแล้ว
ขอแนะนำหนังสือเล่มหนึ่ง
ความจริงมีหลายเล่ม แต่ลองเริ่มจากเล่มนี้ก่อน

"พ่อรวยสอนลูก" คนแต่ง Robert T. Kiyosaki แปล. นันทวัน รุจิวงค์ สำนักพิมพ์ ซีเอ็ด ราคาเล่มละ 160 บาท
คิดว่าในห้องสมุดมหาวิทยาลัย น่าจะมีให้ยืม 

ลองอ่านดูอาจช่วยเปิดมุมมองให้อีกทาง
บันทึกการเข้า
denich
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 8
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 326



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #59 เมื่อ: 08 มกราคม 2013, 10:23:50 »

 wanwan044 ผมก็จบโทครับ แต่ผมก็ทำงานกับครอบครัวอ่ะนะ แต่ผมก็เข้าใจความคิดของคุณนะ เพราะผมก็มีเพื่อนคนหนึ่งจบโทเหมือนกัน คือว่า ฐานะของเพื่อนของผมคนนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แต่เขาก็ทำงานมาเรื่อย ๆ จากเด็กเสริ์ฟร้าน KFC ทำตอนสมัยเรียน ป.ตรี นะ จนจบ ป.ตรี ก็มาสมัครงานเป็นระดับ supervisor ของ Starbucks หยุดวันอาทิตย์วันเดียว เขาก็สมัครไปเรียน ป.โท เฉพาะ วันอาทิตย์ วันเดียว เขาก็ใช้วิธีการหาแหล่งเงินกู้เป็นค่าเทอม เมื่อจบ ป.โท แล้ว เขาก็ได้ไปสมัครตำแหน่ง รองผู้จัดการ ของห้างคาร์ฟูร์ จวบจนถึง ปัจจุบันเขาก็ได้ดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการห้าง LOTUS แต่ความก้าวหน้าก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า เราจะต้อง ป.โท หรือ ดร. หลอกนะ มันขึ้นอยู่ดวง ประกอบกับเทคนิคและกลยุทธว่าจะปรับใช้กับชีวิตอย่างไร จะทำให้ตัวเองได้ตำแหน่งงานดี ๆ เงินเดือนดี ๆ ได้อย่างไร ตอนเข้าสัมภาษณ์งาน กับผลการเรียนและประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาด้วย ปล. เรียนโท ถ้าเลือกเรียนแผน ก ก็ต้องทำ วิทยานิพนธ์ ถ้าเลือกแผน ข ก็ไม่ต้องทำวิทยานิพนธ์ แต่ต้องทำ IS คือ ทำค้าย ๆ วิทยานิพนธ์ แต่จะผ่านง่ายกว่า ไม่ต้องผ่านกรรมการตรวจสอบหลายท่านเหมือนกับวิทยานิพนธ์ และที่สำคัญที่สุดคือ เงิน กับความ อึด สิ่งที่ได้ไม่ใช่แค่วุฒิ ป.โท เพียงอย่างเดียว ยังได้สังคมดี ๆ ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นนะ คุณอาจจะได้ลูกค้าในเชิงธุรกิจ หรือ หุ้นส่วนทำธุรกิจเล็ก ๆ ก็อาจเป็นได้  Cry
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 2 [3] 4   ขึ้นบน
พิมพ์