ต่อไป »

[berbatin]

หน่วยงานนี้มี
Server กลาง 5 เครื่อง
มีแผนก 4 แผนก
1 แผนกมีเครื่องServer 4 เครื่อง
1 แผนกมีพนักงาน 10 คน
พนักงานมีคอมตั้งโต๊ะคนละ 1 เครื่อง (หน่วยงานให้)
พนักงานมีโน้ตบุ๊กคนละ 1 เครื่อง (หน่วยงานให้)
พนักงานมีTabletคนละ 1 เครื่อง (หน่วยงานให้)
พนักงานมีSmartphoneคนละ 2 เครื่อง


คำถามครับ
ใช้ได้เฉพาะ Classful IP Address
1.1. ควรจะมี Private IP เป็น class ไหนจำนวนกี่ Class ในclassนั้น มีกี่ Address มี Network IP Address เป็นหมายเลขใด และ subnet เป็นอะไร
1.2  ip address จากข้อ 1.1 จะทำให้เหลือ ip addressรองรับพนักงานใหม่ในอนาคตได้กี่คน และถ้าจำนวนพนักงานต่อแผนกไม่เปลี่ยนสามารถรองรับแผนกใหม่ๆนอนาคตได้กี่แผนก
1.3  หน่วยงานนี้ต้องการแบ่ง ip address ทั้งหมดให้เป็น subnet ย่อย ตามจำนวนแผนกที่มีอยู่ จะได้ทั้งหมดกี่ subnet ใน subnet นั้นจะมีกี่ address และมี subnet mask ที่ใช้ในการแบ่งเป็นอะไร และเหลือ subnet สำหรับแผนกใหม่ๆในอนาคตกี่แผนก
1.4  การแบ่ง ip เป็น subnet ย่อยดังข้อ1.3 จะมี ip address เพียงพอสำหรับจำนวนพนักงานในปัจจุบันของคุณหรือไม่ ถ้ามีเพียงพอ จะเหลือ ip สำหรับรองรับ พนักงานใหม่ในอนาคตแผนกละกี่คน ในกรณีไม่เพียงพอแต่ละแผนกขาด ip เท่าไหร่


[aod563121]

ช่วยตัวเองเถอะครับ เห็นคำถามแล้วจะ

[berbatin]

ช่วยตัวเองเถอะครับ เห็นคำถามแล้วจะ

อยากช่วยอยู่ครับ แต่มันไปไม่เป็นสิครับ ^^

[jiw]

จำได้ว่าตอนเรียน เจอข้อสอบแบบนี้สนุกกับมันมาก


แต่เวลามันผ่านไปนานละ 5555555555555 << เขียนแบบนี้ก็รู้แล้วละว่าผมจะตอบว่าอะไร ^^

[kritsakul]

สู้ต่อไปน่ะครับ ผมดันเลือกเรียนสาย Programmer ไม่ได้เรียน Network  (แล้วจะพูดทำไมเนี่ยเรา)
ประมาณว่า อยากช่วยครับ แต่ทำไม่เป็น

สู้ๆๆๆ ครับ 

[marketting]

ขอโทษจริงๆ เจอแบบนี้ หนักใจเลย

1.1  น่าจะเป็น class - C ส่วน ip แล้วแต่เรากำหนดว่า main หลักตั้ง class ไหนๆ มานะ
1.2  -
1.3  -
1.4  -

เราไม่เข้าใจเลยแหละ เหมือนผมเรียนแล้ว แต่ว่า ไม่ย่อยมากขนาดนี้อ่ะ ลองดูท่านอื่นๆ
หาเพิ่มเติมจาก gg  นะครับ

โค๊ด:

http://www.compspot.net/index.php?option=com_content&task=view&id=95&Itemid=46

โค๊ด:

http://www.com-th.net/webboard/index.php?topic=33047.0

ช่วยได้เท่านี้จริงๆ ครับ

[เฮียบิว]

เข้ามาให้กำลังใจครับ 

[haihui]

เคยเรียนสาย network มาตอนปี 4 วิชานี้สนุกมาก ตอนนี้ลืมหมดเเล้ว เเต่ที่อ่านมาไม่น่ายากครับ
แนวคิดก็ใช้ class c มันได้ 256sub = 256 แผนก 1 แผนกได้ 256 คน แต่ใช้งานจริงได้ 254 ประมาณนี้แล้วก็เอามาหักลบคน แผนกดูถูกเปล่าหว่า 
จำไม่ได้แล้วอะพิมพ์ไปยังมั่วๆงงๆตัวเองอยู่เลย ลืมหมดละตั้งแต่หันเหมาทำ im 5555+   

[Legolas]

 

[WonderThailand]

------ ขอแก้ไขใหม่ -----

จากโจทย์
------------------------------------
Server กลาง 5 เครื่อง
มีแผนก 4 แผนก
1 แผนกมีเครื่องServer 4 เครื่อง
1 แผนกมีพนักงาน 10 คน
พนักงานมีคอมตั้งโต๊ะคนละ 1 เครื่อง (หน่วยงานให้)
พนักงานมีโน้ตบุ๊กคนละ 1 เครื่อง (หน่วยงานให้)
พนักงานมีTabletคนละ 1 เครื่อง (หน่วยงานให้)
พนักงานมีSmartphoneคนละ 2 เครื่อง
------------------------------------
สรุปได้ว่า
1) ปัจจุบันมี 5 Subnet
2) หนึ่งแผนก มีอยู่แล้ว 54 IP ต่อ Subnet

อย่างน้อยหรือมากกว่า (เผื่ออนาคต)
1.1 Class B
1.2 เผื่ออนาคตไว้สัก 16 แผนก
1.3 Subnet 255.255.240.0
1.4 รองรับพนักงานได้ 4094 คนต่อแผนก

 

[pcr999]

  ไม่รู้

[jeking]

 

งง เลย 

[cr4xkr]

ก่อนอื่นคุณต้องนับจำนวนเครื่องทั้งหมดทุกแผนก+Server กลาง ด้วยนะครับ ผมรวมให้คุณได้ 221 เครื่อง (ลองนับใหม่นะครับ เผื่อผมนับผิด) แล้วก็ต้อง

แยกแยะว่า classful กับ classless มันต่างกันยังไง ตัวอย่าง  192.168.1.1/255.255.255.0 อันนี้คือ classful ให้สังเกตุที่ subnet mask นะครับ
classless  192.168.1.1/255.255.255.128 หรือ .192,.224,.240
  

1.1 ก็ดูจากจำนวนเครื่องที่นับได้ก็จะรู้ว่าใช้ ip class ไหน
class A: ก็ดูจาก subnet mask 255.0.0.0 รองรับ client ได้ 16,777,214 เครื่อง (class ful)
Class ฺB: 255.255.0.0 รองรับ client ได้ 65534 เครื่อง (class ful)
Class C: 255.255.255.0 รองรับ client ได้ 254 เครื่อง คำนวณได้จากเลข 0 หลักสุดท้ายนะครับ ในที่นี้มาจากแปลงเป็นเลขฐาน 2 = 00000000 หรือ

2 ยกำลัง 8 = 256 แต่จะเหลือ ip ใช้งานได้จริงๆ  254 ip (192.168.1.1-254) (2 ยกกำลัง n-2)192.168.1.0 เป็น network id ส่วน 192.168.1.255

เป็น broadcast ในที่นี่สมมติว่ามีเครื่องในออฟฟิศทั้งหมด 221 เครื่อง เพราะฉะนั้น Class c ก็รองรับได้ครับ แต่ถ้ามีการเพิ่มพนักงานหรือเครื่องใน

อนาคต ip ไม่พอแน่ครับ
ส่วน network id ก็คำนวนได้จากการเอา ip และ subnet mask แปลงเป็นเลขฐาน 2 แล้วนำมาคูณ (AND)กัน เช่น 192.168.1.1/255.255.255.0
แปลงเป็นเลขฐาน 2 ได้ดังนี้ 192.168.1.1 >>> 11000000.10101000.00000001.00000001
                   255.255.255.0 >>>11111111.11111111.11111111.00000000
นำมา AND กันจะได้                      11000000.10101000.00000001.00000000  >>>192.168.1.0 ซึ่งก็คือค่า network id นั่นเอง ครับ

1.2 ก็นำเอาจำนวน ip ที่ใช้งานได้จริงของ class ที่เราเลือกใช้ มาลบกับจำนวนเครื่องที่ใช้ ip ไปแล้ว ก็จะเหลือจำนวน ip ทีำ่ยังไม่ได้ใช้งาน
ถ้าจำนวนพนักงานต่อแผนกไม่เปลี่ยนสามารถรองรับแผนกใหม่ๆนอนาคตได้กี่แผนก  ก็เอาจำนวน ip ทีำ่ยังเหลือไม่ได้ใช้งาน หารด้วย 10 ก็จะได้ X แผนก

1.3 ถ้าสมมติใช้ class C subnet mask ก็จะไม่ได้เป็นแบบ classful แล้วนะครับ ก็ต้องคำนวณว่าแต่ละแผนกมีกี่เครื่อง สมมติใช้ 54 เครื่อง ก็ต้องมา

ดูว่าจะใช้ subnet mask ตัวไหน เช่น 192.168.1.1/255.255.255.192 ก็แปลงเป็นเลขฐาน 2 อีกครั้งครับ
192.168.1.1 >>> 11000000.10101000.00000001.00000001
255.255.255.192>>>11111111.11111111.11111111.11000000 (26 bit) สังเกตุ 000000 หกตัวท้ายนะครับ มันมี 6 ตัว ก็ 2 ยกกำลัง 6 จะ

ได้ 64 ip
ต่อ subnet ใช้งานได้ 62 ip ซึ่งก็จะเพียงพอสำหรับ 54 เครื่องในแผนกนั้น ส่วน 11 สองตัว (11000000)ก็จะได้ 2 ยกกำลัง 2 จะได้ 4 subnet ดังข้าง

ล่าง

1  192.168.1.0  192.168.1.1 - 192.168.1.62  192.168.1.63
2  192.168.1.64  192.168.1.65 - 192.168.1.126  192.168.1.127
3  192.168.1.128  192.168.1.129 - 192.168.1.190  192.168.1.191
4  192.168.1.192  192.168.1.193 - 192.168.1.254  192.168.1.255

1.4 ก็เอาจำนวน ip ที่ใช้งานได้จริงของแต่ละ subnet มาลบด้วยจำนวนเครื่องในแผนก
  

 ผมขอแนะนำให้ไปอ่านเรื่องการคำนวณ ip เพิ่มเติมนะครับ หรือไม่ก็หาดาวน์โหลด โปรแกรมคำนวณหา ip มาใช้ก็ได้ครับ โดย search หาที่ google

"CiscoKits CCNA Subnet Calculator" แล้วก็ศึกษาเกี่ยวกับเลขฐาน 2,8,16 ด้วยนะครับ เพราะเวลาคำนวณ ip ต้องแปลงจากเลขฐาน 10 เป็นเลข

ฐาน 2  แล้วเอา ip ที่แปลงเป็นเลขฐาน 2 เสร็จแล้ว มาคูณกับ subnet mask ที่แปลงเป็นเลขฐาน 2 ครับ แล้วจะได้เป็นค่า network ID  

ปล. อย่าเพิ่งเชื่อผมทั้งหมดนะครับ จนกว่าคุณจะพิสูจน์ด้วยตัวคุณเอง

[เฮียบิว]

ขอบคุณครับ 

[berbatin]

ขอบคุณครับ

[thaigoodskin]

ก่อนอื่นคุณต้องนับจำนวนเครื่องทั้งหมดทุกแผนก+Server กลาง ด้วยนะครับ ผมรวมให้คุณได้ 221 เครื่อง (ลองนับใหม่นะครับ เผื่อผมนับผิด) แล้วก็ต้อง

แยกแยะว่า classful กับ classless มันต่างกันยังไง ตัวอย่าง  192.168.1.1/255.255.255.0 อันนี้คือ classful ให้สังเกตุที่ subnet mask นะครับ
classless  192.168.1.1/255.255.255.128 หรือ .192,.224,.240
  

1.1 ก็ดูจากจำนวนเครื่องที่นับได้ก็จะรู้ว่าใช้ ip class ไหน
class A: ก็ดูจาก subnet mask 255.0.0.0 รองรับ client ได้ 16,777,214 เครื่อง (class ful)
Class ฺB: 255.255.0.0 รองรับ client ได้ 65534 เครื่อง (class ful)
Class C: 255.255.255.0 รองรับ client ได้ 254 เครื่อง คำนวณได้จากเลข 0 หลักสุดท้ายนะครับ ในที่นี้มาจากแปลงเป็นเลขฐาน 2 = 00000000 หรือ

2 ยกำลัง 8 = 256 แต่จะเหลือ ip ใช้งานได้จริงๆ  254 ip (192.168.1.1-254) (2 ยกกำลัง n-2)192.168.1.0 เป็น network id ส่วน 192.168.1.255

เป็น broadcast ในที่นี่สมมติว่ามีเครื่องในออฟฟิศทั้งหมด 221 เครื่อง เพราะฉะนั้น Class c ก็รองรับได้ครับ แต่ถ้ามีการเพิ่มพนักงานหรือเครื่องใน

อนาคต ip ไม่พอแน่ครับ
ส่วน network id ก็คำนวนได้จากการเอา ip และ subnet mask แปลงเป็นเลขฐาน 2 แล้วนำมาคูณ (AND)กัน เช่น 192.168.1.1/255.255.255.0
แปลงเป็นเลขฐาน 2 ได้ดังนี้ 192.168.1.1 >>> 11000000.10101000.00000001.00000001
                   255.255.255.0 >>>11111111.11111111.11111111.00000000
นำมา AND กันจะได้                      11000000.10101000.00000001.00000000  >>>192.168.1.0 ซึ่งก็คือค่า network id นั่นเอง ครับ

1.2 ก็นำเอาจำนวน ip ที่ใช้งานได้จริงของ class ที่เราเลือกใช้ มาลบกับจำนวนเครื่องที่ใช้ ip ไปแล้ว ก็จะเหลือจำนวน ip ทีำ่ยังไม่ได้ใช้งาน
ถ้าจำนวนพนักงานต่อแผนกไม่เปลี่ยนสามารถรองรับแผนกใหม่ๆนอนาคตได้กี่แผนก  ก็เอาจำนวน ip ทีำ่ยังเหลือไม่ได้ใช้งาน หารด้วย 10 ก็จะได้ X แผนก

1.3 ถ้าสมมติใช้ class C subnet mask ก็จะไม่ได้เป็นแบบ classful แล้วนะครับ ก็ต้องคำนวณว่าแต่ละแผนกมีกี่เครื่อง สมมติใช้ 54 เครื่อง ก็ต้องมา

ดูว่าจะใช้ subnet mask ตัวไหน เช่น 192.168.1.1/255.255.255.192 ก็แปลงเป็นเลขฐาน 2 อีกครั้งครับ
192.168.1.1 >>> 11000000.10101000.00000001.00000001
255.255.255.192>>>11111111.11111111.11111111.11000000 (26 bit) สังเกตุ 000000 หกตัวท้ายนะครับ มันมี 6 ตัว ก็ 2 ยกกำลัง 6 จะ

ได้ 64 ip
ต่อ subnet ใช้งานได้ 62 ip ซึ่งก็จะเพียงพอสำหรับ 54 เครื่องในแผนกนั้น ส่วน 11 สองตัว (11000000)ก็จะได้ 2 ยกกำลัง 2 จะได้ 4 subnet ดังข้าง

ล่าง

1  192.168.1.0  192.168.1.1 - 192.168.1.62  192.168.1.63
2  192.168.1.64  192.168.1.65 - 192.168.1.126  192.168.1.127
3  192.168.1.128  192.168.1.129 - 192.168.1.190  192.168.1.191
4  192.168.1.192  192.168.1.193 - 192.168.1.254  192.168.1.255

1.4 ก็เอาจำนวน ip ที่ใช้งานได้จริงของแต่ละ subnet มาลบด้วยจำนวนเครื่องในแผนก
  

 ผมขอแนะนำให้ไปอ่านเรื่องการคำนวณ ip เพิ่มเติมนะครับ หรือไม่ก็หาดาวน์โหลด โปรแกรมคำนวณหา ip มาใช้ก็ได้ครับ โดย search หาที่ google

"CiscoKits CCNA Subnet Calculator" แล้วก็ศึกษาเกี่ยวกับเลขฐาน 2,8,16 ด้วยนะครับ เพราะเวลาคำนวณ ip ต้องแปลงจากเลขฐาน 10 เป็นเลข

ฐาน 2  แล้วเอา ip ที่แปลงเป็นเลขฐาน 2 เสร็จแล้ว มาคูณกับ subnet mask ที่แปลงเป็นเลขฐาน 2 ครับ แล้วจะได้เป็นค่า network ID  

ปล. อย่าเพิ่งเชื่อผมทั้งหมดนะครับ จนกว่าคุณจะพิสูจน์ด้วยตัวคุณเอง

ชัดเจน ได้ใจความดีครับ     +1

[adjobb]

โครตละเอียดเลยครับ cr4xkr

[cr4xkr]

ยินดีครับ ที่ได้แชร์ความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ผมมีอยู่ ซึ่งตอนนี้ผมก็หันมาเอาดีทางด้าน IM เลยเสียดายความรู้ทางด้าน Network ครับ

[tonlinethai]

คุณ cr4xkr ตอบละเอียดยิบเลยครับ สุดยอดดดดดดดดด 

[Calcium]

 +1 >> cr4xkr ละเอียดมากครับ