ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comความรู้ทั่วไปE-commerceท่านสร้างแบรนด์ กันอย่างไรกับธุรกิจ E-Commerce
หน้า: [1] 2   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ท่านสร้างแบรนด์ กันอย่างไรกับธุรกิจ E-Commerce  (อ่าน 4617 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
smart7667
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 148



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2012, 14:54:30 »

อยากทราบหลักการ ในการสร้างแบรนด์ ปัจจุบันผมขายสินค้านำเข้า เช่น อุปกรณ์ไอที เช่น เมาส์แปลก ๆ flashdrive น่ารัก สินค้าประมาณนี้ที่ไม่ค่อยมีขายตามร้านไอที เป็นในแบบ E-commerce

การสร้างแบนด์กับร้าน E-commerce อย่างผมนี้มันทำอย่างไรครับ มันไม่เหมือน กับการสร้างแบรนด์ตัวสินค้าที่เขาผลิตเอง  ธุรกิจSME เช่น ร่มบ่อสร้าง ร้านอาหาร เสื้อผ้ายี่ห้อต่าง ๆ ธุรกิจต่าง ๆ ที่เห็นในรายการ sme ตีแตก

หลายคนในบอร์ดแห่งนี้ก็เหมือนกันครับ ที่ทำลักษณะคล้าย ๆ กันอย่างผม เช่น ขายเสื้อชั้นในนำเข้าขายให้คนไทย ขายเคสมือถือจากเสือป่า ขายเครื่องสำอาง ท่านมีวิธีการสร้างแบรนด์กันอย่างไร Huh?

อยากทราบแนวทางของแต่ละท่านเป็นวิทยาทานครับ



วีดีโอตรงนี้เป็นการสร้างแบนด์ ในธุรกิจ SME ต่าง ๆ
CEO TALK - Sohn Chongsrichan # 1

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28 พฤษภาคม 2012, 15:11:19 โดย smart7667 » บันทึกการเข้า
eyourhand
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,435



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2012, 16:53:08 »

การสร้างแบรนด์ในแบบที่ท่านหมายถึง ก็ คงต้องมามองการสร้างตัวตน ของท่านเอง นั่นแหละครับ

โดยวิธีการ เริ่มจาก การที่ท่านมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในสิ่งนั้นๆ โดยรอบด้าน เช่น ท่านขายอุปกรณ์ IT ท่านก็เป็นผู้นำทางเทคโนโลยี แบบนี้  ท่านขายอาหารเสริม ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ในเชิงป้องกัน แทนการรักษา

- การสร้างชุมชน จาก บล็อค หรือบอร์ด ที่ท่านเขียนเอง ที่มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ บวกกับสินค้าที่ท่านนำเสนอ ที่นึกถึงสินค้าประเภทนี้ทีไร จะนึกถึง ตัวท่านเอง และติดตามอยู่เสมอ
- หรือ  การถาม ตอบ ปัญหา ให้คำแนะนำที่มีประโยชน์ ตามบอร์ดชุมชน ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของท่าน

ต่างๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา และความพยายาม เน้นเป็นอย่างยิ่งว่าก็ควรมีจิตใจที่รักต่อสิ่งๆนั้น เป็นเซลล์นั้นต้องคิดตลอดว่าจะขายอย่างไร ไม่หยุดนิ่ง ท่านก็ประสบความสำเร็จได้ครับ
บันทึกการเข้า

smart7667
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 148



ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2012, 08:46:54 »

ขอบคุณมากเลยครับ
บันทึกการเข้า
buyteppen
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 132



ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2012, 17:23:08 »

อยากจะสร้างแบรนด์ของตัวเองเหมือนกันนะ ปัจจุบันก็นำเข้าสินค้ามาขายเหมือนกัน
จะสร้างแบรนด์สิ่งหนึ่งที่เราไม่มีคือทุนทรัพย์ คิดว่าการลงทุนในครั้งแรกน่าจะสูงอยู่เหมือนกัน
บันทึกการเข้า

rutgygy
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 118



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2012, 17:42:18 »

ความคิดผมคือ ต้องมีโปรดัก เป็นของตัวเองด้วยครับ 

คิด แล้วสั่งทำ

หรือทำเอง 

บันทึกการเข้า
longdoodi
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 79
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 882



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2012, 17:59:42 »

รู้จัก และ รักในสิ่งที่ทำ ที่สำคัญเป็นสิ่งที่เราถนัดครับ  หากทุนโฆษณาไม่หนา ก็ให้เวลาช่วยสร้างแบรนด์ไปอีกทางครับ
บันทึกการเข้า

arzulga
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,280



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2012, 20:06:44 »

ขออนุญาตแนะนำไอเดียนิดน่ะครับ คำว่าสร้างแบรนด์ จริงๆ สินค้าที่เราจะสร้างแบรนด์ไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้าที่เราผลิตเองหรอกครับ แบรนด์ดังๆบางอย่าง เขาก็ไม่ได้สร้างเอง เพียงแต่เขาเป็นคนคิด จะผลิตเองหรือจ้างคนอื่นผลิตก็ได้ แล้วเอามาติด ทำการตลาดในแบรนด์ของตัวเอง

สิ่งสำคัญที่สุดของการสร้างแบรนด์ก็คือสินค้าของเราต้องมีความแตกต่าง
คำว่ามีความแตกต่างๆ ...ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไม่เหมือนคนอื่นในตลาดหรือไม่มีคู่แข่งในตลาด
แต่ถ้าไม่เหมือนเลย..ก็ถือว่าโชคดีไป..โอกาสที่ประสบความสำเร็จในตลาดมีอยู่แล้ว...เพราะสินค้าเรามันนิช หรือ Unique อยู่แล้ว

แต่ถ้ามีคู่แข่ง...ก็หมายความว่าเราต้องทำการตลาดอย่างหนัก...เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ของเรา  ให้ผู้ใช้จดจำได้ว่า...เมื่อเอ๋ยถึงสินค้า...ประเภทนี้..จะต้องนึกถึงแบรนด์ของเรา

การสร้างการรับรู้ใน Brand ของเรา..คุณเองก็ต้องมีเป้าหมายครับว่า..อยากจะให้ brand ของคุณอยู่ในใจหรือการรับรู้ของผู้บริโภคอันดับที่เท่าไร 1  2  หรือ 3

ตัวอย่างเช่น ถ้าพูดถึงอุปกรณ์สินค้าไอทีที่มีรูปแบบแปลกๆ ดีไซต์แปลกๆ คุณจะวางตำแหน่งการรับรูุ้แบรนด์ของคุณไว้ที่เท่าไร
ถ้าวางไว้เป็นเจ้าตลาดเลย...คุณก็ต้องทำงานหนักหน่อย อย่างที่บอกข้างต้น ถ้าคุณเป็นหนึ่งเดียวในตลาดก็จะง่ายหน่อย แต่ถ้ามีหลายคน หรือบริษัทที่ทำเหมือนคุณ
อาจวางเป้าหมายไว้ที่ลำดับที่ 3 ก่อนในระยะสั้น ระยะยาวก็อาจตั้งเป้าเป็นเจ้าตลาด...นั่นคือพอผู้คนอยากจะซื้อสินค้าไอทีที่มีรูปแบบแปลกๆ ดีไซต์แปลกๆ...ก็จะต้องนึกถึงแบรนด์ของคุณเป็นอันดับแรก


สิ่งสำคัญในการสร้างแบรนด์ที่จะประสบความสำเร็จ..นอกจากตัวสินค้าแล้ว...ก็คือ..ชื่อของแบรนด์

ชื่อแบรนด์ดี...ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง...นั้นคือการตั้งชื่อจะต้องไม่ยาวเกินไป สั้นกระชับ และถ้าชื่อสื่อความหมายถึงตัวผลิตภัณฑ์ได้ด้วยยิ่งดีครับ อ่านแล้วให้ความรู้สึกมีพลัง น่าจดจำ แต่ถ้าไม่สื่อก็ไม่เป็นไรครับ
แต่ขอให้ชื่ออย่ายาวมาก

ยกตัวอย่างครับ ซิมทรู  กับซิม Orange คืออันเดียวกัน ทำไม Orange ถึงเปลี่ยนชื่อ (รีแบรนด์) มาเป็นทรู ถึงแม้ว่าชื่อ Orange จะสั้นและจำง่าย และ orange เองก็พยายามโปรโมท
ตัวเองว่าเป็นซิม สินค้าเกี่ยวกับการสื่อสาร แต่ภาพความเป็นผลไม้ก็ยังติดอยู่กับแบรนด์ 

อันนี้ผมยกตัวอย่าง...การตั้งชื่อที่สื่อถึงสินค้า...แต่ดันสื่อถึงสินค้าที่ไม่ได้ขาย

อีกตัวอย่างการตั้งชื่อแบรนด์ที่มีพลังอย่างน้ำอัดลม Cocal-cola (Coke) กับ Pepsi  ถ้าเอ๋ยถึงน้ำอัดลม  อันดับ 1 และ 2 ที่เราจะนึกถึง ผมว่าไม่เกินนี้  คือ Coke หรือ Pepsi  ยี่ห้ออื่นๆก็จะเป็นแบรนด์รองลงไป

ฉะนั้นการตั้งชื่อก็สำคัญต่อการสร้างแบรนด์ด้วยเหมือนกันครับ

เวลาตั้งชื่อ..เมื่อได้ชื่อแล้ว..ก็ให้นึกถึง..การรับรู้ที่คุณจะสร้างให้กับชื่อแบรนด์ของคุณด้วยว่าจะให้ผู้บริโภครับรู้แบนด์สินค้าของคุณอย่างไร  เช่นสมมติคุณตั้งชื่อแบรนด์เป็น

 ITXX อุปกรณ์ไอที ดีไซต์เก๋...สิ่งที่สื่อออกไปเป็นการรับรู้ก็คือ สินค้า หรืออุปกรณ์ไอที ดีไซต์สวย แปลก

แต่วันหนึ่งวันใด..ผมอยากทำแข่งกับคุณ สมมติผมตั้งชื่อเป็น ITXXB  อุปกรณ์ไอที ดีไซต์เก๋ คุณภาพยุโรป...รับประกันทุกชิ้น..สิ่งที่ผมสื่อออกไปสำหรับแบรนด์ของผมก็คือ  สินค้า หรืออุปกรณ์ไอที ดีไซต์สวย แปลก คุณภาพดี ..สิ่งที่ผู้บริโภครับรู้ได้จากที่ผมสื่อออกไปคือ ไม่มีของปลอม ไม่มีของจีน (ขึ้นชื่ออยู่แล้วในความคงทนน้อยกว่าของยุโรป) ไม่มีของเลียนแบบ

ซึ่งตรงนี้..สินค้าอาจเหมือนแบรนด์ของคุณ แต่ผมขายได้ราคาดีกว่า

การสร้างแบรนด์เป็นเรื่องใหญ่ครับ ต้องใช้เวลา..แต่ถ้าโชคดีก็อาจสำเร็จเร็ว

แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าการสร้างแบรนด์คือ...การรักษาแบรนด์ครับ..หรือที่เรียนว่า Brand Royalty...นั่นคือความภักดีต่อแบรนด์ครับ


ถูกใจ..ความเห็นของ Thank ด้วยน่ะครับ

 wanwan017 wanwan017 wanwan017 wanwan017
บันทึกการเข้า

smart7667
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 148



ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2012, 21:53:40 »

ขออนุญาตแนะนำไอเดียนิดน่ะครับ คำว่าสร้างแบรนด์ จริงๆ สินค้าที่เราจะสร้างแบรนด์ไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้าที่เราผลิตเองหรอกครับ แบรนด์ดังๆบางอย่าง เขาก็ไม่ได้สร้างเอง เพียงแต่เขาเป็นคนคิด จะผลิตเองหรือจ้างคนอื่นผลิตก็ได้ แล้วเอามาติด ทำการตลาดในแบรนด์ของตัวเอง

สิ่งสำคัญที่สุดของการสร้างแบรนด์ก็คือสินค้าของเราต้องมีความแตกต่าง
คำว่ามีความแตกต่างๆ ...ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไม่เหมือนคนอื่นในตลาดหรือไม่มีคู่แข่งในตลาด
แต่ถ้าไม่เหมือนเลย..ก็ถือว่าโชคดีไป..โอกาสที่ประสบความสำเร็จในตลาดมีอยู่แล้ว...เพราะสินค้าเรามันนิช หรือ Unique อยู่แล้ว

แต่ถ้ามีคู่แข่ง...ก็หมายความว่าเราต้องทำการตลาดอย่างหนัก...เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ของเรา  ให้ผู้ใช้จดจำได้ว่า...เมื่อเอ๋ยถึงสินค้า...ประเภทนี้..จะต้องนึกถึงแบรนด์ของเรา

การสร้างการรับรู้ใน Brand ของเรา..คุณเองก็ต้องมีเป้าหมายครับว่า..อยากจะให้ brand ของคุณอยู่ในใจหรือการรับรู้ของผู้บริโภคอันดับที่เท่าไร 1  2  หรือ 3

ตัวอย่างเช่น ถ้าพูดถึงอุปกรณ์สินค้าไอทีที่มีรูปแบบแปลกๆ ดีไซต์แปลกๆ คุณจะวางตำแหน่งการรับรูุ้แบรนด์ของคุณไว้ที่เท่าไร
ถ้าวางไว้เป็นเจ้าตลาดเลย...คุณก็ต้องทำงานหนักหน่อย อย่างที่บอกข้างต้น ถ้าคุณเป็นหนึ่งเดียวในตลาดก็จะง่ายหน่อย แต่ถ้ามีหลายคน หรือบริษัทที่ทำเหมือนคุณ
อาจวางเป้าหมายไว้ที่ลำดับที่ 3 ก่อนในระยะสั้น ระยะยาวก็อาจตั้งเป้าเป็นเจ้าตลาด...นั่นคือพอผู้คนอยากจะซื้อสินค้าไอทีที่มีรูปแบบแปลกๆ ดีไซต์แปลกๆ...ก็จะต้องนึกถึงแบรนด์ของคุณเป็นอันดับแรก


สิ่งสำคัญในการสร้างแบรนด์ที่จะประสบความสำเร็จ..นอกจากตัวสินค้าแล้ว...ก็คือ..ชื่อของแบรนด์

ชื่อแบรนด์ดี...ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง...นั้นคือการตั้งชื่อจะต้องไม่ยาวเกินไป สั้นกระชับ และถ้าชื่อสื่อความหมายถึงตัวผลิตภัณฑ์ได้ด้วยยิ่งดีครับ อ่านแล้วให้ความรู้สึกมีพลัง น่าจดจำ แต่ถ้าไม่สื่อก็ไม่เป็นไรครับ
แต่ขอให้ชื่ออย่ายาวมาก

ยกตัวอย่างครับ ซิมทรู  กับซิม Orange คืออันเดียวกัน ทำไม Orange ถึงเปลี่ยนชื่อ (รีแบรนด์) มาเป็นทรู ถึงแม้ว่าชื่อ Orange จะสั้นและจำง่าย และ orange เองก็พยายามโปรโมท
ตัวเองว่าเป็นซิม สินค้าเกี่ยวกับการสื่อสาร แต่ภาพความเป็นผลไม้ก็ยังติดอยู่กับแบรนด์ 

อันนี้ผมยกตัวอย่าง...การตั้งชื่อที่สื่อถึงสินค้า...แต่ดันสื่อถึงสินค้าที่ไม่ได้ขาย

อีกตัวอย่างการตั้งชื่อแบรนด์ที่มีพลังอย่างน้ำอัดลม Cocal-cola (Coke) กับ Pepsi  ถ้าเอ๋ยถึงน้ำอัดลม  อันดับ 1 และ 2 ที่เราจะนึกถึง ผมว่าไม่เกินนี้  คือ Coke หรือ Pepsi  ยี่ห้ออื่นๆก็จะเป็นแบรนด์รองลงไป

ฉะนั้นการตั้งชื่อก็สำคัญต่อการสร้างแบรนด์ด้วยเหมือนกันครับ

เวลาตั้งชื่อ..เมื่อได้ชื่อแล้ว..ก็ให้นึกถึง..การรับรู้ที่คุณจะสร้างให้กับชื่อแบรนด์ของคุณด้วยว่าจะให้ผู้บริโภครับรู้แบนด์สินค้าของคุณอย่างไร  เช่นสมมติคุณตั้งชื่อแบรนด์เป็น

 ITXX อุปกรณ์ไอที ดีไซต์เก๋...สิ่งที่สื่อออกไปเป็นการรับรู้ก็คือ สินค้า หรืออุปกรณ์ไอที ดีไซต์สวย แปลก

แต่วันหนึ่งวันใด..ผมอยากทำแข่งกับคุณ สมมติผมตั้งชื่อเป็น ITXXB  อุปกรณ์ไอที ดีไซต์เก๋ คุณภาพยุโรป...รับประกันทุกชิ้น..สิ่งที่ผมสื่อออกไปสำหรับแบรนด์ของผมก็คือ  สินค้า หรืออุปกรณ์ไอที ดีไซต์สวย แปลก คุณภาพดี ..สิ่งที่ผู้บริโภครับรู้ได้จากที่ผมสื่อออกไปคือ ไม่มีของปลอม ไม่มีของจีน (ขึ้นชื่ออยู่แล้วในความคงทนน้อยกว่าของยุโรป) ไม่มีของเลียนแบบ

ซึ่งตรงนี้..สินค้าอาจเหมือนแบรนด์ของคุณ แต่ผมขายได้ราคาดีกว่า

การสร้างแบรนด์เป็นเรื่องใหญ่ครับ ต้องใช้เวลา..แต่ถ้าโชคดีก็อาจสำเร็จเร็ว

แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าการสร้างแบรนด์คือ...การรักษาแบรนด์ครับ..หรือที่เรียนว่า Brand Royalty...นั่นคือความภักดีต่อแบรนด์ครับ


ถูกใจ..ความเห็นของ Thank ด้วยน่ะครับ

 wanwan017 wanwan017 wanwan017 wanwan017


ผมไม่รู้ว่ามันกด Thank ที่ไหน แต่ถึงอย่างไรขอบคุณมาก ๆ เลยครับ สำหรับวิทยาทานของท่าน
ได้ประโยชน์มาก
บันทึกการเข้า
teefouay
Verified Seller
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 13
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 462



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2012, 22:04:09 »

thank kub wanwan017
บันทึกการเข้า

jugjun
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 148



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 31 พฤษภาคม 2012, 00:32:50 »

ผมก้อทำแบรนด์เองครับ
ถ้าสินค้ามีเอกลักษณ์ ไม่มีเหมือนในท้องตลาด สร้างแบรนด์เองได้
ทำแบรนด์สักพัก คนจะติด เป็นสิ่งดีครับ เพราะทำไป3-4ปี คนจะเสริชGG ด้วยชื่อแบรนด์เราเลย
แต่จะวุ่นวาย ตอน ทำสติ๊กเกอร์ เนมเพลท ยิงเลเซอร์กับสินค้าเราเท่านั้นครับ
บันทึกการเข้า

Natty22
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 10
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 251



ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 31 พฤษภาคม 2012, 00:36:12 »

 Embarrassed
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 ตุลาคม 2018, 00:20:26 โดย Natty22 » บันทึกการเข้า
fock
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 115



ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2012, 01:24:07 »

ขอบคุณ arzulga ครับ ได้อะไรดีๆจากเม้นนี้เยอะ คิดต่อไปอีกอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ แต่คิดแล้วต้องทำด้วย Tongue
บันทึกการเข้า
perng
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 110
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,360



ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2012, 02:37:03 »

ขอเสริมคุณ arzulga นิดนึงนะครับ การสร้างแบรนด์ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสินค้า เพียงอย่างเดียอย่าง amazon ก็ไม่ใช่เจ้าของสินค้า แต่ก็มมีมูลค่าของแบรนด์สูง google ก็ไม่ใช่เจ้าของข้อมูลเว็บไซต์ เป็นเพียงผู้นำข้อมูลของเว็บไซต์ต่างๆ มาจัดแสดงให้ใกล้เคียงกับคำค้นหา 

วิธีการสร้างแบรนด์ เริ่มตี้งแต่การสร้างการรับรู้ในแบรนด์ -->เพิ่มคุณค่าของแบรนด์-->รักษาคุณภาพ(ระดับ)ของแบรนด์

เเมื่อแบรด์เป็นทีรู้จัก จะเกิดการตัดสินใจซื้อได้ง่าย มีการซื้อ ซ้ำและบอกต่อ
บันทึกการเข้า
perspective
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 17
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 289



ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2012, 02:41:35 »

+1 ให้ คุณ arzulga

แต่ขอติงเรื่อง orange เปลี่ยนเป็น true ค่ะ
เค้าเปลี่ยนเพราะเทคโอเวอร์
บันทึกการเข้า

richesbe
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 120
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,983



ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2012, 03:15:40 »


ยกตัวอย่างครับ ซิมทรู  กับซิม Orange คืออันเดียวกัน ทำไม Orange ถึงเปลี่ยนชื่อ (รีแบรนด์) มาเป็นทรู ถึงแม้ว่าชื่อ Orange จะสั้นและจำง่าย และ orange เองก็พยายามโปรโมท
ตัวเองว่าเป็นซิม สินค้าเกี่ยวกับการสื่อสาร แต่ภาพความเป็นผลไม้ก็ยังติดอยู่กับแบรนด์  

อันนี้ผมยกตัวอย่าง...การตั้งชื่อที่สื่อถึงสินค้า...แต่ดันสื่อถึงสินค้าที่ไม่ได้ขาย


ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด orange เปลี่ยนชื่อเป็น true เพราะหมดสัญญากับบริษัทแม่นะครับ จึงไม่มีสิทธิ์ใช้ชื่อเดิมครับ
ตอนนี้ orange ก็ยังเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านเครือข่ายการสื่อสารชั้นนำของโลกอยู่ >> hททp://www.orange.com
orange ใช้สีส้มเป็นสัญลักษณ์ ไม่ได้ใช้ส้มที่เป็นผลไม้เป็นสัญลักษณ์

แบรนด์ที่มีชื่อเป็นผลไม้และไม่ได้สื่อถึงสินค้าที่ไม่ได้ขายเลยสักนิดก็มีนะครับ เช่น apple ไง ยังไม่ยอมเปลี่ยนชื่อด้วย wanwan019
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 มิถุนายน 2012, 03:16:36 โดย richesbe » บันทึกการเข้า
Dejkoet
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 79
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 120



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2012, 04:06:10 »

วัตถุประสงค์ ในการสร้างแบรนด์ จริง ๆ แล้วก็คือการสร้างการจดจำให้กับลูกค้า โดยมีแบรนด์ เป็นตัวแทนในการจดจำประสบการณ์ต่าง ๆ นั้น ๆ เช่น การมีบริการที่ดี การมีสินค้าที่ไว้ใจได้ ส่งของตรงเวลา
ดังนั้น หากเราจะให้ลูกค้าจำแบรนด์เราได้ เราก็ต้องสร้างจุด ที่จะทำให้ลูกค้าจำเราได้ อันที่ง่ายที่สุด ก็คือสร้างสินค้าที่มีเอกลักษณ์นั่นเองแหละครับ
แต่ปัจจุบันนี้ ระบบการผลิตมันก้าวหน้าไปมาก ไม่ว่าใครจะผลิดอะไรออกมาได้เด่นขนาดไหน ไม่ทันไร พี่จีน ก็ก๊อป ได้ทันทีเหมือนกัน แล้วพี่เขาก็ไม่กลัวลิขสิทธิ๋กันด้วย
เช่นกระเป๋าหลุยส์ พี่จีนก็ผลิตได้ถูกกว่าตั้งเยอะ แต่คนถ้ามีเงินพอจะซื้อได้ ก็ยังอยากใช้ของแท้กันอยู่ดี (ขนาดไม่มีตังค์ ก็ยังหาทางซื้อมากันจนได้แหละ)
เพราะอะไรเหรอ ก็เพราะเขามั่นใจไงครับ ว่าของจริงมันดีกว่า มันทนกว่า - แล้วพวกนี้เขาพิสูจน์กันแล้วเหรอ ว่ามันดีกว่า ทนกว่า ได้เคยลองสะพายพร้อม ๆ กัน ใช้เหมือน ๆ กันแล้วของปลอมพังก่อนหรือเปล่า - รับรองว่าไม่เคย แต่เขามั่นใจต่างหากว่าสินค้ามันดีแน่ ๆ อันนี้เแหละครับ แบรนด์ 

แล้วมันสร้างกันยังไง ?
ก็อย่างที่พิมพ์ไปด้านบนแหละครับ ว่ามันเป็นตัวแทนการจดจำ ดังนั้น เราก็ต้องหาอะไรมาให้ลูกค้าจำ สินค้า โลโก้ สี รูปแบบเวป บริการ มันก็ทุกอย่างแหละครับ
มันยากอยู่ที่ว่า ลูกค้าจะจำยังไง แต่ที่เป็นภาคบังคับนี่ ก็คงต้องเป็นโลโก้ กับสี ก่อนเลย เพราะสมองมนุษย์ จำ สี กับ รูปทรง ได้ดีกว่าตัวอักษรครับ แล้วสี กับรูปทรง มันไม่มีภาษา คุณเขียนภาษาอะไรลงไปก็ได้ แต่ถ้าเป็นสีนี้ กับโลโก้นี้ มันก็เป็นของแบรนด์นี้ (คงเคยได้ยินบ่อย ๆ ว่าของไทยไปก๊อบแบรด์เขามา แล้วเอามาเปลี่ยนชื่อใช่ป่ะ นั่นแหละ เพราะคนเขาจำรูปทรงได้ไง ว่ามันเป็นของคนอื่น) แต่ถ้าชื่อดีด้วย มันก็ช่วยให้จำได้ดีขึ้น

เรื่องสินค้า ไม่มีความแตกต่าง แล้วทำไมลูกค้าต้องเลือกแบรด์เรา
ตอนนี้ เขาไม่ได้พูดถึง สินค้า / Product หรือว่า 4P กับแล้วล่ะ เพราะเรียนมาโรงเรียนเดียวกันหมด มันก็ทำเหมือนกัน แต่เขาพูดทั้งหมดรวมเป็นเนื้ยเดียวกัน ว่า ข้อเสนอทางการตลาด หรือ Market Offering (ขออนุญาติใช้ภาษาอังกฤษหน่อยนะครับ) เอาข้อเสนอทั้งหมด มาทำให้สอดคล้องกัน ไม่ใช่ว่า สินค้าดี ราคาถูก แต่ดันคิดค่าส่งแพง ๆ หรือไม่ก็คิดค่าส่งถูก ๆ แต่กว่าของจะถึง หรือไม่มีโปรโมชั่นเจ๋ง ๆ แต่เงื่อนไขยุบยับไปหมด จะให้เขาจำว่าไงล่ะ

การสร้างขอเสนอทางการตลาด ไม่จำเป็นต้องเสนอของดี ราคาถูก ส่งเร็ว เสมอไปหรอก - อ้างงานวิจัยของต่างประเทศหน่อยนะครับ เขาศึกษาพบว่า ลูกค้าน่ะ มีงบประมาณอยู่ในใจ ถ้าสินค้าถูกใจ คนขายไว้ใจได้ แล้วค่าใช้จ่ายรวมค่าส่ง ไม่เกินงบ เขาก็ซื้อ แล้วเขาก็ไม่ซื้อหากสินค้าถูก แต่คิดค่าส่งแพงไป เพราะเขากลับมองว่า สินค้าถูกน่ะ คุณภาพต่ำ แล้วต้องเสียค่าส่งแพงอีก ไม่เอาดีกว่า ปัญหามันก็มาตกอยู่ที่คนขายล่ะว่า จะไปรู้ได้ไงว่ะ ว่าคนซื้อมันอยากซื้อที่ราคาเท่าไหร่ อันนี้ ก็ตัวใครตัวมันล่ะครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับชนิดสินค้า กลุ่มลูกค้าว่ามีรายได้เท่าไหร่ (เรื่องนี้ว่ากันยาววว ถ้าอยากศึกษาต่อ ให้ค้นหาเรื่อง STP - Segmetation, Targeting และ Position โดยเฉพาะเรื่อง Position นี่ว่ากันเรื่องการวางตำแหน่งในใจลูกค้าเลยล่ะ หนังสือแปลของไทยที่ดีที่สุดที่ผมเคยอ่านก็ Position - กลยุทธการสร้างภาพพจน์ ).

การสร้างความแตกต่าง หรือจุดจดจำ ที่ตัวสินค้า มันยาก เขาก็เลยเน้นไปสร้างกันที่บริการกันครับ เพิ่มการให้บริการที่ดี ตอบเมลล์ลูกค้าทันที แก้ไขปัญหารวดเร็ว แพ๊คของดูน่าเชื่อถือ เพราะบริการพวกนี้ คู่แข่ง เขาไม่เห็นกันในหน้าเวป เว้นแต่ปลอมตัว มาแอบสั่งสินค้าดู เพื่อเลียนแบบบริการ หรือทำให้ดีกว่า

ยาวไปหน่อยนะครับ อัดอั้นมานาน เพิ่งสมัคร account ได้เมื่อวานนี้ ขอระบายสักหน่อย 5555


 


 
บันทึกการเข้า
arzulga
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 100
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,280



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #16 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2012, 06:23:25 »

+1 ให้ คุณ arzulga

แต่ขอติงเรื่อง orange เปลี่ยนเป็น true ค่ะ
เค้าเปลี่ยนเพราะเทคโอเวอร์

ขอบคุณครับ เรื่องของ orange เปลี่ยนมาเป็น true ที่ผมยกตัวอย่างมา
ที่ผมเข้าใจ  ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยังเป็นเจ้าเดิมครับ

ก็เลยยกตัวอย่างเรื่องชื่อ ตรงนี้ถ้าผิดพลาดก็ขออภัยครับ

 
บันทึกการเข้า

eyourhand
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 145
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,435



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #17 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2012, 08:50:01 »

เสริม คุณ Dejkoet นิด ตรง " STP - Segmetation, Targeting และ Position โดยเฉพาะเรื่อง Position นี่ว่ากันเรื่องการวางตำแหน่งในใจลูกค้าเลยล่ะ หนังสือแปลของไทยที่ดีที่สุดที่ผมเคยอ่านก็ Position - กลยุทธการสร้างภาพพจน์ )."

>> อย่าง Position กลยุทธการสร้างภาพพจน์ ยกตัวอย่าง กรณีที่เห็นชัดๆ ก็เป็นเบียร์ ครับ  Embarrassed
ถ้าพูดเมื่อก่อน จะเห็น ระหว่าง สามแบรนด์ นี้ครับ
- ไฮเนเก้น , คอรสเตอร์  พวกนี้จะเน้น ไปทางระดับสูง
- เบียร์ช้าง จะเน้นกลุ่มระดับกลางถึงล่าง
- เบียร์สิงห์ จะเน้นกลุ่มระดับกลาง

การโปรโมท ทำสื่อ ต่างๆ จึงวาง Position ตัวเอง ให้อยู่ในจุดนั้นๆ ที่ถูกที่ควร ครับ
บันทึกการเข้า

9tarad
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 32
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 410



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #18 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2012, 10:21:15 »

แบ่งปันมุมเล็ก ๆ น้อย ๆ นะครับ
อย่าผมก็พยายามสร้างแบรนด์อยู่เหมือนกันโดยผมแยกประเด็นอย่างนี้ครับ
1.แบรนด์ของเว็บ จะทำอย่างไร ?
2.แบรนด์ของสินค้าที่ขายในเว็บ มีอะไรบ้าง?

โจทย์ของ 2 อันนี้มันมีทั้งความเหมือนและความต่างในสิ่งที่ต้องทำครับ
แบรนด์ของเว็บ ---หมายถึงชื่อโดเมน ของเรา "มันโดน" ไหม จะทำอย่างไรให้คนรู้จักชื่อเว็บไซส์ และรู้ว่าเว็บไซส์ของเราขายอะไรบ้างนี่สำคัญ นั่นมันหมายถึงแบรนด์ของเรา อย่างเช่นถ้าพูดถึง "Thaiseoboard" นึกถึงอะไร "Tarad.com"คิดถึงอะไร "Sanook" คิดถึงอะไร ? กระบวนการนี้ต้องชัดเจนครับ ในกรณีที่เป็น e-com ก็ต้องชัดเจนครับว่า คุณขายอะไร และจะทำให้ลูกค้าตระหนักรู้ว่า "เว็บไซส์"เราขายอะไรก็ต้องอยู่กับพื้นฐานการทำโฆษณาหละครับ ก็หลีกไม่พ้น SEO เพื่อให้เว็บเราไปอยู่ในตำแหน่งที่ดี ๆ หาสังคมหรือชุมนุมที่มีการพูดถึงหรือต้องการสินค้าของเราเพื่อทำให้ลูกค้ารู้จักสินค้าของหรือบริการของเรา กระบวนการพวกนี้ต้องอาศัยความอดทนครับเพราะไม่ใช่ว่า 1 วัน 1 เดือน หรือ 1 ปีที่จะทำให้เว็บไซส์เราเป็นที่รู้จักมักคุ้นครับ ต้องใช้ความพยายามครับ
แบรนด์ของสินค้า --- หรือสินค้าที่เรานำมาขาย ทุกวันนี้เป็นเป็นโลกของลูกค้า (ลูกค้ามีตัวเลือกมากมายเข้าถึงข้อมูลได้หลากหลาย) เราจะมามัวยืนอยู่บนมุมมองเพียงผู้ขายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องกลับไปมองในมุมมองของลูกค้าด้วย (Customers view)
ลูกค้าต้องการอะไร ----> Customer Needs สำคัญมากๆ หากสินค้าเราไม่ตอบโจทย์ ก็ขายไม่ได้ สินค้าเราตอบโจทย์หรือป่าว ถ้าตอบโจทย์ แล้ว ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มไหน (Segment) แล้วลูกค้ากลุ่มที่เค้าสนใจสินค้าเรา (Target) นั้นทำไมเค้าต้องซื้อของของเรา (Positioning) องค์ประกอบเหล่านี้มันดี ทำข้อมูลศึกษาและปรับปรุงสินค้าบริการของเราให้หาลูกค้าเราครริง ๆ ได้มากเท่าไหร่ ที่เหลือก็เป็นเงินทองที่จะไหลมาเทมาหละครับ
ผมเชื่อว่าหลาย ๆ ความล้มเหลวของคนที่ทำ e-com เพราะเลือกตลาดไม่ถูก คิดว่าตัวเองเลือกตลาดแบบจำเพาะเจาะจง (Nice Market) แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นตลาดกวาง (Mass Market) ยกตัวอย่าง ขายเสื้อผ้า ขายกันเต็มไปหมดเลย มันใช่ nice market หรือป่าวผมว่าไม่ใช่นะ อย่างงี้คนเข้ามาใหม่เปิดเว้บใหม่ โอกาสที่จะเข้ามาในตลาดแล้วทำกำไรได้มันยากมากแทบจะไม่มีพื้นที่ให้ยืนเลยหละครับ

บันทึกการเข้า

Jorko de Joke
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 46
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 455



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: 02 มิถุนายน 2012, 10:32:06 »

Orange ก็ัดัง Apple ก็ดัง Takob ของผมจะดังรึเปล่า  Tongue
บันทึกการเข้า

หน้า: [1] 2   ขึ้นบน
พิมพ์