ต้องเรียงลำดับความสำคัญก่อนครับ
เริ่มจาก (ผมพยายามเรียงตามลำดับ ความสำคัญก่อนหลัง และอธิบายให้มากที่สุดครับ)
1. เลือกสินค้าที่ขายที่มีความน่าสนใจ ถ้าคุณชอบสินค้าสิ่งนี้ คุณก็ทำด้วยความถนัดและความรู้มากมาย จนเป็นตัวตนของคุณ เป็นแบรนด์ของคุณได้ในอนาคต
แต่ถ้าคุณเฉยๆกับสินค้าสิ่งนั้น แต่สินค้าอยู่ในกระแส คุณก็ควรทำ เพื่อหารายได้ โดยใช้หลักวิธีของ e-commerce ต่างๆมาช่วยคุณ อย่าง วิธีกระบวนการ Dropship , วิธีกระบวนการ Affiliate
การสร้างร้านค้าออนไลน์ มีของฟรีให้ใช้ (ศึกษาได้เพิ่มเติม จากบอร์ดนี้) ก็สามารถสร้างได้หลายร้าน โดยให้นึกถึง การลงทุนที่ต่ำกว่า เมื่อเทียบกับผลของกำไรที่จะได้รับ หลักธุรกิจแบบชาวบ้าน แต่มีค่านัก ทำให้มากๆ ให้ได้ผลกำไรต่อเว็บไซต์นั้นๆ บ้าง ก็ยังดีกว่า ไม่ได้ไรเลย ในเว็บไซต์เดียว เพราะถึงจุดหนึ่ง คุณจับว่าสินค้าไหนที่คุณวิเคราะห์แล้วพอใจ เพื่อ ต้องต่อยอดสร้างตัวตน สร้างแบรนด์ของคุณเอง คุณก็ต้องหา คนช่วย อาจจะชวนพี่น้อง , เพื่อนที่รัก , จ้างคนช่วย (ต่างๆเหล่านี้ แต่ต้องมีความระมัดระวังในส่วนตัวด้วย) เพื่อช่วยกันสร้างรายได้ที่มากมายในวันต่อวัน
2. นอกจากนั้น ทำสินค้า บริการ ให้น่าสนใจก่อน โดยพยายามถามเพื่อนๆ , ผู้รู้ , แล้วก็ศึกษาจากคู่แข่งด้วยครับ
มองหา เหตุผลต่างๆ คำติชม ต้องน้อมรับ และ คนหมู่มาก ว่าอย่างไร ให้ยึดตาม (สำคัญ) อย่างทำกลุ่มโพลเพื่อสำรวจ ก็เป็นแนวทางหนึ่งด้วย
3. เลือก และสร้าง เพื่อจัดทำเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ (e-commerce) ให้ดูน่าเชื่อถือ โดยความน่าเชื่อถือเกิดจากหลายๆสิ่งอย่าง
เช่น รูปแบบหน้าตาของเว็บไซต์ (เพราะมีผลจะแลดูสินค้าไม่น่าสนใจ) , การจัดกิจกรรม / โปรโมชั่น ต่างๆ , การรับผ่านชำระเงินออนไลน์ PayPal / PaySbuy / Credit Card (Visa /Master Card) รวมไปถึง Moneybookers และ Google Checkout เป็นต้น
4. โปรโมทสินค้าผ่านทางช่องทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การโพสประกาศฟรี , การขายผ่านลายเซ็นฟรี ในเว็บบอร์ดกลุ่มนั้น , การโฆษณาผ่านทางแบนเนอร์ในตำแหน่งโฆษณา ของเว็บไซต์ในกลุ่มที่เกี่ยวข้อง เช่น ตามบล็อค ตามแหล่งเว็บบอร์ดชุมชน , การโฆษณาผ่านทาง Adwords / Facebook Ads , การทำ SEO , การฝากขายสินค้า โดยลักษณะการเป็นพันธมิตร ซึ่งมีหลายกลยุทธ อย่าง สินค้าเราเกี่ยวกับ เพ้นท์สีเล็บ ก็อาจจะฝากขาย แนะนำกับเว็บไซต์ที่เค้าขายสินค้าในหมวด เสริมสวย เป็นต้น และอีกกลยุทธ์หนึ่ง ก็ฝากขายผ่านเว็บไซต์หลักที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ Group Deal Provider / Affiliate Provider / Dropship Provider
5. สร้างกลุ่มและจัดกิจกรรมต่างๆ (ถ้าทำได้) เช่น คุณมีความรู้ในด้านของการเพ้นท์เล็บ ก็ให้ความรู้แก่คนที่สนใจผ่านช่องทางต่างๆอย่าง Blogger , YouTube , Facebook Fan Page / Group โดยไม่เน้นมาขายสินค้า แต่เน้นในเชิงของความรู้ และกิจกรรม
6. การจัดโปรโมชั่น (Promotions) ต่างๆ โดยก็มีลักษณะการจัดหลายแบบ ที่คุ้นเคยบ่อยๆ ก็เล่นเกมเพื่อชิงรางวัล , จัดโปรโมชั่นตามเทศกาล และอื่นๆ (ศึกษาหาความรู้ได้ทั่วไป)
Solution ก็อย่างการจัด คูปองโค้ดส่วนลดส่งตามอีเมลของผู้รับข่าวสาร (Subscribe) , การสร้าง Group Sale ที่น่าสนใจ ขึ้นในเว็บไซต์ร้านตัวเอง เพื่อมีแรงจูงใจเพื่อรวมกลุ่มกันซื้อได้ส่วนลด , การให้ Reward point กับลูกค้า เพื่อใช้เป็นส่วนลดในครั้งต่อไป เมื่อถึงเกณฑ์ เป็นต้น
7. เมื่อเกิดการซื้อขายขึ้น พยายามรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ โดยมีความจำเป็นต้องบันทึกโดยระบบเว็บไซต์ ให้มีฐานข้อมูล อย่างต่อยอดไปวิเคราะห์ CRM (Customer Relationship Management)
ถ้าหลักง่ายๆ รักษาฐานลูกค้า ก็เช่น หมั่นสอบถามความเป็นไปในการใช้สินค้า , การจัดส่งอีการ์ดอวยพรวันเกิดแก่ลูกค้า , การมีของสมนาคุณกับลูกค้า VIP เป็นต้น และอื่นๆ (ศึกษาหาความรู้ได้ทั่วไป)
นอกเหนือจากนั้น เป็นเรื่องของ ตัวตนของผู้ค้าเอง , การต่อยอดความคิด , การหาความรู้เพิ่มเติมในสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ต่างๆเหล่านี้ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำควบคู่ไปครับ
