ปกทุกเล่มผมออกแบบเองทั้งหมดครับโดยใช้โฟโต้ชอป แนวทางการทำปกของผมเคยโพสท์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วครับ โดยเฉพาะการสร้างสไตล์หรือรูปแบบปกของเราขึ้นมา นอกจากจะทำงานง่าย แล้วยังแตกต่างจากปกอื่นที่วางขายอยู่ครับ ส่วนรูปภาพลองหาดูในเว็บที่แจก wallpaper ฟรีนะครับ ข้อจำกัดหนึ่งที่ทำให้ปกหนังสือไม่เด่นหรือไม่สวยก็คือรูปภาพครับ
ส่วนจะบอกว่ารูปภาพที่เอามาแจกนั้นเป็นของฟรีจริงๆ หรือไม่นั้น เรื่องเหล่านี้ก็ต้องเสี่ยงดูครับ เพราะตราบใดที่เรายังไม่ซื้อ mp3 ของแท้มาฟัง หรือ ใช้ windows ของแท้ ก็อย่าไปกลัวครับ:wanwan004:
ตัวอย่างที่เคยโพสท์ไว้ครับ
ขอบคุณครับ
ปกของท่านสุดยอดมากครับ ยกนิ้วให้เลย เสียดายผมใช้ photoshop ไม่เป็น (ผมมี photoshop ไว้สแกนรูปอย่างเดียว)

ส่วนเรื่อง The wreck of Titan ก็ขอยกนิ้วให้อีกทีครับ เป็นผมคงไม่กล้าเสี่ยงครับ (เพราะหารูปไม่ค่อยเป็น) แต่ท่านทำได้
ขอยืนยันตามที่ผมเคยโพสต์ไว้...
3. illustrated ก็มีคนทำแล้ว (หลายคนด้วย) ถ้าทั่นจะทำ ต้องต่างจากคนเหล่านั้น และต้องน่าสนใจกว่าด้วย ไม่งั้น....
ซึ่งเรื่องนี้มีคู่แข่งถือว่าเยอะ (ในสายตาผม) แต่ท่านทำได้แหวกแนว (มากด้วย ตั้งแต่แบบปกเลย) ผลลัพธ์ที่ตามมา ยอดขายจึงพุ่งกระฉูด เรื่องนี้ถ้าไม่แหวกแนวจริงๆ ก็ยากเหมือนกันครับ ถ้าผมส่ง ก็อาจจะผ่าน แต่ยอดขายคงไม่พุ่งแบบนี้ แค่ปก ก็ขอยอมแล้วครับ

ก่อนอื่นผมต้องบอกตามตรงนะครับว่าผมมองกระทู้นี้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แล้วคิดอยู่เสมอว่าจะลงมือทำดีหรือเปล่า
ตัวผมเองเริ่มทำงาน สนพ. ตอนปี 2546 ซึ่งตำแหน่งเป็นกองบรรณาธิการอยู่ จนได้มาเป็นบรรณาธิการ สนพ. แห่งหนึ่ง และทำหนังสือเรื่อยมา ทำงานกราฟฟิค รวมถึงทำเว็บไซต์ไปด้วย...
สิ่งหนึ่งที่ผมกลัวคือการที่คนอื่นจะว่าหรือบ่นที่ผมพยายามมาบอกเล่าประสบการณ์การทำหนังสือจริงในโลกการขายหนังสือออนไลน์
หลายครั้งที่ comment ของผมถูกมองข้ามไป ไม่มีการตอบรับ หรือการโต้ตอบ ซึ่งบอกตรงๆ ว่าผมเองก็ท้อเหมือนกัน
ผมคิดอยู่เพียงลำพังว่าคนจำนวนหนึ่งในนี้จ้องจะหาเงินจากอเมซอนเพียงอย่างเดียวหรือ ...
มีใครในนี้ชอบอ่านหนังสือบ้างครับ... ไม่ต้องยกมือตอบ ...
เพราะแม้แต่คนทำหนังสือใน สนพ. เมืองไทยบางคนยังไม่รู้เรื่องหนังสือเลย... แต่ก็ทำเพราะเป็นงานและเิงิน...
มีใครในนี้อยากเปิด สนพ.ไหมครับ ...ยกมือได้ครับ
หากใช่ โอกาสก็มาถึงแล้ว ผมเคยยกตัวอย่างเรื่องรายได้จากการทำหนังสือจริงจากคอมมเนท์ที่ผ่านมาแล้วลองกลับไปอ่านดูนะครับ
จากการทำงานที่ผมส่งหนังสือให้สายส่งชื่อดังอย่างอัมรินทร์ หรือ ซีเอ็ด กว่าที่จะผ่านก็ต้องส่งตัวอย่างปก รีวิวเนื้อหา รวมถึงองค์ประกอบอื่นเช่น คำนิยม ที่เราพอจะมีศักยภาพให้คนที่มีชื่อเสียงเขียนให้ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนกระตุ้นยอดขายในการตลาดหนังสือทั้งสิ้น
ใครทำ kdp แล้วเหนื่อยหรือท้อ ...ยกมือได้ครับ
ถามตัวเองก่อนครับว่าทำ kdp เพราะใจรักหรือเปล่า หรือว่ามันเ็ป็นเพียงช่องทางการหาเงินสำหรับคนทำงานโลกออนไลน์เท่านั้น
หากใจรักและก็ไม่ท้อ...ยกมือขึ้นเลยครับ (เพราะคนที่เหนื่อยเค้าคงเอามือลงหมดแล้วครับ)
ขอให้สู้เคียงคู่กันต่อไป อย่าเพิ่่งไปท้อก่อนครับ...
ผมอยากเห็น
จับเสือมือเปล่ากับ amazon kindle (มีคลิปการส่งหนังสือและมีตัวอย่างให้โหลด)เป็นกระทู้ที่ยาวที่สุดและเต็มไปด้วย comment ของผู้ประสบความสำเร็จครับ
ผมพูดซะยืดยาว จนลืมบอกว่าผมเพิ่งส่งหนังสือเมื่อปลายเดือน ก.พ. นี้เอง
ยอดเดือนเมษายนถึงวันที่ 26 นี้ ขายได้ 232 เล่มจากหนังสือที่มีอยู่ 170 เล่มครับ
หากผมขายได้เดือนนี้ 250 เล่ม หนังสือผมตั้งราคาส่วนมากที่ 1.99 us คิดเป็นกำไรเล่มนึง 20 บาทครับ
250 x 20 = 5000 บาท
อย่าเอายอดขาย เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเลยนะครับ โดยเฉพาะกับคุณ netsim คุณนายหวานแหวว หรืออีกหลายคนในที่นี่ซึ่งเป็นวิทยาทานแก่วงการ kdp ของเรามาตลอด รวมถึงเป็นผู้จุดไฟฝันให้ผมด้วยครับ
หากทำได้ 5 พันบาทจริงๆ มันก็ถือว่าเยอะนะครับ หากมองคนที่อาชีพที่มีรายได้ต่ำกว่าเรา อยากให้ค่อยๆ ทำอย่างใจเย็น มีปัญหา เรามาถกเถียงกันในนี้ มีอะไรว่ากันไปตรงๆ ครับ
ผมยังเชื่อมั่นว่า pd ยังไปได้ หากเราไปทิศทางเดียวกันครับ
ขอบคุณ คุณ a116 ที่ชมปกครับ
และก็ขอบคุณ คุณ netsim ที่จุดไฟในงานหนังสือให้ผมและอีกหลายคนที่นี่ครับ
ขอบคุณครับ