ศีลข้อ 4 มุสา ไม่ได้แปลว่าไม่พูดปดเท่านั้น ! การเข้าใจผิดเรื่องความหมายของศีลข้อที่ 4 มุสาวาทา เวรมณี ที่เรา ๆ ท่าน ๆ ท่องมาตั้งแต่เด็ก
ซึ่งผมก็ลองถามเพื่อนหลายคน แทบจะตอบเหมือนกันหมดว่าหมายถึงไม่พูดปด
ซึ่งถ้าเป็นช่วงก่อนบวชผมก็คงตอบอย่างนั้นเหมือนกัน รวมถึงท่านที่ได้อ่านบทความนี้หลายคนด้วย
แต่จริง ๆ แล้ว ศีลข้อ 4 มุสาวาท ไม่ได้หมายความตื้น ๆ แค่ไม่พูดปด แต่ครอบคลุมถึง 4 อย่างด้วยกัน
คือ ไม่พูดปด ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาบ และไม่พูดเพ้อเจ้อการพูดนินทาผิดศีลหรือไม่มาถึงตอนนี้ หลายท่านอาจตั้งคำถามว่า ถ้าอย่างนั้น การพูดนินทาก็ไม่ผิดศีลน่ะสิ เพราะที่ว่ามา 4 อย่างไม่เห็นมีไม่พูดนินทา
แต่ถ้าคิดดูให้ดีแล้ว ตอบได้ว่า การพูดนินทานั้นแทบจะเป็นการพูดผิดศีลทั้ง 4 แบบ
เช่น ถ้าพูดนินทาเมื่อไหร่ก็จะเข้าข่ายเป็นการพูดเพ้อเจ้อ คือ พูดสิ่งที่ไม่ก่อประโยชน์
เพราะถ้าอยากให้เกิดประโยชน์จริง ๆ ต้องกล้าตักเตือนต่อหน้าหรือหาทางอื่น เช่น ให้ผู้บังคับบัญชาตักเตือนแทน
อย่างที่สอง การพูดนินทามักจะเป็นการพูดส่อเสียด และถ้านินทาให้มันส์ก็ต้องใส่สีสันก็คือพูดปดนั่นเอง
และร้อยทั้งร้อยก็จะมีคำหยาบคายเข้าไปผสมด้วย ดังนั้น การพูดนินทาจึงเป็นการกระทำผิดศีลข้อ 4 แน่นอน
ผลของการผิดศีลข้อ 4และเมื่อเราเข้าใจดีขึ้นแล้วว่ามุสาไม่ได้รวมแค่พูดปดอย่างเดียว ก็ขอให้ลองพิจารณาต่อไปว่า
ความทุกข์ที่เราท่าน ๆ เจอหรือปัญหาที่สังคมเจอส่วนหนึ่งมาจากการผิดศีลข้อมุสาวาทนี่เอง
เริ่มจากในครอบครัว พ่อแม่มักจะด่าว่าลูกโดยนึกภายในใจว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมาจากเจตนาที่ดี
แต่ปัญหาคือลูกไม่รู้เจตนาหรือความคิดของพ่อแม่ จึงมักไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแม่ ยิ่งพ่อแม่ใช้คำหยาบคายมากเท่าไหร่
ไม่น่าเชื่อว่าลูกก็จะพลอยติดการใช้คำพูดนั้นอย่างน่ากลัว ท่านที่ยึดธรรมะเป็นหลักจึงควรใช้สติในการสั่งสอนลูกและใช้ถ้อยคำที่สุภาพ
แต่เข้มงวดในเนื้อหาหรือพยายามใช้กุศโลบายต่าง ๆ อธิบายให้เห็นถึงเหตุผล
ผมเชื่อว่าเด็กสมัยใหม่ หากพ่อแม่รู้จักเล่าตัวอย่างเหตุการณ์หรือใช้เหตุผล เค้าก็จะเชื่อฟังและนำไปไปฏิบัติได้ดี
นอกจากเรื่องการสอนลูกแล้ว ผมเชื่อว่าสามีภรรยาที่มีปัญหากันส่วนหนึ่งเกิดจากการพูดส่อเสียด หรือกระแนะกระแหน
เช่น ภรรยาก็มักจะส่อเสียดว่าหายไปไหนทั้งวัน มีกิ๊กที่ไหน สามีฟังก็ไม่พอใจก็พูดหยาบคายกลับ
และกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ทั้ง ๆ ที่สามีอาจจะยังไม่มีกิ๊กเลยก็ได้
กว้างกว่านั้น ผมพบว่าปัญหาความขัดแย้งในที่ทำงานก็ล้วนมาจากการผิดศีลข้อ 4
ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการพูดหยาบคายของหัวหน้า ทั้ง ๆ ที่เจตนาดีแต่ไม่มีใครรู้
แล้วตามติดด้วยการพูดนินทาในที่ทำงานเพราะไม่พอใจคนโน้นคนนี้ ฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ และร้อยทั้งร้อย
คำพูดนินทาก็จส่งต่อ ๆ กันไปถึงหูคนที่ถูกนินทาแถมยังถูกเพิ่มเติมสีสันให้มันปาก ก็ทำความไม่พอใจให้ผู้ถูกนินทา
และโต้ตอบกันไปมาจนเป็นเรื่องใหญ่และทำงานไม่สนุก องค์กรก็แย่ลงเรื่อย ๆ
เช่นเดียวกับปัญหาระดับเมืองหรือประเทศ ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการพูดปดเพื่อให้เชื่อถือ
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าในทางปฏิบัติทำไม่ได้ แต่ไม่ยอมรับความจริง
จนในที่สุดประชาชนก็เบื่อหน่ายไม่เชื่อถือและไม่ให้ความร่วมมือกันพัฒนาเมืองหรือประเทศต่อไป
ที่มา
http://variety.teenee.com/saladharm/37516.html 