ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comอื่นๆCafeอยากให้ดูเป็นอุทาหรณ์ "พระไม่อยากดัง"
หน้า: 1 [2]  ทั้งหมด   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: อยากให้ดูเป็นอุทาหรณ์ "พระไม่อยากดัง"  (อ่าน 8037 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
testsoft
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 64
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,154



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 15:39:37 »

นี่ไช่พระสงค์หรือ "ความสำรวม" อยู่ที่ใด ?
บันทึกการเข้า

veemala
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 323
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 651



ดูรายละเอียด
« ตอบ #21 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 15:42:52 »

ศีลข้อ 4 มุสา ไม่ได้แปลว่าไม่พูดปดเท่านั้น !
การเข้าใจผิดเรื่องความหมายของศีลข้อที่ 4 มุสาวาทา เวรมณี ที่เรา ๆ ท่าน ๆ ท่องมาตั้งแต่เด็ก
ซึ่งผมก็ลองถามเพื่อนหลายคน แทบจะตอบเหมือนกันหมดว่าหมายถึงไม่พูดปด
ซึ่งถ้าเป็นช่วงก่อนบวชผมก็คงตอบอย่างนั้นเหมือนกัน  รวมถึงท่านที่ได้อ่านบทความนี้หลายคนด้วย

แต่จริง ๆ แล้ว ศีลข้อ 4 มุสาวาท ไม่ได้หมายความตื้น ๆ แค่ไม่พูดปด แต่ครอบคลุมถึง 4 อย่างด้วยกัน
คือ ไม่พูดปด ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาบ และไม่พูดเพ้อเจ้อ


การพูดนินทาผิดศีลหรือไม่
มาถึงตอนนี้ หลายท่านอาจตั้งคำถามว่า ถ้าอย่างนั้น การพูดนินทาก็ไม่ผิดศีลน่ะสิ เพราะที่ว่ามา 4 อย่างไม่เห็นมีไม่พูดนินทา
แต่ถ้าคิดดูให้ดีแล้ว ตอบได้ว่า การพูดนินทานั้นแทบจะเป็นการพูดผิดศีลทั้ง 4 แบบ
เช่น ถ้าพูดนินทาเมื่อไหร่ก็จะเข้าข่ายเป็นการพูดเพ้อเจ้อ คือ พูดสิ่งที่ไม่ก่อประโยชน์
เพราะถ้าอยากให้เกิดประโยชน์จริง ๆ ต้องกล้าตักเตือนต่อหน้าหรือหาทางอื่น เช่น ให้ผู้บังคับบัญชาตักเตือนแทน
อย่างที่สอง การพูดนินทามักจะเป็นการพูดส่อเสียด และถ้านินทาให้มันส์ก็ต้องใส่สีสันก็คือพูดปดนั่นเอง
และร้อยทั้งร้อยก็จะมีคำหยาบคายเข้าไปผสมด้วย ดังนั้น การพูดนินทาจึงเป็นการกระทำผิดศีลข้อ 4 แน่นอน

ผลของการผิดศีลข้อ 4
และเมื่อเราเข้าใจดีขึ้นแล้วว่ามุสาไม่ได้รวมแค่พูดปดอย่างเดียว ก็ขอให้ลองพิจารณาต่อไปว่า
ความทุกข์ที่เราท่าน ๆ เจอหรือปัญหาที่สังคมเจอส่วนหนึ่งมาจากการผิดศีลข้อมุสาวาทนี่เอง
เริ่มจากในครอบครัว พ่อแม่มักจะด่าว่าลูกโดยนึกภายในใจว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมาจากเจตนาที่ดี
แต่ปัญหาคือลูกไม่รู้เจตนาหรือความคิดของพ่อแม่ จึงมักไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแม่ ยิ่งพ่อแม่ใช้คำหยาบคายมากเท่าไหร่
ไม่น่าเชื่อว่าลูกก็จะพลอยติดการใช้คำพูดนั้นอย่างน่ากลัว ท่านที่ยึดธรรมะเป็นหลักจึงควรใช้สติในการสั่งสอนลูกและใช้ถ้อยคำที่สุภาพ
แต่เข้มงวดในเนื้อหาหรือพยายามใช้กุศโลบายต่าง ๆ อธิบายให้เห็นถึงเหตุผล
ผมเชื่อว่าเด็กสมัยใหม่ หากพ่อแม่รู้จักเล่าตัวอย่างเหตุการณ์หรือใช้เหตุผล เค้าก็จะเชื่อฟังและนำไปไปฏิบัติได้ดี

นอกจากเรื่องการสอนลูกแล้ว ผมเชื่อว่าสามีภรรยาที่มีปัญหากันส่วนหนึ่งเกิดจากการพูดส่อเสียด หรือกระแนะกระแหน
เช่น ภรรยาก็มักจะส่อเสียดว่าหายไปไหนทั้งวัน มีกิ๊กที่ไหน สามีฟังก็ไม่พอใจก็พูดหยาบคายกลับ
และกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ทั้ง ๆ ที่สามีอาจจะยังไม่มีกิ๊กเลยก็ได้

กว้างกว่านั้น ผมพบว่าปัญหาความขัดแย้งในที่ทำงานก็ล้วนมาจากการผิดศีลข้อ 4
ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการพูดหยาบคายของหัวหน้า ทั้ง ๆ ที่เจตนาดีแต่ไม่มีใครรู้
แล้วตามติดด้วยการพูดนินทาในที่ทำงานเพราะไม่พอใจคนโน้นคนนี้ ฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ และร้อยทั้งร้อย
คำพูดนินทาก็จส่งต่อ ๆ กันไปถึงหูคนที่ถูกนินทาแถมยังถูกเพิ่มเติมสีสันให้มันปาก ก็ทำความไม่พอใจให้ผู้ถูกนินทา
และโต้ตอบกันไปมาจนเป็นเรื่องใหญ่และทำงานไม่สนุก องค์กรก็แย่ลงเรื่อย ๆ

เช่นเดียวกับปัญหาระดับเมืองหรือประเทศ ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการพูดปดเพื่อให้เชื่อถือ
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าในทางปฏิบัติทำไม่ได้ แต่ไม่ยอมรับความจริง
จนในที่สุดประชาชนก็เบื่อหน่ายไม่เชื่อถือและไม่ให้ความร่วมมือกันพัฒนาเมืองหรือประเทศต่อไป

ที่มา http://variety.teenee.com/saladharm/37516.html
บันทึกการเข้า
TG_Min
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 164
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,527



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 15:47:46 »

เค้าทำ เค้าก็ได้กับเค้า
เราไปทำไปว่าเค้า เราก็ได้กับเรา
ทางสายกลางโยม

รู้ว่าเหตุเกิด เราก็ต้องไปดับที่เหตุ แล้วทิ้งมันไปเสีย อย่ายึดติด
บันทึกการเข้า

SKMAX
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 28
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195



ดูรายละเอียด
« ตอบ #23 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 15:59:25 »

ศีลข้อ 4 มุสา ไม่ได้แปลว่าไม่พูดปดเท่านั้น !
การเข้าใจผิดเรื่องความหมายของศีลข้อที่ 4 มุสาวาทา เวรมณี ที่เรา ๆ ท่าน ๆ ท่องมาตั้งแต่เด็ก
ซึ่งผมก็ลองถามเพื่อนหลายคน แทบจะตอบเหมือนกันหมดว่าหมายถึงไม่พูดปด
ซึ่งถ้าเป็นช่วงก่อนบวชผมก็คงตอบอย่างนั้นเหมือนกัน  รวมถึงท่านที่ได้อ่านบทความนี้หลายคนด้วย

แต่จริง ๆ แล้ว ศีลข้อ 4 มุสาวาท ไม่ได้หมายความตื้น ๆ แค่ไม่พูดปด แต่ครอบคลุมถึง 4 อย่างด้วยกัน
คือ ไม่พูดปด ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาบ และไม่พูดเพ้อเจ้อ


การพูดนินทาผิดศีลหรือไม่
มาถึงตอนนี้ หลายท่านอาจตั้งคำถามว่า ถ้าอย่างนั้น การพูดนินทาก็ไม่ผิดศีลน่ะสิ เพราะที่ว่ามา 4 อย่างไม่เห็นมีไม่พูดนินทา
แต่ถ้าคิดดูให้ดีแล้ว ตอบได้ว่า การพูดนินทานั้นแทบจะเป็นการพูดผิดศีลทั้ง 4 แบบ
เช่น ถ้าพูดนินทาเมื่อไหร่ก็จะเข้าข่ายเป็นการพูดเพ้อเจ้อ คือ พูดสิ่งที่ไม่ก่อประโยชน์
เพราะถ้าอยากให้เกิดประโยชน์จริง ๆ ต้องกล้าตักเตือนต่อหน้าหรือหาทางอื่น เช่น ให้ผู้บังคับบัญชาตักเตือนแทน
อย่างที่สอง การพูดนินทามักจะเป็นการพูดส่อเสียด และถ้านินทาให้มันส์ก็ต้องใส่สีสันก็คือพูดปดนั่นเอง
และร้อยทั้งร้อยก็จะมีคำหยาบคายเข้าไปผสมด้วย ดังนั้น การพูดนินทาจึงเป็นการกระทำผิดศีลข้อ 4 แน่นอน

ผลของการผิดศีลข้อ 4
และเมื่อเราเข้าใจดีขึ้นแล้วว่ามุสาไม่ได้รวมแค่พูดปดอย่างเดียว ก็ขอให้ลองพิจารณาต่อไปว่า
ความทุกข์ที่เราท่าน ๆ เจอหรือปัญหาที่สังคมเจอส่วนหนึ่งมาจากการผิดศีลข้อมุสาวาทนี่เอง
เริ่มจากในครอบครัว พ่อแม่มักจะด่าว่าลูกโดยนึกภายในใจว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมาจากเจตนาที่ดี
แต่ปัญหาคือลูกไม่รู้เจตนาหรือความคิดของพ่อแม่ จึงมักไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแม่ ยิ่งพ่อแม่ใช้คำหยาบคายมากเท่าไหร่
ไม่น่าเชื่อว่าลูกก็จะพลอยติดการใช้คำพูดนั้นอย่างน่ากลัว ท่านที่ยึดธรรมะเป็นหลักจึงควรใช้สติในการสั่งสอนลูกและใช้ถ้อยคำที่สุภาพ
แต่เข้มงวดในเนื้อหาหรือพยายามใช้กุศโลบายต่าง ๆ อธิบายให้เห็นถึงเหตุผล
ผมเชื่อว่าเด็กสมัยใหม่ หากพ่อแม่รู้จักเล่าตัวอย่างเหตุการณ์หรือใช้เหตุผล เค้าก็จะเชื่อฟังและนำไปไปฏิบัติได้ดี

นอกจากเรื่องการสอนลูกแล้ว ผมเชื่อว่าสามีภรรยาที่มีปัญหากันส่วนหนึ่งเกิดจากการพูดส่อเสียด หรือกระแนะกระแหน
เช่น ภรรยาก็มักจะส่อเสียดว่าหายไปไหนทั้งวัน มีกิ๊กที่ไหน สามีฟังก็ไม่พอใจก็พูดหยาบคายกลับ
และกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ทั้ง ๆ ที่สามีอาจจะยังไม่มีกิ๊กเลยก็ได้

กว้างกว่านั้น ผมพบว่าปัญหาความขัดแย้งในที่ทำงานก็ล้วนมาจากการผิดศีลข้อ 4
ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการพูดหยาบคายของหัวหน้า ทั้ง ๆ ที่เจตนาดีแต่ไม่มีใครรู้
แล้วตามติดด้วยการพูดนินทาในที่ทำงานเพราะไม่พอใจคนโน้นคนนี้ ฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ และร้อยทั้งร้อย
คำพูดนินทาก็จส่งต่อ ๆ กันไปถึงหูคนที่ถูกนินทาแถมยังถูกเพิ่มเติมสีสันให้มันปาก ก็ทำความไม่พอใจให้ผู้ถูกนินทา
และโต้ตอบกันไปมาจนเป็นเรื่องใหญ่และทำงานไม่สนุก องค์กรก็แย่ลงเรื่อย ๆ

เช่นเดียวกับปัญหาระดับเมืองหรือประเทศ ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการพูดปดเพื่อให้เชื่อถือ
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าในทางปฏิบัติทำไม่ได้ แต่ไม่ยอมรับความจริง
จนในที่สุดประชาชนก็เบื่อหน่ายไม่เชื่อถือและไม่ให้ความร่วมมือกันพัฒนาเมืองหรือประเทศต่อไป

ที่มา http://variety.teenee.com/saladharm/37516.html


ลายเซ็นต์ก็เขียนไว้เเล้วนะนี้  wanwan004
บันทึกการเข้า

ศีลข้อ 4 ไม่ใช้เเค่ไม่โกหกเเต่รวมถึง >>ไม่พูดปด ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาบ และไม่พูดเพ้อเจ้อ <<
dj mixkajay
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 159
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,766



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 16:58:53 »

ที่พระท่านพูดมาจะว่าผิดมันก็ไม่เชิง จะว่าถูกก็ไม่ใช่ (ทั้งหมด)

ผมถึงแม้ไม่ค่อยเข้าวัดเข้าวา แต่ก็เคารพนับถือศาสนาพุทธ จากที่ได้เรียน คุณพระคุณเจ้า ถึงแม้แต่คุณครูที่สอน ตลอดจนพ่อแม่
ที่สั่งสอนมาตั้งแต่เด็กจนโต พอจะสรุปสั้นๆ ได้ใจความว่า

1. ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ก็คือเอาตัวเองให้อยู่ในสังคมให้รอด โดยวิธีที่สุจริตไม่ไปลักขโมยเขา ให้คนอื่นเดือดร้อน
2. เป็นคนที่เสียสละ ก็คือ รวมทุกอย่างเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ มีจิตใจเมตตา ทำได้ข้อนี้ก็คงไม่เป็นคนชั่วแล้วละ
3. และศีล 5 ซึ่งทำได้ทุกข้อย่อมเกิดผลดี ต่อตนเองแล้วละ

แต่เรื่อง พระพุทธรูป ผมเห็นด้วยที่ท่านพูดว่า ไม่ได้ตบ เพราะ เหยียบหยาม ตบเพราะ "ตั้งใจ" เข้าใจความหมายของท่านที่บอกว่าตั้งใจ "อยากให้คนเห็นความสำคัญของคำสอนของพระพุทธเจ้ามากกว่าที่จะกราบไหว้พระพุทธรูป"
แต่ในทางกลับกัน พระพุทธรูป ที่ท่านว่า ไม่ต้องไปเคารพ ควรจะเคารพ คำสอน แล้วถ้า มีคนไป ตบหน้าท่าน ว่าเป็นสิ่งที่ท่าน กำลังพูดถึง เหมือน ที่ท่านพูดอยู่ จะเป็นอย่างไร ?

ในความหมายของ พระพุทธรูป ที่ชาวพุทธกราบไหว้ ไม่ใช่เป็นเพียง ทรงที่หลอมออกมา หรือเป็นสิ่งที่งมงาย หรอก แต่เป็นสิ่งรำลึกถึง คำสอนของพระพุทธเจ้า ต่างหาก
ผมคิดว่า พระพุทธรูป เป็นศูนย์รวมจิตใจ ชุมชนและผู้คน  ก็เหมือนเราเข้าวัด ทุกคนก้มลงกราบ พร้อมๆกัน รู้สึกว่า เออ ทำไม เราถึงทำเหมือนกัน ตั้งใจกราบ ด้วยใจที่บริสุทธิ์จริงๆ
มันทำให้รู้สึกเกิดพลัง เกิดความอบอุ่น ถึงแม้ คนที่อยู่ข้างๆ ตัวเรา ไม่ใช่เป็นคนที่รู้จักกันเลย แต่ก็สามารถส่งความรู้สึก นั้นให้แก่กันได้ นั่นคือ การได้รับรู้ และ ใจที่เปิดรับ คำสอนของพระพุทธเจ้า

และนำเอาไป ปฏิบัติในชีวิตประจำวัน


เอาละพูดจบละ กะว่า จะไปบวช เลยดีไหม  wanwan017
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 กันยายน 2011, 17:00:37 โดย dj mixkajay » บันทึกการเข้า

นารายณ์อวตาร
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6



ดูรายละเอียด
« ตอบ #25 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 17:08:30 »

อ้างถึง
จริงๆความเสื่อมมันก็มีซ่อนอยู่ครับ อยู่ที่เห็นไม่เห็น แสดงออกไม่แสดงออก

จริงๆจะด่าคน หรือ ด่าพระ ก็บาป เหมือนกันครับ

แต่ก็ทำให้ผมสงสัยเหมือนกันว่า ด่าคน กับ ด่าพระ ไหนบาปกว่ากัน

ด่าคนดี กับ ด่าพระไม่ดี ไหนบาปกว่ากัน

หลังๆผมไม่ค่อยเอาสรรพนามหรือรูปลักษณ์ภายนอกมาเป็นตัวชี้วัดสักเท่าไรแฮะ

เอาเป็นว่าบาป บุญ อยู่ที่ตัวเราเองนั่นแหละ สิ่งที่เราเห็น ไม่ชอบใจ เราเอามาแกว่งใจเรา ใจเราก็ขุ่นเอง

วัชพืช แย่งอาหารไปจากพืชชาวนาฉันใด วัชพระ แย่งความดีไปจากพระพุทธศาสนาฉันนั้น (แต่งเองนะเนี่ย)

บันทึกการเข้า
cs2553
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 129
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,230



ดูรายละเอียด
« ตอบ #26 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 17:10:07 »

มาไม่ทัน  wanwan031
บันทึกการเข้า
Kamilia
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 115
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,286



ดูรายละเอียด
« ตอบ #27 เมื่อ: 20 กันยายน 2011, 17:18:03 »

แค่ไม่สำรวมก็ไม่นับถือแล้วค่ะ Tongue
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2]  ทั้งหมด   ขึ้นบน
พิมพ์