พอดีมีโอกาสไปอ่านเจอมาค่ะ เลยอยากให้เพื่อนๆใน Thaiseoboard ได้อ่าน
และได้รับรู้ถึงอีกมุมนึงในโลกใบเดียวกันกับพวกเรา เพื่อเป็นอุทาหรณ์ในการดำเนินชีวิตประจำวันด้วยความมีสติ ^^
เริ่มเลยแล้วกันนะค่ะ

Credit : คุณ Merlin
2 วัน 2 คือที่ทัณฑสถานหญิง(เรือนจำกลางคลองเปรม) ประสบการจริงอยากจะเล่าเจอมากับตัวค่ะ
ดิฉันโดนจับข้อหาปลอมแปลงเอกสารค่ะ เนื่องจากไปเซนเอกสารที่เป็นเท็จ คือดิฉันไม่ได้ตรวจสอบก่อน ง่ายๆก็คือโดนหลอกมาอีกทีนึง และดิฉันก็ไม่ทราบมาก่อนเลยค่ะ ว่าจะเป็นเรื่องเป็นราวจนถึงขั้นนี้ เรื่องของเรื่องคือมีผู้เสียหายที่เป็นลูกค้าเข้าแจ้งความเกี่ยวกับเอกสาร นี้ค่ะ เลยเป็นเรื่องขึ้า
พอเวลาไปที่ สน ก็มานั่งเคลียร์กันไม่รู้เรื่อง ตรเลยบอกว่าจะส่งขึ้นศาลพรุ่งนี้ (วันที่5 ธค .)ซึ้งศาลจะเปิดครึ่งวัน แล้วตรก็เขียนสำนวนส่งขึ้นศาล วันนั้นที่อยู่ที่สน.(วันที่4 ธค) ดิฉันถูกฝากขังอยู่ที่สนค่ะ แล้ว สามีดิฉันก็จะทำเรื่องประกันตัวแต่ปรากฏว่า ตอนนั้นประกันไม่ได้ ตร.ให้เหตุผลว่า จนท ทำเรื่องประกัน ไม่อยู่ (ตอนนั้นดึกมากแล้ว) เดี๋ยวก็ขึ้นศาลแล้วขอประกันพรุ่งนี้
พอมาตอนเช้า (5 ธค)
ดิฉันถูกส่งขึ้นศาล ตอนประมาณ 11.30 คนเยอะมากๆ ตอนนั้นกลัวมาก เพราะ คนที่มาขึ้นศาลแต่ละคนน่ากลัวจริงๆ ค่ะ
สามีดิฉันทำเรื่องประกันอยู่ด้านนอก เมื่อถึงเวลา ดิฉันถูกส่งเข้ามาที่ห้องเก็บตัวผู้ต้องหา(ขึ้นศาลเรียบร้อยแล้ว)
ดิฉัน ก็รอสามี ว่าจะประกันได้หรือไม่ นานมาก จนสามีเดินมาบอกว่า ทำเรื่องประกันไม่ทันเพราะ ทาง สน. มาส่งช้า ในส่งตัวขึ้นศาลก็มาช้าเลยติดต่อไม่ทัน อีกทั้งวันนี้ศาลเปิดครึ่งวันด้วยค่ะ
ตอนนั้นดินฉันเครียดมากค่ะ แบบ น้ำตาไหลไม่คิดว่าดิฉันจะต้องเจอกับเรื่องราวที่แย่ขนาดนี้ ดิฉันจะต้องถูกส่งตัวเข้าที่เรือนจำกลางคลองเปรมค่ะ
ในห้องพักที่อยู่ในตอนนี้มีผู้ต้องหาอยู่ด้วยอีก 11 คน รวมดิฉันเป็น12 คน
10คน เป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติด อีก1 เป็นคดีฉ้อโกง และดิฉันโดนเรื่องปลอมแปลงเอกสาร ห้องตรงนั้นเป็นห้องใหญ่ๆ ร้อมไปด้วยกรง แล้วห่างออกไปด้านหน้าเป็นที่สำหรับญาติๆ
มายืนเพื่อนที่จะคุยด้วย ผู้ต้องหาแต่ละคนจะมายืนเกาะลูกกรงตะโกนคุยกับญาติ ต่างคนต่างคุย ต่างคนต่างตะโกน
เสียง ดังลั่นห้องฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ตอนนั้นดิฉันร้องไห้สติแทบหลุดออกมา สามีดิฉันยืนถือเอกสารเป็นปึ้งๆที่จะพยายามประกันตัวแต่ทำไม่ได้
แล้ว ตอนนั้นสามีดิฉันบอกว่าให้รอแป๊บนึง เค้าหายไปสัก20นาที แล้วกลับมาพร้อมชุดชั้นใน เอามาฝากคุณ(เป็นศัพท์ที่คนในคุกเรียกผู้คุม ดิฉันก็เพิ่งรู้ตอนที่ผู้ต้องหาคนอื่นๆเรียก)
แต่คุณไม่ให้ฝากอะไรเลยค่ะ บอกว่าฝากได้แต่เงิน สามีดิฉันฝากเงินไว้2000 บาท แต่คุณก็ยังบอกว่าไม่ให้อีก เพราะในเรือนจำเบิกได้วันละ200 เท่านั้น
ดิฉัน ก็ยิ่งนั่งร้องให้ ข้าวที่สามีดิฉันซื้อมาดิฉันก็ทานไม่ลง ตอนนั้นสรุปว่าสามีดิฉันฝากเงินไว้500 บาท เพราะดิฉันต้องอยู่เรือนจำ 2 วัน
เนื่องจากวันนั้นเป็นพ่อ และอีกงันคือวันหยุดชดเชย จะทำเรื่องได้อีกทีคือวันอังคารเลย ประมาณบ่าย2 ดิฉันหันไปถามคนอื่นๆว่า เราจะไป
ที่เรือนจำกี่โมง เค้าบอกว่าประมาณ บ่าย2 ว่า ดิฉันตัดใจไล่สามีไป บอกให้กลับบ้านไปก่อน แล้วต้องเอาดิฉันออกไปให้ได้นะ
สามีดิฉันพูดขึ้นมาคำนึงว่า มั่นใจในตัวเขาเถอะนะที่รัก ผมไม่เคยทิ้งคุณ ดิฉันพูดอะไรไม่ออกเลยค่ะ ร้องให้ฟูมฟาย แล้วสามีตะโกนบอก
ดิฉันว่า อย่าร้องไห้นะ แต่ดิฉันเห็นว่าน้ำตาเค้าไหล แล้วเดินจากไป ดิฉัยนืยมอง หลังของสามีดิฉันไปใจหาย
ดิฉันซุดตัวร้องไห้อยู่ตรงนั้น จนมีคนอื่นๆมาปลอบแล้วบอกว่าไม่ต้องร้อง เราต้องยอมรับ
พอตั้งสติหยุดร้องไห้ได้แล้วดิฉันก็เริ่มสนทนากับคนอื่นๆ ว่าไปมายังไงกันบ้าง คนแรกที่ได้คุยชื่อเพ็ญพร (หลิน) ผิวจะคล้ำๆ
มีรอยแผลเป็นเต็มไปหมด โดนเรื่องครอบครองจำหน่ายยา อะไรเนี่ยแหละคะ แค่เค้าเคยติดคุกมาแล้ว ดิฉันถามเค้าว่า
ข้างในนั้นน่ากลัวเหมือนในหนังในละครมั้ย? หลินตอบว่าน่ากลัวขนาดเค้ายังกลัวเลย ... ในใจดิฉันคิดว่าแย่แล้ว จะทำยังไงดี
แถมยังมีการบอกอีกว่า หน้าตาแบบนี้เข้าไปโดนข่มขืนแน่ ดิฉันยิ่งกลัว แล้วร้องไห้แรงขึ้นกว่าเดิมจนแทบจะหายใจหายคอไม่ออก
แล้วทุกๆคนก็เริ่มรวมกลุ่มคุยกัน ในนี้มีผู้ต้องหาหลายๆคนที่เคยติดคุกมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็ได้เข้ามาปลอบใจดิฉันกัน
บอกว่า เรารวมกลุ่มกัน ไม่ทิ้งกันอยู่ด้วยกัน ไม่เป็นไรหรอก แล้วก็บอกให้ดิฉันกินข้าวเยอะๆ เพราะเดี๋ยวเข้าไปจะไม่ได้กินแล้ววันนี้
แต่ดิฉันก็กินไม่ลงอยู่ดี แล้วยังมีน้องผู้หญิงอีกคนที่ไม่ได้ดดนเรื่องคดียา แต่เป็นเรื่องฉ้อโกง ที่นั่งร้องไห้เหมือนดิฉัน
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนพาพวกเราไปขึ้นรถลูกกรง ในรถมีโซนแยกหญิงชายในคันเดียว น่าจะเคยเห็นกันนะคะ รถนักโทษ แบบนั้นเลย
ในรถเบียดเสียดกันจนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว ดิฉันก้อยังน้ำตาไหลอยู่ รถวิ่งผ่านตรงเมเจอร์รัชโยธินดิฉันยิ่งร้องไห้เพราะมาดูหนัง
กับสามีบ่อยมากๆ ค่ะ
ขอย้อนความถึงชีวิตดิฉันก่อนหน้านี้นะคะ เพื่อนเป็นการเปรียบเทียบถึงชีวิตในเรือนจำที่อยากจะเล่าต่อไป
บ้าน ดิฉันทำทุรกิจขายส่งอยู่ที่แถวดินแดงค่ะเป็นคนจีน ที่บ้านค่อนข้างมีฐานะดี และดิฉันก็ไม่เคยลำบากเลย ดิฉันก็ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปค่ะ
เรียนจบจบ ทำงานด้านการเงินและแต่งงานกับแฟนที่คบกันมา4ปี ชีวิตเป็นสุขแบบเรียบง่ายทั่วไป มีเงินใช้ มีรถขับ โทรศัพไอโฟน4(อันนี้เป็นมุกพูดขำๆค่ะ)
จะสื่อว่าชีวิตโอเคแหละ ดิฉันแต่งงานมาได้7เดือนเองคะ ยังไม่มีลูก แต่ สามเดือนมานี้ประจำเดือนไม่มาเลย แต่ก็คิดว่าไม่ได้ตั้งครรภ์นะคะ
เอาละคะ มาเรื่องเข้าเรือนจำกันต่อ
พอมาถึงเรือนจำ ประตูแรกที่เปิดเข้าไปก็เจอคุณ สามสี่คนกับนักโทษชุดสีน้ำเงินเข้ม มายืนรอรับ และเรียกชื่อเหมือนเช็คชื่อนักโทษ
จาก นั้นก็ให้เข้าไปตรงห้องแคบๆ ที่ยืนเรียกเป็นหน้ากระดานได้แถวเดียว เป็นห้องกระจก คุณบอกว่าให้นำสิ่งของทั้งหมดทั้งเงินกระเป๋าสตางค์
อะไรที่มีติดตัวมาทั้งหมดไปฝากไว้กับเค้า ดิฉันมีเงินติดตัวมา500 บาทเท่าที่สามีให้มา ไม่ได้เอากระเป๋าหรือของอื่นใดมาเลย
คนอื่นๆ ก็บางคนมีเงินบางคนก็ไม่มีเงินเลยสักบาทเดียว เมื่อเสร็จกิจจากตรงนี้ ก็ให้มาเข้าแถวอยู่ด้านนอก จากนั้นประดูบานใหญ่ๆ
บานแรกเปิดออก เป็นแสงแรงๆที่ส่องมาจากอีกฝั่งนึงจนแสบตา มองเข้าเป็นเห็น นักโทษเต็มไปหมด ส่วนใหญ่แล้วจะใส้เสื้อสีขาวและสีฟ้า
เดิน มาถึงอีกตึกที่คนที่นี่เรียกกันว่าตึก พบ. มาถึงก็มีเสื้อสีน้ำตาลอ่อนกับผ้าถุงสีน้ำตาลเข้มพับเอาไว้รออยู่ แล้วก็ให้ถอดเสื้อผ้าออกหมด
รวมถึงกางเกงในเสื้อในด้วย แล้วให้นุ่งกระโจมอกแล้วเดินไปหาคุณ อีกกลุ่มที่จะมาตรวจว่าเรามีอะไรที่ผิดเข้ามาด้วยรึปล่าว
แล้วก็ เดินต่อแถวไปตรวจสุภาพ รวมถึงตรวจภายในด้วย(ขึ้นตอนนี้เจ็บมากๆ) ดิฉันน้ำตาซึมออกมาอีกแล้ว จากตึก พบ.นี้ ใช้เวลา ชม กว่า
กว่าจะตรวจสุขภาพ และก็สักประวัติ ถ่ายรูป (ถ่ายเหมือนนักโทษที่เคยเห็นในทีวีเลยค่ะ ยืนถือป้ายชื่อตัวเองและความผิด)
ตอนแรกดิฉันไม่ทราบเลยนะคะว่าคนที่มาสักประวัติพวกเราเป็นนักโทษเหมือนกัน คนพวกนี้ทำตัวเหมือน จนท มากกว่า เสื้อสีขาวด้านหลัง
จะ เขียนว่าผู้ช่วยงาน ดิฉันเลยเข้าใจว่าเป็น จนท มาช่วยงาน ตอนหลังถึงรู้ว่าก็เป็นนักโทษด้วยกันนั่นแหละ แล้วยังจะมาวางท่าใส่ด้วยนะคะ
คือพูดจาเหมือนเราเป็นหมูเป็นหมา เลยค่ะ ไม่ให้เกียตรดิฉันกับคนอื่นๆเลย ดิฉันรู้สึกแย่มากๆที่เรายังไม่ตัดสินด้วยซ้ำ ยังไม่ได้เป็นผู้ซึ่งกระทำผิด
แต่คนพวกนี้พูดจาเหมือนดิฉันเป็นคนทำผิดร้ายแรง แต่พก็ต้องเข้าใจนะคะ ว่าเรามาในฐานะนักโทษ ในตอนสอบประวัติและตรวจสุขภาพนั้น
เค้า ถามถึงเรื่องว่าประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ดิฉันตอบไปว่าไม่มากว่าสามเดือนแล้ว แถมดิฉันยังมีสามีแล้ว เค้าเลยคิดไปว่า ดิฉันท้อง
เมื่อเสร็จแล้ว ก็เดินต่อแถวไป เรื่อยๆ ผ่านประตูประมาน สามสี่ประตู จนมาถึงประตูใหญ่มากๆ เขียนว่า "แดนใน" เข้าไปก็เงียบๆไม่มีใครเท่าไหร่แล้ว
มีแต่พวกใส่เสื่อสีขาว มาคอยบอกว่าต้องทำอะไรบ้าง
พวกนักโทษเสื้อสีขาว ก็ตะโกนบอกให้รีบๆ อาบน้ำแล้วก็เตรียมขันสบู่ให้ ยังบอกอีกว่าวันนี้จะมีขันมีสบู่แค่วันเดียวเท่านั้น วันอื่นต้องหามาเอง ง่ายๆก็คือซื้อเองนั่นแหละ พวกเราได้อาบน้ำไม่น่าจะถึงสองนาทีค่ะ ดิฉันก็เหมือนเดิมค่ะ อาบไปร้องไป น้ำตาก็ไหล เมื่อต้องมาประสบเรื่องนี้ จากนั้นพออาบน้ำเสร็จก็ให้มาใส่เสื้อผ้าแบบรีบๆ ไม่ได้เช็ดตงเช็ดตัวอะไรหรอกค่ะ แต่คนละก็สภาพแย่ๆ ดิฉันทำอะไรค่อนข้างช้าก็โดนตะหวาดโดนว่า พวกนั้นรวามทั้งคุณก็มาจัดห้องนอนให้พวกเรา คนอื่นๆได้นอนรวมกันหมด ยกเว้นดิฉันค่ะ เพราะเค้าเข้าใจว่าดิฉันท้อง เลยให้ไปอยู่ห้องนอนที่มีแต่คนแก่กับคนท้อง(อันนี้เป็นความโชคดีของดิฉัน ค่ะ) ห้องนอนที่ดิฉันเข้าไป ทุกๆคนก็กำลังสวดมนกันอยู่ เมื่อดิฉันเดินเข้ามารู้สึกได้ว่าทุกสายตาจับจ้องมาที่ดิฉัน มีเสียงพูดอื่นนอนจากเขียนสวดมนตามมา ดิฉันได้รู้จักกับแม่ห้อง(นักโทษผู้ดูแลนักโทษอื่นในห้องนอนส่วนใหญ่เป็น เป็นพวกที่ติดคุกตลอดชีวิต) แม่ห้องบอกว่าให้นั่งรอจนกว่าจะสวดมนเสร็จแล้วจะหาที่นอนให้ แล้วถามว่าท้องหรือ? ดิฉันก็เงียบไม่ตอบได้แต่นั่งน้ำตาไหล แต่แม่ห้องคุย พูดจากับดิฉันดีมากๆ ไม่ตะหวาดหรือขู่เลย ในห้องนี้ร้อนมากๆ ลักษณะเหมือนเป็นห้องเรียนขนาดไม่ถึงกับใหญ่มาก แต่ก้อไม่เล้ก จุคนรวมดิฉันทั้งหมด195 คน ดิฉันดูจากป้ายที่เขียนไว้หน้าห้อง คนค่อนข้างแอร์อัดมากๆ ร้อนมากๆ ดิฉันยังคิดว่า นั่งยังลำบากเลยแล้วจะนอนไปได้อย่างไร เมื่อพวกเค้าสวดมนเสร็จ แม่ห้องก็พาดิฉันเดินไปหลังสุดของห้อง มีคนแต่ละคนน่ากลัวกันทั้งนั้น แล้วให้ดิฉันนอนหลังห้องสุดที่ มีพื้นที่นอนน้อยมาก นั่งแทบจะไม่ได้ มีคนนั่งอยู่เยอะมากๆ ดิฉันเห็นแล้วร้องไห้เลย แล้วแม่ห้องก็พูดว่าฝากน้องเค้าด้วยนะ ดูแลน้องด้วยน้องดูเครียดมากๆ แล้วให้ดิฉันเดินเข้าไปในกลุ่มคนพวกนั้น เมื่อดิฉันนั่งลงแล้วร้องไห้ พวกพี่ๆ พวกนั้นก้อเข้ามารุมถามว่าดดนคนดีอะไรมา เป็นมายังไง ดิฉันก็เล่าไป รอบข้างดิฉันมีผู้หญิงสองคนที่นอนอยู่แบบหลับไม่รู้เรื่อง คนนึงอ้วนมากนอนดิ้นเอาขามาทีบดิฉันที่นั่งคยกับพี่ๆเค้าอยู่ อีกคน เป็นคนขาขาด เค้าบอกว่าห้องนี้มีแต่คนไม่สบายคนแก่คนท้องแมดิฉันและคนพิการ แล้วทุกคนที่รุมล้อมดิฉันก็ช่วยกันปลอบว่าไม่ต้องกลัว อีกสองวันเค้าก็มาประกันแล้วอย่าเครียดอย่าร้องนอนซะนะ เราโดนแค่นี้ แล้วชี้ไปที่ป้าคนนึงว่าดูป้าคนนี้สิโดนโทษประหารยังไม่เครียดเลย แล้วทุกคนก็พากันหัวเราะ ดิฉันก็ไม่รู้พูดเล่นพูดจริง คนที่พูดกับดิฉันแนะนำตัวว่าชื่อจ๋า โดนคดียา อายุก้อน่าจะสัก40แล้วค่ะ ดิก็รู้สึกดีขึ้นมานิดนึงที่ไม่มีใครมารุมทำร้าย ดิฉันอนใกล้ห้องน้ำ ซึ่งไม่อยากจะเรียกว่าห้องน้ำเลยค่ะ เพราะว่า มันไม่มีอะไรเลย ประตูไม่มี นั่งกันโจ้งๆแจ้งๆ แน่นอนค่ะ กลิ่นออกมาแบบรับไม่ได้ ดิฉันลุกขึ้นอาเจียนอยู่หลาบรอบ เพราะมองไปทางไหนก็เจอแต่แย่ๆ คนอนหลับเบียดเสียดกันไป ข้างหน้าก็มีคนขาขาด ข้างๆ มองไปเจอคนเข้าห้องน้ำแล้วยังจะมามองหน้าดิฉันอีก
ดิฉันก็ไม่กลับสบตา ใคร ไม่มองหน้าใคร เอาแต่ร้องไห้จนสะอึกสะอื้น ดิฉันร้องงไม่หยุดหยุดไม่ได้จริงๆนอนไม่หับหลับไม่ลง เหม็นไปหมด สะท้ายนอนเอาเสื้อปิดหน้าร้องไห้จนเหนื่อย พอเริ่มจะหลับคนก้อมานอนถีบบ้างปัดกันบ้าง รู้สึกตัวขึ้นมาได้ก็ร้องไห้อีก คิดถึงบ้านคิดถึงเตียงที่บ้าน คิดถึงสามี ภาพสามีที่เดินจากไป ภาพเสื้อของสามีคนอยู่ในสมอง และดิฉันคงเหนื่อยหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้สึกอีกทีก็มีคนเรียกว่าต้องลุกแล้วเช็คยอด.....
มาต่อแล้วนะคะ ....
หลังจากที่ลุกขึ้น เช็คยอดตอน ตี5 ครึ่ง ดิฉันแทบจะยืนไม่อยู่เพราะ ปวดหัวมากๆ แล้วก็นับเลขกันในห้องว่าอยู่กันครบรึป่าว มีคนมากระซิบบอกว่า
ให้นับ ดังๆไม่งั้นเค้าจะตีเอา เมื่อมาถึงดิฉันก็พยายามจะออกเสียงให้ได้ดังที่สุด แล้วก้ผ่านไป ทุกคนก็นั่งลง จากนั้นไม่นานเค้าก็เรียกชื่อดิฉันเพื่อที่จะให้ออกไปก่อน
ก็คือเค้าจะให้นักโทษใหม่ออกไปก่อน
ดิฉัน ก็เดินออกจากไปตูไปก็มีคนมายืนรอเรียกบอกว่าให้ไปต่อแถวตรงนู้นแล้วก็ชี้มือ ไปที่คนอื่นยืนต่อแถวรออยู่แล้วบอกให้ดิฉันรีบถอดเสื้อออกแล้วนุ่งกะโจมอก เดินไปยืนต่อแถว
เค้าเอาสบู่มาให้1ก้อนให้ใช้กันทั้งหมด12คนที่มาใหม่ แล้วให้ไปยืนตรงท่อเหล็กที่ต่อเป็นทางให้น้ำไหล ทำคล้ายๆฝักบัวแต่เป็นท่อเหล็กเจาะรูไม่แน่ใจว่าจะนึกกันออกหรือปล่าวนะคะ
สัก พักนึงน้ำเย็นๆก็ไหลออกมาจากท่อเหล็ก... น้ำเย็นๆกับอากาศตอนเช้าตี5ครึ่งที่อากาศเย็นมากในวันนั้น อาบน้ำกลางแจ้ง ดิฉันสั่นไปทั้งตัวเมื่อเจอแบบนี้ มันเย็นจนไม่ไหว
แล้วก็รีบๆอาบน้ำให้เสร็จส่งสบู่กันไปมา สบู่ก็เป็นสบู่กลิ่นคล้ายๆสบู่ล้างจานซะด้วยซ้ำไป
พอ อาบน้ำเสร็จก็ให้ไปใส่เสื้อผ้า แล้วนั่งรอคนอื่นๆ ตอนนี้จะว่างมากๆทุกคนก็จับกลุ่มคุยกันมีแจ่ดิฉันคนเดียวที่พยายามนั่งนิ่งๆ ร้องไห้ไม่สามารถคุยกับใครได้
นั่งอยู่ตรงนั้นสักครู่นึกก็เรียกไปต่อ แถวรับข้าวเข้าที่โรงเลี้ยง ทุกๆคนไปยืนต่อแถวยาวๆที่โรงเลี้ยง มีสองแถวสำหรับนักโทษอิสลามด้วยที่ไม่กินหมู
ดิฉันก็ต่อแถวไหนก็ได้อยู่ แล้วก้เดินตามเค้าไป ก็เหมือนกับในทีวีที่เคยเห็นค่ะ มีถาดหลุม ให้ยืนถือ มีคนตักข้าวให้แล้วบอกว่าเอาไปต้องกินให้หมด ดิฉันบอกว่าเอาน้อยมากๆ
เค้า ก็ตักให้แล้วดิฉันก็บอกว่าขอเอาออกอีก ทีนี้คนที่ตักข้าวมองหน้าดิฉันดิฉันเลยไม่พูดอีกแล้วเดินไปที่คนกักกับข้าว มื้อแรกของที่นี่คือตัมจับฉ่าย ดิฉันเดินถือถาดข้าวตามคนอื่นๆไปนั่งที่โต๊ะ
แล้วทุกคนที่ก็ลงมือกินข้าว ด้วยมือ...ย้ำนะคะว่าด้วยมือ เพราะนักโทษใหม่ยังไม่ได้ซื้อช้อน เค้าบอกว่าช้อนเนี่ยต้องซื้อเองแล้วเก็บเอาไว้ ดิฉันทานแบบนั้นไม่ได้ถึงได้ก็คงไม่กินเพราะดิฉันกินไม่ลงเลย
จับฉ่าย ของที่นี่เหมือนเอาเศษผักมาต้มกับน้ำเปล่าเลยคะ ดิฉันเอานิ้วจิ้มไปที่น้ำแล้วมาแตะลิ้นชิมรสชาติขมมากๆๆ ดิฉันไม่แตะข้าวเลย มีนักโทษคนนึงชื่อเต้ย คดียาเข้ามาพร้อมกับดิฉันเอาข้าวของดิฉันไปกิน
แล้ว บอกว่ากินเพื่ออยู่ถ้าไม่กินก็อดตาย ในนี้ไม่มีใครรักใครหรอกต้องรักตัวเอง นั่งร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดก็ไม่มีคนสนใจหรอก พอพูดแบบนี้น้ำตาก็เริ่มไหลอีก ดิฉันเหมือนคนสำออยขี้ร้องมั้ยคะ
อะไรๆๆ ดิฉันก็รองไห้หมด แต่ดิฉันเล่าตามจริงเลยดิฉันร้องไห้หนักจริงๆ ข้าวของดิฉันหมดไปเพราะเต้ยเป็นคนกิน แล้วเค้าก้อให้เราเดินเอาถาดไปเก็บแล้วไปที่ตึกเพชร คือตึกที่จะไปนั่งๆนอนๆรอเวลาที่เค้าเรียก
ที่จะทำอะไร เมื่อปล่อยเวลากินข้าวจนร้านอาหารและโรงเลี้ยงปิด ก็ทำการเช้คยอดที่ตึกเพชรอีก ทีนี้มีนักโทษนั่งรวมกันอยู่ที่ตึกนี้รวมๆ700คนได้ค่ะ ในแดนในนี้จะแบ่งนักโทษเป็นสองกลุ่มคือ
กลุ่มที่กระกำความผิดครั้งแรก กับกลุ่มผู้กระทำความผิดซ้ำ รวมๆนักโทษในแดนนี้ ก็ราวๆเกือบ2000คนค่ะ เมื่อเช็คยอดกันเสร็จทุกคนก็จะนั่งว่างๆ จับกลุ่มคุยบ้าง นอนบ้าง กินบ้าง(สำหรับผู้ที่มีคูปองเงินจะเอาเงินไปซื้อของใช้
หรือของกินที่ ร้านค้าแล้วมานั่งกินได้ของที่ร้านค้ำจะอร่อยและดีกว่าโรงเลี้ยง)แต่นักโทษ ใหม่ยังไม่มีใครมาแจกคูปองให้ ดิฉันหลบมานั่งใกล้ๆเสานั่งพิงเสาร้องไห้ มันร้องออกมาอยู่ได้ไม่หมดสักที
มีคนต่อใครเดินผ่านมาผ่านไปก็มองบ้าง บางคนก็เข้ามาปลอบแล้วนี่ก็ทำให้ดิฉันรู้จักกับป้าคนนึงเค้าเข้ามานั่งลูบ หัวดิฉันบอกถามเป็นสำเนียงเหนือๆว่าลูกเป็นอะไร ลูกไม่ต้องร้อง ตอนนั้นดิฉันพูดออกไปว่า
"หนูไม่ผิด" แล้วก้มหน้าร้องไห้ ป้าคนนี้ชื่อแอ๊ด ก็บอกดิฉันว่า คนที่นี่ก็มีทังผิดและไม่ผิด ผิดมากผิดน้อย แต่เมื่อมาถึงที่นี่ทุกคนเท่ากันหมดมีความผิดเท่ากันหมดถุกปฏิบัติเหมือนกัน หมด
แล้วป้าแอ๊ดก็ถามว่าได้กินข้าวมั้ย ดิฉันก็บอกว่ากินไม่ลงหรอก ป้าแกก็บอกว่าต้องกินนะ ยังไงก็ต้องกิน จำได้ว่าช่วงเช้าของวันนั้นพอคุยกับป้าแอ๊ดเสร็จแกก้เดินไปนอนที่ของแก
ดิฉัน ก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม คิดถึงบ้าน คิดถึงข้าวที่บ้าน เชื่อมั้ยดิฉันเคยเป็นเรื่องมากถึงขั้นที่ว่าไม่ใช่ข้าวหอมมะลิไม่กิน ไม่ใช่ร้านดีๆไม่กิน ห้องน้ำไม่ใช่ห้องน้ำดีๆก็ไม่เข้า
ทุกๆคนรอบข้าง รู้นิสัยข้อนี้ของดิฉันดี แต่นี่ดิฉันต้องมาเจอกับสิ่งที่เรียกได้ว่าต่ำกว่าคำว่าแย่ห้องน้ำรวมไม่ ต่างอะไรกับห้องน้ำในห้องนอนคือไม่มีประตูปิด ดิฉันไปอยู่ที่นั่นสองวันสองคืนไม่เคยเข้าเลย
ดิฉันจะฉี่ตอนอาบน้ำเอาเลยค่ะ
มื่อนั่งอยู่ถึงเวลาประมาณ11.30 ก็มีแม่เรนู(นักโทษผู้ดูแลนักโทษในตึกเพชรทุกคน) เรียกชื่อเอาคูปองมาให้ดิฉันเบิกเต็ม200 บาทคิดเอาไว้ว่าจะเอาไปซื้อน้ำเย็นๆดืมสักแก้วคงทำให้
รู้สึกดีขึ้นมา เมื่อได้คูปองมาแล้ว คนอื่นๆที่ได้คูปองมาก่อนหน้านี้ก้ไปรุมกันอยู่ที่ร้านค้า คนเยอะมากๆ และในตอนนี้เองมีมือนึงจับที่ข้อมือดิฉันแน่นมากๆจนเจ็มข้อมือแล้วลากดิฉัน เดินไปลิ่วๆๆ
ตอนนั้นดิฉันพยายามยื้นตัวเองแต่สู้แรงไม่ได้ดิฉันโดนลากมา หลังราวตากผ้า เจอคนที่มารออยู่อีกสามคนรวมคนที่ลากดิฉันมาด้วยเป็นสี่คน ทุกคนน่าตาน่ากลัวมีคนนึงตัดผมสั้นเหมือนทอมฟันดำปี๋
ตัวดำๆใหญ่ๆ สภาพเหมือนคนเลวในหนังเลยค่ะไม่ได้ต่าง อีกสามคนเป็นผู้หยิงดูจัดๆ ทุกคนจะฟันหลอหมดคือสภาพเหมือนคนเล่นยากันทุกคน
ตอน นั้นดิฉันร้องไห้อีกแล้วก้มหน้าอย่างเดียวในใจคิดว่านี่แหละสิ่งที่กลัว มันจะเกิดขึ้นจริงๆใช่มั้ย กลัวจะโดนทำร้าย แล้วเราก็จะโดนทำร้ายหรอ
แล้ว พวกนั้นคนนึงก้บอกว่ามึ_ชื่ออะไร ดิฉันก็ตอบไป ถามว่ามึ_มีคูปองเท่าไหร่ดิฉันบอกว่า200 พวกนั้นก็เอาไปหมดเลยแล้วก็ผหญิงคนนึงในนั้นก็ตบหน้าดิฉันอย่างแรง
แรง มากๆ แรงพอที่จะทำให้หน้าดิฉันชาไปเลย แล้วพวกนั่นก็บอกว่าเจอกันตรงนี้พรุ่งนี้เอาคูปองมาไม่ต้องให้ลากมาจะได้ไม่ โดนตบ แ ล้วก้วิ่งไปเลย ดิฉันนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นไม่รู้นานเท่าไหร่
นั่ง อยู่น้ำตาไหลร้องไห้ เครียดอยากตายมากๆ แต่อยู่ด้วยความหวังว่าพรุ่งนี้สามีมาประกันตัวแล้วต้องอยู่ให้ได้ ดิฉันไม่เห็นหน้าตัวเองตลอดสองวันเพราะไม่มีกระจกเลย
พอพะยุงตัวเองให้ ลุกขึ้นได้ ดิฉันก็เดินมาที่ตึกเพชรมีคนมีคนหลายๆคนมองดิฉันที่เดินร้องไห้อยู่ ดิฉันเชื่อว่าหน้าดิฉันคงมีรอยโดนตบชัดเจนเราะดิฉันเป็นคนขาว
และโดนแรง ขนาดนั้น ดิฉันอยากจะเป็นลมเสียให้ได้ และดิฉันก็เดินมานั่งที่เสาต้นเดิมแล้วกอดเข่าร้องไห้ คราวนี้ร้องหนักมากแทบจะลงไปนอนกลิ้งที่พื้นเลยค่ะ
แล้วป้าแอ๊ดคนเดิม ก้เดินมาหาอีก แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้นดิฉันก็ยังไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้ เหมือนว่าป้าแอ๊ดจะเดาเหตุการได้เลยบอกว่าใจเย็นๆเราตวคนเดียวก้แบบนี้โดนทำ ร้ายเอางง่าย
อย่าไปไหนคนเดียวไปเดินกับกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกันหรือไม่ ก็มาหาป้านะป้าแอ๊ดสอนว่า อยู่ที่นี่มีแต่จะมีคนมาเอาเปรียบยิ่งใครเห็นว่าเราอ่อนแอ
ก็จะเป็นการ ง่ายที่จะมาทำร้ายแล้วป้าแอ๊ดแกก็หายไป10นาที กลับมาพร้อมขนมปังกับน้ำมะพร้าวเย็นๆ1แก้ว บอกว่าป้าซื้อให้ กินเข้าไปกินซะกินให้มีชีวิตอยู่ เดี๋ยวพรุ่งนี้สามีมารับจะไม่มีแรงเดินออกไปไม่รุ้ด้วย
ป้าแกพูดแบบนี้ ตอนนั้นดิฉันเหมือนเจอที่พึ่งค่ะดิฉันกอดป้าแอ๊ดแล้วร้องไห้หนัก เหมือนดิฉันเจอแม่ที่ปลอบลูก้าแอ๊ดแกก้กอดแล้วลูบหัวลูบหลังว่าไม่เป็นไรๆ แล้วพอสงบได้ป้าแกก้เดินไปนอนที่ของแกเหมือนเดิม
ดิฉันสังเกตได้ว่าคนในนี้มีแต่คนเดินหลบแกไม่ว่าแกจะไปทางไหนทำอะไรก้มีแต่คนเปิดทางให้ไม่กล้าขวางแต่ตอนนั้นก็ยังไม่ทราบข้อมูลอะไร
หลัง จากนั้นช่วงบ่ายก็เหมือนช่วงเช้ามีแต่คนนั่งคุยนอนบ้างกินบ้างไม่ต้องทำอะไร คนที่จะต้องทำงานคือพวกที่ถูกลงโทษง่ายๆก็คือพวกที่จะมาทะเลาะตบตีกันจะโดน
ให้ ไปทำงานหนัก แล้ววันนั้นดิฉันก็นั่งเฉยๆนิ่งๆ เจ็บหน้า ได้ยินนักโทาคุยกันชัดๆด้านหลัง เค้าคุยเกี่ยวกับเรื่องบนเตียงแบบไม่อายกันเลย ไม่ขอเล่าชัดเจน
บอกได้ เลยว่าคนธรรมดาก็รับไม่ได้กับคำพูดพวกนั้น หรอกค่ะ บางคนก็อวดนั่นอวดนี่กันเหมือนพวกเก็บเลเวล บางคนก็เล่าเรื่องว่าเสพยาอะไรมาบ้างเหมือนใครเสพมาเยอะกว่าคนนั่นเจ๋งกว่า
ขนาดบางคนท้องอยู่ยังพูดว่า กูดูดลูกกุก็ดูดด้วย ซิ่งกันทั้งแม่ทั้งลูก ทำนองว่าไม่ได้ละอายใจหรือเป็นห่วงลูกในท้องเอาซะเลย ค่ะ
ดิฉัน ละถ้าจะให้เข้าไปพุดด้วยคงคุยกันไม่รู้เรื่อง คำพุดคำจาของแต่ละคนแย่มาก แถมยังนั่งเล็งทอมในเรือนจำด้วยกันว่าคนนั้นหล่อคนนี้หลออยากไปนอนด้วย แบบนั้นแบบนี้
สังคมในนั้นก็เป็นแบบนี้เลยค่ะ
พวกคนมีอายุก็จะนอน กันซะส่วนใหญ่ ยังมีพวกต่างด้าวพม่ากะเหรี่ยงที่มีกลุ่มของเค้าอยู่เหมือนกัน ดิฉันรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวทั้งที่คนเด็มไปหมด หูอื้อคิดอะไรไม่ค่อยออก ได้แต่รอ
รอว่าเมื่อไหร่จะถึงพรุ่งนี้...
ช่วงบ่ายล่วงเลยเวลามาถึงบ่ายสามโมง ก็มีเสียงเรียกเช็คยอดอีกครั้ง แล้วให้ไปยืนต่อแถวอาบน้ำดิฉันก็ยังงงๆอยู่เพราะเห็นทุกคนรีบวิ่งไปที่ราว ตากผ้าเอาผ้าแห้งผ้าถุงและเสื้อมาเป็นของตัวเองดิฉันก็ทำตาม
คือเราต้องรีบไปเอาเสื้อผ้าที่แห้งแล้วมาเนของเราก่อนที่จะไปาบน้ำเพราะไม่เช่นนั้นจะต้องใส่ชุดเดิม
ดิฉัน ก็รีบไปเอาได้มาชุดนึ่งค่ะ แล้วก็ปฏิบัติเหมือนเดิม ไปยืนอาบน้ำที่ท่อเหล็กเจาะรู เค้าจะปล่อยนักโทษมารอบละประมาน70 คนได้ค่ะ ก็แย้งกันอยู่ตรงรูน้ำแล้วให้เวลา นับ1-30 ต้องอาบเสร็จค่ะ
แล้วเมื่อ อาบน้ำเสร็จก็มานั่งที่ตึกเพชรรอกินข้าวเย็น แต่คราวนี้ดิฉันไม่ลุกเดินไปไหนไม่กินข้าว ได้แต่เดินไปกดน้ำเปล่าที่ตู้น้ำกินไป แล้วกลับมานั่งอยู่ที่เดิม จากนั้นสักพัก้ได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวานที่ตรงโรงเลี้ยง
แล้วก็เห็นพวกคุณ กับแม่ห้องต่างๆวิ่งวุ่นๆ มีคนวิ่งเอาเก้าอี้วีลแชร์ไปที่โรงเลี้ยง ก็รู้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องอะไรสักอย่าง แล้วทุกอย่างก้ดูวุ่นวายไปหมดค่ะ ดิฉันมีคนโดนเข็นออกนอนประตูแดนในไป
แล้วเมื่อคุณเอาไม้กระบองยางสีดำ ออกมาแล้วทุบหลังนักโทษที่วุ่งวุ่นวายให้กลับไปที่ตึกเพชร ดิฉันนึกภาพเหมือนที่เคยเห็นในหนัง แต่นี่คือเหตุการจริงอยู่ตรงหน้าค่ะ
แล้ว ทุกคนก็มาที่ตึกเพชร หลิน(คนที่เข้ามาพร้อมกัน)เล่าว่า มีนักโทษทะเลาะกันที่โรงเลี้ยงโดนจับเอาผ้าถุงรัดคอแล้วให้คนอื่นรุมกระทืบ มันน่ากลัวมากๆ นักโทษคนที่โดนกระทำไม่รู้ว่าตอนนี้อาการหนักแค่ไหน
ดิฉัน ถามว่าแล้วเค้าจะถูกพาส่งไป รพ. มั้ย หลินบอกว่า ไม่หรอก ก็ไปที่ตึกพบ. ที่เราเข้ามาตอนแรกแค่นั้นแหละ ถ้าไม่ใกล้ตายจริงๆก้ไม่ได้ออกไปข้างนอกหรอก
มันน่ากลัวจริงๆนะคะ แล้วในตอนนั้นเลยนั่งคุยกับหลินและเพื่อนอื่นๆที่เป็นนักโทษ บางคนก็อยู่ในนี้มากว่า 10 ปี มีพี่คนนึงอยู่มาตั้งแต่อายุ20 ตอนนี้ 33 ปีแล้วก็มานั่งคุยด้วย ว่า
นักโทษที่ใส่ชุดสีน้ำเงินเข้มที่เราเห็นตน อเข้ามาประตูแรกก็คือนักโทษที่ใกล้จะพ้นโทษ ชุดสีขาวที่มีเขียนว่าผู้ช่วยงานคือนักโทษที่ติดมา 10 ปีขึ้นไป จะรู้อะไรๆในนี้ดีเลยเป็นผู้ช่วยผู้ดูแลได้
นักโทษชุดสีฟ้า คือนักโทษแดนนอก คือนักโทษที่ติดมา 2ปีขึ้นไปและถูกศาลตัดสินเรียบร้อยแล้ว ส่วนนักโทษชุดน้ำตาลอย่างพวกเราคือนักโทษใหม่ เลือดร้อน บ้างก็ฝากขังแบบดิฉันเพื่อรอประกันตัว
บ้างก็ เข้ามาอยู่เพื่อรอเป็นนักโทษแดนนอก เค้าว่ากันว่า นักโทษแดนนอกไม่ค่อยมีปัญหาหรอกเพราะอยู่กันว่านักโทษแดนนอนไม่ค่อยมีปัญหา ตบตีหรือทำร้ายกันเพราะอยู่มานานแล้ว
แต่พวกแดนในเนี่ยแหละ พวกพึ่งทำผิดมาแล้วเข้ามาอยู่ใครมีความเก๋าเท่าไหร่ก็ใส่กันหมด
ห้อง นอนที่ดิฉันนอน เป็นห้องพิเศาทำหลับคนไม่สบาย เลยรวมนักโทษแดนนอกด้วยไม่ค่อยมีพวกก่างๆเท่าไหร่ แล้วพี่คนนึงที่ติดว่าตั้งแต่อายุ20 ก็บอกว่า คุยกับป้าแอ๊ดว่าอะไรบ้าง ดิฉันก็บอกว่า
ป้าแอ๊ดแนะนำทุกอย่างดูแลดิฉันอย่างดี พี่คนนั้นเล่าว่า ถือว่าโชคดีมากนะที่ป้าแอ๊ดเข้ามาคุยด้วย เพราะแกคือนักโทษประหารชีวิต(ตอนที่เข้ามานอนในห้องนั้นคืนแรกมีคนแซวแล้ว ชี้ไปที่ป้าคนนึ่งแล้ว
บอกว่าคนนี้โดนประหารชีวิตก็คือป้าแอ๊ดนี่แหละคะ ป้าแอ๊ดแกนอนห้องเดียวกับดิฉัน) ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วยเพราะแกไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าเป็นไปได้ก็ระวังด้วยอย่าคิดว่าแกจะดีกับเราจริงๆ เพราะแต่ดดนคดีฆ่ามา8ศพ
ดิฉันตกใจมากเมื่อได้ฟังไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเหมือนป้าแอ๊ดเป็นที่พึ่งเดียวของดิฉัน แล้วดิฉันควรจะอยู่ใกล้แกมั้ย แต่แกไม่ได้คิดร้ายเลยมีแต่จะเข้ามาปลอบลูบหัวและช่วยเหลือให้คำแนะนำ
ดิฉัน ก็สับสนไปหมดเลยค่ะ หลังจากที่ทุกคนกินข้าวเย็นเรียบร้อยก็มายืนเข้าแถวเช็คยอด และเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง แล้วไปยังที่ที่ตัวเองนอน ดิฉันก็เดินไปที่เดิมเมื่อคืน แล้วนั่งลง ป้าแอ๊ดแกก็อยู่ไม่ไกล
พอเข้ามาถึงแกก็นอนลงไปเลยไม่พุดไม่จา
คน อื่นๆก็มีนั่งคุยกันบ้าง ผู้หญิงที่ขาขาด ที่นอนตรงข้ามดิฉันเมื่อคืน ก็เข้ามาคุยถามไถ่แล้วนะนำชื่อว่า เราชื่อบุศนะ แล้วก็คุยกันไปมาจึงรู้ว่าเธอขาขาด
1ข้างตอนประสบอุบัติเหตุเมื่อสองปี ที่แล้ว และตอนนี้เธอท้องอยู่ด้วย โอ้โห... ผู้หญิงคนนึง มีขาข้างเดียว ท้องอยู่4 เดือนแถมยังต้องมานอนพื้นเย็นๆในคุก กินอาหารที่ไม่ได้บำรุงเลย
จะ มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกมั้ย? ดิฉันสงสารบุศมากๆ แล้วยังรู้อีกว่า สามีของบุศก็ติดคุกอยู่ที่นี่แหละ อยู่ฝั่งของผู้ชาย สงสารเด็กจัง ในใจคิดแบบนี้ พ่อแม่ติดคุกคนละ5ปี คดียาเสพติดอีกแล้ว....
คนที่นอน ข้างๆดิฉัน ที่ชื่อจ๋าบอกว่าได้ข่าวว่าวันนี้เจอรับน้องหรอ โดนแย้งคูปองหรอดิฉันบอกว่าใช่ แล้ว พี่จ๋าแกเลยบอกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้แกไปซื้อให้เอาเอาคูปองมาฝากแกไว้แล้วถามดิฉันว่า
อยากได้ อะไรอยากกินอะไร ดิฉันบอกว่าไม่เอาอะไรหรอก แค่อยากได้น้ำเย็นๆ น้ำปล่าวเย็นๆสักขวดพอ แกบอกว่าเดี๋ยวซื้อมาให้ แล้วมีป้าอีกคน ก็บอกบอกว่าซื้อขนมให้ป้าหน่อยได้มั้ย
ป้ากินข้าวดรงเลี้ยงมา เป็นปีๆไม่มีคนมาเยี่ยมอยากกินขนมบ้างไม่มีเคยมีคูปองกินขนมเลย ดิฉันเลยบอกพี่จ๋าไปว่าให้ซื้อขนมมาให้ป้าคนนี้ด้วย(แกชื่อป้าช้อน)
แล้ว คืนนั้นก็จบลงด้วยการสวดมน เช็คยอด แล้วนอนลงที่เดิม กลิ่นเหม็นลอยมาเหมือนเดิม คนเข้าห้องน้ำทั้งคืน ดิฉันก็ร้องไห้จนเหนื่อยแล้วหลับไปเหมือนเดิม....
เวลาตี5 ครึ่งเหมือนเดิมตื่นขึ้นมาเช้คยอดเหมือนเดิม เดินแถวไปอาบน้ำ แต่วันนี้ดิฉันไม่ได้โดนให้ออกไปก่อนแล้ว เพราะถือเป็นนักโทษเก่าดิฉันได้ออกไปพร้อมๆกับ
คนในห้อง และคนเยอะมากๆ ดิฉัน งง ไปหมดเพราะเมื่อวานมีคนให้สบู่แต่วันนี้ไม่มี แล้วก็อาบน้ำแบบไม่มีสบู่ อาบน้ำเย็นๆหนาวๆเหมือนเดิม พออาบน้ำเสร็จก็มานั่งเฉยๆที่ตึกเพชร
รอพี่จ๋าที่เอาคูปองไปแล้วบอกว่า จะซื้อน้ำมาให้ ดิฉันนั่งเฉยๆไม่ลุกไปไหน ซักพักพี่จ๋าแกก้ซื้อของมาให้ แกซื้อน้ำปล่าวเย็นๆมาหนุ่งขวดแล้วก็ขนมปังใส้กรอกหนึ่งอัน แล้วถามว่าดิฉันอยากได้อะไรเพิ่มมั้ย
ดิฉันบอกไปว่าไม่แล้ว ค่ะเท่านี้พอแล้ว แล้วถามว่าซื้อของให้ป้าช้อนหรือยัง แกบอกว่าซื้อแล้ว ซื้อของให้ป้าช้อนไป50บาท ซื้อของให้ดิฉัน 20 บาทเหลือ 130 บาทเอาอะไรมั้ย
ดิฉันบอกว่าไม่หรอกเพราะวันนี้ดิฉันจะประกันตัวแล้ว
บอกว่า ให้เอาไปซื้อของให้ป้าช้อนเถอะ พี่จ๋าแกบอกว่าโอเค แล้วก็ไป ดิฉันทราบมาว่าญาติจะมาเยี่ยมได้และทำเรื่องประกันตัว ตั้งแต่08.00-15.30 ให้รอฟังชื่อเค้าจะประกาศ
ดิฉันนั่งรอฟังชื่อตัวเองด้วยความใจจดใจจ่อ เมื่อไหร่นะ สามีจะมาถึง มาเยี่ยม แล้ว บอกว่าออกไปได้แล้ว เวลาล่วงเลยไปจนถึงบ่ายโมง ดิฉันนั่งร้องไห้ ไม่มีชื่อดิฉันเลย
จนแม่เร นู เข้ามาคุยแล้วถามว่าทำไมร้องไห้เก่งขนาดนี้ ชั้นเห็นเธอร้องตั้งแต่เมื่อวานทั้งวัน แล้วมาวันนี้อีก ดิฉันบอกว่าดิฉันรอสามี ไม่มาสักทีไม่มีชื่อสักที
แม่เรนูบอกว่า เธอจะมาร้องได้ไง นี่มันหยุดไป2วัน คนเค้ามารอเยี่ยมญาติตั้งแต่ตี4 เธอรู้มั้ย คนมัน