ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comความรู้ทั่วไปGeneral (ถามคุยวิชาการ IM)หากต้องการทำซัก 30 ซับโดเมน ลง WP มัลติดาต้าเบส หรือ ลง WP ธรรมดาดี
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: หากต้องการทำซัก 30 ซับโดเมน ลง WP มัลติดาต้าเบส หรือ ลง WP ธรรมดาดี  (อ่าน 11612 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
lulu85
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 200



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2010, 11:09:27 »

อยากรู้ว่าลงแบบไหนดี

ระหว่างลง WP Multidatabase หรือลง WP ธรรมดา (ไปกำหนดซับโดเมนในโฮสต์เอา แล้วลง WP ในโฟลเดอร์ซับแต่ละตัว)

คือผมไม่เคยใช้ WP Multidatabase มาก่อนเลย เลยไม่ค่อยมั่นใจนัก

ขอถามอีกหน่อยละกัน

สมมุติผมใช้ WP Multidatabase ผมสามารถกำหนดแคทตากอรีให้กับ ซับโดเมน แล้วดึงเอาโพสต์ที่อัพเดทล่าสุดของซับโดเมนมาไว้ในโดเมนหลักได้หรือไม่

เช่น

โดเมนหลัก  คือ  เครื่องครัว.คอม

ซับโดเมนคือ  กระทะทองแดงรุ่น475889.เครื่องครัว.คอม

ผมต้องการสร้างแคทตากอรี ที่เครื่องครัว.คอม ว่ากระทะ

แล้วให้ กระทะทองแดงรุ่น475889.เครื่องครัว.คอม  ไปอยู่ในแคทตากอรี กระทะ ได้หรือไม่

แล้วก็ให้เวลาอัพเดทข้อมูลในซับโดเมน  มันจะไปขึ้นหน้าแรก ในโดเมนหลัก  แบบนี้ทำได้มั๊ยครับ


หรือจริงๆ ถ้ามีแค่ 30-40 product ไม่ต้องแยกเป็นซับโดเมน  แค่ทำเป็นซับแคทตากอรีก็พอ?
 (ทำเป็น  เครื่องครัว.คอม/กระทะ/กระทะทองแดงรุ่น475889)

จริงๆตอนแรกต้องการทำเป็นแค่ ซับแคทตากอรี่อ่ะแหล่ะ แต่มันติดแอดแยกจากหน้าหลักไม่ค่อยได้ (หรือผมทำไม่เป็นก็ไม่รู้)

.....

บันทึกการเข้า

lulu85
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 200



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2010, 19:24:10 »

เค้าอยากรู้ง่ะ Embarrassed
บันทึกการเข้า

bobba
Verified Seller
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 106
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 883



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2010, 19:48:19 »

อยากรู้ ไปลองขอฟรี ที่ wordpress.com หรือ wpmu ฟรีครับ จะได้มางง สงสัย
ปกติ ผมสงสัย ผมก้อลองเลย ไม่มีอาไรเสียนีนา
บันทึกการเข้า

ravemaster
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 26
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2010, 20:07:10 »

อยากรู้ ไปลองขอฟรี ที่ wordpress.com หรือ wpmu ฟรีครับ จะได้มางง สงสัย
ปกติ ผมสงสัย ผมก้อลองเลย ไม่มีอาไรเสียนีนา

คนละเรื่องกันเปล่าเนี่ย
บันทึกการเข้า

บ่นบ้าง เนื้อหาบ้างโดย Microsoft Dynamic AX Guru บ่นความ ERP

เสื้อผ้าแฟชั่น คุณภาพดี ตรวจของก่อนส่งทุกชิ้นกับ Lene belleza

นำเข้าสินค้าแบรนด์เนมแท้ มีสต๊อคอยู่ USA กับ Lene belleza
ManKung
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 64
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,459



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2010, 20:14:32 »

ลง wp ธรรมดา แล้วก็เอา กระทะ เป็น Categories จะดีกว่ามั่ย ?  Lips Sealed
บันทึกการเข้า

lulu85
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 200



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2010, 23:55:48 »



คือที่อยากรู้
ลง wp ธรรมดา แล้วก็เอา กระทะ เป็น Categories จะดีกว่ามั่ย ?  Lips Sealed


คือ จริงๆก็อยากทำแบบนั้นหน่ะครับ  แต่ติดตรง  ในหน้าโพสต์ ผมอยากได้แบนเนอร์เฉพาะของหน้านั้นๆอ่ะครับ

เช่น คอลัมน์ขวามือของหน้าหลัก เป็น widget อันนึง  แต่ในหน้าโพสต์เป็น widget อีกอัน ประมาณนี้ ซึ่งผมทำใน wp ธรรมดา รู้สึกจะทำไม่ได้

บันทึกการเข้า

lulu85
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 200



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2010, 00:02:26 »

อยากรู้ ไปลองขอฟรี ที่ wordpress.com หรือ wpmu ฟรีครับ จะได้มางง สงสัย
ปกติ ผมสงสัย ผมก้อลองเลย ไม่มีอาไรเสียนีนา

คนละเรื่องกันเปล่าเนี่ย

ผมก็ว่าน่าจะคนละเรื่องครับ คือผมกำลังคิดว่า

1.  ถ้าจะทำซับโดเมน ซัก 20-30 ซับ ควรลง WP Multidatabase  หรือลง WP ธรรมดา ในแต่ละซับ  อันไหนดีกว่ากัน

2. แล้วในกรณีที่ผมลง  WP Multidatabase  ผมสามารถดึงโพสต์ล่าสุดในแต่ละซับโดเมน มาโชว์ในเว็บโดเมนหลักได้หรือไม่

3. ซับโดเมน VS ซับไดเรคทอรี่  อันไหนน่าจะเวิร์คกว่ากัน

คำถามคือประมาณนี้ครับ  ขอโทษที่ทำให้สับสน
บันทึกการเข้า

นี่หรือเมืองพุทธ
Verified Seller
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 121
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,130



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2010, 00:16:22 »

อยากรู้ ไปลองขอฟรี ที่ wordpress.com หรือ wpmu ฟรีครับ จะได้มางง สงสัย
ปกติ ผมสงสัย ผมก้อลองเลย ไม่มีอาไรเสียนีนา

คนละเรื่องกันเปล่าเนี่ย

ผมก็ว่าน่าจะคนละเรื่องครับ คือผมกำลังคิดว่า

1.  ถ้าจะทำซับโดเมน ซัก 20-30 ซับ ควรลง WP Multidatabase  หรือลง WP ธรรมดา ในแต่ละซับ  อันไหนดีกว่ากัน

2. แล้วในกรณีที่ผมลง  WP Multidatabase  ผมสามารถดึงโพสต์ล่าสุดในแต่ละซับโดเมน มาโชว์ในเว็บโดเมนหลักได้หรือไม่

3. ซับโดเมน VS ซับไดเรคทอรี่  อันไหนน่าจะเวิร์คกว่ากัน

คำถามคือประมาณนี้ครับ  ขอโทษที่ทำให้สับสน

ตอบเท่าที่ผมรู้นะครับ

เข้าใจว่าต้องการทำ subdomain แยกย่อยแต่ละสินค้า

1. ซับโดเมนแค่ 20-30 ไม่ต้องทำ multidatabase ก็ได้ครับ
ทำ WP-MU ไปเลยจะจัดการกับ subdomain ได้ง่ายกว่า (ไม่ต้องลง wordpress ใหม่ถึง 30 subdomain)
แต่ผมเคยได้ยินมาว่า Wordpress 3.01 ได้รวมฟังค์ชั่นในการสร้าง subdomain แบบ WP-MU มาให้แล้ว
ผมยังไม่เคยลองเหมือนกัน คุณจะลองก็ได้ครับ แต่ถ้าไม่อยากลองผมก็แนะนำให้ทำเป็น WP-MU ดีกว่า

2. สามารถใช้ plugin Recent Global Posts ให้แสดงในโดเมนหลักได้ครับ

3. ผมว่ามันเหมือนกันนะ แต่ผมชอบซับโดเมนมากกว่า เพราะ kw เราจะได้อยู่ข้างหน้าโดเมน
บันทึกการเข้า

. . . . .
จงคร่ำครวญมิยาบิ
TOOAds.com
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2010, 00:40:07 »

ยัดวิดเกท ในโพสสิครับ
บันทึกการเข้า
g-ji
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 231
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,254



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2010, 00:58:56 »

จริงๆตอนแรกต้องการทำเป็นแค่ ซับแคทตากอรี่อ่ะแหล่ะ แต่มันติดแอดแยกจากหน้าหลักไม่ค่อยได้ (หรือผมทำไม่เป็นก็ไม่รู้)

ตรงนี้ทำได้นะ

สมมติ มี ads 1 2 3

ให้

ads 1 แสดงแค่ หน้า แรกสุดอย่างเดียว

ads 2 ไปโผล่ในหน้า สินค้านั้นๆ

ads 3 ไปโผล่ในหน้า หมวดหมู่สินค้านั้นๆ

ก็สร้าง ช่องใส่ widget side bar เพิ่มมา 3 อัน

เปิดไฟล์ ธีมที่ใช้/functions.php

หา (ถ้าธีมใส่ widget ได้มันมี ทุกธีมแหละ)

โค๊ด:
<?php
if (function_exists(&#39;register_sidebar&#39;)){
    
register_sidebar(array(
        &
#39;before_widget&#39; => &#39;<div class="sidebar_widget">&#39;,
        
&#39;after_widget&#39; => &#39;</div>&#39;,
        
&#39;before_title&#39; => &#39;<h3>&#39;,
        
&#39;after_title&#39; => &#39;</h3>&#39;,
    
));
}
?>


copy code ข้างล่าง ไปใส่ต่อ

โค๊ด:
<?php    
    register_sidebar
(array(
&#39;name&#39; => &#39;page_sidebar&#39;,
&#39;before_widget&#39; => &#39;<div class="sidebar_widget">&#39;,
&#39;after_widget&#39; => &#39;</div>&#39;,
&#39;before_title&#39; => &#39;<h3>&#39;,
&#39;after_title&#39; => &#39;</h3>&#39;,
));
?>



โค๊ด:
<?php
if (function_exists(&#39;register_sidebar&#39;)){
    
register_sidebar(array(
        &
#39;before_widget&#39; => &#39;<div class="sidebar_widget">&#39;,
        
&#39;after_widget&#39; => &#39;</div>&#39;,
        
&#39;before_title&#39; => &#39;<h3>&#39;,
        
&#39;after_title&#39; => &#39;</h3>&#39;,
    
));
    
register_sidebar(array(
&#39;name&#39; => &#39;page_sidebar&#39;,
&#39;before_widget&#39; => &#39;<div class="sidebar_widget">&#39;,
&#39;after_widget&#39; => &#39;</div>&#39;,
&#39;before_title&#39; => &#39;<h3>&#39;,
&#39;after_title&#39; => &#39;</h3>&#39;,
));
}
?>


จะเห็นว่ามันมี จุดนึงที่ต่างกันคือ อันล่างมันจะมี 'name' => 'page_sidebar', เพิ่มขึ้นมา คุณก็เปลี่ยนคำว่า page เป็นหน้าที่คุณต้องการ เช่น
'name' => 'home_sidebar',
'name' => 'single_sidebar',
'name' => 'category_sidebar',

มันจะออกมาเป็น
โค๊ด:
<?php
if (function_exists(&#39;register_sidebar&#39;)){
    
register_sidebar(array(
        &
#39;before_widget&#39; => &#39;<div class="sidebar_widget">&#39;,
        
&#39;after_widget&#39; => &#39;</div>&#39;,
        
&#39;before_title&#39; => &#39;<h3>&#39;,
        
&#39;after_title&#39; => &#39;</h3>&#39;,
    
));
    
register_sidebar(array(
&#39;name&#39; => &#39;home_sidebar&#39;,
&#39;before_widget&#39; => &#39;<div class="sidebar_widget">&#39;,
&#39;after_widget&#39; => &#39;</div>&#39;,
&#39;before_title&#39; => &#39;<h3>&#39;,
&#39;after_title&#39; => &#39;</h3>&#39;,
));
}
    
register_sidebar(array(
&#39;name&#39; => &#39;single_sidebar&#39;,
&#39;before_widget&#39; => &#39;<div class="sidebar_widget">&#39;,
&#39;after_widget&#39; => &#39;</div>&#39;,
&#39;before_title&#39; => &#39;<h3>&#39;,
&#39;after_title&#39; => &#39;</h3>&#39;,
));
}
    
register_sidebar(array(
&#39;name&#39; => &#39;category_sidebar&#39;,
&#39;before_widget&#39; => &#39;<div class="sidebar_widget">&#39;,
&#39;after_widget&#39; => &#39;</div>&#39;,
&#39;before_title&#39; => &#39;<h3>&#39;,
&#39;after_title&#39; => &#39;</h3>&#39;,
));
}
?>


พอได้แบบนี้ก็ เซฟไป แล้วเปิดไปตรงหน้าจัดการ widget มันจะมีช่องใส่เพิ่มขึ้นมา ชื่อเดียวกับ ตรง 'name' => 'ที่คุณตั้ง_sidebar',

จากนั้นก็เปิด ไฟล์ sidebar.php ขึ้นมา (ส่วนใหญ่จะมีนะ) ถ้าไม่มีก็สร้างเลย เพราะธีมส่วนใหญ่จะใช้ฟังก์ชัน get_sidebar(); อยู่แล้ว

แล้วใส่โค้ด

โค๊ด:
<?php 
if(
is_home()) { 

if (function_exists(&#39;dynamic_sidebar&#39;)){ dynamic_sidebar(&#39;home_sidebar&#39;); }

}

if(is_archive()) { 

if (function_exists(&#39;dynamic_sidebar&#39;)) {dynamic_sidebar(); }


if(is_single()) { 

if(function_exists(&#39;dynamic_sidebar&#39;)){
dynamic_sidebar(&#39;single_sidebar&#39;);
}
}

if(is_category()) { 

if(function_exists(&#39;dynamic_sidebar&#39;)){
dynamic_sidebar(&#39;cagegory_sidebar&#39;);
}
}

?>


มันจะแสดง widget ตามที่ใส่ไว้ widget home (หน้าหลัก) widget single (หน้าแยกของแต่ละสินค้า) widget category (หน้าหมวดหมู่ของสินค้านั้นๆ)

อยากจะทำ ช่องใส่ widget กี่อันก็ ใส่ไปเลย (ที่ใช้อยู่มีช่องใส่ widget 8 ช่อง)

ถ้าเป็น js ads (แบบ adsense) ก็ใส่ลงไปใน widget ที่ชื่อ text ได้เลย ถ้า้ต้องการใช้ php ด้วยก็โหลด
โค๊ด:
http://wordpress.org/extend/plugins/php-code-widget/

ส่วน ใช้ ซับโดเมน หรือ ซับไดเร็คทอรี่ ดีกว่ากันนั้น ขออ้างอิง

Subdomains and subdirectories
...
My personal preference on subdomains vs. subdirectories is that I usually prefer the convenience of subdirectories for most of my content.

A subdomain can be useful to separate out content that is completely different.

Google uses subdomains for distinct products such news.google.com or maps.google.com, for example.

If you’re a newer webmaster or SEO, I’d recommend using subdirectories until you start to feel pretty confident with the architecture of your site. At that point, you’ll be better equipped to make the right decision for your own site.

ตรงสีแดงๆ
แนะนำให้ใช้ ซับไดเร็คทอรี่ สำหรับเนื้อหาทั้งหมด และ ใช้ซับโดเมน เฉพาะเนื้อหาที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงจากเนื้อหาหลัก

ตัวอย่าง news.google.com ที่ไม่มีเนื้อหาส่วนใดเกี่ยวข้องกับ maps.google.com เลย (แน่นอน ตัวโดเมนเนมหลักก็ไม่เกี่ยวข้องด้วย)...

นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น แต่ไม่จำเป็นต้องทำตามก็ได้ คุณอยากจะสร้างซับโดเมนเกี่ยวกับสินค้าสัก 100 อัน ก็ไม่เป็นไรหรอก...

ที่ตั้งใจจะบอกจริงๆ คือ วิธีทำ widget แยกกันเฉพาะหน้านั้นๆ
บันทึกการเข้า

lulu85
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 200



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2010, 07:37:51 »

อยากรู้ ไปลองขอฟรี ที่ wordpress.com หรือ wpmu ฟรีครับ จะได้มางง สงสัย
ปกติ ผมสงสัย ผมก้อลองเลย ไม่มีอาไรเสียนีนา

คนละเรื่องกันเปล่าเนี่ย

ผมก็ว่าน่าจะคนละเรื่องครับ คือผมกำลังคิดว่า

1.  ถ้าจะทำซับโดเมน ซัก 20-30 ซับ ควรลง WP Multidatabase  หรือลง WP ธรรมดา ในแต่ละซับ  อันไหนดีกว่ากัน

2. แล้วในกรณีที่ผมลง  WP Multidatabase  ผมสามารถดึงโพสต์ล่าสุดในแต่ละซับโดเมน มาโชว์ในเว็บโดเมนหลักได้หรือไม่

3. ซับโดเมน VS ซับไดเรคทอรี่  อันไหนน่าจะเวิร์คกว่ากัน

คำถามคือประมาณนี้ครับ  ขอโทษที่ทำให้สับสน

ตอบเท่าที่ผมรู้นะครับ

เข้าใจว่าต้องการทำ subdomain แยกย่อยแต่ละสินค้า

1. ซับโดเมนแค่ 20-30 ไม่ต้องทำ multidatabase ก็ได้ครับ
ทำ WP-MU ไปเลยจะจัดการกับ subdomain ได้ง่ายกว่า (ไม่ต้องลง wordpress ใหม่ถึง 30 subdomain)
แต่ผมเคยได้ยินมาว่า Wordpress 3.01 ได้รวมฟังค์ชั่นในการสร้าง subdomain แบบ WP-MU มาให้แล้ว
ผมยังไม่เคยลองเหมือนกัน คุณจะลองก็ได้ครับ แต่ถ้าไม่อยากลองผมก็แนะนำให้ทำเป็น WP-MU ดีกว่า

2. สามารถใช้ plugin Recent Global Posts ให้แสดงในโดเมนหลักได้ครับ

3. ผมว่ามันเหมือนกันนะ แต่ผมชอบซับโดเมนมากกว่า เพราะ kw เราจะได้อยู่ข้างหน้าโดเมน

ขอบคุณมากครับ
บันทึกการเข้า

lulu85
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 200



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2010, 07:39:49 »

จริงๆตอนแรกต้องการทำเป็นแค่ ซับแคทตากอรี่อ่ะแหล่ะ แต่มันติดแอดแยกจากหน้าหลักไม่ค่อยได้ (หรือผมทำไม่เป็นก็ไม่รู้)

ตรงนี้ทำได้นะ

สมมติ มี ads 1 2 3

ให้

ads 1 แสดงแค่ หน้า แรกสุดอย่างเดียว

ads 2 ไปโผล่ในหน้า สินค้านั้นๆ

ads 3 ไปโผล่ในหน้า หมวดหมู่สินค้านั้นๆ

ก็สร้าง ช่องใส่ widget side bar เพิ่มมา 3 อัน

เปิดไฟล์ ธีมที่ใช้/functions.php

หา (ถ้าธีมใส่ widget ได้มันมี ทุกธีมแหละ)

โค๊ด:
<?php
if (function_exists(&#39;register_sidebar&#39;)){
    
register_sidebar(array(
        &
#39;before_widget&#39; => &#39;<div class="sidebar_widget">&#39;,
        
&#39;after_widget&#39; => &#39;</div>&#39;,
        
&#39;before_title&#39; => &#39;<h3>&#39;,
        
&#39;after_title&#39; => &#39;</h3>&#39;,
    
));
}
?>


copy code ข้างล่าง ไปใส่ต่อ

โค๊ด:
<?php    
    register_sidebar
(array(
&#39;name&#39; => &#39;page_sidebar&#39;,
&#39;before_widget&#39; => &#39;<div class="sidebar_widget">&#39;,
&#39;after_widget&#39; => &#39;</div>&#39;,
&#39;before_title&#39; => &#39;<h3>&#39;,
&#39;after_title&#39; => &#39;</h3>&#39;,
));
?>



โค๊ด:
<?php
if (function_exists(&#39;register_sidebar&#39;)){
    
register_sidebar(array(
        &
#39;before_widget&#39; => &#39;<div class="sidebar_widget">&#39;,
        
&#39;after_widget&#39; => &#39;</div>&#39;,
        
&#39;before_title&#39; => &#39;<h3>&#39;,
        
&#39;after_title&#39; => &#39;</h3>&#39;,
    
));
    
register_sidebar(array(
&#39;name&#39; => &#39;page_sidebar&#39;,
&#39;before_widget&#39; => &#39;<div class="sidebar_widget">&#39;,
&#39;after_widget&#39; => &#39;</div>&#39;,
&#39;before_title&#39; => &#39;<h3>&#39;,
&#39;after_title&#39; => &#39;</h3>&#39;,
));
}
?>


จะเห็นว่ามันมี จุดนึงที่ต่างกันคือ อันล่างมันจะมี 'name' => 'page_sidebar', เพิ่มขึ้นมา คุณก็เปลี่ยนคำว่า page เป็นหน้าที่คุณต้องการ เช่น
'name' => 'home_sidebar',
'name' => 'single_sidebar',
'name' => 'category_sidebar',

มันจะออกมาเป็น
โค๊ด:
<?php
if (function_exists(&#39;register_sidebar&#39;)){
    
register_sidebar(array(
        &
#39;before_widget&#39; => &#39;<div class="sidebar_widget">&#39;,
        
&#39;after_widget&#39; => &#39;</div>&#39;,
        
&#39;before_title&#39; => &#39;<h3>&#39;,
        
&#39;after_title&#39; => &#39;</h3>&#39;,
    
));
    
register_sidebar(array(
&#39;name&#39; => &#39;home_sidebar&#39;,
&#39;before_widget&#39; => &#39;<div class="sidebar_widget">&#39;,
&#39;after_widget&#39; => &#39;</div>&#39;,
&#39;before_title&#39; => &#39;<h3>&#39;,
&#39;after_title&#39; => &#39;</h3>&#39;,
));
}
    
register_sidebar(array(
&#39;name&#39; => &#39;single_sidebar&#39;,
&#39;before_widget&#39; => &#39;<div class="sidebar_widget">&#39;,
&#39;after_widget&#39; => &#39;</div>&#39;,
&#39;before_title&#39; => &#39;<h3>&#39;,
&#39;after_title&#39; => &#39;</h3>&#39;,
));
}
    
register_sidebar(array(
&#39;name&#39; => &#39;category_sidebar&#39;,
&#39;before_widget&#39; => &#39;<div class="sidebar_widget">&#39;,
&#39;after_widget&#39; => &#39;</div>&#39;,
&#39;before_title&#39; => &#39;<h3>&#39;,
&#39;after_title&#39; => &#39;</h3>&#39;,
));
}
?>


พอได้แบบนี้ก็ เซฟไป แล้วเปิดไปตรงหน้าจัดการ widget มันจะมีช่องใส่เพิ่มขึ้นมา ชื่อเดียวกับ ตรง 'name' => 'ที่คุณตั้ง_sidebar',

จากนั้นก็เปิด ไฟล์ sidebar.php ขึ้นมา (ส่วนใหญ่จะมีนะ) ถ้าไม่มีก็สร้างเลย เพราะธีมส่วนใหญ่จะใช้ฟังก์ชัน get_sidebar(); อยู่แล้ว

แล้วใส่โค้ด

โค๊ด:
<?php 
if(
is_home()) { 

if (function_exists(&#39;dynamic_sidebar&#39;)){ dynamic_sidebar(&#39;home_sidebar&#39;); }

}

if(is_archive()) { 

if (function_exists(&#39;dynamic_sidebar&#39;)) {dynamic_sidebar(); }


if(is_single()) { 

if(function_exists(&#39;dynamic_sidebar&#39;)){
dynamic_sidebar(&#39;single_sidebar&#39;);
}
}

if(is_category()) { 

if(function_exists(&#39;dynamic_sidebar&#39;)){
dynamic_sidebar(&#39;cagegory_sidebar&#39;);
}
}

?>


มันจะแสดง widget ตามที่ใส่ไว้ widget home (หน้าหลัก) widget single (หน้าแยกของแต่ละสินค้า) widget category (หน้าหมวดหมู่ของสินค้านั้นๆ)

อยากจะทำ ช่องใส่ widget กี่อันก็ ใส่ไปเลย (ที่ใช้อยู่มีช่องใส่ widget 8 ช่อง)

ถ้าเป็น js ads (แบบ adsense) ก็ใส่ลงไปใน widget ที่ชื่อ text ได้เลย ถ้า้ต้องการใช้ php ด้วยก็โหลด
โค๊ด:
http://wordpress.org/extend/plugins/php-code-widget/

ส่วน ใช้ ซับโดเมน หรือ ซับไดเร็คทอรี่ ดีกว่ากันนั้น ขออ้างอิง

Subdomains and subdirectories
...
My personal preference on subdomains vs. subdirectories is that I usually prefer the convenience of subdirectories for most of my content.

A subdomain can be useful to separate out content that is completely different.

Google uses subdomains for distinct products such news.google.com or maps.google.com, for example.

If you’re a newer webmaster or SEO, I’d recommend using subdirectories until you start to feel pretty confident with the architecture of your site. At that point, you’ll be better equipped to make the right decision for your own site.

ตรงสีแดงๆ
แนะนำให้ใช้ ซับไดเร็คทอรี่ สำหรับเนื้อหาทั้งหมด และ ใช้ซับโดเมน เฉพาะเนื้อหาที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงจากเนื้อหาหลัก

ตัวอย่าง news.google.com ที่ไม่มีเนื้อหาส่วนใดเกี่ยวข้องกับ maps.google.com เลย (แน่นอน ตัวโดเมนเนมหลักก็ไม่เกี่ยวข้องด้วย)...

นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น แต่ไม่จำเป็นต้องทำตามก็ได้ คุณอยากจะสร้างซับโดเมนเกี่ยวกับสินค้าสัก 100 อัน ก็ไม่เป็นไรหรอก...

ที่ตั้งใจจะบอกจริงๆ คือ วิธีทำ widget แยกกันเฉพาะหน้านั้นๆ


ขอบคุณมากครับ  เดี๋ยวไปลองดูครับ ต้องการทำแบบนี้แหล่ะครับ ถ้าทำแบบนี้ได้ผมใช้ซับไดเรคทอรี่ดีกว่าครับ
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์