ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

หน้า: 1 [2] 3 4 5   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: Ebay Amazon & The Art of Price War  (อ่าน 17390 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
loc.know
Verified Seller
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 199
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 974



ดูรายละเอียด
« ตอบ #20 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2014, 13:09:36 »

สินค้าไทยที่ยังไม่มีใครขายบนอีเบย์หรืออเมซอนคืออะไร  ผมอยากให้ชี้แจงรายละเอียดเป็นตัวอย่างไปเลย อธิบายกลยุทธ์ลึกซึ้งอย่างนี้พวกเด็กมือใหม่เค้าเข้าใจยากครับ โดยส่วนตัวแล้วหากใครคิดว่าสามารถปกป้องธุรกิจตัวเองได้มีกลยุทธ์หลากหลาย จะกลัวอะไรกับการขายของเลียนแบบ
โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าคนที่ขายของบนอีเบย์หรืออเมซอนก็คือการทำธุรกิจซื้อมาขายไป รายย่อย ในส่วนตัวคิดว่าไม่มีสินค้าไทยอะไรชนิดไหนที่ยังไม่มีใครขาย ทั้งขายตัดราคากันเองหรือคนจีนก๊อบสินค้าทำแข่งออกมาขาย ถ้าคุณไม่ได้เป็นผู้ผลิตเอง คุณซื้อมาขายไปย่อมต้องขายซ้ำกันอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเหลือสินึ้าไทยที่ยังไม่มีใครขาย

โดยส่วนตัวแล้วผมใช้ช่องทางพวกนี้แค่ประชาสัมพันธ์สินค้าของผมแค่นั้นเอง อาศัยกลยุทธ์ด้านราคาเปิดตลาด ขายฝรั่งที่เป็นคนจน  ผมเน้นตลาดส่งออกขนาดใหญ่มากกว่าตลาดย่อยอย่างอีเบย์หรืออเมซอน ลูกค้าผมผมติดต่อมาจากกรมส่งอออกโดยตรง ลูกค้าของผมคือ ญี่ปุ่น, อเมริกา, ยุโรป บ้างประปราย อ้อ ผมลืมบอกไปว่าธุรกิจผมคือเครื่องสำอางครับ ผมไม่กลัวการเลียนแบบ เพราะผมผลิตเอง ต่อให้พวกคุณเลียนแบบสินค้าผม คุณก็ไม่สามารถหาลูกค้าได้อย่างผมหรือดิวกับต่างประเทศได้อย่างผม ผมมั่นใจ
ว่าแต่พวกคุณเถอะมีใครกล้าบอกมั้ย ว่าใครขายอะไร ?
ผมเห็นการวิเคราะห์ของใครหลายคน ในบอร์ด อธิบายอย่างนั้นอย่างนี้ ผมอ่านมาหลายกระทู้แล้ว ยิ่งเขียนยิ่งอ่าน ยิ่งงง แต่ไม่มีใครกล้าบอกว่าใครขายอะไร (ถ้าสามารถปกป้องธุรกิจตัวเองได้จริง จะกลัวโดนเลียนแบบทำไมครับ)

ขออนุญาตแชร์ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดถูกยังไงขออภัยไว้ ณ. ที่นี่  wanwan017

ขอบคุณครับ

โอ้แหล่มครับ ผมเคยพูดไว้หลายทีแล้วเรื่องการสร้างจุดแข็ง จุดขาย และที่สำคัญการสร้าง brand ของตัวเอง สินค้าของตัวเอง เพราะพวกนี้มันจะแข่งขันกันยาก กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้
มันต้องเริ่มต้นจากเดินก่อนวิ่ง คนที่จะมาแข่ง คงจะวิ่งตีคู่กับเรายาก แนวคิดแบบนี้แหละที่ควรเอาไปใช้ในการทำธุรกิจจริงๆ ให้ได้ผลระยะยาวๆ

ขายของตามห้าง หรืออะไรที่คนเดินเข้าถึงง่ายๆ ไม่นานก็ตามมากันเพียบอยู่แล้ว
ลองดูที่มันแตกต่างจากชาวบ้านเค้าหน่อย แล้วก็ต่อยอดให้เป็นของเราเอง อยู่ยาวแน่นอน ฟังธง
 wanwan003 wanwan003 wanwan003
บันทึกการเข้า

บันทึกชีวิต เมื่อเริ่มต้นเป็นชาว IMers

เต็มแล้วครับ ไว้เจอใหม่รุ่น 5 ครับ
touchapong
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 13
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 131



ดูรายละเอียด
« ตอบ #21 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2014, 14:02:19 »

ดีใจครับ ที่มีคนเห็นด้วยกับความคิดผม  Cry ผมขอบอกก่อนเลยผมไม่ได้มีอคติกับอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ผมไม่อยากให้คนที่จะเข้ามาในวงการนี้รู้สึกคาดหวังกับพวกเว็บอีคอมเมิซ์อย่างนี้มากเกินไป มีทฤษฎีหลายอย่างจากเจ้าสำนักหลายเจ้า ที่บอกว่าควรจะเขียน Title อย่างนี้ Description อย่างนี้ ถึงจะมีโอกาสให้ลูกค้าเห็น แล้วผมขอย้อนกลับหน่อยนะครับว่า การใช้ Keyword หรือเทคนิคอะไรต่างๆ นั้นนะ เจ้าอื่นเค้าก็ทำได้ครับ โดยเฉพาะฝรั่งเพราะพวกมันเป็นคนคิดระบบนี้ขึ้นมาก่อนเรา แล้วมันยังได้เปรียบเรื่องภาษามากกว่าพวกเราที่เป็นคนไทยอีกต่างหาก  อย่างนี้เกิดอะไรขึ้นครับ สินค้าเราจะเบียดขึ้นมาอยู่หน้าหนึ่งได้รึครับ ไม่ว่าจะเป็นอีเบย์หรือกูเกิ้ล keyword มันก็มีแค่ไม่กี่ตัว แล้วอย่างนี้จะเอาอะไรมาวัดผลล่ะครับ ว่าสินค้าของใครควรจะขึ้นหน้าแรก
โดยระบบอีคอมเมิซ์ที่ฝรั่งมันคิดขึ้นมาน่ะ มันออกแบบมาเพื่อเอาเปรียบคนขายอยู่แล้วครับ มันทำให้พวกฝรั่งมันได้เปรียบกันเองมากกว่าคนขายอย่างพวกเรา นิดหน่อยฟ้อง นิดหน่อยให้ฟีดแบ็กลบ ทำให้คนขายเสียเปรียบ ต้องเป็นฝ่ายยอมทุกอย่าง ไม่ว่าจะออกค่าส่งฟรี สินค้าแตกหักต้องรับผิดชอบ สินค้าหายต้องรับผิดชอบ ถามจริงๆ เถอะครับ ว่าหลังจากส่งของให้ไปรษณีย์ ไปแล้ว เราไม่สามารถไปควบคุมไปรษณีย์ให้เค้าถนอมสินค้าเราหรอกครับ นั่นคือเราเริ่มเสียเปรียบเค้าแล้วหนึ่งข้อ ฝรั่งนั่งรอกระดิกเท้าอยู่ที่บ้านสบายใจ ของมาช้า ของเสียหาย ของหาย ให้ฟีดแบ็กลบ อย่างเดียว ขอเงินคืนอย่างเดียว ฉันไม่สนใจ
ล่าสุดผมเพิ่งได้ฟีดแบ็กลบมาอีกหนึ่งอัน แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ พิมพ์ด่ามันตอบกลับไปด้วยซ้ำ ผมถือว่ามันเป็นแค่ช่องทางนึงเท่านั้นเองไอ้เว็บพวกนี้น่ะ แล้วผมก็ไม่ต้องมาทฤษฎีอะไรมากมาย ใครอยากจะก๊อบสินค้าผมก็เชิญ เพราะผมบอกไปแล้วว่าผมขายอะไร ยังไง มัันไม่ใช่ขั้นตอนที่จะทำกันง่ายๆ ในการขายของจำนวนมากๆ อย่างในอีเบย์หรืออเมซอน
ผมเห็นมาหลายคนหลายเจ้าแล้ว ทฤษฎีอย่างนั้นอย่างนี้ การหาลูกค้า การปกป้องธุรกิจ หรืออย่างอื่นอีกมากมาย แต่พวกท่านอาจารย์ทั้งหลายเหล่านั้น กลับไม่กล้าบอกว่าตัวเองขายอะไร มันน่าแปลก มั้ยครับ ในเมื่อทฤษฎีต่างๆ ที่พวกท่านอาจารย์ทั้งหลายเหล่านั้นคิดขึ้นมา ท่านย่อมต้องไม่กลัวใครจะมาขายเลียนแบบท่านแล้ว

ยังมีต่ออีกเยอะครับ ไว้จะมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ มาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังเฉย

ยังไงต้องขออภัยเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในบอร์ดนะครับ ไม่ได้มีเจตนาอะไรทั้งสิ้น wanwan017 wanwan017 wanwan017

ป.ล. ผมลองเริ่มทำอีเบย์จากศูนย์ใช้เวลากับมันประมาณ ปีกว่าๆ เกือบ 2 ปี แล้ว ทำตั้งแต่ Feedback 100% ยันตอนนี้ Feedback ผมเหลือแค่ 98% กว่า ๆ ผ่านการเป็น Top rate seller แล้ว ล่าสุดตำแหน่ง เหลือแค่ Power seller ลิมิทสินค้าผมตอนนี้อีเบย์ให้ผม 1,000 กว่าชิ้น ล่าสุดเพิ่งโดนฝรั่งมันให้ Feedback ลบมา ทั้งที่คืนเงินให้มันไปแล้ว แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ แถมพิมพ์ด่ามันกลับไปอีกต่างหาก อย่างที่บอกไว้ในกระทู้ที่แล้ว
บันทึกการเข้า
myoho
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 48
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,469



ดูรายละเอียด
« ตอบ #22 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2014, 14:23:06 »

ดีใจครับ ที่มีคนเห็นด้วยกับความคิดผม  Cry ผมขอบอกก่อนเลยผมไม่ได้มีอคติกับอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ผมไม่อยากให้คนที่จะเข้ามาในวงการนี้รู้สึกคาดหวังกับพวกเว็บอีคอมเมิซ์อย่างนี้มากเกินไป มีทฤษฎีหลายอย่างจากเจ้าสำนักหลายเจ้า ที่บอกว่าควรจะเขียน Title อย่างนี้ Description อย่างนี้ ถึงจะมีโอกาสให้ลูกค้าเห็น แล้วผมขอย้อนกลับหน่อยนะครับว่า การใช้ Keyword หรือเทคนิคอะไรต่างๆ นั้นนะ เจ้าอื่นเค้าก็ทำได้ครับ โดยเฉพาะฝรั่งเพราะพวกมันเป็นคนคิดระบบนี้ขึ้นมาก่อนเรา แล้วมันยังได้เปรียบเรื่องภาษามากกว่าพวกเราที่เป็นคนไทยอีกต่างหาก  อย่างนี้เกิดอะไรขึ้นครับ สินค้าเราจะเบียดขึ้นมาอยู่หน้าหนึ่งได้รึครับ ไม่ว่าจะเป็นอีเบย์หรือกูเกิ้ล keyword มันก็มีแค่ไม่กี่ตัว แล้วอย่างนี้จะเอาอะไรมาวัดผลล่ะครับ ว่าสินค้าของใครควรจะขึ้นหน้าแรก
โดยระบบอีคอมเมิซ์ที่ฝรั่งมันคิดขึ้นมาน่ะ มันออกแบบมาเพื่อเอาเปรียบคนขายอยู่แล้วครับ มันทำให้พวกฝรั่งมันได้เปรียบกันเองมากกว่าคนขายอย่างพวกเรา นิดหน่อยฟ้อง นิดหน่อยให้ฟีดแบ็กลบ ทำให้คนขายเสียเปรียบ ต้องเป็นฝ่ายยอมทุกอย่าง ไม่ว่าจะออกค่าส่งฟรี สินค้าแตกหักต้องรับผิดชอบ สินค้าหายต้องรับผิดชอบ ถามจริงๆ เถอะครับ ว่าหลังจากส่งของให้ไปรษณีย์ ไปแล้ว เราไม่สามารถไปควบคุมไปรษณีย์ให้เค้าถนอมสินค้าเราหรอกครับ นั่นคือเราเริ่มเสียเปรียบเค้าแล้วหนึ่งข้อ ฝรั่งนั่งรอกระดิกเท้าอยู่ที่บ้านสบายใจ ของมาช้า ของเสียหาย ของหาย ให้ฟีดแบ็กลบ อย่างเดียว ขอเงินคืนอย่างเดียว ฉันไม่สนใจ
ล่าสุดผมเพิ่งได้ฟีดแบ็กลบมาอีกหนึ่งอัน แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ พิมพ์ด่ามันตอบกลับไปด้วยซ้ำ ผมถือว่ามันเป็นแค่ช่องทางนึงเท่านั้นเองไอ้เว็บพวกนี้น่ะ แล้วผมก็ไม่ต้องมาทฤษฎีอะไรมากมาย ใครอยากจะก๊อบสินค้าผมก็เชิญ เพราะผมบอกไปแล้วว่าผมขายอะไร ยังไง มัันไม่ใช่ขั้นตอนที่จะทำกันง่ายๆ ในการขายของจำนวนมากๆ อย่างในอีเบย์หรืออเมซอน
ผมเห็นมาหลายคนหลายเจ้าแล้ว ทฤษฎีอย่างนั้นอย่างนี้ การหาลูกค้า การปกป้องธุรกิจ หรืออย่างอื่นอีกมากมาย แต่พวกท่านอาจารย์ทั้งหลายเหล่านั้น กลับไม่กล้าบอกว่าตัวเองขายอะไร มันน่าแปลก มั้ยครับ ในเมื่อทฤษฎีต่างๆ ที่พวกท่านอาจารย์ทั้งหลายเหล่านั้นคิดขึ้นมา ท่านย่อมต้องไม่กลัวใครจะมาขายเลียนแบบท่านแล้ว

ยังมีต่ออีกเยอะครับ ไว้จะมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ มาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังเฉย

ยังไงต้องขออภัยเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในบอร์ดนะครับ ไม่ได้มีเจตนาอะไรทั้งสิ้น wanwan017 wanwan017 wanwan017

ป.ล. ผมลองเริ่มทำอีเบย์จากศูนย์ใช้เวลากับมันประมาณ ปีกว่าๆ เกือบ 2 ปี แล้ว ทำตั้งแต่ Feedback 100% ยันตอนนี้ Feedback ผมเหลือแค่ 98% กว่า ๆ ผ่านการเป็น Top rate seller แล้ว ล่าสุดตำแหน่ง เหลือแค่ Power seller ลิมิทสินค้าผมตอนนี้อีเบย์ให้ผม 1,000 กว่าชิ้น ล่าสุดเพิ่งโดนฝรั่งมันให้ Feedback ลบมา ทั้งที่คืนเงินให้มันไปแล้ว แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ แถมพิมพ์ด่ามันกลับไปอีกต่างหาก อย่างที่บอกไว้ในกระทู้ที่แล้ว


มหาเทพมาเอง นะครับเนี่ย
บันทึกการเข้า


ขาย VigLink Acc 1,500 
https://bit.ly/2rGDEsf
https://bit.ly/2IAiWDV
trudy
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 518
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,237



ดูรายละเอียด
« ตอบ #23 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2014, 15:26:02 »

สินค้าไทยที่ยังไม่มีใครขายบนอีเบย์หรืออเมซอนคืออะไร  ผมอยากให้ชี้แจงรายละเอียดเป็นตัวอย่างไปเลย อธิบายกลยุทธ์ลึกซึ้งอย่างนี้พวกเด็กมือใหม่เค้าเข้าใจยากครับ โดยส่วนตัวแล้วหากใครคิดว่าสามารถปกป้องธุรกิจตัวเองได้มีกลยุทธ์หลากหลาย จะกลัวอะไรกับการขายของเลียนแบบ
โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าคนที่ขายของบนอีเบย์หรืออเมซอนก็คือการทำธุรกิจซื้อมาขายไป รายย่อย ในส่วนตัวคิดว่าไม่มีสินค้าไทยอะไรชนิดไหนที่ยังไม่มีใครขาย ทั้งขายตัดราคากันเองหรือคนจีนก๊อบสินค้าทำแข่งออกมาขาย ถ้าคุณไม่ได้เป็นผู้ผลิตเอง คุณซื้อมาขายไปย่อมต้องขายซ้ำกันอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเหลือสินึ้าไทยที่ยังไม่มีใครขาย

โดยส่วนตัวแล้วผมใช้ช่องทางพวกนี้แค่ประชาสัมพันธ์สินค้าของผมแค่นั้นเอง อาศัยกลยุทธ์ด้านราคาเปิดตลาด ขายฝรั่งที่เป็นคนจน  ผมเน้นตลาดส่งออกขนาดใหญ่มากกว่าตลาดย่อยอย่างอีเบย์หรืออเมซอน ลูกค้าผมผมติดต่อมาจากกรมส่งอออกโดยตรง ลูกค้าของผมคือ ญี่ปุ่น, อเมริกา, ยุโรป บ้างประปราย อ้อ ผมลืมบอกไปว่าธุรกิจผมคือเครื่องสำอางครับ ผมไม่กลัวการเลียนแบบ เพราะผมผลิตเอง ต่อให้พวกคุณเลียนแบบสินค้าผม คุณก็ไม่สามารถหาลูกค้าได้อย่างผมหรือดิวกับต่างประเทศได้อย่างผม ผมมั่นใจ
ว่าแต่พวกคุณเถอะมีใครกล้าบอกมั้ย ว่าใครขายอะไร ?
ผมเห็นการวิเคราะห์ของใครหลายคน ในบอร์ด อธิบายอย่างนั้นอย่างนี้ ผมอ่านมาหลายกระทู้แล้ว ยิ่งเขียนยิ่งอ่าน ยิ่งงง แต่ไม่มีใครกล้าบอกว่าใครขายอะไร (ถ้าสามารถปกป้องธุรกิจตัวเองได้จริง จะกลัวโดนเลียนแบบทำไมครับ)

ขออนุญาตแชร์ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดถูกยังไงขออภัยไว้ ณ. ที่นี่  wanwan017

ขอบคุณครับ


การขายปลีก / การขายส่ง  
หรือ เป็นผู้ผลิต / ซื้อมาขายไป
วิธีการก็ต่างกันไปครับ

เขาแชร์เทคนิด เท่าที่ทำได้แบบนี้
ผมก็ว่า เป็นการแบ่งปันประสบการณ์แล้วละครับ


ใช่ค่ะ เป็นการแชร์เทคนิค หากจะบอกว่าขายสินค้าอะไร เหมือนกับสำนักอบรมแห่งหนึ่ง
โมษณาลงใน Facebook บอกว่าเรียนกับเราแล้วแถมชื่อร้านค้าไทยที่ขายสินค้า Handmade ดีบน Amazon wanwan035 wanwan035 wanwan035
แล้วมันไม่ดีต่อระบบ Amazon ถ้าสอนกันแบบนี้มันก็ใกล้เน่าแล้ว คนที่เรียนก็กรูกันไปดูสินค้าที่ร้านนั้นขาย แล้วก็ขายตาม มันก็ไม่ดีทั้งระบบ


การทำธุรกิจที่ดีควรจะมีความลับ แม้ว่าจะขายสินค้าที่ผลิตเอง wanwan009 wanwan009
 ส่วนตัวขายเครื่องประดับ Handmade ที่ทำเอง
จะไม่เอาแบบมาโชว์ว่าลายพี่เป็นแบบไหน ยกเว้นลายที่ไม่มีคนทำได้
วันดีคืนดีก็มีคนจีนมา Copy แบบของเจ๊โหดที่ ขายบน ebay เจ๊โหดก็ต้องใช้ Vero

อีกตัวอย่างคือ Slimming Tea กล่องสีเขียว ก็มีคนออกแบบ Skinny Tea กล่องสีเขียว ขนาดเท่ากัน รูป logo ผู้หญิงก็คล้ายกันขายที่ Big C

สามารถปกป้องธุรกิจตัวเองได้จริง จะกลัวโดนเลียนแบบทำไมครับ  wanwan005
วิธีที่ใช้มันไม่สมบูรณ์ไปร้อย เปอร์เซ็นต์ หรอก การทำธุรกิจควรมองด้านที่เลวร้ายที่สุด คือการเลียนแบบไว้ด้วย
หากคู่แข่งคนนั้นมีศักยภาพในการแข่งขันสูง  พี่ก็ใบ้ให้ว่ายอดเขามาจากหมวด ก  ก ย่อมาจากอะไร
อบ่างลูกปัดอิตาลีที่ผลิตจากแก้วมี 7 สี ราคาชิ้นละ 150 บาท ขนาด 1 cmx 1 cm โดยคนจีน Copy ไปขายเส้นละ $2 มี 48 เม็ด ค่าส่ง$1 ลูกปัด อิตาลีก็ไม่สามารถแข่งขันในตลาดบน ebay ได้

เมื่อคุณ April เขียน เรื่อง The Art of Price War ก็เดาว่าเขาคงไม่ได้ลดราคาสินค้าเป็นช่วงๆ แต่ต้องการขยายตลาดไปยังสินค้าอื่น

ส่วนเรื่องที่เราเสียเปรียบฝรั่งเพราะฝรั่งออกกฎ มันก็ถูกต้องส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญคือเราต้องเข้าใจกฎและปรับตัวตามกฎ แล้วก็ใช้กฏ นั้นโต้แย้งกับเขา
คำถามคือทุกคนเข้าใจกฎนั้นหรือยัง หรือมีกฎที่สำคัญแต่เรายังไม่ได้อ่าน
wanwan023

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ตุลาคม 2014, 23:55:59 โดย trudy » บันทึกการเข้า

รับส่งด่วนสินค้าไป USA ราคาถูก รับแก้ปัญหา eBay&Paypal บริการเปิดบัญชี  สร้าง Feedback แก้ Suspension
บริการ แก้ปัญหา Paypal Limit และปลด Limit Sales จาก eBay รับเขียน Title & Product Description
April07
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 93
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 680



ดูรายละเอียด
« ตอบ #24 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2014, 21:16:07 »

รวมๆสำหรับคห.ด้านบนค่ะ

ก่อนอื่นต้องรับรู้ว่าที่นี่คือบอร์ดสำหรับแชร์ข้อมูลข่าวสารฟรี ไม่มีใครรับจ้างใครมาโพสต์ ความต้องการแชร์ข้อมูลขึ้นกับความพอใจของคนโพสต์ ผู้อ่านก็ต้องก็ต้องใช้วิจารณญาณ เมื่อคุณอ่านแล้วคุณอยากเชื่อแบบไหน อยากคิดต่อยอดแบบไหน ก็ทำได้ ไม่มีใครห้าม

คนที่เข้ามาทำธุรกิจ ไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกคน คนที่ประสบความสำเร็จคือคนกลุ่มน้อย ก็ไม่แปลกที่ทัศนคติของคนกลุ่มน้อยนี้จะแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ ถ้าเรายืนหยัดทำให้สิ่งที่เราคิดว่าใช่ ด้วยใจรัก เจอปัญหาก็หาทางแก้ สุดท้ายจะประสบความสำเร็จ ความคิดเชิงบวกมีผลมากกับความสำเร็จ อยู่ร่วมกันในสังคม ต้องใส่ใจเขาใส่ใจเรา ไม่มีอะไรถูกใจเราไปซะทุกอย่าง ฝรั่งคิดระบบอีคอมขึ้นมาสำหรับขายของในประเทศเค้า ภาษาก็ต้องใช้ภาษาของเค้า และระบบต้องทำเงินให้เค้า เราเข้ามาขายของ มาใช้ระบบที่เค้าลงทุนทำขึ้นมา เราก็ก็ต้องจ่ายเงินให้เค้า


คนที่เข้ามาแชร์ข้อมูลให้คนอื่น เราชื่นชมนะ อย่างเจ๊โหด เราเองคงไม่มีน้ำใจเท่ากับเจ๊โหดหรอกค่ะ และแน่นอนว่าเราจะไม่โพสต์บอกว่าเราขายสินค้าอะไร ได้กำไรเท่าไหร่ บอกไปก็ไม่เกิดผลดีกับเรา จะบอกทำไม
 
สิ่งที่เราโพสต์คือสิ่งที่เราอยากเล่าให้ฟัง เราไม่มีเป้าหมายมาสอนมือใหม่หรือสอนใคร เราแค่อยากเล่าให้ฟัง วันนี้เราโพสต์บ้าง วันอื่นคุณโพสต์บ้าง แชร์เรื่องราวกัน ใครมีปัญหาอะไรก็มาโพสต์ถาม ใครรู้ก็มาตอบ เราว่าแค่นี้ก็ถือว่าดีแล้วค่ะ สำหรับแหล่งข้อมูลฟรี ไม่ต้องเสียเงินค่าลงทะเบียน  นี่คือโลกของธุรกิจ ใครอยากประสบความสำเร็จก็ต้องเรียนรู้เอง เก็บประสบการณ์ มองหาความสำเร็จให้ตัวเอง
บันทึกการเข้า

กำลังนอนกลางวัน
trudy
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 518
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,237



ดูรายละเอียด
« ตอบ #25 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2014, 23:06:11 »

เข้ามาตอบเพราะสนใจหัวข้อกระทู้ the art of price war ทุกคนก็ประสบอยู่
ดน price war กับสินค้าที่ขายดีเหมือนกัน เมื่อโดนแล้วก็ต้องตั้งสติ พอแก้โจทย์ได้ ก็รู้สีกเหมือนเป็นเด็กอีกครั้ง


ทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ป้องกัน price war คืออย่าทำให้คู่แข่งมีโอกาสใช้ price war โจมตีเราอาจเป็นตั้งแต่เลือกสินค้ามาขาย ผลิตสินค้า หรือมาประกอบสินค้าเอง Monitor ตลอด
แม้ว่าจะเทคโนโลยีจะก้าวล้ำเพียงใด เช่น ขายของบนมือถือสิ่งที่เราทุกคนหลีกเลี่ยงไม่พ้น คือ Price War

สมมติอกแบบชุด dress ผู้หญิง มีชื่อแบร์นว่า Trudy พ่อค้าหัวใสมาเจอ แบร์นของพี่ชอบใจ เลือกผ้าแบบเดียวกันมาตัด แต่ เกรดของผ้าเป็น grade C เนื้อจะบางกว่าสีของลายจะไม่สวยเท่าของจริง แถมตั้งชื่อ แบร์นว่า Trudi พี่มีกระเป๋าติดเสิ้อด้านซ้าย ของเขาติดกระเป๋าด้านขวา แล้วพ่อค้าหัวใสก็ตัดราคา
ทางแก้

1 Sell Benefit ไม่ใช่ Sell Feature
   แก้ปัญหาโดยการเปรียบเทียบคุณลักษณะของผ้า บอกประโยชน์ ว่าใช้ของเราการตัดเย็บเป็นอย่างไร คุณจะใช้งานได้มากกว่า 2 ปี กระดุมก็ไม่หลุดง่าย พี่เชื่อว่าคนจะซื้อสินค้าโดยมองที่ประโยชน์ใช้สอยเทียบกับราคามากกว่าซื้อของในราคาถูกที่สุด

2  Retarget Market
ส่งสินค้าไปในประเทศที่พวกเล่น price war ไม่ส่งกัน ขายราคาแพงกว่า ยกตัวอย่างบางคนไม่ส่งสินค้าไปที่ ทวีป แอฟริกา จะส่งไปบางประเทศที่ไปรษณีย์ ไทยถึงไว 4 อาทิตย์ของถึงมือลูกค้าแล้ว แต่จะมาให้บอกว่าส่งประเทศอะไรบ้าง ไม่บอกค่ะ ขยายตลาดไปเมืองจีน ซี่งสินค้ามีลู่ทางอยู่

3 ทำการวิเคราะห์คู่แข่งแล้วก็เก็บแต้ม ตามสถานการณ์
เล่าเรื่องตาอิน กับตานาแล้วกัน
ตาอินเปิดร้านขายของบน ebay ยอดขายของตาอิน เกิน  1 ล้านบาทต่อเดือน
ตานาก็ยอดเกินล้านบาทต่อเดือน พอตาอินมีสืนค้าอะไรใหม่ปุ้บ ตานาก็ขายตาม วันดีคืนดีตานา ก็ไปลดราคาสินค้าใน terapeak ประมาณ 1 อาทิตย์ ยอดขายของตานาก็ทะลุเป้า ตานาเอายอดนี้ไปโชว์ผู้เข้ารับการอบรม เก็บเงินได้อีก มีสินค้าของผู่เข้าอบรมที่ขายดี ตานาก็ไปเปิด account ใหม่ไม่ให้ผู้เข้าอบรมรู้
จากนั้นมีตาอยู่เห็นตานาเล่นตุกติก รู้ว่าตานาจะลดราคาสินค้าช่วงวันไหน ก็ไปลดสินค้าต่ำกว่าตานา $0.01 พอหมดช่วงลดราคาสินค้าตานาก็ข็นราคา ตาอยู่ก์ขึ้นราคาตาม wanwan044
4 Response Competitor

หากเจอคู่แข่งที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงจะสู้กลับ
ก็คงจะเข้าไปสู้ในสินค้าที่คู่แข่งทำรายได้มากที่สุด เหตุที่คู่แข่งขยายอาณาเขตและกิจการไปเรื่อยๆ คงเพราะคิดว่าไม่มีใครกล้าชน อาจจะใช้ขื่อแฟนหรือของน้องเปิด account ใหม่ ไม่ให้รู้ตัว


5 เจรจากับคู่แข่งเพื่อกำหนดราคาตลาด
อันนี้พี่ได้ message มาจาก Africa D เป็น seller ที่ขายของสะสมบน ebay พี่มีสินค้าอยู่ 2 -3 ตัวขออย่าให้ตัดราคา และขอให้ช่วยซื้อของสะสมให้เธอตามรายการต้องส่งก่อนเดือนต.ค
วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด ชนะทั้งคู่ wanwan003 wanwan003

มีอีกหลายวิธี ที่ดี ใครอยากแชร์ ก็เชิญนะคะ wanwan007 wanwan007

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 ตุลาคม 2014, 00:01:25 โดย trudy » บันทึกการเข้า

รับส่งด่วนสินค้าไป USA ราคาถูก รับแก้ปัญหา eBay&Paypal บริการเปิดบัญชี  สร้าง Feedback แก้ Suspension
บริการ แก้ปัญหา Paypal Limit และปลด Limit Sales จาก eBay รับเขียน Title & Product Description
YAMS
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 1020
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,196



ดูรายละเอียด
« ตอบ #26 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2014, 23:09:49 »

ขอบคุณคุณ Trudy และคุณ April มากๆค่ะ ที่มาแชร์ประสบการณ์ ได้ความรู้และมีประโยชน์มากๆค่ะ  wanwan017

ชอบที่เพื่อนในกระทู้นี้เรียกพวกที่เอาของมาขายตามว่าเป็น Me Too Marketing ฮาๆๆๆ น่ารักมากค่ะ  wanwan019

จากประสบการณ์เราเรื่องขายของบนอีเบย์นี่ ถ้าเป็นของที่หาได้ทั่วไปตามท้องตลาด ถึงแม้เราจะเอามาขายเป็นเจ้าแรกในอีเบย์ ถ้ามันขายได้ เดี๋ยวก็จะมีคนเอามาขายตามค่ะ
บางครั้งก็เจอคนที่เอามาขายตามขายราคาเดียวกับเรา แต่บางครั้งก็เจอคนที่เอามาขายแบบตัดราคาค่ะ

สำหรับเราเองใช้กลยุทธตรงข้ามกับ Me Too Marketing เลยค่ะ 555
คือถ้าเห็นคนไทยขายอะไรแล้ว เราไม่เอาของแบบเดียวกันนั้นมาขายเลยค่ะ เราขี้เกียจมานั่งแข่งกันค่ะ
ฉะนั้น เราจะยอมเสียเวลามากสักหน่อยในการวิเคราะห์เพื่องมหาสินค้าที่ยังไม่มีใครเอามาลงขาย
แล้วเป็นสินค้าที่มี demand ที่เรารู้สึกว่าเอามาขายได้ มันมีคนซื้อ เราถึงเอามาขายค่ะ
อันไหนพอขายได้แล้วมีคนเอามาขายตาม ก็จะขำๆค่ะ เราก็หาสินค้าตามแนวทางของเรามาขายแบบนี้เรื่อยๆ
แต่เราก็มีอีก account ที่ขายสินค้าแบบที่มีแค่ อันเดียวอันนี้ อยู่ด้วยค่ะ
สินค้าประเภทนี้ก็ไม่ต้องกลัวอะไรเลยค่ะ เพราะไม่มีใครเอามาขายตามได้
เราเป็นคนขายเล็กๆค่ะ ขายแบบเงียบๆไปเรื่อยๆ ไม่ไปขวางใคร ตัดราคาใคร ใครจะมาแข่งด้วยก็ช่าง ไม่ได้สนใจ เราก็เดินหน้าของเราไป สบายใจดีค่ะ  wanwan013

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 สิงหาคม 2014, 23:12:24 โดย YAMS » บันทึกการเข้า

Smile in your life, then life is smiling at you.
รัก tsb วันละนิดจิตแจ่มใส
EINSTEIN
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 24
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 170



ดูรายละเอียด
« ตอบ #27 เมื่อ: 22 สิงหาคม 2014, 23:28:54 »

ช่วยแชร์ด้วยคับ

มุกเดียวที่ผมใช้ในการต่อสู้ สงครามราคา จะคล้าย แบบนี้

https://www.facebook.com/Punde...6895558663/?type=1&theater

ส่วนราคาข้าวสารยี่ห้อดีๆหน่อย ทั่วๆไป 175 บาท

ระหว่างข้าวสาร 175 บาท
กับ ข้าวสารค่ายสิงห์ ราคา 198 บาท แต่แถม น้ำสิงห์ 1.5 ลิตร 6 ขวด

ท่านคิดว่า ท่านเลือกอะไร เหรอคับ


ส่วนที่เคยทำไปใน ebay คือ ถ้ามีการตัดราคา ผมจะสู่ด้วยของแถมที่มูลค่า

วิธีเลือกของแถมทีมีมูลค่า คือ เลือกสินค้าอีกชนิดหนึ่ง ในตลาดอื่นที่มีความต้องการสูง แข่งกันเยอะๆ กำไรน้อยๆ กำลังจะวาย
ผมก็ไปซื้อตัวนั้นมาแถม เช่น แถมกางเกงเล

จริงๆผมแถมตัวอื่น ที่มีน้ำหนักน้อย ที่ขายกันได้เยอะๆ แต่กำไรน้อยๆ แต่บอกไม่ได้คับ

สินค้าผมเป็นไอที แต่แถมงาน handmade ของอีกตลาดหนึ่ง

สินค้าไอทีผมก็ไม่จำเป็นต้องลดราคา

ให้ลูกค้าตัดสินเอาคับ เหมือน case ข้าสารด้านบนเลย

จริงๆ สมัยเริ่มขายใหม่ๆ คิดอะไรไม่ออก ผมไปเดินโลตัส คารฟูร์ แล้วเลียนแบบวิธีเค้า

เพราะตลาดเหล่านี้เป็น red ocean เค้าต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆนานา กันเต็มที่เลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23 สิงหาคม 2014, 01:09:58 โดย EINSTEIN » บันทึกการเข้า
April07
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 93
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 680



ดูรายละเอียด
« ตอบ #28 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2014, 07:33:33 »

สงครามราคาเป็นเรื่องที่ทุกคนที่ทำอีเบย์อเมซอนต้องเจอ แต่ละคนก็จะมีวิธีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน ขึ้นกับชนิดสินค้าที่ขายกับประสบการณ์แต่ละคน เราขายสินค้าที่ไม่ได้ผลิตเอง แต่เราก็ไม่เคยมองว่าปัญหามันจะเยอะกว่าคนที่ผลิตสินค้าเอง กรณียอดขายตก เราจะไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่เพราะ fix cost ต่ำ ไม่ต้องบริหารจัดการบุคลากรหรือทรัพยากร ซึ่งมันก็เป็นมุมมองของเรา เรามีประสบการณ์การบริหารจัดการคน การ QC ผลิตภัณฑ์ เราคงบริหารจัดการไม่เป็น เราเหนื่อยมาก การขายสินค้าออนไลน์ เทรนเปลี่ยนเร็ว เราจึงไม่อยากรับภาระความเสี่ยงตรงนี้ เราจึงไม่ผลิตสินค้าเอง

ที่เราโพสต์หัวข้อนี้เพราะเรารู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ แต่ละคนก็จะมีวิธีการแก้ไขของตัวเอง เราก็อยากให้มาเล่าสู่กันฟัง เผื่อบางสิ่งบางอย่างที่โพสต์อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่เจอปัญหานี้อยู่

อีกประเด็นที่เราอยากจะบอกคือ ถ้าสินค้าคุณขายดี แล้วมีคนเข้ามาขายตัดราคา แสดงว่าคนที่เข้ามาตัดราคาคุณเลือกสินค้าเก่ง ก็ลองดูสำรวจดูสินค้าในร้านของเค้า มองในทางบวกคือเค้าเอา inventory ของเค้ามานำเสนอคุณ คุณก็เลือกๆดู คุณอาจจะเจอสินค้าดีๆก็ได้
บันทึกการเข้า

กำลังนอนกลางวัน
trudy
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 518
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,237



ดูรายละเอียด
« ตอบ #29 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2014, 08:22:58 »

อีกประเด็นที่เราอยากจะบอกคือ ถ้าสินค้าคุณขายดี แล้วมีคนเข้ามาขายตัดราคา แสดงว่าคนที่เข้ามาตัดราคาคุณเลือกสินค้าเก่ง ก็ลองดูสำรวจดูสินค้าในร้านของเค้า มองในทางบวกคือเค้าเอา inventory ของเค้ามานำเสนอคุณ คุณก็เลือกๆดู คุณอาจจะเจอสินค้าดีๆก็ได้

คุณ April ให้แล้วนะว่าสินค้าใหม่เราควรจะขายอะไร wanwan004
ตอนนี้ตลาด Amazon แข่งขันกันแรง ทุกคนก็พุ่งเป้าไปที่สินค้า Handmade ของไทยที่กำไรเกิน 500 บาทต่อชิ้น
ร้านค้าไทยที่ขายงาน Handmade ก็ระวังตัวไว้ก็ดี อย่างเช่นปลอกหมอนผ้าไหมเทียม ที่เคยขายได้เรื่อยๆ ตลอดปีอาจจะยิ้มไม่ออก หรือ สินค้าบางอย่าง ที่อยู่บน Amazon FBA ตอนนี้ก็ยอดตกเพราะคู่แข่งก็เอาสินค้าเข้า FBA เหมือนกัน
กลยุทธที่ไช้ Me too Marketing ตอนนี้กำลังระบาดอยู่
บางที่สอนแบบไม่ต้องใช้หัวคิด เรียนกับเราแถมชื่อร้านค้าไทยที่ขายสินค้า Handmade ดีบน Amazon


ลองดูดี เราอาจจะเป็นพวกโชคดีบนความโชคร้ายก็ได้ หากคุณสามารถวิเคราะห์คู่แข่ง ต้นทุน การผลิต กลยุทธ์ที่เขาใช้ สินค้าทั้งหมดของเขาที่ขาย รู้ทั้งเว็บไซด์ Facebook คุณอาจจะเจอสินค้าที่ดีและนำไปต่อยอด
ได้

มี seller ไทยคนหนึ่ง เขาขายพวกอาหารเสริม ที่หาได้ที่วไป แต่เขา repackaging สินค้า จากขวด ใส่ซองแทน เขาไม่เขียนชื่อ Brand แต่เอาประโยชน์ของสินค้ามาเป็น keywords เจ๊โหดรู้ทันทีว่าเป็น Brand อะไร แต่ไม่ขายตามจะ repackaging แบบเขาบ้าง ในสินค้าตัวอื่น
ขืนไปตัดราคาสุ่มสี่สุ่มห้า สินค้าที่ขายดีของเราอาจเป็นสินค้าใหม่ในร้านของเขา wanwan003 :wanwan003
:

อย่างไรก็ตามยังมี e commerse ตัวใหม่ ที่ไม่ใช่ ebay amazon alibaba ลองเข้าไปขายดูนะคะ ไม่บอกว่าตืออะไร  wanwan007
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 ตุลาคม 2014, 00:04:26 โดย trudy » บันทึกการเข้า

รับส่งด่วนสินค้าไป USA ราคาถูก รับแก้ปัญหา eBay&Paypal บริการเปิดบัญชี  สร้าง Feedback แก้ Suspension
บริการ แก้ปัญหา Paypal Limit และปลด Limit Sales จาก eBay รับเขียน Title & Product Description
April07
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 93
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 680



ดูรายละเอียด
« ตอบ #30 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2014, 09:02:50 »

ก่อนกลับเข้าเรื่องต่อ เราขอบอกก่อนนะว่าเป้าหมายครั้งนี้คือการทำสงครามราคา ดังนั้นสิ่งที่เราจะโพสต์คือวิธีที่เราใช้หั่นราคาสู้กับคู่แข่ง


กลับเข้ามาที่ร้านอีเบย์ของคู่แข่ง

วิเคราะห์การเขียน title, product description, policies ของคู่แข่งเพื่อประเมินความสามารถของคู่แข่ง เช็กว่ามีลิสต์แบบ internationally ที่ไหนบ้าง หลังจากนั้นเข้าไปดูการตั้งค่าส่ง ดูวิธีการส่งและค่าส่งในแต่ละประเทศ วิเคราะห์ว่าคู่แข่งเราโฟกัสที่ตลาดไหนบ้าง

มาดูข้อมูลของคู่แข่งเรากันค่ะ (ข้อมูลบางส่วนที่เราต้องการเซ็นเซอร์จะถูกแทนด้วย ตัวอักษร A-Z, กรณีตัวเลข XXX จะหมายถึงเลขหลักร้อย, XX หมายถึงเลขหลักสิบ  บางคนจะได้รับเนื้อหาทาง PM ก็เปิดอ่านฉบับนั้นแทนค่ะ เพราะเราจะไม่เซ็นเซอร์ข้อมูลในนั้น)

คู่แข่งเราเริ่มขายอีเบย์ก่อนอเมซอน ดังนั้นเค้าน่าจะโฟกัสตลาดตามอีเบย์ เค้าส่งสินค้าด้วย express บริษัทA ซึ่งเราก็ส่งกับที่นี่อยู่เหมือนกัน เค้าเป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของบริษัทA ในหมวดสินค้าที่เค้าเปิดร้านขายในอีเบย์ จากข้อมูลที่เราได้รับ ส่วนลดที่ได้เค้าใช้อยู่เป็นส่วนลดสูงสุดในกลุ่มลูกค้า e-com ของบริษัท ค่าส่ง express ของเค้าจะถูกกว่าค่าส่งพัสดุย่อยเล็กน้อย ยกตัวอย่างพัสดุ 1.0 กก. จะถูกกว่าพัสดุย่อย XX บาท

กลับมาที่ร้านค้าอีเบย์ของคู่แข่ง เข้าไปดูการตั้งค่าขนส่ง เราพบว่ามีการตั้งค่าส่ง express ราคาถูกเฉพาะในแถบอเมริกาเหนือ อังกฤษ เยอรมัน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ตามที่อีเบย์มี option ให้เลือกสำหรับกรอกข้อมูลในส่วนของ shipping  policies ซึ่งร้านค้าในอีเบย์ส่วนใหญ่ก็มักทำดีลในลักษณะเดียวกันนี้ ค่าส่งในยุโรปจะแพงที่สุด โดยอเมริกา แคนนาดาจะถูกที่สุด ส่วนนี้ก็เป็นปกติของการทำดีลเช่นเดียวกัน  ผู้ค้ารายใหญ่มักจะโฟกัสตลาดแถบอเมริกา ออสเตรเลียก่อน รองลงมาก็คือยุโรป

เมื่อประเมินคู่แข่งจบรอบแรก เราพบว่าคู่แข่งเราขายเก่งทีเดียว มีเวบชื่อเดียวชื่อร้านในอีเบย์ รู้วิธีการดึงลูกค้าจากอีเบย์เข้าเวบ รู้จักการทำ SEO ดี เสริจสินค้าหลายๆตัว พบว่าเวบเค้าขึ้นในห้าอันดับแรกของกูเกิลตลอด รู้จักใช้เฟซบุ๊คกับเวบ และใช้กับการเปิดประมูลในอีเบย์ สินค้าที่ลงประมูล ปิดราคาสูงตลอด นอกจากนี้ยังมีร้านค้าใน etsy และ pinterest ขยันจริงๆ

หลังจากสำรวจร้านค้าคู่แข่ง จะต้องอ่านต้นทุนแยกตามสินค้าและค่าส่งให้ได้ ประเมินยอดขายและประเมินสต๊อกออกมา หลังจากนั้นก็เริ่มหาข้อมูลผู้ผลิต สำรวจดูผู้ขายสินค้าแบบเดียวกันรายอื่นๆ โทรคุยกับผู้ผลิต ทดลองทำดีลด้วยยอดสั่งซื้อสั่งซื้อที่สูงกว่าคู่แข่ง เพื่อเช็กว่าเราประเมินต้นทุนคู่แข่งถูกต้องหรือไม่ เมื่อได้ต้นทุน ราคาขาย เราจะรู้ว่าคู่แข่งทำกำไรเท่าไหร่ ลองคาดการณ์เกณฑ์การทำกำไรขั้นต่ำออกมา ก่อนอื่นต้องรู้ว่าคนที่ขายออนไลน์ได้ต่อเนื่องยาวนาน จะไม่ขายขาดทุน และมักจะมีเกณฑ์ทำกำไรขั้นต่ำ เช่นถ้าต้นทุนสินค้าหนึ่งพันบาท กำไรขั้นต่ำ 200 บาท เมื่อคาดการณ์เกณฑ์การทำกำไรขั้นต่ำของคู่แข่งออกมาได้ ก็ลองนำมาใช้กับสินค้าของเราที่ถูกคู่แข่งหั่นราคา ประเมินออกมาว่าคู่แข่งจะลงขายราคาต่ำสุดได้เท่าไหร่

กลับมาสำรวจตัวเราเองในทุกๆด้าน เพื่อประเมินว่าว่าเราพร้อมที่จะสู้หรือไม่ ส่วนไหนที่ไม่เป็นปัญหาก็ต้องแก้ไข เปรียบเทียบข้อมูลคู่แข่งกับข้อมูลของตัวเราเอง ถ้าต้นทุนเราแพงกว่า ต้องหาทางปรับดีลให้ดีขึ้น ถ้าตลาดเราแคบกว่า เราต้องมองหาตลาดเพิ่ม ประเมินดูว่า ณ ราคาต่ำสุดที่คู่แข่งจะขาย เราสามารถทำกำไรได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ต้องหาทางลดต้นทุนให้ได้ก่อน
บันทึกการเข้า

กำลังนอนกลางวัน
April07
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 93
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 680



ดูรายละเอียด
« ตอบ #31 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2014, 09:23:44 »

เราอยากให้เริ่มมองต่างมุม มองมุมกลับ มองวิกฤตเป็นโอกาส ลองคิดดู

คนส่วนใหญ่มองว่าอีเบย์คือทางตัน แต่ก็มีกลุ่มเล็กๆที่มองว่าอีเบย์คือทางสว่าง

คนส่วนใหญ่มองว่าอีเบย์ไม่น่าทำเพราะผู้ขายใหม่ถูกจำกัด แต่ก็มีกลุ่มเล็กๆที่มองว่าอีเบย์น่าสนใจเพราะผู้ขายใหม่ถูกจำกัด

คนส่วนใหญ่มองว่าพัสดุย่อยเป็นวิธีการส่งที่ดีและประหยัดที่สุด  แต่ก็มีผู้ขายกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งมองว่าพัสดุย่อยเป็นวิธีการส่งที่แย่และแพงที่สุด

คนส่วนใหญ่มองว่าจะอยู่รอดจากสงครามราคาต้องเป็นเจ้าของแบรนด์ แต่เรากำลังจะบอกว่าไม่จำเป็น


ถ้าเป็นคุณ คุณคิดว่ายังไง เห็นแบบเดียวกับคนกลุ่มใหญ่ หรือเห็นแบบเดียวกับคนกลุ่มน้อย



บันทึกการเข้า

กำลังนอนกลางวัน
kasetthai
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 47
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,062



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #32 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2014, 09:48:29 »

 wanwan017 กระทู้ไหนที่มี อาจารย์เจ๊ กับคุณ April07 มาแชร์รู้สึกว่ามันส์มากๆครับ เพราะได้แลกเปลี่ยนกับคนที่ค้าขายจริงๆ

ผมขอแชร์บ้างเล็กๆน้อยๆ ของผมออกจะเทาๆหน่อยนะครับ แรกๆผมก็จิตตกเหมือนกันเวลาคนมาขายตามหรือตัดราคา เพราะเราเป็นคนลงสินค้าเอง ถ่ายรูป เขียนรายละเอียดต่างๆเองทั้งหมด สินค้าที่เราเลือกมันขายได้จริงๆเพราะประสบการที่ทำมา มันมองออกว่า ชิ้นนี้ขายได้แน่ๆเลยเอามาถ่ายรูป พอมีคนมาตามก็เว็งเหมือนกัน อย่างหนึ่งที่ผมได้สินค้าใหม่บ่อยๆคือ การขอดเกล็ดครับคือย้อนกลับไปดูว่าคนนี้ มีสินค้าอะไรที่ขายดีบ้างที่เรายังไม่ลง...บ่อยครั้งก็จะได้สินค้าเพิ่มอีกหลายตัว.....หรือได้ไอเดียในการนำสินค้ามาขายเพิ่ม...

หรือถ้าผมหมั่นใส้มากๆเพราะคนๆนี้ขายตามเราทุกชิ้และตัดราคาทุกชิ้น ผมจะเอาชื่อร้านเขามาตั้งชื่อสินค้ากวนๆ ที่เจ้าของร้านพอตามเข้ามาแล้วไม่กล้าแข่ง เพราะประจานตัวเอง..... wanwan004

สะใจดีครับ แถมของที่ทำแบบนี้ก็ขายได้อีกต่างหาก. wanwan004
บันทึกการเข้า

เป็ดที่พยายามทำตัวเป็นนกอินทรี
korpai
ก๊วนเสียว
*

พลังน้ำใจ: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 306



ดูรายละเอียด
« ตอบ #33 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2014, 10:49:36 »

ขอบคุณสำหรับการแชร์ครับ มีประโยชน์มากครับ

ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ เผื่อเป็นประโยชน์

อ้างถึง
คู่แข่งเราเริ่มขายอีเบย์ก่อนอเมซอน ดังนั้นเค้าน่าจะโฟกัสตลาดตามอีเบย์ เค้าส่งสินค้าด้วย express บริษัทA ซึ่งเราก็ส่งกับที่นี่อยู่เหมือนกัน เค้าเป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของบริษัทA ในหมวดสินค้าที่เค้าเปิดร้านขายในอีเบย์ จากข้อมูลที่เราได้รับ ส่วนลดที่ได้เค้าใช้อยู่เป็นส่วนลดสูงสุดในกลุ่มลูกค้า e-com ของบริษัท ค่าส่ง express ของเค้าจะถูกกว่าค่าส่งพัสดุย่อยเล็กน้อย ยกตัวอย่างพัสดุ 1.0 กก. จะถูกกว่าพัสดุย่อย XX บาท

พวกนี้เขาต่อรองกันอย่างไรครับ ถึงได้ค่าส่งระดับนี้ได้ ต้องมียอดส่งต่อเดือนเท่าไรครับ


บันทึกการเข้า
trudy
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 518
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,237



ดูรายละเอียด
« ตอบ #34 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2014, 00:18:49 »

เราอยากให้เริ่มมองต่างมุม มองมุมกลับ มองวิกฤตเป็นโอกาส ลองคิดดู

คนส่วนใหญ่มองว่าอีเบย์คือทางตัน แต่ก็มีกลุ่มเล็กๆที่มองว่าอีเบย์คือทางสว่าง

คนส่วนใหญ่มองว่าอีเบย์ไม่น่าทำเพราะผู้ขายใหม่ถูกจำกัด แต่ก็มีกลุ่มเล็กๆที่มองว่าอีเบย์น่าสนใจเพราะผู้ขายใหม่ถูกจำกัด

คนส่วนใหญ่มองว่าพัสดุย่อยเป็นวิธีการส่งที่ดีและประหยัดที่สุด  แต่ก็มีผู้ขายกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งมองว่าพัสดุย่อยเป็นวิธีการส่งที่แย่และแพงที่สุด

คนส่วนใหญ่มองว่าจะอยู่รอดจากสงครามราคาต้องเป็นเจ้าของแบรนด์ แต่เรากำลังจะบอกว่าไม่จำเป็น


ถ้าเป็นคุณ คุณคิดว่ายังไง เห็นแบบเดียวกับคนกลุ่มใหญ่ หรือเห็นแบบเดียวกับคนกลุ่มน้อย





ตอนที่เจ๊ทำ eBay ครั้งแรก มีเขียนในหนังสือว่าคนที่จะทำ eBay สำเร็จมีแค่ 5 %
เจ๊ก็นึกในใจขอให้เราเป็นหนึ่งในนั้นแล้วกัน
  wanwan003

อย่างที่คุณ April ว่าคนบางคนเห็นปัญหา บางคนเห็นอุปสรรค
บางคนยังไม่เข้าใจกระทู้เรื่องนี้ พอมีคนมาแลกเปลี่ยนความรู้ แล้วก็ถึงบางอ้อ wanwan016

คุณ April ลำดับความคิดและเขียนเป็นระบบได้ดีมาก น้องจะได้อ่านอะไรดีๆจากคุณ April
ซึ่งเป็นคนที่มีรายได้จากการขายของออนไลน์ จริงๆและนำรายได้ส่วนนี้ส่งลูกส่งหลานไปศึกษาต่อต่างประเทศ

เจ๊อยากให้น้องเปิดใจอ่านหนังสือหรือค้นหาข้อมูลความรู้ แล้วสังเกตคิดตามนะคะจะเป็นประโยชน์ต่อพวกน้องในอนาคต
กว่าที่คุณ April จะปรับตัวทำตรงนี้ได้ คุณ April ต้องใช้เวลากว่าจะเดินมาถึงจุดที่ทำงานประมาณ 4-5 ชมต่อวัน

การจะมีรายได้ประจำจากการขายของ Online คนขายต้องขยัน ต้องคิดและมีความสม่ำเสมอ ในการหาสินค้ามาขายบนร้าน ไม่ใช่ขาย 3 เดือนหยุดแล้ว ขาย account ดีกว่า
ไม่รู้ว่าขายอะไรดี ขายที่เขา post แนะนำว่าสินค้าตัวนี้ ขายบน Amazon ราคา xxx บาท คำถามเจ๊มันขายได้กี่หน่วย ใครเป็นคนขายเจ้าใหญ่ ขายแล้วน้องจะได้กำไรเท่าไหร่
หรือมีประก่าศบอกชื่อร้านที่ขายดีเรา List มาให้คุณ แล้วให้พวกน้องไปดูสินค้าเอา นั่้มีนคือน้องขายได้มีรายได้เร็ว นั่นคือคนสอนเก่ง เหรอ นั่นคือเทคนิคที่ดีเหรอ
พอคนเยอะเข้าคนที่น้องลอกก็ปิดร้านไป แล้วน้องจะลอกใคร
แล้วก็บอกว่า Amazon เน่าแล้ว ไปทำ ecommerce ตัวใหม่ดีกว่า
เรียนจบ ก็ขายสินค้าที่เขาแนะนำทุกอาทิตย์ น้องจะขายได้ตลอดหรือไม่  wanwan001 wanwan001
wanwan004
น้องที่บอกว่าสินค้าไทยที่ยังไม่มีคนขายช่วยบอกหน่อย เจ๊ไม่บอกแต่น้องต้องไปห้ดใช้ advance search บน ebayเยอะๆกล่อง ตัวเลือกแต่ละตัวมันมีความหมายอย่างไร ต้องห้ดสังเกต เจ๊ก็อ่านหนังสือ ebay แบบที่น้องอ่าน tool ก็ใช้ที่ฝรั่งคิด
ทำไมถึงเห็นไม่เหมือนกัน

ถ้าน้องสามารถหาข้อมูลตามที่เจ๊ยกตัวอย่างมาข้างล่าง
แสดงว่าน้องเริ่มจะรู้แล้วว่าสินค้าไทยที่ยังไม่มีคนมาขายมันคืออะไ


มีสินค้าไทยที่เพิ่ง Bid ไปในวันที่ 18 aug เป็นจำนวนเงิน THB73,496.52
หรือสินค้าไทย ที่ขายไปได้ เกิน >159,000 บาท แค่  1ชิ้นในเดือน กค
และมีของเจ๊ที่ฝรั่ง Bid ไปได้ และเอาไปให้คนประมูลใหม่ ในราคา 48,731.39 บาท ในวันที่ 10 กค

wanwan007 wanwan007
บันทึกการเข้า

รับส่งด่วนสินค้าไป USA ราคาถูก รับแก้ปัญหา eBay&Paypal บริการเปิดบัญชี  สร้าง Feedback แก้ Suspension
บริการ แก้ปัญหา Paypal Limit และปลด Limit Sales จาก eBay รับเขียน Title & Product Description
April07
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 93
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 680



ดูรายละเอียด
« ตอบ #35 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2014, 00:23:13 »

ขอบคุณสำหรับการแชร์ครับ มีประโยชน์มากครับ

ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ เผื่อเป็นประโยชน์

อ้างถึง
คู่แข่งเราเริ่มขายอีเบย์ก่อนอเมซอน ดังนั้นเค้าน่าจะโฟกัสตลาดตามอีเบย์ เค้าส่งสินค้าด้วย express บริษัทA ซึ่งเราก็ส่งกับที่นี่อยู่เหมือนกัน เค้าเป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของบริษัทA ในหมวดสินค้าที่เค้าเปิดร้านขายในอีเบย์ จากข้อมูลที่เราได้รับ ส่วนลดที่ได้เค้าใช้อยู่เป็นส่วนลดสูงสุดในกลุ่มลูกค้า e-com ของบริษัท ค่าส่ง express ของเค้าจะถูกกว่าค่าส่งพัสดุย่อยเล็กน้อย ยกตัวอย่างพัสดุ 1.0 กก. จะถูกกว่าพัสดุย่อย XX บาท

พวกนี้เขาต่อรองกันอย่างไรครับ ถึงได้ค่าส่งระดับนี้ได้ ต้องมียอดส่งต่อเดือนเท่าไรครับ




*** คุณ Korpai น่าจะได้อ่านคำตอบแล้ว  เราขอลบนะคะ**
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 สิงหาคม 2014, 09:49:20 โดย April07 » บันทึกการเข้า

กำลังนอนกลางวัน
Donny jet
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 251
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,545



ดูรายละเอียด
« ตอบ #36 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2014, 00:26:54 »

กระทู้นี้มีประโยชน์ ขอบคุณทุกท่านที่มาแชร์ประสบการณ์การกัน wanwan017 wanwan017
บันทึกการเข้า
pichit roungsakul
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 118



ดูรายละเอียด
« ตอบ #37 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2014, 07:46:57 »

ติดตาม ขอบคุณมากครับ
บันทึกการเข้า
dany009
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 151



ดูรายละเอียด
« ตอบ #38 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2014, 10:16:20 »

เราก็อ่านอย่างเดียวไม่มีประสพการณ์ที่แช่ มีแต่พล้งน้ำใจให้แทนนะ ขอขอบคุณ:wanwan012:
บันทึกการเข้า
Chipatha
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 36
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 744



ดูรายละเอียด
« ตอบ #39 เมื่อ: 25 สิงหาคม 2014, 16:06:07 »

ช่วงนี้สงสารลูกกะตาสุด ๆๆ ไมค่อยได้หยุดจากการทำงานหน้าคอมเลย อยากอ่าน แต่ไม่ไหว แต่ขอเเชร์เล็กน้อย ว่า ความจริงมันก็มีวิธีแก้ไขอยู่นา เรื่องที่ไม่ให้ใครมาตัดราคาแข่งเรา หรือมาเกาะเรา มันก็มีเทคนิค เรื่องนี้ ผมไม่เชื่อว่า คุณ April จะไม่ทราบ

ปล. ผมไม่ได้ขายงานแฮนด์เมด

 Embarrassed
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 5   ขึ้นบน
พิมพ์