พอดีว่าเมื่อเย็น ๆ มีน้องคนนึงถามเรื่องภาษาอังกฤษเลยพิมพ์ลงใน facebook ส่วนตัวซะยาวเหยียด แต่ว่าอ่านไปอ่านมา มันก็น่าจะเป็น roadmap ได้น๊า
เลยเอามาแบ่งปันกันในห้องนี้ค่ะ(เผื่อคนอื่น ๆ ด้วย) แต่ว่าที่เอามาลงที่นี่มิ้งค์ขยายความจากเฟสค่อนข้างเยอะค่ะ ถ้าใครเป็นเพื่อนมิ้งค์แล้วผ่านมาอ่านอย่างงนะคะ ว่าทำไมมันแตกหน่อ 55+
การสร้างทักษะภาษาอังกฤษ ฉบับหนูมิ้งค์ดัดแปลงมาจากวิธีครูเคท ฝึกด้วยตัวเองเพราะไม่ไหวจะเคลียร์กับค่าคอร์สเรียนภาษา ไม่สวงนสิทธิ์ในการทำตาม
แต่ไม่ประกันผลว่าจะสำเร็จเป็น expert ทุกคนนะคะ แต่ว่าประกันได้ว่าภาษาดีขึ้นแน่นอนค่ะ เพราะตัวมิ้งค์หักดิบด้วยวิธีนี้และได้ผล คนจะฝึกต้องใช้ความอดทนพอสมควรเลยนะคะ
วิธีการฝึกมีดังนี้
1.ดูหนัง ฟังเพลงเยอะ ๆ ถ้าฟังเพลงจะฟังเวลาทำงานก็ได้ ถ้าเป็นหนังก็ต้องบังคับตัวเองดูวันละตอน
(ส่วนตัวมิ้งค์ติดซีรีย์มากกกของ Us แต่เอากระดาษปิดซับไตเติ้ลข้างล่างเสมอนะคะ) แต่ที่สำคัญต้องดูต้องฟังทุกวัน อย่าขี้เกียจ มิ้งค์ดูทุกวันตอนกินข้าวเที่ยงค่ะ

2.เริ่มร้องเพลงตาม พูดตาม dialog หนัง ไม่ต้องสนใจว่ามันจะแปลว่าอะไรหรือพูดว่าอะไร แค่ให้สำเนียงได้เป็นพอ พูดตามทุก ๆวัน ร้องตามทุก ๆครั้ง
3.อ่านข่าวภาษาอังกฤษ เริ่มจากข่าวสั้น เรื่องทั่ว ๆ ไป ก่อนแล้วค่อยเขยิบไปตามความหนักของข่าว ถ้าเป็นเพลงก็เริ่มหาเนื้อเพลงมาแล้วอ่าน ทั้งหมดนี้อย่าแปลเป็นไทยนะคะ
อ่านเพื่อทำความเข้าใจไม่แนะนำให้แปลเป็นไทยค่ะ แต่ถ้าใครอยากแปลแต่ใจไม่แข็งพอจะใช้ดิกอังกฤษ-ไทยก็ได้ค่ะแต่ส่วนตัวมิ้งค์เก็บมันไว้บนหิ้งแล้วค่ะ
ใช้ดิค อังกฤษ-อังกฤษ เพราะดิคแบบนี้จะมีตัวอย่างการใช้งานประโยคให้เราได้ดูด้วยหลาย ๆแบบ พออ่านผ่าน ๆตา เราจะได้เข้าใจเรื่องของการวางประโยคด้วย
4. คิดเรื่องในชีวิตประจำวันเป็นภาษาอังกฤษ มองอะไรให้คิดเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดเท่าที่ทำได้ แล้วจำประโยคที่เราฟังจากในหนัง หรืออ่านมาเอามาเชื่อม
บางทีอาจจะคิดว่าเราคุยกับใครซักคนแล้ว dialog เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดก็ได้ เช่น คิดว่าคุยกะเพื่อนเรื่องฟุตบอลก็นึกว่าเราคุยกับเพื่อนฝรั่งอยู่แล้วคิด dialog ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ
5. ถามตอบกับหนังเวลานางเอกพูดก็รีบตอบก่อนพระเอกนะ (อันนี้แนะนำให้อยู่คนเดียวแล้วทำจะดีกว่า)
6. พอจะเริ่มเขียนค่อยหาหนังสือ Grammar มาดู เมื่อเราจะเขียน เรื่องหลัก ๆที่ต้องดูและต้องแม่นเลยก็คือ tense ,active passive,tag question
เพราะฝรั่งจะให้ความสำคัญกับเวลาและการกระทำมาก พอเริ่มเขียนใหม่ ๆ ก็สร้างความคุ้นเคยโดยการเขียน short notes เป็นประโยคสั้น ๆ ก่อนแล้วค่อยขยายไปเรื่อย ๆ
จุดสำคัญ : ข้อ 1-5 ห้ามแปลเป็นไทยก่อนแล้วคิดกลับเป็นอิงค์อีกรอบเป็นอันขาด(ที่มิ้งค์บอกว่าอยากแปลจริง ๆ ก็ได้แต่ว่าไม่แนะนำอย่างแรงค่ะ)เพราะธรรมชาติคนเราจะเรียนภาษาได้จากการเลียนแบบก่อน เหมือนเวลาเรียนภาษาไทย ถ้าเราแปลไทยแปลอิงกลับไปกลับมาเราจะเรียนภาษาได้ช้า ส่วนตัวมิ้งค์เองทำตามข้อ 1-6 แล้วเพิ่มอีกคือ ดิคไทย-อังกฤษก็ไม่ใช้
ใช้ดิคอังกฤษ-อังกฤษสามเดือนรู้เรื่องดูหนังปิด subtitle หรือเอาที่มันไม่มีไปเลยรู้สึกว่าพอผ่านไปซักระยะเราอ่านเร็วขึ้นเข้าใจภาษาได้มากขึ้นพึ่งดิคน้อยลงมากถ้าทำได้ให้เปลี่ยน browser เมนูในโทรศัพท์ให้เป็นภาษาอังกฤษให้หมดยิ่งดีค่ะ
ทุกวันนี้มิ้งค์สามารถอ่าน e-book จาก WSO แล้วเข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องพึ่งดิกเลย เขียน article ขายของได้ เมล์ตบตีกับ support เวลามีปัญหาได้(จิกได้ด้วย)บางทีคิดยังคิดเป็นภาษาอังกฤษก่อนเลยค่ะบางที แต่ถามว่าถ้าไปสอบแล้วได้เท่าไหร่คงบอกว่า "ไม่รู้จ๊ะ" แต่ใครจะแคร์ล่ะ ต่อให้คุณสอบวัดระดับได้คะแนนเต็มแต่สื่อสารไม่รู้เรื่องเอามาใช้งานไม่ได้ก็จบเกมส์แค่นั้น จำไว้ว่า "Learn for communications" เรียนเพื่อสื่อสารกะคน ฝึกเพื่อใช้สื่อสารกับคนนะคะ ไม่ใช่ข้อสอบลองทำตามแล้วมาคุยกันก็ได้นะคะ อย่าลืมว่าภาษาไม่มีทางลัด ต้องฝึกฝึกฝึก อยู่กับมันทุกวันแล้วเราจะชินและใช้ได้ดีไปเองค่ะ ^^
ปูลู่:จุดเริ่มต้นเพราะอยากร้อง rap แบบ Eniem,Linkinpark ,Black eye peas ได้ค่ะเลยกลายมาเป็นแบบนี้ แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ค่อยจะได้ ร้องทีไรหายใจไม่ทันทุกที

สุดท้ายนี้หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับเพื่อน ๆที่ต้องการฝึกภาษาด้วยตัวเองแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน ลองเอา roadmap นี้ไปประยุกต์ใช้ก็ได้ค่ะ แต่อย่างที่บอกด้านบนแล้วว่า
มันหนักและโหดมาก แต่ว่าถ้าผ่านไปได้แล้ว ทักษะนี้มันจะอยู่กับเราไปตลอดแน่นอนค่ะ