ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.com< กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน)สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe)❤ Live Update! ข่าวสารวงการไอที คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต ❤
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 39   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ❤ Live Update! ข่าวสารวงการไอที คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต ❤  (อ่าน 173120 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Normaderm
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 181
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,988



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #120 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2010, 14:09:47 »

แบบนี้ ที่นี่เค้าจะไม่ว่า ปั้มกระทู้หรอครับ
บันทึกการเข้า

Uzumaki Naruto
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 515
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,875



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #121 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2010, 14:28:22 »

แบบนี้ ที่นี่เค้าจะไม่ว่า ปั้มกระทู้หรอครับ

กำลังสอบถามไปทางแอดมินอยู่ครับ ว่าเข้าข่ายปั้มกระทู้หรือปล่าว
 wanwan017
บันทึกการเข้า

bubbleball
Administrator
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 444
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,695



ดูรายละเอียด
« ตอบ #122 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2010, 14:33:13 »

ไม่เชิงปั๊มกระทู้ซะทีเดียว เพราะไม่ได้โพสต์แบบไร้สาระเปล่าประโยชน์ แต่อาจจะต้องมีเว้นช่วงบ้างครับ เพราะกระทู้มันจะดันขึ้นมาบ่อยๆ

จริงๆผมว่าเปิด blog เกี่ยวกับ gadget ของตัวเองน่าจะเวิรก์นะครับ ขยายช่องทางรายได้เป็นของตัวเอง
บันทึกการเข้า

กลุ่มซื้อขายบริการเกี่ยวกับ SEO อื่นๆ โดยตรง
SEO MARKET THAILAND

สงสัยติดต่ออะไรไปทักหาที่ Fair Thailand (ไม่ค่อยอ่านกล่องข้อความที่นี่)

Fair Market Thailand   กลุ่มค้าขายรวมอื่นๆ ในภายหลัง


ปลาทอง
ลายเซนต์สูงไม่เกิน 250px
Uzumaki Naruto
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 515
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,875



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #123 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2010, 14:37:47 »

ไม่เชิงปั๊มกระทู้ซะทีเดียว เพราะไม่ได้โพสต์แบบไร้สาระเปล่าประโยชน์ แต่อาจจะต้องมีเว้นช่วงบ้างครับ เพราะกระทู้มันจะดันขึ้นมาบ่อยๆ

จริงๆผมว่าเปิด blog เกี่ยวกับ gadget ของตัวเองน่าจะเวิรก์นะครับ ขยายช่องทางรายได้เป็นของตัวเอง

ขอบคุณคุณ bubbleball ที่มาช่วยไขความกระจ่างครับ
 wanwan017
บันทึกการเข้า

Uzumaki Naruto
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 515
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,875



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #124 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2010, 15:55:26 »

Google โชว์โฆษณาโต 800%


ที่ 2 จากซ้าย - นางสาวพรทิพย์ กองชุน ผู้จัดการฝ่ายการตลาดประจำประเทศไทย บริษัท Google

Googleโชว์ยอดโฆษณาออนไลน์ในไทยผ่าน Google Adwords หลังเปิดให้บริการมา 7 ปีเติบโต 800% สูงสุดในอาเซียน เตรียมแผนกระตุ้นเอสเอ็มอีหันมาใช้โฆษณาออนไลน์เพิ่ม หลังยอดแตะหลัก 1,800 ล้าน
       
       นางสาวพรทิพย์ กองชุน ผู้จัดการฝ่ายการตลาดประจำประเทศไทย บริษัท Google กล่าวว่า แนวโน้มการใช้สื่อโฆษณาออนไลน์ในไทยมีอัตราการเติบโตที่สูงเมื่อเทียบกับ ประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ เนื่องจากธุรกิจการท่องเที่ยวในไทยมีอยู่จำนวนมาก ซึ่งสื่อออนไลน์ถือเป็นสื่อโฆษณาที่มีประสิทธภาพ และธุรกิจในไทยหันมาใช้มากขึ้น
       
       'เวลานี้ ธุรกิจด้านท่องเที่ยวมีการใช้สื่อโฆษณาที่เป็นออนไลน์ 100% เนื่องจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวมักจะค้นหาข้อมูลผ่านเว็บไซด์เป็นหลัก'
       
       จากผลการวิจัยที่Googleร่วมกับ Interactive Advertising Bureau ในอาเซียนพบว่า 43% ของผู้บริโภคคนไทยมักจะซื้อสินค้าทางออนไลน์เป็นประจำ และประมาณครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าตามร้านค้าทั่วไปมักจะค้นหาข้อมูลทางออนไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อ
       
       จากผลวิจัยดังกล่าวสอดคล้องกับการเติบโตของกูเกิล แอดเวิร์ด ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการโฆษณาออนไลน์ของGoogle ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา มี ผู้ใช้บริการลงโฆษณากับGoogle Adwordsทั่วโลกแล้วกว่า 1 ล้านราย ขณะที่ไทยนับเป็นตลาดหนึ่งที่Google Adwords เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตถึง 800%
       
       เวลานี้ ลูกค้าคนไทยที่ลงโฆษณาในGoogle Adwordsมีนับเป็นพันๆ ราย ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ดูได้จากปัจจุบันจำนวนเอสเอ็มอีในประเทศกว่า 1 ล้านราย มีเว็บไซต์เป็นของตัวเองเพียง 10% เท่านั้น จึงยังมีโอกาสที่ตลาดโฆษณาออนไลน์จะเติบโตได้อีกมาก
       
       แผนขยายตลาดของGoogle Adwordsในปีหน้า กูเกิลจะเน้นการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ในประเทศเพื่อผลักดันให้เอสเอ็มอีใน ไทยหันมาใช้สื่อโฆษณาออนไลน์ของGoogle Adwordsเพิ่มขึ้น โดยเข้าร่วมจัดกิจกรรมทางการตลาดกับบริษัทต่างๆ อาทิ ธนาคารกสิกรไทย ให้เข้มข้นขึ้น โดยกูเกิลจะเสนอให้เอสเอ็มอีได้ทดลองทำเว็บไซต์ขึ้นมา โดยใช้บริการเว็บไซต์ฟรี หรือบล็อกต่างๆ ซึ่งเป็นบริการที่Googleให้บริการฟรีอยู่แล้ว โดยGoogleก็จะเสนอบริการGoogle Adwordsเพื่อช่วยในการโปรโมทด้วย
       
       Google Adwords เป็นสื่อโฆษณาที่ผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ มีงบมากหรืองบน้อยสามารถที่จะใช้บริการโฆษณาออนไลน์ได้หมด เนื่องจากGoogle Adwordsถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการโฆษณาได้ ตรงกลุ่มที่สุด เนื่องจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยเกือบ 80% ใช้เสิร์ชเอนจิ้นเพื่อค้นหาข้อมูลหรือสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ทำให้การโฆษณาสามารถสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด
       
       'จุดเด่นของGoogle Adwordsอยู่ตรงที่เราสามารถโฆษณาได้สอดคล้องกับคีย์เวิร์ดที่ผู้บริโภคค้น หาอยู่ ประกอบกับกูเกิลยังมีพันธมิตรทางด้านเว็บไซต์ในประเทศไทยอีกกว่า 30,000 เว็บไซด์ ทำให้ผู้ลงโฆษณาสามารถกำหนดให้โฆษณาปรากฎกับข้อมูลที่กำลังค้นหาได้ตรงกับ ความต้องการจริงๆ'
       
       ปัจจุบัน ประเทศไทยมีการใช้สื่อโฆษณาออนไลน์ประมาณ 2% ของยอดโฆษณาทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 90,000 ล้านบาท

ข้อมูลจาก ผู้จัดการ
เรียบเรียงโดย Laptop Price
บันทึกการเข้า

niyata
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 96
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 731



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #125 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2010, 16:46:23 »

เป็นข้อมูลที่ดีมากครับ รวบรวมมาให้อาจแบบนี้ มีประโยชน์นะครับ ถึงจเป็นระบบออโต้ แต่ผู้ดูแล คงไม่ลบหรอกครับ ช่วยทราฟิกให้บอร์ดด้วย
บันทึกการเข้า

rongpleng
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 10
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 133



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #126 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2010, 16:49:28 »

เข้ามาขอบคุณเช่นกันะครับ สำหรับข่าวน่าสนใจ
บันทึกการเข้า

Uzumaki Naruto
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 515
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,875



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #127 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2010, 16:50:00 »

เป็นข้อมูลที่ดีมากครับ รวบรวมมาให้อาจแบบนี้ มีประโยชน์นะครับ ถึงจเป็นระบบออโต้ แต่ผู้ดูแล คงไม่ลบหรอกครับ ช่วยทราฟิกให้บอร์ดด้วย

ผมโพสมือล้วนๆ ครับ
 wanwan019
บันทึกการเข้า

Uzumaki Naruto
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 515
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,875



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #128 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2010, 21:43:55 »

'Lenovo' จุดพลุ IdeaPad U Series


จากซ้าย IdeaPad U260 โน้ตบุ๊กขนาดหน้าจอ 12.5 นิ้วตัวแรกของโลกที่ใช้โครงสร้างแมกนีเซียมอะลูมิเนียมอัลลอยด์ชิ้นเดียว และ IdeaPad U160 ขนาดหน้าจอ 11.6 นิ้ว

เลอโนโวเล็งใช้ IdeaPad U Series จับตลาดคอนซูเมอร์ที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตนเอง หลังพบพฤติกรรมผู้บริโภคต้องการโน้ตบุ๊กขนาดเล็กประสิทธิภาพสูง รับกำลังศึกษาตลาดแท็บเล็ตในไทย คาดไม่เกินไตรมาส 2 ปี 54 จะพร้อมลุยตลาดแท็บเล็ต ขีดเส้นปีหน้าได้เห็นกิจกรรมการตลาดรูปแบบใหม่ที่เลอโนโวไม่เคยทำมาก่อน
       
       นายขจรเกียรติ อร่ามรัศมีกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในบ้าน ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไอเดีย ถือว่าเป็นความภูมิใจในตลาดคอนซูเมอร์ของเลอโนโว หลังมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากรูปลักษณ์และประสิทธิภาพของสินค้า และความสะดวกในการพกพา
       

IdeaPad U260

       "แม้ว่าเลอโนโวจะไม่มีการเติบโตในตลาดโน้ตุบ๊กแบบก้าวกระโดด แต่ถือว่าการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ในระดับ 20% ต่อไตรมาส เพราะจากยอดในปีนี้ยังถือว่าตรงตามที่คาดการณ์ไว้ แม้จะมีหลายปัจจัยเข้ามากระทบก็ตาม"
       
       นอกจากนี้ยังมองว่าตลาดโน้ตบุ๊กในช่วงเดือนที่เหลือนั้นไม่น่าจะมี อัตราการเติบโตมากนัก เนื่องจากอยู่ในภาวะชะลอการซื้อจากหลายปัจจัย ทำให้ผู้บริโภคไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอยมากนัก
       
       "ตลาดของปีนี้คงอยู่ในช่วงทรงตัวแล้ว เราจึงเริ่มวางแผนปีหน้า ที่เลอโนโวจะมีกิจกรรมการตลาดรูปแบบใหม่ที่เลอโนโวยังไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งอาจจะเป็นการเข้าไปใช้สื่อในรูปแบบอื่นที่ไม่เคยเข้าไป หลังจากเริ่มเข้ามาใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กแล้วระยะหนึ่ง"
       

IdeaPad U260

       ขณะที่มองตลาดแท็บเล็ตว่ายังคงต้องศึกษาทิศทางตลาดในประเทศไทยอีกพัก หนึ่ง เพราะเชื่อว่าผู้บริโภคที่่ต้องการใช้งานแท็บเล็ตในปัจจุบันได้ซื้อเครื่อง ไปแล้ว ทำให้ต้องมองต่อไปว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป
       
       "เราอาจจะเอาแท็บเล็ตเข้ามาในตลาดประเทศไทยช่วงไตรมาส 2 ของปี 2554 ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่พร้อมที่สุด แต่ทั้งนี้ยังคงต้องดูทิศทางตลาดแท็บเล็ตในประเทศไทยต่อไป"
       

IdeaPad U260

       ล่าสุด เลอโนโวเปิดตัว IdeaPad U260 ที่การันตีว่า เป็นโน้ตบุ๊กขนาดหน้าจอ 12.5 นิ้วตัวแรกของโลกที่ใช้โครงสร้างแมกนีเซียมอะลูมิเนียมอัลลอยด์ชิ้นเดียว ส่งผลให้น้ำหนักเหลือเพียง 3 ปอนด์ มีความบาง 0.71 นิ้ว ทำงานบนหน่วยประมวลผล Intel Core i5 ราคาเปิดตัวที่ 29,900 บาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
       
       ส่วน IdeaPad U160 ขนาดหน้าจอ 11.6 นิ้ว วางจุดขายสำหรับผู้ชอบการเดินทางที่ต้องการโน้ตบุ๊กขนาดเล็กประสิทธิภาพสูง จาก ซีพียู Intel Core i3 ฮาร์ดดิกส์ขนาด 500GB น้ำหนัก 1.25 กิโลกรัม หนา 1 นิ้ว ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 17,900 บาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม

ข้อมูลจาก ผู้จัดการ
เรียบเรียงโดย Laptop Price
บันทึกการเข้า

Uzumaki Naruto
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 515
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,875



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #129 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2010, 23:22:14 »

"ซิมเบียน" คางเหลือง



ระบบปฏิบัติการซิมเบียนของโนเกียส่อแววอ่วมปีหน้า เพราะการสำรวจชี้ว่าซิมเบียนกำลังทยอยเสียส่วนแบ่งการตลาดและความจงรักภักดี ของผู้บริโภคไปอย่างน่าเป็นห่วง ล่าสุดนักวิเคราะห์ฟันธง ปี 2011 คือปีที่โทรศัพท์มือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิลจะมีจำนวนมาก ที่สุดในพื้นที่ยุโรป และไอโอเอส ระบบปฏิบัติการที่ใช้ในไอโฟนของแอปเปิลสามารถครองแชมป์ระบบปฏิบัติการ โทรศัพท์มือถือที่มัดใจผู้บริโภคได้มากที่สุด
       
       ข้อมูลจากบริษัทวิจัยไอดีซี (IDC) ระบุว่า ไตรมาส 3 ปี 2010 โทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์นั้นมีสัดส่วนเป็น 23% ของการจัดส่งทั้งหมดในตลาดยุโรปตะวันตก ตามหลังระบบซิมเบียนที่มีส่วนแบ่ง 34% และไอโฟน 24% จุดนี้นักวิเคราะห์ฟรานซิสโก เจโรนิโม เชื่อว่าแอนดรอยด์จะสามารถแซงหน้าทั้ง 2 ระบบปฏิบัติการขึ้นเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคยุโรปภายในปีหน้า
       
       เจโรนิโมวิเคราะห์เรื่องนี้จากทิศทางการการจัดส่งสมาร์ทโฟนสู่ภูมิภาคยุโรปในปีหน้า โดยพบว่า 39% ของสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่วางจำหน่ายในยุโรปตะวันตกตลอด 9 เดือนที่ผ่านมานั้นเป็นแบรนด์เอชทีซี ขณะที่ 27% เป็นของโซนี่อีริคสัน รองลงมาคือ 14% จากซัมซุง ซึ่งทั้งหมดส่งสัญญาณพร้อมเดินเครื่องยิ่งขึ้นในปีกระต่ายที่จะถึงนี้
       
       ยุโรปถือเป็นภูมิภาคที่ 2 ที่แอนดรอยด์เป็นที่นิยมมากกว่าซิมเบียน โดยการสำรวจจากบริษัทวิจัยการตลาดจีเอฟเค (GFK) พบว่าระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียกลายเป็นแอ นดรอยด์ไปเรียบร้อยแล้วทั้งจำนวนเครื่องและมูลค่า ถือเป็นอีกตัวเลขที่ยืนยันการเสียแชมป์ของซิมเบียนได้ในระดับหนึ่ง
       
       นอกจากซิมเบียนจะมีแนวโน้มพ่ายแพ้ในมุมมองส่วนแบ่งตลาด การสำรวจล่าสุดพบว่าซิมเบียนยังพ่ายแพ้ต่อไอโฟนในมุมมองความจงรักภักดีของ ผู้บริโภค โดยจีเอฟเคพบว่าผู้ใช้ไอโฟนนั้นมีความจงรักภักดีในแบรนด์มากเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับผู้ใช้สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการค่ายอื่น ตัวเลขอ้างอิงคือ 59% ของผู้ใช้ไอโฟนมีแผนใช้งานโอเอสเดิมต่อไป เข้มแข็งกว่าผู้ใช้แอนดรอยด์ที่ 28% ระบุว่าจะใช้งานแอนดรอยด์ต่อไป
       
       จีเอฟเคพบว่า แบล็กเบอรีคือ ระบบปฏิบัติการที่มีผู้จงรักภักดีมากเป็นอันดับ 2 โดยผู้ใช้บีบีมากกว่า 35% ระบุว่าจะยังคงเลือกซื้อบีบีต่อไปไม่เปลี่ยนใจ ขณะที่แอนดรอยด์มีผู้ใช้เพียง 28% เท่านั้นที่รักเดียวใจเดียว
       
       สำหรับซิมเบียนซึ่งเป็นแชมป์ระบบปฏิบัติการอันดับ 1 ในตลาดโลกขณะนี้ นั้นมีกลุ่มผู้จงรักภักดีในแบรนด์ราว 24% ซึ่งยังดีกว่าระบบปฏิบัติการวินโดวส์โมบายที่มีอยู่ 21%
       
       จีเอฟเคดำเนินการทดสอบนี้โดยการสัมภาษณ์ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ 2,653 รายในประเทศบราซิล เยอรมนี สเปน อังกฤษ สหรัฐฯ และจีน โดยพบว่าความจงรักภักดีในระบบปฏิบัติการของผู้บริโภคคิดเป็นค่าเฉลี่ย 25% โดย 37% ของกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์มือถือธรรมดาระบุว่าจะหันมาซื้อสมาร์ทโฟนในการซื้อ โทรศัพท์เครื่องต่อไป
       
       ผลสำรวจตลาดสมาร์ทโฟนในภูมิภาคเอเชียในไตรมาส 3 พบว่ามีอัตราการเติบโตมากกว่าไตรมาส 3 ปี 2009 ถึง 270% ถ้าคิดรวมเป็นมูลค่าแล้วไม่ต่ำกว่า 1.48 พันล้านเหรียญสหรัฐ บนจำนวนของสมาร์ทโฟนที่จำหน่ายในไตรมาส 3 ของภูมิภาคเอเชียทั้ง 4.7 ล้านเครื่อง

ข้อมูลจาก ผู้จัดการ
เรียบเรียงโดย Laptop Price
บันทึกการเข้า

Uzumaki Naruto
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 515
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,875



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #130 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2010, 01:14:53 »

โมโตโรลาแยกร่าง 2 บริษัทพร้อมรบ ม.ค.นี้

โมโตโรลา (Motorola) อดีตยักษ์ใหญ่โลกสื่อสารประกาศรายละเอียดการแตกหน่วยธุรกิจออกมาตั้งเป็น 2 บริษัทใหม่ว่าจะมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 4 มกราคมเป็นต้นไป ถือเป็นข่าวที่เกิดขึ้นท่ามกลางสายตาทั่วโลกที่จับจ้องทิศทางในอนาคตของโมโต โรโลา ซึ่งเป็น 1 ในบริษัทผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิสก์ในสหรัฐฯให้ยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้
       

ซาน เจย์ จฮา (Sanjay Jha) กำลังจะกลายเป็นซีอีโอบริษัท Motorola Mobility ขณะที่ co-CEO อีกรายคือ Greg Brown จะดูแลบริษัท Motorola Solutions

       เช่นเดียวกับข้อมูลที่เคยถูกรายงานมาแล้ว นั่นคือโมโตโรลาจะแยกธุรกิจธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์ความบันเทิงภายในบ้าน เช่น อุปกรณ์กล่องรับสัญญาณเคเบิลทีวี ออกมาเป็นบริษัทเดี่ยว ขณะที่อีกหนึ่งบริษัทจะดูแลธุรกิจเครือข่ายและโซลูชันเคลื่อนที่สำหรับ องค์กร (Enterprise Mobility Solutions and Networks) ครอบคลุมสินค้าประเภทอุปกรณ์รับส่งสัญญาณคลื่นวิทยุ, คอมพิวเตอร์เคลื่อนที่, ระบบรักษาความปลอดภัย และโครงข่ายข้อมูลไร้สาย
       
       ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นคือ ผู้ถือหุ้นโมโตโรลาจะได้รับหุ้นทั้งใน 2 บริษัท โดยบริษัทที่ดูแลธุรกิจสินค้าคอนซูเมอร์จะมีชื่อว่า Motorola Mobility ขณะที่ธุรกิจสินค้าองค์กรจะมีชื่อเรียกว่า Motorola Solutions
       
       โมโตโรลาย้ำว่าการแยกส่วนธุรกิจจะนำไปสู่ความชัดเจนในมุมของนักลงทุน จากเดิมที่เคยมีความสับสน ซึ่งโมโตโรลามองเห็นในเรื่องนี้จึงประกาศแผนการแยกบริษัทออกมาตั้งแต่ปี 2008
       
       อย่างไรก็ตาม การประกาศกรอบเวลาแยกบริษัทเป็นมกราคม 2011 นั้นถือว่าล่าช้ากว่ากำหนดการมาก เพราะแต่เดิมโมโตโรลาเคยประกาศไว้ว่าจะแยกบริษัทให้แล้วเสร็จในปี 2009 สาเหตุเป็นเพราะจังหวะพิษเศรษฐกิจซบเซาและความจำเป็นของโมโตโรลาในการเร่งทำ ตลาดโทรศัพท์มือถือ
       
       สำหรับธุรกิจสินค้าองค์กร โมโตโรลายืนยันว่าไม่มีแผนแยกหน่วยธุรกิจออกเป็นบริษัทย่อยอีก หลังจากได้ประกาศขายธุรกิจอุปกรณ์เครือข่ายโทรศัพท์ไร้สายให้กับบริษัทร่วม ทุนสัญชาติฟินแลนด์และเยอรมนีนาม Nokia Siemens Networks โดยดีลดังกล่าวคาดว่าจะสมบูรณ์ภายในกลายปีนี้
       
       โมโตโรลานั้นเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ผลิตวิทยุติดรถยนต์ในปี 1930 ก่อนจะผันตัวมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือในช่วงปี 80 โดยโมโตโรลารุ่งเรืองสุดขีดช่วงปี 2007 ท่ามกลางความสำเร็จจากสินค้าตระกูล Razr จนขึ้นเป็นบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถืออันดับ 2 ของโลก ล่าสุด โมโตโรลาถูกจัดอันดับให้เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถืออันดับที่ 7 ของโลก
       
       รายงานระบุด้วยว่า ธุรกิจที่จะถูกรวมในบริษัท Motorola Mobility นั้นมียอดจำหน่ายราว 2,900 ล้านเหรียญในไตรมาสที่ผ่านมา เทียบกับ 1,900 ล้านเหรียญเมื่อเทียบกับธุรกิจในบริษัท Motorola Solutions
       
       สำหรับสำนักงานที่ตั้ง Motorola Solutions รายงานระบุว่าจะอยู่ในย่าน Schaumburg ขณะที่ Motorola Mobility จะอยู่ที่ Libertyville มลรัฐอิลินอยส์ ซึ่งคาดว่าจะมีการย้ายสำนักงานทีมงานในโมโตโรลาสำนักงานใหญ่บางส่วนไปประจำ การในสาขาซานดิเอโก ซานฟรานซิสโก หรือเมืองออสติน รัฐเท็กซัส
       
       รายงานชี้ว่า โมโตโรลาได้เตรียมการสำหรับการแยกร่างด้วยการว่าจ้างซานเจย์ จฮา (Sanjay Jha) ในปี 2008 เพื่อคุมบังเหียนธุรกิจโทรศัพท์มือถือบนตำหน่างประธานกรรมการบริหารร่วมหรือ co-CEO โดยจฮาจะเป็นผู้ดูแลธุรกิจ Mobility และ co-CEO อีกรายคือ Greg Brown จะดูแลธุรกิจ Solutions
       
       หลังการประกาศ มูลค่าหุ้นโมโตโรลาลดลง 11 เซนต์ ปิดที่ 7.66 เหรียญ


ข้อมูลจาก ผู้จัดการ
เรียบเรียงโดย Laptop Price
บันทึกการเข้า

Uzumaki Naruto
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 515
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,875



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #131 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2010, 04:05:10 »

ออสซีส่งแอพฯใหม่ใช้วัดยูวี-แสงแดด

สำหรับสาวไทย แสงแดดอุ่นๆ ค่อนไปทางร้อนในช่วงซัมเมอร์อาจเป็นของแสลง และคู่ขนานที่ยากจะบรรจบกัน แต่สำหรับหนุ่มสาวชาวออสซีแล้วกลับตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง



แต่อย่างที่รู้กันดีว่า “แสงแดด” แม้จะมีคุณอนันต์ แต่ก็มีโทษมหันต์ หากไม่รู้จักป้องกันตัวจากมฤตยูร้ายที่ซุกซ่อนอยู่ในแสงแดดอย่าง “รังสียูวี” ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่คร่าชีวิตชาวออสซีให้ต้องลาโลกไปก่อนวัยอันควร เพราะไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าในแต่ละปีมีชาวออสซีที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับ โรคมะเร็งผิวหนังถึงกว่า 1,850 คน หรือมากกว่าเหยื่อที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน

ด้วยเหตุนี้สถาบันมะเร็งซันสมาร์ต แมนเจอร์ จึงพัฒนา “SunSmart” แอพพลิเคชันใหม่บนไอโฟน เพื่อเป็นตัวช่วยตัดสินใจว่าเวลาใดปลอดภัยที่สุดสำหรับการออกไปนอนอาบแดดบ่ม ผิว เพราะด้วยเจ้าแอพพลิเคชันดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ได้ว่าแสง แดดเวลาใดมีอุณหภูมิพอเหมาะ และไม่มีรังสียูวีอยู่ในระดับที่อันตรายเกินไป

สำหรับความอัจฉริยะของเจ้าแอพพลิเคชันที่ว่านี้ คือ การใช้เทคโนโลยีสุดล้ำอย่างจีพีเอสตรวจจับพิกัดของผู้ใช้ เพื่อประมวลผลอัตโนมัติว่าเวลาใดคือช่วงเวลาที่ปลอดภัยสำหรับการอาบแดด รวมทั้งมีการแจ้งเตือนถึงปริมาณรังสียูวีในช่วงเวลานั้นๆ ด้วย

“ความพิเศษของแอพพลิเคชันนี้ คือ มันอยู่ในกระเป๋าของคุณ โดยที่คุณไม่ต้องไปเปิดคอมพิวเตอร์หรือเปิดตำราให้ยุ่งยากเสียเวลา” ซู ฮีวาล์ด จากสถาบันมะเร็ง กล่าว

ข้อมูลจาก โพต์ทูเดย์
เรียบเรียงโดย Laptop Price
บันทึกการเข้า

itacc
Newbie
*

พลังน้ำใจ: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 98



ดูรายละเอียด
« ตอบ #132 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2010, 05:40:46 »

มีประโยชน์ดีครับ
บันทึกการเข้า

Uzumaki Naruto
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 515
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,875



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #133 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2010, 12:32:01 »

ลองชุดสวยด้วย "Google" กับโปรเจ็กเตอร์

เมื่อช่วงประมาณกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ Google ได้ประกาศเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่ชื่อว่า Boutiques.com เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีกับแฟชั่นได้อย่างลงตัว โดยผู้ใช้บริการร้านออนไลน์แห่งนี้สามารถเลือกแฟชันในแบบของตัวเอง อีกทั้งยังสามารถแชร์ไอเดียการแต่งตัวกับเพื่อนๆ ได้อีกด้วย

แต่รายงานข่าวชิ้นนี้ ไม่ได้เป็นการแนะนำเว็บไซต์ข้างต้นแต่อย่างใด แต่เป็นไอเดียเด็ดๆ ที่รับรองว่า คุณผู้อ่านโดยเฉพาะสาวๆ ต้องชอบแน่ๆ นั่นก็คือ ไอเดียการจัด"เวอร์ชวล"แฟชั่นโชว์ที่คุณสามารถเป็นนางแบบลองชุดเสื้อผ้าสวยๆ ได้ เพียงแค่มี Google กับเครื่องฉายโปรเจ็กเตอร์ (Projector) เพื่อฉายภาพชุดแฟชั่นสวยๆ ที่เสิร์ชได้จาก Google Image บนฉาก โดยขยายให้มันมีขนาดเท่ากับรูปร่างของนางแบบ (ที่อาจหมายถึงตัวคุณก็ได้) ซึ่งสวมชุดสีขาว เมืีอนางแบบเข้าไปในฉาก ภาพฉายจากโปรเจ็กเตอร์ก็จะปรากฎบนตัวนางแบบพอดิบพอดี จะลองกี่่ชุดก็ได้ นับเป็นไอเดียที่น่าสนใจทีเดียว



Virtual Fashion Show เป็นหนึ่งในไอเดียที่คุณผู้อ่านสามารถเข้าไปชม และโหวดได้ใน Google Demo Slam โดยทางเว็บไซต์เปิดให้ผู้ที่มีไอเดียที่หลายคนอาจะไม่กล้าทำ หรือนึกไม่ถึง และสามารถนำไปทำได้จริงๆ ซึ่งนอกจากไอเดียนี้แล้ว ก็ยังจะมีไอเดียอย่างเช่น ตัดผมเอง การใช้ของต่างๆ มากมายทำ QR Code ฯลฯ ลองเข้าไปชมกันนะครับ รับรองว่า คุณผู้อ่านต้องชอบอย่างแน่นอน

ข้อมูลจาก ARIP
เรียบเรียงโดย Laptop Price
บันทึกการเข้า

Uzumaki Naruto
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 515
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,875



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #134 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2010, 13:26:07 »

ยุโรปเร่งสอบ Google ผูกขาดการค้า

คณะกรรมาธิการยุโรปหรือ European Commission (EC) ประกาศเริ่มต้นกระบวนการสอบสวนกูเกิล (Google) ยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการค้นหาข้อมูลออนไลน์สัญชาติอเมริกันในข้อหาผูกขาดการ ค้า โดยต้องการตรวจสอบว่ากูเกิลฝ่าฝืนกฎหมายสหภาพยุโรปด้วยการ "ใช้อิทธิพลในตลาดเสิร์ชออนไลน์ในทางที่ผิด"หรือไม่ เพื่อรักษาประโยชน์แก่ผู้ประกอบการธุรกิจเสิร์ชออนไลน์สัญชาติยุโรปให้ สามารถแข่งขันได้อย่างเสรี
       


       รายงานย้ำว่า การเริ่มกระบวนการสอบสวนกูเกิลในข้อหาผูกขาดการค้าที่เกิดขึ้นไม่ได้แปลว่า กูเกิลถูกตัดสินว่าฝ่าฝืนกฎหมายยุโรปแล้ว โดยกูเกิลออกมาให้ความเห็นรับลูกคณะกรรมาธิการอีซีว่าจะให้ความร่วมมือต่อ การสอบสวนอย่างเต็มที่
       
       การสอบสวนนี้เกิดขึ้นหลังจาก ผู้ให้บริการค้นหาข้อมูลออนไลน์สัญชาติยุโรป 3 ราย ออกมาร้องเรียนในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่าได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็น ธรรมในบริการค้นหาข้อมูลฟรีของกูเกิล ระบุว่าถูกกูเกิล"ลดคะแนน"หรือการจงใจทำให้ระบบค้นหาของกูเกิลจัดลำดับ เว็บไซต์ให้มีความสำคัญต่ำ ทำให้ชื่อเว็บไม่ปรากฏในเพจผลการค้นหาด้านให้บริการฟรี เพราะเว็บไซต์เหล่านี้ให้บริการสืบค้นเช่นเดียวกับกูเกิล สิ่งที่เกิดขึ้นจึงดูเหมือนการกีดกันทางการค้าที่ทำให้ทั้ง 3 บริษัทเสียประโยชน์
       
       เว็บไซต์ 3 รายที่ร้องเรียนเรื่องนี้คือเว็บไซต์ Foundem สัญชาติอังกฤษ เว็บไซต์ Ciao จากฝรั่งเศส และเว็บไซต์ ejustice.fr จากฝรั่งเศส อย่างไรก็ตามครั้งนั้นกูเกิลแถลงการณ์ปฏิเสธว่ากูเกิลไม่ได้ปรับแต่งผลการ ค้นหา แต่ผลการค้นหาทั้งหมดเกิดขึ้นจากระบบคำนวณหรืออัลกอริทึมของกูเกิล ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน มีข่าวว่าคณะกรรมาธิการยุโรปได้ส่งคำถามเพื่อให้กูเกิลชี้แจงข้อมูลด้าน เทคนิคบางจุดแล้ว
       
       เหตุที่การลบชื่อออกจากหน้าผลการค้นหาข้อมูลออนไลน์ของกูเกิลถูกมอง ว่าเป็นการกีดกันทางการค้า เพราะเพจการค้นหาของกูเกิลคือประตูชั้นยอดที่จะนำนักท่องเน็ตเข้าสู่เว็บไซ ต์ โดยภายหลังการร้องเรียน รายงานข่าวระบุว่าชื่อเว็บไซต์เหล่านี้ปรากฏในเพจการค้นหาของกูเกิลอีกครั้ง และ Foundem ซึ่งเป็น 1 ในเว็บไซต์ที่ร้องเรียนระบุว่า เว็บไซต์มีทราฟฟิกการใช้งานเพิ่มขึ้นทันทีถึง 10,000%
       
       รายงานย้ำว่า การสอบสวนกูเกิล ของคณะกรรมาธิการยุโรปจะครอบคลุมถึงการหาข้อเท็จจริงว่ากูเกิลจงใจลดคะแนน เว็บไซต์คู่แข่งหรือไม่ ซึ่งหากใช่ กูเกิลจะสูญเสียความเชื่อมั่นในโลกออนไลน์ไปอย่างแน่นอน ทั้งหมดนี้ ทำให้นักสังเกตการณ์มองว่าไมโครซอฟท์ซึ่งเป็นคู่แข่งในโลกค้นหาข้อมูลออ นไลน์นั้นมีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะเมื่อบริษัท Ciao 1 ในเว็บไซต์ที่ฟ้องร้องนั้นเป็นบริษัทของไมโครซอฟท์
       
       ไม่เพียงบริการค้นหาข้อมูลฟรี บริการลงโฆษณาบนหน้าเพจการค้นหาของกูเกิลก็ถูกร้องเรียนเรื่องผูกขาดตลาดใน ยุโรปเช่นกัน โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัท Navx ในฝรั่งเศสซึ่งจำหน่ายซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้หลบหลีกตำรวจได้ชำระเงินลง โฆษณาบนกูเกิล แต่กูเกิลตัดสินใจถอดโฆษณาดังกล่าวออกเนื่องจากเห็นว่าซอฟต์แวร์ของ Navx ส่งเสริมให้คนทำผิดกฎหมาย
       
       Navx จึงฟ้องร้องกูเกิลให้กูเกิลลงโฆษณา Navx ดังเดิม เพราะซอฟต์แวร์ GPS จากผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Garmin ก็สามารถช่วยให้ผู้ใช้หลบหลีกตำรวจฝรั่งเศสได้เช่นกัน เมื่อกูเกิลยอมแสดงลิงก์โฆษณาของ Garmin การกระทำของกูเกิลต่อ Navx จึงเป็นการเลือกปฏิบัติ ซึ่งสร้างผลเสียให้แก่ธุรกิจของ Navx ให้ไม่สามารถแข่งขันได้อย่างเสรี
       
       ปี 2010 ถือเป็นปีที่ประเทศในกลุ่มยุโรปออกมาแสดงความกังวลถึงอิทธิพลของกูเกิลที่ กินสัดส่วนใหญ่ในตลาดเสิร์ชเอนจินของหลายประเทศ เช่นในฝรั่งเศสที่ถูกประเมินว่ากูเกิลสามารถกินส่วนแบ่งไปมากกว่า 90% โดยหลายกระแสมองว่าอิทธิพลของกูเกิลอาจทำให้ธุรกิจในประเทศไม่เกิดการแข่ง ขันที่เสรี ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเสียผลประโยชน์ในที่สุด
       
       สำหรับประเทศไทย กูเกิลมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 98% และยังไม่มีหน่วยงานใดออกมาเคลื่อนไหวเพื่อป้องกันการผูกขาดที่อาจเกิดขึ้น

ข้อมูลจาก ผู้จัดการ
เรียบเรียงโดย Laptop Price
บันทึกการเข้า

Uzumaki Naruto
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 515
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,875



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #135 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2010, 14:53:11 »

มะกันนับวันรอ 4G เวอไรซอนขีดเส้นลุย 5 ธ.ค. นี้

เวอไรซอน (Verizon) ประกาศพร้อมให้บริการเครือข่าย LTE หรือ 4G ในสหรัฐฯวันที่ 5 ธันวาคมนี้ ประเดิมก่อนใน 30 ย่านหลักทั่วประเทศ เบื้องต้นลุยทำตลาดโมเด็มเพื่อปูทางให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์พีซีสามารถใช้อิน เทอร์เน็ตความเร็วขั้นเทพได้ก่อนในช่วงที่สมาร์ทโฟน 4G ยังไม่ลงตลาด โดยสมาร์ทโฟน 4G คาดว่าจะเปิดตลาดในสหรัฐฯช่วงกลางปี 2011
       


       รายงานระบุว่า วันที่ 5 ธันวาคม 53 เวอไรซอนจะเริ่มจำหน่ายยูเอสบีโมเด็มจำนวน 2 รุ่นที่รองรับเทคโนโลยีเครือข่าย LTE หรือ Long-Term Evolution ซึ่งมีความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลจริงราว 5-12 เมกะบิตต่อวินาที ถือเป็นความเร็วเครือข่ายสูงสุดที่สหรัฐฯเคยมี โดยโมเด็ม 4G มีราคาจำหน่ายสุทธิ 99.99 เหรียญพร้อมสัญญาใช้งาน 2 ปี (หลังหักส่วนลดเงินคืน 50 เหรียญ) หรือประมาณ 2,999 บาท
       
       เบื้องต้น นักสังเกตการณ์เชื่อว่าเครือข่าย LTE ในสหรัฐฯจะถูกใช้งานเฉพาะการสื่อสารข้อมูลอย่างเดียวไปถึงปี 2012 เนื่องจากการเปิดตลาดของสมาร์ทโฟน 4G ที่เวอไรซอนเคยประกาศว่าจะนำไปเปิดตัวในงาน CES 2011 และจะวางจำหน่ายในช่วงกลางปี 2011 นั้นจะไม่แพร่หลายในทันทีทันใด
       
       เวอไรซอนมีแผนขยายเครือข่าย LTE ให้ครอบคลุมพื้นที่ทุกจุดในสหรัฐฯที่มีเครือข่าย 3G ให้บริการอยู่ โดยพื้นที่ที่สามารถใช้งาน 4G ของเวอไรซอนในช่วงแรกได้แก่ เมืองหลักในรัฐโอไฮโอ จอร์เจีย แมรี่แลนด์ แมสสาชูเซ็ตส์ อิลินอยส์ นอร์ธแคโรไลนา โคโรราโด ฟลอริดา แคลิฟอร์เนีย เนวาดา เทนเนสซี นิวยอร์ก เพนซิลวาเนีย หลุยเซียนา โอกลาโฮมา และวอชิงตัน
       
       สำหรับค่าบริการ เวอรไรซอนกำหนดไว้ที่ 50 เหรียญสหรัฐต่อการใช้งานข้อมูล 5GB (ราว 1,500 บาท) และ 80 เหรียญต่อการใช้ข้อมูล 10GB (ราว 2,400 บาท) โดยโมเด็มทั้ง 2 รุ่นจะสามารถทำงานกับเครือข่าย 3G ของเวอไรซอนได้

ข้อมูลจาก ผู้จัดการ
เรียบเรียงโดย Laptop Price
บันทึกการเข้า

Uzumaki Naruto
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 515
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,875



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #136 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2010, 17:03:30 »

Google Editions พร้อมขายอีบุ๊กปลายปีนี้

หลังจากเลื่อนมาหลายเดือน ล่าสุดประชาสัมพันธ์กูเกิลออกมายืนยันข่าวซึ่งสื่ออเมริกันรายงานว่า กูเกิลกำลังเตรียมฤกษ์เปิดร้านจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์หรืออีบุ๊กแบบ ปลีกอย่างเป็นทางการภายในปลายปีนี้จริง จะใช้ชื่อ Google Editions เพื่อลุยทำตลาดในสหรัฐฯก่อนเป็นประเทศแรก
       

แฟ้มภาพจำลองบริการ Google Editions

       วอลล์สตรีทเจอร์นอลตั้งข้อสังเกตว่าการที่กูเกิลสามารถจบปัญหาความ ขัดแย้งด้านกฎหมายกับสำนักพิมพ์ได้เรียบร้อย ทำให้ Google Editions สามารถเริ่มให้บริการในสหรัฐฯได้ก่อนปลายปีนี้ โดยระบุว่า Google Editions จะสามารถขยายบริการไปยังประเทศต่างๆได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2011
       
       ประชาสัมพันธ์กูเกิลยืนยันว่ากำหนดการให้บริการก่อนปลายปีของ Google Editions นั้นเป็นความจริง แต่ไม่ให้เหตุผลว่าความล่าช้าของโครงการเกิดขึ้นเพราะปัญหาการฟ้องร้องระ หว่างกูเกิลและสำนักพิมพ์จริงหรือไม่ ทั้งที่เดือนพฤษภาคม 53 ผู้บริหารกูเกิลเคยเปิดเผยว่าจะให้บริการซื้อขายไฟล์อีบุ๊กในช่วงมิถุนายน ที่ผ่านมา
       
       หลายฝ่ายเชื่อว่าความล่าช้าของธุรกิจอีบุ๊กกูเกิลมีความเกี่ยวข้อง โดยตรงต่อความสัมพันธ์กับสำนักพิมพ์ เนื่องจากความพร้อมของ Google Editions เกิดขึ้นหลังจากกูเกิลและผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ทั้งนักเขียน และสำนักพิมพ์สามารถยอมความกันได้ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
       
       รายงานระบุว่า ภายใต้ระบบของกูเกิล ผู้ค้าหนังสืออิสระจะสามารถวางจำหน่ายอีบุ๊กผ่าน Google Editions ได้อย่างเสรี โดยผู้ค้าอิสระรายย่อยจะได้รับผลประโยชน์ตามสัญญาซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยราย ละเอียดในขณะนี้ เบื้องต้น ข้อมูลชี้ว่ากูเกิลจะเปิดกว้างให้ผู้ใช้หลากหลายอุปกรณ์สามารถซื้ออีบุ๊กกับ กูเกิลได้ เพราะ Google Editions จะทำให้ผู้ใช้สามารถเปิดอ่านอีบุ๊กบนบราวเซอร์และแอปพลิเคชันได้ทั้ง แบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยจะจัดเก็บไฟล์ไว้บนระบบคลาวด์คอมพิวติงเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเรียกดูไฟล์ ได้จากทุกอุปกรณ์หลังจากซื้อไฟล์ไปแล้ว ขณะที่เจ้าของลิขสิทธิ์จะสามารถวางใจเรื่องการจัดการสิทธิ์การใช้งานได้ ด้วย แถมจะเปิดเสรีให้ผู้ใช้สามารถเข้าสู่บริการ Google Editions ได้จากหลายเว็บไซต์ ซึ่งหากเป็นจริง นี่จะถือเป็นการปฏิวัติวงการค้าปลีกหนังสืออิเล็กทรอนิกส์บนโลกออนไลน์ครั้ง ใหญ่ที่น่าจับตา


อีบุ๊กของกูเกิลสามารถอ่านได้บนอุปกรณ์ที่หลากหลาย

นักสังเกตการณ์เชื่อว่า Google Editions จะกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของอเมซอน (Amazon.com) บาร์นส์แอนโนเบิล (Barnesandnoble.com) รวมถึงแอปเปิล (Apple) ซึ่งมีหน้าร้านจำหน่ายอีบุ๊กอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากกูเกิลเคยประกาศแผนว่าจะทำให้ผู้ใช้สามารถซื้ออีบุ๊กด้วยชื่อบัญชี ใช้งานบริการกูเกิลที่ผู้ใช้มีอยู่แล้ว ซึ่งอาจทำให้กูเกิลสามารถแย่งลูกค้าผู้ใช้สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์พีซี และแท็บเล็ตนานาชนิดที่สามารถเข้าถึงบริการกูเกิลได้จากเว็บเบราว์เซอร์หลาย ค่ายไปได้
       
       นี่ไม่ใช่บริการเกี่ยวกับหนังสือบริการแรกของกูเกิล โดยปัจจุบัน กูเกิลเปิดให้บริการค้นหาหนังสือในชื่อ Google Book Search แล้วเพื่อให้ชาวเน็ตสามารถค้นหาและได้มีโอกาสเปิดดูเนื้อหาบางส่วนของ หนังสือซึ่งรวบรวมมาจากห้องสมุดและสำนักพิมพ์ทั่วโลก

จุดนี้รายงานระบุว่ากูเกิลจะนำ Google Editions มาควบรวมกับบริการ Book Search ด้วย โดยจะเปิดให้ผู้ใช้สามารถซื้อหนังสือที่ค้นหาได้ในรูปแบบอีบุ๊ก ขณะเดียวกัน กูเกิลก็จะให้สิทธิ์สำนักพิมพ์รายย่อยในการจำหน่ายอีบุ๊กในบริการ Google Editions บนเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์เองด้วย

ข้อมูลจาก ผู้จัดการ
เรียบเรียงโดย Laptop Price
บันทึกการเข้า

Uzumaki Naruto
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 515
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,875



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #137 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2010, 21:50:28 »

BBC เล็งขายสมาชิกแอปฯทีวีบน iPad ทั่วโลก

หลังจากให้บริการฟรีเฉพาะสมาชิกในประเทศอังกฤษ ล่าสุดสถานีโทรทัศน์บีบีซี (BBC) ประกาศแผนพร้อมให้บริการแอปพลิเคชัน iPlayer แก่ผู้ใช้ iPad ทั่วโลกแบบเก็บค่าสมาชิก รายงานชี้บีบีซีหวังลูกค้าในกลุ่มประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ถือเป็นอีกข่าวที่ตอกย้ำความหลากหลายของคอนเทนต์บน iPad ในนาทีนี้
       

หน้าเว็บไซต์ bbc.com

       รายงานจากไฟแนนเชียลไทมส์ (Financial Times) ระบุว่า ปัจจุบันบีบีซีให้บริการแอปพลิเคชัน iPlayer ฟรีแก่สมาชิกในอังกฤษผู้ใช้อุปกรณ์ระบบปฏิบัติการ iOS ของแอปเปิลซึ่งชำระค่าบริการชมทีวีรายเดือนแก่สถานี เนื่องจากสถานีไม่ได้รับอนุญาตให้เก็บค่าบริการคอนเทนต์ตามกฏหมายอังกฤษ บีบีซีจึงกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อให้บริการสมัครสมาชิกเพื่อรับชม รายการทีวีของบีบีซีในตลาดต่างประเทศ โดยสหรัฐฯคือหนึ่งในประเทศเป้าหมายหลักของบีบีซี
       
       Luke Bradley-Jones ผู้อำนวยการบริหารของ BBC.com ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวไฟแนนเชียลไทมส์ว่าแอปพลิเคชัน iPlayer จะถูกเปิดตัวในรูปแบบบริการสมาชิกที่เก็บค่าบริการ ทั้งหมดนี้เป็นหนึ่งในแผนการดึงแฟนสถานีที่เคยใช้บริการ iPlayer ให้มาเป็นสมาชิกบริการบีบีซีมากยิ่งขึ้นในอนาคต


แอปพลิเคชันแจกฟรีแก่สมาชิกผู้ใช้ iPad ในอังกฤษกำลังจะขยายพื้นที่เข้าสู่สหรัฐฯแล้ว

เหนืออื่นใด ผู้บริหารบีบีซีชี้ว่าแอปพลิเคชัน iPlayer จะทำให้บีบีซีได้รับข้อมูลผู้อ่านมากขึ้น ซึ่งจะทำให้บีบีซีสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปสร้างมูลค่าเพิ่มแก่บริการของบีบี ซีในอนาคตได้ โดยในไม่กี่เดือนนับจากนี้ บีบีซีมีแผนให้บริการ Global iPlayer แก่ผู้ใช้ iPad ทั่วโลก เพื่อให้ผู้ใช้สามารถรับบริการวิดีโอออนดีมานต์แบบอินเทอร์แอคทีฟได้อย่าง แท้จริง
       
       นักวิเคราะห์มองว่าการขยายช่องทางกระจายภาพของสถานีโทรทัศน์ อย่างบีบีซีนั้นทำให้สถานีสามารถสร้างได้เพิ่มขึ้นทั้งในแง่ค่าบริการสมาชิก ค่าบริการดาวน์โหลด และค่าบริการตามจำนวนครั้งที่ชม ขณะเดียวกันก็อาจนำไปสู่การรับเงินจากสปอนเซอร์เพื่อผลิตคอนเทนต์ฟรีได้อีก ทางหนึ่ง
       
       ความเคลื่อนไหวของบีบีซีเกิดขึ้นหลังจากข่าวการแจ้งเกิดนิตยสารและ หนังสือพิมพ์หลากหลายค่ายบน iPad โดยสื่อยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง News Corporation ออกมาเปิดเผยว่ากำลังพัฒนา"หนังสือพิมพ์สำหรับ iPad"ฉบับแรกของโลก ในรูปแบบแอปพลิเคชันบน iPad ที่ผู้ใช้จะสามารถอ่านข่าวประจำวันในราคา 99 เซนต์ต่อสัปดาห์ โดยจะมีเนื้อหาผสมระหว่างข่าวที่เข้มข้นจริงจังและข่าวสไตล์หนังสือพิมพ์ แท็บลอยด์ที่เน้นสีสัน
       
       นอกจากหนังสือพิมพ์ Richard Branson ผู้ก่อตั้งอาณาจักร Virgin ได้เริ่มให้บริการนิตยสารดิจิตอลหรือดิจิตอลแมคกาซีนบน iPad แล้วในชื่อ Project เบื้องต้นออกเป็นรายเดือนในราคาฉบับละ 2.99 เหรียญสหรัฐ ภายในประกอบด้วยบทความด้านศิลปะการออกแบบ บันเทิง และเทคโนโลยี ท่ามกลางคำวิจารณ์ว่ายังใช้งานยากและมีลักษณะคล้ายถูกออกแบบมาเพื่อการตี พิมพ์บนกระดาษ
       
       Branson ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอเมริกันด้วยว่า ความเคลื่อนไหวนี้คือการก้าวไปสู่โลกอนาคตของสิ่งพิมพ์ ซึ่งนานาค่ายจะแข่งขันด้านคุณภาพอย่างจริงจังยิ่งขึ้นแน่นอน

ข้อมูลจาก ผู้จัดการ
เรียบเรียงโดย Laptop Price
บันทึกการเข้า

Uzumaki Naruto
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 515
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,875



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #138 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2010, 22:30:40 »

อัลตราซาวด์พกพา หมอเหมือนมีตาทิพย์

เชื่อหรือไม่ว่าขณะนี้คุณหมอทั้งหลายกำลังจะมีตาทิพย์พกพาติดตัวโดย ไม่ต้องพึ่งพาหูฟังอีกต่อไป เมื่อเทคโนโลยีอัลตราซาวด์ถูกพัฒนาลงมาจนกลายเป็นอุปกรณ์พกพาที่มีขนาด กะทัดรัด ทำให้สามารถนำไปใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา
       


       ในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อวงการสุขภาพนั้น หน่วยธุรกิจด้านเฮลท์แคร์ของจีอี ถือเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยการขยายขอบข่ายของผลิตภัณฑ์ และบริการด้านการดูแลสุขภาพ ด้วยแนวคิดที่เรียกว่าเฮลท์แมจิเนชั่น ทำให้จีอีเปลี่ยนทิศทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยมุ่งไปที่เทคโนโลยีที่ช่วยให้ค่าใช้จ่ายถูกลง เพื่อลดผลกระทบของเทคโนโลยีต่อต้นทุนด้านต่างๆ
       
       เครื่อง Vscan ถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่จีอีพัฒนาบนแนวคิดดังกล่าว และถือเป็นเครื่องมือ Visualization ที่น้ำหนักเบาและฉลาด กลายเป็นอัลตราซาวด์พกพาที่แพทย์สามารถนำติดตัวไปได้ทุกที่ แม้แต่ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติต่างๆ อย่างกรณีเกิดน้ำท่วมอย่างหนัก แพทย์สามารถนำเครื่องวีสแกนไปเพื่อตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
       
       “หมอจะเหมือนมีตาทิพย์เมื่อใช้วีสแกน และในอนาคตอาจจะใช้แทนหูฟังที่ใช้งานอยู่ขณะนี้” เดวิด อูทามะ ประธานและซีอีโอ จีอีเฮลธ์แคร์ ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว
       
       วีสแกนเป็นเครื่องมือสร้างและประมวลผลภาพทางการแพทย์ที่มีขนาดกะทัด รัดไซส์ประมาณสมาร์ทโฟน และน้ำหนักเพียง 390 กรัม จึงพกพาสะดวกและใช้งานง่าย ช่วยให้การฉายภาพ ณ จุดที่ทำการรักษาสามารถทำได้จริง ช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลภาพแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับ อวัยวะภายในร่างกายผู้ป่วยได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องเจาะหรือสอดเครื่องมือ เข้าไปภายใน
       
       สำหรับกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์วีสแกนมี 4 กลุ่ม ได้แก่ เวชศาสตร์ครอบครัว โรคหัวใจ สูตินรีแพทย์ และการแพทย์ และการแพทย์ฉุกเฉิน โดยเครื่องมือนี้มีศักยภาพเป็นด่านแรกในการตรวจหาอาการของโรค แม้ในสถานที่ที่จำเป็นต้องดูแลรักษาขั้นต้น
       
       ทั้งนี้ วีสแกนสามารถตรวจร่างกายผู้ป่วยได้สูงสุดถึง 30 ราย ภายในช่วงเวลา 1 ชั่วโมง และแพทย์สามารถจัดเก็บภาพถ่ายของผู้ป่วยไว้ในการ์ดความจำขนาด 4 กิกะไบต์ ซึ่งเพิ่มได้อีกถึง 32 กิกะไบต์
       
       “วีสแกนมีประโยชน์อย่างมากในสถานการณ์ที่เกิดภัยธรรมชาติอย่างที่ เพิ่งเกิดในประเทศไทย โดยสามารถพกพาไปยังจุดที่เกิดภัยพิบัติ ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยอาการได้ทันทีผ่านจอภาพ เช่น รูรั่วที่อาจเกิดขึ้น อาการเลือดออกภายใน การมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจและนิ่ว”
       
       จีอีมีเป้าหมายจะนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรม 100 รายการที่จะช่วยลดค่าใช้จ่าย ส่งเสริมการเข้าถึงบริการและเพิ่มคุณภาพให้ได้ร้อยละ 15 ในระยะยาว ทำให้ผู้เข้ารับบริการทางการแพทย์สามารถเข้าถึงบริการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพ ในราคาที่ถูกลง

ข้อมูลจาก ผู้จัดการ
เรียบเรียงโดย Laptop Price
บันทึกการเข้า

Uzumaki Naruto
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 515
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,875



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #139 เมื่อ: 02 ธันวาคม 2010, 23:51:22 »

สมาร์ททีวี TV REVOLUTION

ชื่อของ “สมาร์ททีวี” หลายคนคงเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแล้ว แต่ตัวจริงๆ ของสมาร์ททีวีนั้นเพิ่งจะปรากฏในตลาดเมืองไทยจากการเปิดตัวของค่ายใหญ่แดน กิมจิอย่าง “แอลจี” ที่เปิดตัว “LG INFINIA SMART TV” ยิ่งไปกว่านั้นแอลจียังจับมือกับโลคัลคอนเทนต์อย่าง เนชั่น แชนแนล และเอ็มไทย ร่วมพัฒนาเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์สำหรับอินเทอร์เน็ตทีวีเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
       


       “ในตลาดต่างประเทศอย่างเกาหลี ยุโรปและอเมริกา สมาร์ททีวีได้รับความนิยมเป็นอย่างดี”
       
       เป็นคำกล่าวของ ฉันท์ชาย พันธุฟัก ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด และว่า “การเปิดตัวสมาร์ททีวีในประเทศไทยครั้งนี้ น่าจะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่กำลังมองหาทีวีรูปแบบใหม่”
       
       จุดเด่นของ LG INFINIA SMART TV อยู่ที่การออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานที่สะดวกสบาย ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อคอนเทนต์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เพียงกดปุ่ม NetCast บนรีโมตคอนโทรลเพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ ยังยกระดับการรับชมด้วยการเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงอื่นๆ ภายในบ้านแบบไร้สายผ่านเครือข่าย DLNA, Bluetooth, USB และ HDMI รวมถึงจุดเด่นการดีไซน์แบบ BORDERLESS หน้าจอเรียบหรูด้วยกระจกแผ่นเดียว ตัวทีวีและกรอบจอบางเฉียบ ช่วยเพิ่มประสบการณ์การรับชมภาพ
       
       ที่สำคัญแอลจีมองว่า การผนึกความร่วมมือกับโลคัลคอนเทนต์อย่างเนชั่นและเอ็มไทย น่าจะตอบสนองรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้คนไทยได้เป็นอย่างดี เนื่องจากที่ผ่านมาในตลาดต่างประเทศ การที่สมาร์ททีวีมีคอนเทนต์ที่เป็นของท้องถิ่นจะได้รับความนิยมจากตลาดดี กว่าการมีคอนเทนต์ต่างประเทศเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ ในปี 2554 แอลจีมีแผนที่จะเพิ่มเติมจำนวนคอนเทนต์ให้มากขึ้น ทั้งในส่วนของประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อให้ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
       
       ในส่วนของการพัฒนาคอนเทนต์ถือเป็นจุดสำคัญที่จะสร้างความแตกต่างใน การแข่งขันระหว่างผู้ผลิตสมาร์ททีวีแต่ละรายด้วย ยิ่งคอนเทนต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้มากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้สมาร์ททีวีแบรนด์นั้นเป็นทางเลือกสำหรับผู้ซื้อ นอกจากนี้การใช้งานที่ง่ายถือเป็นจุดที่สร้างความแตกต่าง โดยจุดนี้แอลจีจึงได้พัฒนา NetCast ที่กดเพียงปุ่มเดียวบนรีโมตก็สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทันที
       
       “ผู้ชมจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่าง สามารถเลือกรับชมคอนเทนต์ที่มีอย่างหลากหลายได้อย่างอิสระ รวมถึงคอนเทนต์จากต่างประเทศ เช่น YouTube, facebook หรือ Picasa ซึ่งแอลจีได้ออกแบบฟีเจอร์ให้ใช้งานสะดวกสบาย ทำให้สามารถแบ่งปันความสุขกับคนรอบข้างได้ง่ายขึ้น”
       
       สมาร์ททีวีสามารถเชื่อมต่อคอนเทนต์บนโลกออนไลน์จากทั่วทุกมุมโลก ภายใต้แนวคิด 4C ได้แก่ ความสะดวกสบาย (Convenience) คอนเทนต์ที่หลากหลาย (Content) รองรับทุกการเชื่อมต่อ (Connectivity) และดีไซน์สวยงามล้ำสมัย (Charming Design) โดยแอลจีเชื่อมั่นว่าจะตอบสนองไลฟ์สไตล์แนวใหม่ของคนไทย
       
       “การร่วมมือกับแอลจีในครั้งนี้ นับเป็นการพลิกโฉมวงการโทรทัศน์ของไทย ตอบรับเทรนด์ในการบริโภคข่าวสารของคนไทยที่ต้องการข้อมูลอัปเดตตลอดเวลา และยังเพิ่มช่องทางสื่อสารใหม่ที่น่าสนใจให้แก่ผู้บริโภค” ชุตินธรา วัฒนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนานิวมีเดีย บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น (มหาชน) จำกัด กล่าว
       
       ด้าน ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาเว็บไซต์และธุรกิจเว็บ บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด เจ้าของเว็บไซต์เอ็มไทย กล่าวว่า ผู้ใช้งานสมาร์ททีวีสามารถเลือกชมได้ตามความต้องการ จากการเลือกคอนเทนต์เอ็มไทยที่ได้รับความนิยมสำหรับแอลจีโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นคลิปดูดวงโดย อาจารย์คฑา ชินบัญชร เคล็ดลับความสวยความงาม เทคโนโลยีล้ำสมัย สัตว์เลี้ยงแสนรัก สถานที่ท่องเที่ยว คลิปโชว์ความสามารถพิเศษ และคลิปเรื่องแปลก พร้อมอัปเดตเนื้อหาตลอด 24 ชั่วโมง
       
       ฉันท์ชาย เชื่อว่าภายในปี 2554 สมาร์ททีวีจะเป็นช่องทางให้ผู้พัฒนาคอนเทนต์สามารถขายแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ ททีวีได้ ไม่ว่าจะเป็น เกม ภาพยนตร์ หรืออื่นๆ ทำให้สมาร์ททีวีกลายเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้พัฒนาคอนเทนต์ที่ต้องการเพิ่ม รายได้และฐานลูกค้าในอนาคต
       
       สำหรับกลุ่มเป้าหมายของสมาร์ททีวี จะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้อินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว และมีพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบชั่วคราวและชอบแชร์แบ่งปันคอนเทนต์ กับผู้อื่น โดยมีพฤติกรรมที่ชอบดูทีวีที่บ้านด้วย กลุ่มคนกลุ่มนี้จะเลือกซื้อสมาร์ททีวีมาใช้งานภายในบ้าน
       
       อย่างไรก็ตาม แอลจีมีแผนที่จะกระตุ้นการรับรู้การมาของสมาร์ททีวี ด้วยการให้ผู้บริโภคได้มีประสบการณ์การใช้งานสมาร์ททีวีจริง ไม่ว่าจะเป็น ณ จุดขาย หรือการบันเดิลอินเทอร์เน็ตมาให้ผู้ซื้อสมาร์ททีวีได้ใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรี
       
       LG INFINIA SMART TV ที่รองรับฟีเจอร์ NetCast ได้แก่รุ่น INFINIA LIVE BORDERLESS ทั้งในส่วนของแอลซีดี แอลอีดี และพลาสม่าทีวี มีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 32-60 นิ้ว ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 22,990-149,990 บาท
       
       สำหรับปี 2553 แอลจีตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาดจากตลาดทีวีโดยรวม ในส่วนของมูลค่าการขายที่ 25% หรือคิดเป็นมูลค่า 7,200 ล้านบาท และตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาดของแอลซีดี แอลอีดี ทีวี ในส่วนของมูลค่าการขายที่ 22% หรือคิดเป็นมูลค่า 4,300 ล้านบาท คาดว่าการเปิดตัว LG INFINIA SMART TV ครั้งนี้จะส่งผลให้เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ พร้อมวางเป้าหมายของปี 2554 โดยแอลจีจะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดทีวีรวมในเชิงมูลค่าเป็น 28%

ข้อมูลจาก ผู้จัดการ
เรียบเรียงโดย Laptop Price
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 39   ขึ้นบน
พิมพ์