ไปเจอมา ลองอ่านดูเพิ่มกำลังใจค่ะ
ไปเจอบทความนี้จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เป็นบทความที่ให้ข้อคิดที่ดีครับ
"ความสำเร็จจากความล้มเหลว"
หลายๆ ท่านที่ทำธุรกิจอยู่หรือที่เคยทำ คงเคยพบเหตุการณ์ที่น่าผิดหวัง หรือทำผิดพลาดกับการวางแผนธุรกิจบ้าง ซึ่งในตอนแรก เราคิดว่าทุกอย่างจะลงตัว สมเหตุสมผล และน่าจะมีโอกาสประสบผลสำเร็จสูง แต่เมื่อได้ลองทำเข้าจริง กลับพบว่าสิ่งที่เราคิดหรือวางแผนไว้ ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ได้ออกมาเป็นแบบที่เราตั้งใจไว้
บางท่านก็อาจจะเคย เห็นความผิดพลาดของผู้อื่นในการทำธุรกิจ เลยปักใจเชื่อว่า ธุรกิจหรือการลงทุนประเภทนั้นๆ คงไม่มีทางที่จะสำเร็จได้จริง หรือบางทีเราก็อาจจะเคยมีแนวคิดทำธุรกิจดีๆ แต่เมื่อได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นให้เพื่อนฝูงฟัง กลับได้ยินในทำนองที่ว่า ธุรกิจนี้เคยมีคนอี่นคิดและทำแล้วแต่ก็เจ็งไปแล้วบ้าง ทำให้ต้องหยุดแผนการนั้นไว้และไม่กล้าที่จะคิดทำอะไรต่อ
คนจำนวนมาก เมื่อทำผิดพลาดก็มักจะยอมแพ้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่เคยมาไตร่ตรองดูต้นตอของความผิดพลาดในอดีต ว่าจริงๆ แล้วมันเกิดขึ้นเพราะอะไร แล้วจึงหาทางแก้ไข ไม่แปลกนักที่หลายๆ คนเริ่มเกิดอาการท้อ ยอมแพ้ และล้มเลิกความตั้งใจไปพร้อมกับเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับบางคนแล้ว ความล้มเหลวกลับกลายเป็นตัวชี้นำและเป็นแรงผลักดันสู่ความสำเร็จที่สวยงาม ดังที่คนจีนโบราณมักสอนลูกหลานให้จำและเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง เพราะความผิดพลาดจะเป็นครูที่ดีที่สุด หรือที่ฝรั่งมักพูดกันว่า ?If it doesn?t kill you it will make you stronger?
จากความล้มเหลวแบบไม่ เป็นท่าของธุรกิจขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง Online ยักษ์ใหญ่อย่าง Pets.com (บริษัทลูกของ Amazon.com) ในปี 2000 ทำให้หลายคนเข็ดขยาดไม่กล้าแม้แต่คิดที่จะสร้างธุรกิจสัตว์เลี้ยง online อีก เพราะขนาดบริษัทที่ Amazon.com เป็นทัพหน้าแล้ว ยังไม่สามารถรอดได้ (ท้ายที่สุดต้องขายทรัพย์สินทั้งหมดให้กับ บริษัท Petmart.com) แล้วใครจะกล้าลงทุนอีก
เรื่องที่น่าแปลกก็คือ 4 ปีให้หลังจากความล้มเหลวของ Pets.com ก็ได้มีเวปตัวใหม่เปิดตัวขึ้นภายใต้ชื่อ Dogster.com โดยการนำของ Ted Rheingold นักธุรกิจหนุ่มจาก San Francisco ซึ่งได้ทำธุรกิจการขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง เช่นเดียวกับ Pets.com เพียงแต่ว่า Dogster.com ยังมี ระบบ community ไว้ลองรับกับลูกค้าของตน Ted เชื่อว่าบริษัทตนมีกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เหนือกว่า Pets.com จึงไม่น่าจะล้มได้ง่ายๆ ซึ่งในระยะแรก Dogster.com ก็มีทีท่าจะเริ่มขาดทุน Ted ก็ยังคงเชื่อมั่นกับกลยุทธ์ที่ตัวเองและทีมงานได้วางไว้ตั้งแต่แรก
หลัง จากที่ทางบริษัทได้งัดกลยุทธ์ทั้งหมดมาใช้ (รวมถึงการออก promotion จูงใจต่างๆ) ทุกอย่างก็ล้มเหลวเกือบทั้งหมดแล้ว รวมทั้งหนี้สินก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แทนที่ Ted จะยอมแพ้ เขากลับทำการศึกษาค้นคว้าอย่างหนัก ถึงจุดเด่นและจุดด้อยของ Dogster.com จนพบว่า Business plan ที่ตั้งไว้แต่แรกที่ตั้งใจจะขายอุปกรณ์สุนัขนั้น ได้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง แต่ส่วนของ Community ที่สร้างไว้ตั้งแต่ต้น กลับมีการเติยโตอย่างรวดเร็วสวนทางกัน
Ted จึงทำการปรับปรุง Dogster.com ใหม่ จากเดิมที่คิดจะทำ e-commerce ก็เปลี่ยนไปเป็น เวป social network สำหรับสุนัขแทน ภายในระยะเวลาแค่หนึ่งปี หลังจาก Dogster.com ก่อกำเนิดขึ้นมา ก็มียอดสมาชิกแล้วกว่า 275,000 ราย และมีรูปภาพและประวัติของสุนัขกว่า 340,000 ตัว
ปัจจุบัน Dogster.com เป็นหนึ่งในเวป Social network ของสุนัขที่ใหญ่ที่สุดในโลก และที่สำคัญบริษัทเริ่มมีรายได้เพิ่มขึ้นจาก Banners โฆษณาของ Sponsor หลักๆ อย่าง Disney, Holiday Inn และ Target ซึ่งไม่นานมานี้ Ted ก็เพิ่งจะตั้งเวป social network สำหรับคนรักแมวขึ้นมาอีก (Catster.com) เช่นกัน
บทเรียนจากความล้มเหลวแล้วลุกขึ้นยืนได้ใหม่ของ Dogster.com จึงเป็นตัวอย่างที่ไม่เพียงแค่ให้กำลังใจสำหรับคนที่กำลังทำธุรกิจ หรือคิดจะทำธุรกิจอยู่ แต่ยังเป็นแนวคิดและหลักปฎิบัติที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google ให้ความสำคัญและนำมาประยุกต์ใช้ นั่นคือ กลยุทธ์ ?การล้มเหลวอย่างรวดเร็ว? ซึ่งมีข้อบังคับ ดังนี้
ออกสินค้าหรือบริการ----> รับฟังผู้บริโภค---->แก้ไขข้อผิดผลาด----> ออกสินค้าหรือบริการ (อีกครั้ง)
Credit By อธิคม อัศวานันท์
Code: [Select]
http://newsroom.bangkokbiznews.com/list.php?user=athikom 
credit
http://forums.sem.or.th/index.php/topic,16220.40.html 
ความรู้ทั่วไป
