Not really..
I've worked with one of the Top 5 multinational IT companies in Thailand and worked with associates in the US. I have experienced that they don't work better than Thai and, sometimes, even worse than Thai people. For example, they usually take a vacation in advance on the day which is the deadline of the project, they blame Thai every time there's a bug (they made) in the program, etc.
So, there may be some as mentioned but it isn't 100% true.
จริงค่ะ คุณน้อง ฝรั่งมันนึกจะลามันก็ลา งานก็ค้างไว้อย่างนั้น เจ้านายก็วุ่นอยู่คนเดียว
คนไทยเราใจดี ให้ทำไรก็ทำงกๆ คิดเหรอว่าไม่อยากบอก ไม่อยากเถียง
แต่พอบอกเพื่อเรียกร้องอะไรสักอย่าง มันก็หาว่าเราเกี่ยงงาน เล่นเอาทำตัวไม่ถูก
จริงๆ แล้วหัวหน้าไม่เคยว่าอะไรเลย แต่คนทำงานด้วยกันนี่แหละ ตัวดี
ฝรั่งก็คน มี รัก โลภ โกรธ หลง อิจฉา ริษยา พอเราอยู่ไปนานๆ เราจะรู้เอง ว่าคนไหนเป็นยังไง
คนจริงใจก็มี ไม่จริงใจก็เยอะ ธรรมดาโลกมากๆ
ทุกครั้งที่เห็นกระทู้ วิจารณ์คนไทยด้วยกันเองแบบ look down อย่างนี้ รู้สึกไม่ดีเลย
อย่าดูถูกตัวเอง ถ้าคุณยังดูถูกตัวเอง แล้วใครเขาจะเห็นคุณค่าในตัวคุณไหนๆ พรุ่งนี้ก็หยุดงานวันวันอาสาฬหบูชาและใกล้เข้าพรรษากันแล้ว ฝากบทความของคุณ วินทร์ เลียววาริณ อันล่าสุดไว้ให้อ่านกัน
แล้วก็เลิกทะเลาะกันได้แหละ นอกเรื่องมากมาย
เดี๋ยวนี้!นิพพานที่เราเรียนในชั่วโมงวิชาศีลธรรมคือการพ้นทุกข์ขั้นสูงสุด นักเรียนน้อยคนเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร จึงไม่แปลกที่คนส่วนมากมีภาพในใจว่านิพพานเป็นของสูงเกินเอื้อม เป็นสภาวะของนักบวชผู้ทรงธรรมและสะสมบุญบารมีมาหลายแสนชาติแล้วเท่านั้น
มองในมุมของการกำเนิดมนุษย์และวิวัฒนาการชาติพันธุ์ การสะสมบุญบารมีมาหลายแสนชาติก็คงเริ่มมาตั้งแต่มนุษย์ปัจจุบัน โฮโม ซาเปียนส์ ยังไม่ถือกำเนิด อาจเริ่มมาตั้งแต่สมัยเรายังเป็น โฮโม อิเร็คตัส เดินท่อมๆ อยู่แถวแอฟริกาโน่น! คำว่า ‘ชาติ’ ในการตีความของท่านพุทธทาสภิกขุจึงน่าจะมีความหมายถึง ‘ขณะ’ มากกว่าภพชาติในความหมายของคนทั่วไป
ท่านพุทธทาสภิกขุชี้ว่า นิพพานไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือเป็นไปไม่ได้ เพียงแค่รู้จักพอ รู้จักตัวเอง ก็สามารถเข้าสู่สภาวะของความสุขเรียบง่าย
ความสุขเรียบง่ายๆ นี่แหละที่เข้าข่าย ‘นิพพาน’
จิตเย็นเมื่อไร ก็นิพพานเมื่อนั้น
ในทางเซน ‘นิพพาน’ ที่เรียกว่า ซาโตริ มีความนัยถึงการเข้าใจความจริงว่า สรรพสิ่งเป็นเพียงมายา
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล กล่าวว่า “ผู้ปฏิบัติที่แท้จริงนั้น ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงชาติหน้า-ชาติหลัง หรือนรก-สวรรค์อะไรก็ได้ ขอให้ตั้งใจปฏิบัติให้ตรงศีล สมาธิ ปัญญา อย่างแน่วแน่ก็พอ ถ้าสวรรค์มีจริงถึงสิบหกชั้น ตามตำรา ผู้ปฏิบัติดีแล้วก็ย่อมได้เลื่อนฐานะของตนเองตามลำดับ หรือถ้าสวรรค์-นิพพานไม่มีเลย ผู้ปฏิบัติดีในขณะนี้ย่อมไม่ไร้ประโยชน์ ย่อมอยู่เป็นสุข เป็นมนุษย์ชั้นเลิศ”
สังเกตว่าพระระดับปฏิบัติล้วนไม่พูดถึงบุญบารมีแต่ปางก่อน ไม่ชอบรอฤกษ์ยาม เน้นที่การลงมือทำเดี๋ยวนี้ เวลานี้
ทุกครั้งที่เป็นวันสำคัญทางศาสนา มักมีการรณรงค์ให้ผู้คนประพฤติธรรม ในทางหนึ่งเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยที่สุดก็มีสักวันสองวันที่ผู้คนละเลิกอบายมุข (ชั่วคราว) หันมาทำดี แต่อีกทางหนึ่ง มันก็แสดงให้เห็นว่าเราเป็นคนดีแบบมีข้อแม้และต้องรอโอกาสเหมาะเสมอ เช่น เป็นคนดีในช่วงเข้าพรรษา บวชเพราะพ่อแม่ขอไว้ ทำบุญเพื่อชาติหน้า ฯลฯ
การกระทำความดีงามย่อมไม่ควรถูกกำหนดด้วยกรอบของกติกาใดๆ ทุกชั่วขณะที่ทำดีก็คือฤกษ์ที่ดี
การเป็นคนดีควรเป็นคนดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่ต้องเล่นลิ้นเล่นสำนวน อย่างที่ท่านพุทธทาสภิกขุเคยเทศน์ไว้คราวหนึ่งว่า “...ประพฤติความดีทั้งทางโลกและทางธรรม ทั้งในที่แจ้งและในที่ลับ จนตนติเตียนตนเองไม่ได้ ใครที่เป็นผู้รู้ แม้จะมีทิพยโสตหรือทิพยจักษุมาค้นหาความผิดเพื่อติเตียนก็ไม่ได้...” หรือตามสำนวนจีนว่า “สามารถมองฟ้าได้เต็มตา”
มนุษย์ส่วนใหญ่มีจิตสำนึกอยากเป็นคนดี ไหนๆ ก็คิดจะเป็นคนดี ก็ลงมือทำเสียเลย และไหนๆ ก็จะลงมือทำดี ก็ทำโดยไม่ต้องรอเทศกาล เพราะการลดพิษทางจิตวิญญาณก็เหมือนการลดสารก่อมะเร็งทางร่างกาย ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งดี
ลงมือทำเสียเดี๋ยวนี้ เวลานี้!
ขอให้มีความสงบสันติช่วงเข้าพรรษานี้ครับ
วินทร์ เลียววาริณ
เข้าพรรษา
กรกฎาคม 2553
ที่มา
http://www.winbookclub.com/frontpage.php

สวัสดีพี่น้องชาวไทย