เพิ่งได้เมล์มาไม่เชื่อไม่เป็นไร เตรียมตัวไว้ก็ดีครับ

จะเชื่อดีหรือไม่?? ก็แล้วแต่จะพิจารณา แต่ถ้าเตรียมไว้ก็ไม่เสียหายอะไรนิน๋า....ว่ามั๊ย
>
>
> ...
>
> ให้ระวังกันด้วยนะครับจะเกิดภัยพิบัติใหญ่ ช่วงปลายเดือน สิงหาคม และเดือนกันยายน ตุลาคม เจ้า
> หน้าที่ของหน่วยงานภัยพิบัติแห่งชาติที่เป็นลูกศิษย์ของพระเกจิอาจารย์(วัดเสาธงเรียง) ที่เพชรบุรี
> เตือนมา และ พระท่านก็ย้ำตอนไปถวายผ้าขาวห่อศพจำนวน 200 ผืน(มีผู้มีจิดศัทธาร่วมบริจาคด้วย)
> ที่วัดที่เพชรบุรีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากท่านได้นั่งสมาธิเพราะท่านเป็นพระปฎิบัติและได้นิมิตว่ามี
> ศพลอยเกลื่อน ซึ่งสอดรับกับหน่วยงานราชการเกี่ยวกับการเตือนภัยพูด ' ท่านเลยขอรับบริจาคผ้าขาว
> ห่อศพ เพราะคนจะตายจำนวนมากครับ และให้เราเตรียมตัว '
> ว่าจะเกิดท่วมและโดนพายุไชโคลนยิ่งกว่าพายุนากิช สอง หรือ สามเท่า และดินริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระ
> ยาจะทรุด (แถวๆ ตึก state Tower) ให้ระวังเรื่องแผ่นดินทรุดน้ำท่วมอย่างฉับพลันด้วยครับ หลัง
> โดนพายุ เข้าทาง ' อ่าวไทย ' น้ำท่วมสูงเท่าตึกสองชั้นครับ 4-6 เมตร
> คิดว่ากรุงเทพปริมณทลคงไม่รอดแน่ รวมถึงจังหวัดที่โดนด้วย
>
> ถ้าขนาดนั้นผมคิดว่าไฟฟ้าคงดับ น้ำประปาคงไม่ไหล ธนาคารไม่เปิด ห้างไม่เปิด ตลาดไม่มีของขาย
> แล้วเราจะทำตัวอย่างไรในภัยพิบัติครั้งนี้ครับเพราะคิดว่าถ้าเกิดจริงก็น่าจะลำบากไปอีกหลายเดือน
> ครับ
>
> การเตรียมการดังนี้ครับ (สำหรับความลำบากเป็นเวลาเดือนหรือ สองเดือน)
> 1. เตรียมแสงสว่าง ซื้อเทียน ไม้ขีดไฟ ตุนไว้ครับไฟฟ้าดับแน่นอน
> 2. เตรียม น้ำสะอาดไว้ดื่ม และ ชำระร่างกาย เช่น ถังน้ำตุนน้ำไว้
> 3. เตรียม ข้าวสาร อาหารแห้ง แก๊ชสำหรับหุงต้ม
> 4. ถุงดำเล็ก ใหญ่ ไว้ทิ้งขยะและปลดทุกข์
> 5. เก็บของขึ้นที่สูงไว้ป้องกันน้ำท่วม
> 6. เตรียมกระสอบทรายไว้กั้นเวลาน้ำจะเข้าบ้าน หรือทรัพย์สิน
> 7. อุปกรณ์ขอความช่วยเหลือ เช่น นกหวีด ชูชีพ
> 8. อยู่ห่างตึกหรืออาคารสูงถ้าเกิดแผ่นดินทรุดครับ
> 9. ติดตามข่าวสารเรื่องภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง
>
> เตรียมตัวไว้ดีกว่าครับถ้าไม่เกิดก็เอาที่ตุนไว้มาใช้มากิน ไม่เสียหาย อาจจะคิดว่าบ้า ไปเชื่อพระ
> แล้ว ที่เจ้าหน้าศูนย์เตือนภัยแห่งชาติเตือนละควรฟังเขาไหม ถึงแม้ว่าเขาคาดการก็ตาม ถ้าจริงขึ้นมา
> ละ คุณๆจะเอาตัวรอดกันยังไงเตรียมตัวไว้ดีกว่าครับไม่เสียหาย ถึงตอนนั้นก็คงต้องช่วยตัวเองและ
> ครอบครัวตัวเองแล้วครับ ถ้าจะให้ดีก็อย่าเดินทางไปแถวชายทะเลกันตอนปลายๆเดือนสิงหาคมละกัน
> ครับอยู่ใกล้บ้านจะได้ช่วยเหลือครอบครัวและทรัพย์สิน
>
> โทรสอบถามเรื่องภัยพิบัติต่างๆในประเทศ
> CALL Center 1860 ทั่วประเทศ
>
เว็บที่รายงานเรื่องแผ่นดินไหวแบบเรียบไทม์ (ทุกๆๆชั่วโมง) ทั่วโลก
> http://www.hdrtnsrs.com/
>
> รายงานแผ่นดินไหวในประเทศ
> http://www.hdrtnsrs.com/Earthquake_local.htm
>
> รายงานแผ่นดินไหวที่ผ่านมานอกประเทศ
> http://www.hdrtnsrs.com/Earthquake_June08.htm
>
> รายงานแผ่นดินไหวของกรมอุตุนิยมวิทยา
> http://www.tmd.go.th/earthquake_report.php
>
> เส้นทางเดินพายุโดยกรมอุตุนิยมวิทยา
> http://www.tmd.go.th/storm_tracking.php
>
> เรดาห์ตรวจสอบอากาศผ่านดาวเทียม
> http://www2.tmd.go.th/radar/
>
> แผนที่อากาศผ่านดาวเทียม
> http://www.sattmet.tmd.go.th/newversion/mergesat.html
>
> อ้างอิงอีกรอบจากหนังสือพิมพ์
> วันพฤหัสบดี ที่ 12 มิถุนายน 2551
> สมิทธ ฟันธง ส.ค.-ต.ค. พายุใหญ่ถล่มประเทศไทย ทำให้กทม.จมบาดาล ระบบประปาพินาศ
>
>
> สมิทธ ฟันธง ส.ค.-ต.ค. พายุใหญ่ถล่มประเทศไทย ทำให้กทม.จมบาดาล ระบบประปาพินาศ คน
> เมืองหลวงไม่มีน้ำใช้ จี้หน่วยงานรัฐเร่งหามาตรการรับมือโดยด่วน ขณะที่อดีตนายกสภาวิศวกรรม
> สถานฯ หวั่น วัดพระแก้ว เสียหายหากเกิดน้ำท่วมพระบรมมหาราชวัง
>
> ดร.สมิทธ ธรรมสโรช
> ผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
>
> การออกมาแจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับ
> ประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครของ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ผู้อำนวยการศูนย์เตือน
> ภัยพิบัติแห่งชาติ ครั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ในการเสวนาเรื่อง แผนรับมือวิบัติภัยในมหานคร
> กรุงเทพ ซึ่งจัดโดยสถาบันพัฒนาเมื อง กรุงเทพมหานคร การเสวนาครั้งนี้มี นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน
> ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ศ.ดร.ปณิธาน ลักคุณะประสิทธิ์ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมแผ่น
> ดินไหวและการสั่นสะเทือน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นายต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสภา
> วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมเสวนา
>
> ดร.สมิทธ กล่าวว่า จากการศึกษาและติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติมาโดยตลอด พบว่า ภัยพิบัติที่จะ
> กระทบ กทม.และปริมณฑล มีอยู่ 2 ประเภท คือ ภัยที่เกิดจากแผ่นดินไหว และภัยที่เกิดจากน้ำท่วมขัง
> ซึ่งเกิดจากสภาวะโลกร้อน โดยภัยที่เกิดจากแผ่นดินไหวเป็นภัยที่รุนแรงและมีผลกระทบต่อมนุษย์จำนวน
> มาก ทั้งนี้ ประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่มีพลังอยู่ 13 รอย และจากการศึกษาพบว่า หลังจากเกิด
> เหตุการณ์สึนามิ รอยเลื่อนทั้งหมดเกิดรอยร้าวเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ปี 2547 ถึงปัจจุบัน ซึ่งการเกิดรอย
> ร้าวดังกล่าวทำให้อาคารที่โครงสร้างไม่แข็งแรงใน จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ มีโอกาสถล่มลง
> มาได้
>
> ดร.สมิทธ กล่าวต่อว่า ในพื้นที่ กทม.อาจได้ร ั บผลกระทบโดยตรงจากรอยเลื่อน 2 รอย คือ รอย
> เลื่อนศรีสวัสดิ์ และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี หากเกิดแผ่นดินไหวซ้ำขึ้นมาอีก เชื่อว่าจะ
> ส่งผลให้เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ์แตก และทำให้น้ำปริมาณกว่า 17 ล้านลูกบาศก์เมตร
> ไหลทะลักเข้าสู่ จ.ราชบุรี จ.นครปฐม และ กทม.
>
> 'กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนดินเลน เมื่อได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวแล้ว ระยะสั่นสะเทือนจะขยายตัว
> 2-3 ริกเตอร์ ทำให้อาคารที่สูงไม่เกิน 6 ชั้น อาจแตกร้าวและพังทลายลงมา ส่วนอาคารสูงไม่น่า
> เป็นห่วง เพราะวิศวกรได้ออกแบบอาคารไว้รองรับอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศไทยไม่มี
> ความพร้อมในการรับมือกับแผ่นดินไหว โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือกรณี
> เกิดภัยพิบัติ หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงอาจทำให้เกิดความเสียหายมาก' ดร.สมิทธ กล่าว
>
> ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า ภัยที่เกิดจากน้ำท่วมขัง เนื่องจากสภาวะโลกร้อนขึ้น
> นั้น จากสถิติไม่เคยปรากฏมาก่อนว่าพายุที่เกิดในมหาสมุท ร อินเดียจะมีแรงลมสูงมากถึงขนาดเป็น
> ไซโคลน แต่ตอนนี้เกิดขึ้นแล้ว คือ พายุไซโคลนนาร์กีส ซึ่งมีความเร็วลมสูงถึง 140 กิโลเมตรต่อ
> ชั่วโมง และเมื่อขึ้นฝั่งในลุ่มน้ำอิระวดีในพม่า แรงลมสูงสุดถึง 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความ
> รุนแรงถึงระดับ 4
>
> 'ผมขอทำนายว่าในเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคมนี้ จะมีพายุขนาดใหญ่พัดถล่มประเทศไทย ทางด้าน
> อ่าวไทย ไล่ตั้งแต่ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.เพชรบุรี เข้ามา ซึ่งอาจทำให้เกิดปรากฏการณ์
> สตรอม เสิร์ช (Strom Search) หรือ น้ำทะเลยกตัวสูงขึ้น ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะทำให้น้ำทะเล
> ไหลเข้ามาถึงบริเวณปากอ่าวเจ้าพระยา และเข้าท่วมพื้นที่ กทม. โดยกว่าจะไหลย้อนกลับสู่ทะเลต้อง
> ใช้เวลานานกว่า 2-3 สัปดาห์ และหากท่วมเหนือคลองประปา จะทำให้ประชาชนไม่มีน้ำในการ
> อุปโภคบริโภค' ดร.สมิทธ กล่าว
>
> ด้าน นายต่อตระกูล กล่าวว่า มีความเป็นห่วงว่าหากเกิดน้ำท่วมใหญ่ขึ้นจริงจะทำให้อาคารและสิ่งปลูก
> สร้างที่สำคัญหลายแห่งเสียหายโดยเฉพาะวัดพระแก้ว ซึ่งก่อสร้างในสมัย ร ัชกาลที่ 1 ไม่ได้มีการฝัง
> เสาลงดิน หากเกิดน้ำท่วมในพื้นที่พระบรมมหาราชวังก็จะทำให้เสื่อมความแข็งแรงลงอย่างรวดเร็ว
>
> หลังการเสวนา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง ดร.วัฒนา กันบัว ผู้อำนวยการฝ่ายอุตุนิยมวิทยาทะเล กรม
> อุตุนิยมวิทยา เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดพายุใหญ่พัดถล่มประเทศไทยตามที่ ดร.สมิทธ กล่าว
> ในการเสวนา ดร.วัฒนา ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ช่วงเดือนสิงหาคม - ตุลาคม อาจจะเกิดพายุ
> ใหญ่ถล่มประเทศไทย เพราะช่วงดังกล่าวเป็นช่วงฤดูฝน อยู่ระหว่างช่วงลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัด
> เข้าประเทศไทย จากสถิติที่ผ่านมาพบว่าช่วงดังกล่าวมีพายุพัดถล่มประเทศไทยมาแล้วหลายครั้ง อย่าง
> เช่น พายุไต้ฝุ่นเกย์ พายุไต้ฝุ่นลินดา ที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อนก็เกิดขึ้น
> ในช่วงนี้
>
> ดร.วัฒนา กล่าวต่อว่า สภาวะโลกร้อนอาจส่งผลให้ความรุนแรงของพายุเพิ่มมากขึ้นจากเดิมถึง 2
> เท่า หากพายุพัดเข้าสู่พื้นที่ที่เป็นเมืองก็อาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะหากพายุ
> เคลื่อนเข้าประเทศไทยทางฝั่งภาคตะวันออกจะทำให ้ เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ กทม.โดยตรง ซึ่งมี
> ความเป็นห่วงว่า หากมีพายุพัดเข้าบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาจะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้
> แก่ กทม. เนื่องจากขณะนี้แม้จะมีการสร้างเขื่อนกั้นริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยาในหลายจุด แต่การสร้าง
> เขื่อนที่ผ่านมาทำเพื่อรองรับปัญหาน้ำท่วมที่เกิดจากน้ำเหนือไหลหลาก ไม่ได้มีไว้รองรับพายุที่พัดเข้ามา
> ทางปากแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้บริเวณปากแม่น้ำยังไม่มีการก่อสร้างเขื่อน หากเกิดพายุพัดกระหน่ำ
> จริง เขื่อนที่มีอยู่ก็ไม่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมได้
>
> ดร.วัฒนา กล่าวด้วยว่า มีความเป็นห่วงว่าหากช่วงเวลาที่เกิดพายุตรงกับช่วงที่ระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุด
> จะยิ่งทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวอาจทำให้เกิดคลื่นขนาดยักษ์พัด
> กระหน่ำบริเวณชายฝั่ง หากอาคารบ้านเรือนตามแนวชายฝั่งไม่แข็งแรงก็จะสร้างความเสียหายร้าย
> แรงทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยามีการติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด
> ซึ่งจะแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมความพร้อมไว้ด้วย โดย
> เฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอพยพผู้ประสบภัย เพราะขณะเกิดเหตุภัยพิบัติหากมีการอพยพ
> ประชาชนออกจากพื้นที่ประสบภัยได้รวดเร็ว ความเสียหายต่อชีวิตของประชาชนก็จะลดน้อยลง