สำหรับความเห็นผม ผมเห็นว่า สำหรับผู้ถูกกล่าวหาแม้จะถูกชี้ว่ามีมูล แต่อย่างไรก็ดีคดีนี้ยังไม่ถือว่าเป็นอันสิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาก็ไม่ได้หลบหนีหรือกระทำการอันให้เห็นว่า พยายามจะทำลายหลักฐานต่าง ๆในคดี เพราะฉะนั้นการไปบังคับให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดทำงาน หรือธุรกิจที่ได้ทำอยู่ ย่อมเกิดความเสียหาย กับผู้กล่าวหา
หลังจากนั้นในอณาคต ถ้าเกิดคดีความที่ดำเนินต่อไปในภายภาคหน้า ผู้ต้องหากลับชนะคดีขึ้นมา ทางคณะกรรมาธิการ การพัฒนาการเมือง การสื่อมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน จะสามารถรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตน และต่อความเสียหายของผู้ถูกกล่าวหา และชดเชยในส่วนนั้นไหวหรือไม่ เพราะมูลค่าความเสียหายนั้นไม่ไช่น้อยเหมือนกัน
ที่ผ่านมาสังคมไทยมักทำให้ผู้ถูกกล่าวหาเสียหายไปก่อน สุดท้ายพอเขาชนะคดีก็เพิกเฉยต่อความเสียหายของผู้ถูกกล่าวหา ก็หมือนกับเสียหายฟรี ๆ นั่นก็ไม่ยุติธรรมเหมือนกันนะ
