
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมภาษี เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ได้สั่งการให้กรมภาษี 3 กรม คือกรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิตบูรณาการระบบฐานข้อมูลผู้เสียภาษีร่วมกัน เพื่อให้การจัดเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยกระทรวงการคลังพร้อมจะสนับสนุนทั้งงบประมาณและการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ ซึ่งนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังก็เห็นด้วย ว่าหากสามารถเพิ่มรายได้ได้มากขึ้นอย่างที่มีการเสนอก็ควรจะสนับสนุน
"มีคำสั่งไปแล้ว ว่าเราอยากจะบูรณาการกรมจัดเก็บภาษีทั้ง 3 กรมให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทุกวันนี้ต่างคนต่างมีกองกำลังของตัวเอง แล้วเป็นความลับเหลือเกิน ตอนนี้ทางกรมสรรพากรคิดระบบมาแล้ว แต่ผมไม่อยากให้เกิดผลเฉพาะกับสรรพากร อยากให้ลิงก์กับกรมสรรพสามิต และกรมศุลกากรด้วย ก็มีการตั้งคณะทำงานไปแล้ว เขากำลังทำ จะรายงานเข้ามา ว่าจะต้องลงทุนเท่าไหร่ จะรีเทิร์นกลับมาเท่าไหร่ ก็สั่งการไปแล้ว รมว.คลังก็เห็นด้วย พร้อมจะลงทุนทั้งระบบและบุคคล ถ้าการได้คืนมามีเหตุมีผล" นายทนุศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ นายทนุศักดิ์ยกตัวอย่างการบูรณาการข้อมูลร่วมกันว่า อย่างเช่นเมื่อมีสินค้าลงเรือมาผ่านทางกรมศุลกากร ซึ่งกรมสรรพสามิตก็ได้ภาษีด้วย โดยสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลที่ใช้ร่วมกันได้ ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงานจะทำข้อตกลงร่วมกัน เบื้องต้นอาจจะมีชั้นความลับ ว่ากรณีผู้เสียภาษีรายใด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอีกกรมก็อาจจะเข้าถึงข้อมูลได้เฉพาะกรมที่เกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ดี ในระดับผู้บริหาร ไม่ว่าจะปลัดกระทรวง รัฐมนตรี ไปจนถึงนายกรัฐมนตรีก็ต้องเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดได้
รมช.คลังยืนยันว่า กรณีกรมสรรพากรได้ขออัตรากำลังคนมากว่า 2 พันคน ขณะเดียวกันก็ของบประมาณมากว่า 2 พันล้านบาท เพื่อลงทุนระบบแมตชิ่งใบกำกับภาษีนั้น ก็พร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว โดยจริง ๆ แล้วที่ผ่านมาไม่ใช่ว่ากรมสรรพากรถูกตัดงบประมาณดังกล่าว เพียงแต่ยังไม่ได้อนุมัติเท่านั้น เพราะต้องการให้เสนอแผนมาให้เห็นตัวเลขที่ชัดเจนว่า หากลงทุนไปแล้วจะมีรายได้กลับมาในแต่ละช่วงอย่างไร ซึ่งต้องทำรายละเอียดมาให้ครอบคลุม ทั้งตัวเลขที่แสดงเป็นสัปดาห์ เป็นไตรมาส และราย 6 เดือน ไม่ใช่บอกแค่ว่า ถ้าลงทุนแล้วอีก 3 ปีจะได้ 3 ล้านล้านบาท
"วันนี้เราจัดเก็บได้ 1.8 ล้านล้าน แต่ถ้าระบบที่ว่าจะทำให้ได้เพิ่มอีก 50% งบขาดดุลเราก็จะไม่มีแล้ว แล้วก็จะมีเงินเหลืออีก 9 แสนล้านด้วย ถ้าทำได้จริงนะ เขาบอกจะได้เพิ่มเท่านึง แต่ผมบอกแค่ครึ่งหนึ่งพอ ซึ่งเขาขอมากว่า 2 พันล้านบาท ผมบอกว่า 5 พันล้านบาทก็ให้ได้ ใครจะไม่ให้ ถ้าคุณไปหาเงินได้อีกเป็นแสนแสนล้าน ตอนนี้ก็ให้เขาไปทำรายละเอียดอยู่ ผมบอกว่า ไม่ต้องกังวลตัวเลข เอาความจริงมาพูดกัน ว่าจริง ๆ แล้วจะได้มาด้วยอะไร เอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน ไปดูงานที่จีน เกาหลีมา เขาทำกันแล้วประสบความสำเร็จได้อย่างไร" นายทนุศักดิ์กล่าว
รมช.คลังกล่าวด้วยว่า นโยบายของตน คือจะต้องเน้นทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ และขยายฐานภาษีโดยใช้ระบบที่ทันสมัยมาช่วย เพื่อให้จัดเก็บรายได้ภาษีได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยขึ้น
ขณะที่กรมศุลกากรระบุว่า ได้ขออัตรากำลังเพิ่มไว้กว่า 400 อัตรา เพื่อรองรับการขยายด่านศุลกากรตามแนวชายแดนทั่วประเทศ รวมถึงการกลับมาเปิดด่านศุลกากรที่สนามบินดอนเมือง
เครดิต
http://goo.gl/J3wy3 