
ก่อนอื่นผมต้องออกตัวก่อนว่า ผมไม่อยากจะเชื่อว่า "ผี" มีจริง ผมเคยอยู่วัด อาศัยอยู่กับพระก็นานเป็นปี เห็นสภาพคนตายก็หลายรูปแบบ ได้ยินแต่คนร่ำลือ ว่า วัดที่ผมอยู่นั้น แรงอย่างนั้น อย่างนี้ ผมคิดในใจ อยากจะบอกว่า ไร้สาระสิ้นดี มีแต่อุปทานมากกว่าเหตุผล เราอยู่มาเป็นปีปี ไม่เคยเห็นที่จะมีจะเจอ แต่!!!!!!!! ว่าในคืนวันนึง มันมีเหตุการณ์บางอย่างที่อธิบายไม่ได้ ว่าสิ่งที่ผมพบเจอนั้น เค้าเรียกว่าอะไร คืนนั้น ที่กุฏิ ที่เกิดเหตุ ซึ่งก็เป็นที่ที่นอน ของผมอยู่มาตั้งเป็นปีปี และด้วยความเคยชิน คืนนั้น ราว 4ทุ่ม กุฏิเป็นทรงไทย ชั้นล่างยกสูง ด้านหลังเป็นป่าทึบ แน่นอนล่ะ ถึงแม้ผมจะชินสถานที่ยังงัย ผมก็ไม่กล้ามองลอดกุฏิแน่ แม้ผมจะมีหลักการทางวิทยาศาสตร์มากแค่ไหน มันก็เป็นแค่กุศลโลบายปลอบใจตัวเอง และผมก็ยังหวั่นๆ เพราะในใจลึกๆกันสิ่งที่มองไม่เห็น หรือแม้เราจะคิดไปเอง มันก็ยังหลอนๆในใจอยู่เสมอ....
"หลวงพี่ ๆ หลวงพี่!" ผมเรียก พระที่อยู่ในกุฏินั้น หวังว่าให้เปิดประตู เพื่อที่ผมจะได้เข้าไปหลับนอนบ้างตามปกติ แต่ว่าในคืนนั้นแปลกที่ กุฏิทั้งหลัง เปิดไฟ แต่ว่ากลับไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวจากภายใน เอ๊ะ...........?? ชักแปลกแฮะ กลอนก็ล็อคจากด้านในนี่นา ด้วยความเคยชิน ปนสงสัย ผมเลยหาช่องทางที่จะมองลอดเข้าไปภายใน นั่นก็คือ ร่องประตูที่ยกลอยขึ้นจากพื้นประัมาณ 1 นิ้ว !! ผมพยายามที่จะมองลอดช่องประตูเข้าไปภายใน และพยายามที่จะเลี่ยงไม่มอง อะไรก็ตามที่อยู่ภายใต้กุฏิทรงไทยนั้น เพราะว่ามันทั้งมืดมิดและน่าหวั่นไหวเหลือเกิน และเหตุการณ์ที่ผมจะเจอนับจากนาทีนั้น ทำให้ผมไม่ลืมอีกเลย มาถึงวันนี้ ......................
.......................
....................... คุณคงคิดว่า ผมจะเจออะไรใต้กุฏิใช่ไหม......................??
....................................
....................................................สิ่งที่ผมหวั่นมาตลอด กลับไม่ใช่สิ่งที่อยู่ใต้กุฏิ เพราะสิ่งนั้น มันมีแต่ความืดมิดแม้สายตาจะชินกับกลางคืน มันก็ยังมืดมิดอยู่อย่างนั้น แต่สิ่งที่ผมไม่ลืม กลับอยู่ในแสงไฟ และมันชัดเจนเกินกว่าจะลืม ...........................
.............................................ผมมองลอดช่องประตู มองเสยขึ้นไป เห็น!!!!!! . . .. .. .. . . .. ชายผ้าซิ่น ผมก็ไม่ได้แอะใจอะไรนักนะ
จึงมองไล่ขึ้นไปอีก ผมเห็น!!!!................................... ผม ผม ผม ผม เส้นที่ยาวมาก ยาวมากเกือบจรดพื้น แต่ก็ยังไม่วายมองขึ้นไปอีก
.........
................
................................ มันเป็นสไบ เฉียง สีเขียว ผมอยากบอกว่า เวลาที่ผมเห็นนั้น มันเกิดขึ้นเพียงแว๊บเดียว เสี้ยววินาทีเท่านั้น ย้ำ!! ว่าแป๊บเดียวเท่านั้น แต่มันดูเหมือนชั่งยาวนานเหลือเกิน เพราะดันไปจำรายละเอียดได้ เกือบหมดเลย สไบเฉียงนั้น เป็นผู้หญิงครับ แต่!!!!!
เป็นผู้หญิงที่ไม่มีแม้แต่ใบหน้า และก็ขาวซีดซะเหลือเกิน ถ้าเป็นคุณ ผมอยากให้คุณได้อยู่ทักทายทำความรู้จักกับเธอนานๆ แต่ ณ ขณะนั้น ผมวิ่งกลับทางเดิมอย่างไม่คิดชีวิตเลยทีเดียว เหตุการณ์นี้ เกิดเมื่อปี 2538 ก็ 10กว่าปีแล้วครับ ตอนนั้น หนังแนวผีสยองของคนไทยยังไม่มีเทคนิค ผีไทยหน้าขาวแบบจนไม่มีแม้แต่ใบหน้าเลยนะ สมัยนั้นมีแต่ผีหน้าตาเละเละ แต่ผมมาเห็นวิวัฒการหนังผีสมัยใหม่ เป็นผีที่สมจริงมากขึ้น ที่ผมกล้าบอกว่า สมจริงก็เพราะว่า บรรดาผีไทยที่หน้าขาวว่อก จนมองไม่เห็นแม้แต่หน้าตานั้น มันมีจริง!!!!! อย่างที่ผมเคยประสบมานั้นงัยครับ ผมยังแอบคิดว่า พวกที่ทำผีออกมาสงสัยเคยเจอ.....ส่วนผม โธ่เอ๊ย อยู่ด้วยกันที่ กุฏิหลังเดียวมาตั้งนานไม่น่าทำกันได้ จากนั้นผมก็ ย้ายไปอยู่ หอพักนักเรียน ข้างๆแทน มีบรรดา เด็กฝากเรียนอยู่หลายคน สนุกครับ ไม่เหงาเหมือนตอนอยู่ กุฏิหลวงพี่.............
..............
................................. แต่!!!!!!! อยุ่มาไม่นานผมก็เห็นอีกแล้ว คราวนี้ ..................... อธิบายด้วยหลักการณ์วิทยาศาสต์ไม่ได้เลยครับ แต่คราวนี้ผมไม่กลัวเหมือนตอนแรก แถมยังคิดจะเลิกมุ้งออกไปทักทายด้วยซ้ำนะ ที่ผมอุ่นใจ เพราะมีคนนอนข้างๆผม หลายคน เพียงแค่ทุกคนหลับหมด มีผมคนเดียวที่ยังตื่น ผมเห็น!!!! เงาครับ เงาคนนี่แหละ เงาที่ไม่มีเจ้าของเงา เงาเดินได้เอง มันเดินทะลุประตูเข้ามาครับ แล้วก็เดินหายเข้าไปยังห้องข้างๆ สิ่งโปร่งแสงนั้น หายเข้าไปสักพัก ก็กลับออกมา ทะลุออกไปทางเดิม โอ้ว!!!!! ยังงงกับเหตุการณ์นั้น ถึงวันนี้
..................
............................. ทุกอย่างย่อมมีที่มาใช่มั๊ยครับ ผมจึงหาข้อมูลลับ................
จึงรู้ว่า ผีบนกุฏิที่ผมเห็น คือผีนางไม้ และอาศัยอยู่ในขอนไม้ที่เป็นเสาเรือนนั้น นานแล้วครับ เสาตกน้ำมันชุ่มเลย มีผ้าด้ายแดงผูกมานานแล้วครับ ซึ่งผมเ้องก็รู้ดี แต่ด้วยความเคยชินที่อยู่มานาน อยู่จนไม่คิดอะไร?

พระเก่าท่านว่ามาอย่างนั้น แต่ไม่บ่อยนักที่จะมีใครเห็น งั้น!!
แสดงว่าผมโชคดี!!?? อ่ะสิ
..............................
.......................................... ต่อมา คือ ผีเงา่ ตนนั้น ก็คือ ผีเฝ้าบ้านร้างข้างๆครับ เมื่อก่อนแกเคยเป็น เด็กวัดมาก่อน แล้วตายไปนานมากแล้ว ลักษณะพิเศษของแก คือเตี้ย และเดิน ค่อมๆ ซึ่งมันตรงกับที่ผมเห็นเงาเดินนั้นเลยทีเดียว และผีตนนี้ คนเห็นบ่อยครับ ชนิดที่ว่า ใครที่สุงสิงกะวัดนั้น เห็นกันหมด ไม้เว้นทั้งพระทั้งเณร หรือแม่ครั้วกันเลยทีเดียว...
แล้วคุณล่ะ!!!!!
เคยเจออะไรแปลกแบบผมมั่งไหม!!...