PHP แต่เดิมย่อมาจาก Personal Home Page แต่ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นย่อมาจาก PHP Hypertext Preprocessor ครับ แต่ก่อนจะอธิบายต่อไปก็คงต้องพูดถึง PHP ว่ามันมีความสำคัญยังไง และทำไมเราต้องให้ความสนใจมันด้วย
เคยได้ยินคำว่า Dynamic Web pages ไหมครับ? Dynamic แปลว่า ไม่อยู่นิ่ง มีการเคลื่อนไหว เมื่อเอามารวมกับ Web pages แล้ว ความหมายก็จะออกมาเป็น Dynamic Web pages ก็คือ เว็บเพจที่ไม่อยู่นิ่งและมีการเปลี่ยนแปลง
เอ๊ะ? หมายความว่าเว็บเพจมันเปลี่ยนแปลงตัวเองได้รึ? ก็ใช่ครับ มันเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่มีการตอบโต้กับผู้ใช้หรือคนที่เข้ามาดูเว็บนั่นเองครับ ส่วนมันจะเปลี่ยนแปลงหรือตอบโต้กับผู้ใช้ยังไงนั้นก็แล้วแต่คนที่ทำเว็บจะกำหนดไว้ครับ
ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์พวก E-Commerce ซื้อขายสินค้าต่างๆ ตัวอย่างก็คือ Amazon.com ที่ขายหนังสือ เมื่อเราสั่งหนังสือไปแล้ว มันจะทำการแสดงรายชื่อหนังสือพร้อมยอดเงินทั้งหมดให้เราดู และเว็บไซต์พวก Search Engine ต่างๆ นั่นก็จัดเป็น Dynamic Web pages เช่นกันครับ เมื่อคุณกรอกคำที่ต้องการค้นหาลงไปแล้ว มันก็จะแสดงผลออกมาให้ดูใช่ไหมครับ นั่นแหละครับเป็น Dynamic Web pages แท้ๆ เลย
นอกจาก Dynamic Web pages แล้วเคยได้ยินคำว่า Static Web pages ไหมครับ? ถึงคุณจะตอบว่าเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก แต่ผมบอกได้เลยว่าคุณน่าจะเคยสัมผัสหรือเข้าไปดูเว็บลักษณะนี้มาบ้างแล้ว ก็คือเป็นเว็บเพจที่เป็นยังไงก็เป็นอยู่อย่างนั้นไงครับ

ไม่มีการโต้ตอบกับคนดู เพราะ Static แปลว่า คงที่ครับ เช่นเว็บพวกเอกสารสำคัญ เอกสารวิชาการต่างๆ
แต่เว็บเพจหลายๆ แห่งก็จัดว่าเป็น Static Web pages แต่ผู้สร้างใช้เทคนิคของ Dynamic Web pages มาสร้างได้เหมือนกันนะครับ เอ... แล้วอย่างนี้เว็บเพจที่มีเว็บมาสเตอร์คอยปรับปรุงข่าวต่างๆ ให้ทันสมัยอยู่ตลอดละครับ? เช่นมีการเปลี่ยนข่าวในหน้าแรกเป็นประจำอยู่ทุกๆ วัน เว็บเหล่านี้เป็น Dynamic หรือ Static Web pages ครับ? ลองคิดดูนะครับ
ทีนี้ Dynamic Web pages มันให้ประโยชน์ยังไง? เป็น Static Web pages อยู่ดีๆ แล้วทำไมต้องมาทำให้เป็น Dynamic ด้วย? ลองคิดถึง Amazon.com อีกทีนะครับ สมมติว่ามันเป็น Static Web pages แบบที่เรียกว่าไม่มีระบบฐานข้อมูลอะไรเลย ทุกอย่างถูกบันทึกอยู่ในกระดาษล้วนๆ เมื่อมีการรับคำสั่งซื้อหนังสือผ่านเว็บฟอร์ม พอคุณสั่งซื้อหนังสือเสร็จแล้ว ก็มีข้อความตอบมาทางเว็บว่า ขณะนี้เราได้รับคำสั่งซื้อของคุณแล้ว และพนักงานของเรากำลังทำการตรวจคำสั่งซื้อของท่าน เมื่อพนักงานเราทำการตรวจสอบเสร็จแล้วเราจะแจ้งกลับไปทาง email ที่ท่านให้มาอีกครั้งหนึ่ง
เบื้องหลังฉากการทำงานลักษณะนี้อาจจะเป็นดังนี้ครับ พนักงานคนหนึ่งนำคำสั่งซื้อของคุณที่พิมพ์ออกมาจากเครื่องพิมพ์ ตรวจสอบดูว่าคุณสั่งซื้อหนังสืออะไรมาบ้างและคุณสั่งมาอย่างละกี่เล่ม แล้วนำไปเช็คดูในคลังสินค้าว่ามีหนังสือตามที่คุณสั่งมาหรือเปล่า แต่ละเล่มราคาเท่าไหร่ คุณให้เค้าส่งให้แบบไหน? ธรรมดาหรือด่วน? ต้องบวกค่าขนส่งเข้าไปอีกเท่าใด เมื่อรวมภาษี เข้าไปแล้วยอดรวมเป็นราคาเท่าไหร่? แล้วพนักงานคนนี้ก็จัดแจงส่ง email แจ้งยอดรวมทั้งหมดตอบคุณกลับมา ทั้งหมดนี่อาจใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงหรือเป็นชั่วโมงหรือเป็นวันๆ ขึ้นอยู่กับคำสั่งซื้อของคุณและของคนอื่นๆ ที่สั่งเข้ามาพร้อมๆ กันว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหน จะเห็นว่าใช้เวลาค่อนข้างมาก แน่นอนว่าการตรวจสอบใช้เวลามากๆ แบบนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อธุรกิจครับ
แล้วในเมื่อปัจจุบันเรามีระบบคอมพิวเตอร์ มีระบบฐานข้อมูลอยู่แล้วทำไมเราจึงไม่นำมาใช้ เมื่อใครคนหนึ่งคิดได้ดังนั้น ก็เลยมีการเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลกับเว็บเพจเกิดเป็น Database-driven Web pages ขึ้นมาไงครับ
ขอย้อนกลับมาที่ระบบสั่งซื้อหนังสืออีกครั้งหนึ่งครับ เมื่อมีการนำระบบฐานข้อมูลเข้ามาใช้ร่วมกับเว็บเพจ ในระบบฐานข้อมูลก็จะมี รายชื่อหนังสือ ชื่อผู้แต่งของหนังสือแต่ละเล่ม ปีที่ตีพิมพ์ สำนักพิมพ์ ราคาและปริมาณที่มีอยู่ในคลังสินค้า อะไรอย่างนี้เป็นต้นครับ ทีนี้เมื่อมีการสั่งซื้อผ่านเว็บเพจเข้ามา คอมพิวเตอร์ก็จะทำการตรวจสอบ คิดราคา คิดยอดเงินทั้งหมด แล้วแจ้งผลให้คุณทราบผ่านทางเว็บเพจหลังจากที่คุณทำการสั่งซื้อแล้วทันที สะดวกและรวดเร็วกว่าขั้นตอนแรกไหมครับ และวิธีการในลักษณะนี้ก็ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย เพราะไม่ต้องมาจ้างคนจำนวนมากมาคอยตรวจสอบความถูกต้องของคำสั่งซื้อ
แล้ว PHP เข้ามาเกี่ยวข้องตรงไหน? เกี่ยวตรงที่เราสามารถสร้าง Dynamic Web pages ได้จาก PHP ไงครับ เราสามารถใช้ PHP สร้างเว็บเพจที่มีการโต้ตอบกับผู้ใช้ สามารถกำหนดให้มีการแสดงผลบนเว็บได้แตกต่างกันไปตามแต่ผู้ใช้ต้องการ และเราสามารถใช้ PHP ในการติดต่อกับระบบฐานข้อมูลต่างๆ เพื่อสร้างเป็น Database-driven Web pages ขึ้นมาได้เช่นกัน
PHP เป็น Server-side scripting language คือในทุกๆ ครั้งก่อนที่เครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งให้บริการเป็น Web Server จะส่งหน้าเว็บเพจที่เขียนด้วย PHP ให้เรา มันจะทำการประมวลผลตามคำสั่งที่มีอยู่ให้เสร็จเสียก่อน แล้วจึงค่อยส่งผลลัพธ์ที่ได้ให้เรา ผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็คือเว็บเพจที่เราเห็นนั่นเอง
ถึงตอนนี้ หากคุณเริ่มจะสนใจ PHP แล้ว ผมอยากให้คุณทราบว่า PHP เป็นภาษาที่ง่ายต่อการเรียนรู้ ยิ่งถ้าคุณมีความคุ้นเคยกับภาษา C หรือ Perl Script ก็จะยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ เพราะ syntax คล้ายกันมากนั่นเอง และหากคุณใช้ PHP เขียนเว็บเพจแล้วเกิดปัญหาหรือข้อสงสัย คุณก็สามารถที่จะสอบถามไปยังผู้ใช้ PHP ที่มีอยู่จำนวนมากมายทั่วโลกได้ คนไทยเองก็ใช้ PHP กันค่อนข้างมากนะครับ จะเห็นว่าในปัจจุบันมีหนังสือเกี่ยวกับ PHP ออกวางจำหน่ายหลายเล่ม และถ้าคุณลองค้นหารายละเอียดของผู้ให้บริการ Web hosting ต่างๆ แล้ว ก็จะเห็นว่าหลายๆ แห่งจะมี PHP หรือ ASP ให้เลือกใช้ ครับ
ในเมื่อ PHP เป็นที่นิยมกันขนาดนี้แล้ว จะลองศึกษากันสักนิดดีไหมครับ
THX Concept