DJ_tanawat30

มา ฮา อันนี้อะ

ตั้งใจครับป๋า เดี๋ยวนี้มีความสุขแล้วชีวิตมอิสระอยากทำอะไรก็ได้ทำในสิ่งที่ได้ทำไม่ต้องผูกมัดตนเองไว้กับเวลา ไม่เหมือนเมื่อก่อน
แต่่ชีวิตที่เป็นอิสระนี่แหล่ะทำให้ต้องรับผิดชอบต่อตนเองมากขึ้น การจะบังคับตนให้เอาชนะกิเลสทั้งปวงก็ยากขึ้นด้วย เพราะไ/ม่มีคน
มาคอยสอดส่องทำให้เอาชนะตนเองได้ยากกว่าแต่ถ้าทำได้ก็เป็นของจริง ผิดกับพระที่มีฆราวาสค่อยเพ่งมองอยู่ บางที่ทำได้ก็ต้องเสแสร้ง
เพื่อให้ตนเป็นที่ศรัทธาจากฆราวาส ท้ายสุดเมื่อตนฝืนทำจึงมีคำว่าตะบะแตกแล้วก็สิ้นสภาพการเป็นนักบวชถูกจับศึกดังที่เป็นข่าวในที่สุด
การบำเพ็ญเพียรในเพศฆราวาสจึงทำได้ยากกว่า เพราะไม่มีกรอบการไม่มีกรอบนี่เองทำให้ต้องสร้างกรอบให้กับตนเอง แล้วเรื่องนี้แหล่ะที่ผม
จะเขียน
การบวชในสมัยพุทธกาลคือการที่พระจะต้องสละการครองเรื่อนเพื่อที่จะลดภาระรับผิดชอบในผู้อื่นลงไป ฉะนั้นสิ่งที่ผมเขียนมาไม่ผิดหรอก
เพราะถ้าพระไม่บวชแล้วยุ่งกับครอบครัวญาติพี่น้องก็เอาชนะกิเลสยาก แต่เดี๋ยวนี้วัตถุึประสงค์ของการบวชผิดกัน คือมุ่งเน้นเพื่อเผยแพร่พระธรรมมากกว่า
การเข้าถึงอริยสัจ 4 แล้วนำไปสู่ทางพ้นทุกข์ ชีวิตก็ไม่เป็นอิสระแถมยังมีลาภสักกะระจากเครดิตที่มีเหนือฆราวาสทำให้ตกอยุ่กับบ่วงนั้น
ในที่สุดสภาพที่เกิดขึ้นมันฟ้องกันเห็น ๆ มีพระที่ปฏิบัติเดี๋ยวน้ก็น้อยแล้ว นี่คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
