การเปิดร้านกาแฟแม้จะดูน่าสนใจและเป็นธุรกิจยอดนิยม แต่ก็มีปัญหาและความท้าทายหลายประการที่ควรพิจารณา
ดังนี้ :
1. การแข่งขันสูงมาก
ร้านกาแฟมีจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้ต้องแข่งขันกันอย่างรุนแรง ทั้งในด้านรสชาติ บรรยากาศ และราคา
(แบรนด์ที่ควบคุมตั้งแต่ต้นน้ำ ย่อมได้เปรียบเรื่องของต้นทุนเมล็ดกาแฟ ช่วงหลัง จึงเห็นหลายแบรนด์ เริ่มซื้อสารกาแฟ และศึกษาการคั่วกาแฟเอง หรือ ไร่กาแฟบางแห่ง ก็เปิดคาเฟ่เอง ย่อมได้ต้นทุนที่น้อยกว่า ร้านเล็กๆ ที่ซื้อเมล็ดกาแฟปลายทาง)
2. ต้นทุนเริ่มต้นและดำเนินการสูง
ค่าเช่าสถานที่ อุปกรณ์ เครื่องชงกาแฟ วัตถุดิบ และค่าจ้างพนักงานล้วนมีค่าใช้จ่ายสูง
(บางโลเคชันเห็นว่าขายดี จะมีการขึ้นค่าเช่า หรือหนักกว่านั้น เจ้าของที่ให้ออกจากพื้นที่ แล้วมาเปิดขายเอง
อีกเรื่องสำคัญ คือ พนักงาน เจอคนซื่อสัตย์ตั้งใจทำงานถือว่าโชคดีมาก มี 1 ในร้อย ส่วนใหญ่ทำไปวันๆ ป่วยบ่อย ลาบ่อย มาสาย ธุระเยอะ ขอเบิกเงินล่วงหน้า ขาดความรับผิดชอบ)
3. การบริหารจัดการวัตถุดิบ
กาแฟ นม ขนม ฯลฯ มีวันหมดอายุ ต้องบริหารสต๊อกให้ดี ไม่เช่นนั้นจะสูญเปล่า
(ยิ่งร้านที่มีผลไม้สด ต้องจัดการให้ดี บางร้านอาจแก้ปัญหาโดยหั่นแบ่งเป็นถุงเล็กๆ สำหรับต่อแก้ว แล้วนำไปฟรีซทั้งถุง ช่วยยืดระยะเวลา ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในเรื่องตู้แช่แข็งเพิ่มขึ้นมา)
4. ความรู้และทักษะ
ต้องมีความรู้เรื่องกาแฟ การชง การบริหารร้าน และการบริการลูกค้า
(ไม่ใช่แค่ชงอร่อยอย่างเดียวแล้วจะขายดีตลอดไป ถ้าชั่วโมงพีคมากๆ ลูกค้าแน่นร้าน แต่การบริหารแย่ พนักงานหน้าบึ้ง เสิร์ฟผิดเมนู เก็บโต๊ะช้า ลูกค้ารอนาน ย่อมไม่ประทับใจและไม่อยากกลับมาซ้ำ
ความใส่ใจ Service mind ยังสำคัญมาก ทุกยุคทุกสมัย)
5. การตลาดและการสร้างฐานลูกค้า
หากไม่มีการโปรโมตที่ดี ลูกค้าอาจไม่รู้จักร้าน หรือไม่เลือกใช้บริการซ้ำ
(ยุคปัจจุบันที่โซเชี่ยลกลายเป็นปัจจัยที่ 5 คนทำการตลาดเป็น โปรโมทร้านตัวเองเป็น มีสตอรี่น่าติดตาม ย่อมได้เปรียบ เป็นการดึงดูดความสนใจลูกค้าใหม่ๆ แต่จะได้แค่ครั้งแรกเท่านั้น
ส่วนเขาจะกลับมาซื้อซ้ำหรือไม่
หรือ เช็คอินครั้งเดียวจบ ขึ้นอยู่ที่ข้อ 4)
6. ทำเล
ถ้าเลือกทำเลไม่เหมาะ อาจไม่มีคนเดินผ่านหรือไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
(สำหรับร้านคาเฟ่ในเมือง ย่านเศรษฐกิจ ทำเลที่คนพลุกพล่าน เดินผ่านหน้าร้านง่าย ย่อมมีโอกาสทำยอดขายได้ดีกว่า ร้านในซอยลึก แต่หากเป็นคาเฟ่ตามแหล่งท่องเที่ยว ต้องยอมรับความผันผวน ช่วง Low season ที่ยอดขายตกมาก)
7. เวลาทำงานและความเหนื่อยล้า
ผู้ประกอบการมักต้องทำงานตั้งแต่เช้าตรู่จนค่ำ มีความเหนื่อยทั้งร่างกายและจิตใจ
(ต้องอัพเดทเทรนด์ใหม่ตลอดเวลา ยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าแสง แทบจะต้องตื่นตัวกระตือรือร้นอยู่เสมอ จนบางครั้งเจ้าของร้านหลายคน เกิดสภาวะ Burn out และสะสมไปเรื่อยๆ ทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ
การเป็นลูกจ้าง นอกเวลางาน ก็วางลงได้ แต่การเป็นเจ้าของกิจการ ในหัวคิดเรื่องงานแทบตลอด แม้เวลาจะเข้านอน เนื่องจากความรับผิดชอบที่สูงกว่า อาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว)
หากอ่านครบทุกข้อแล้ว
พร้อมรับมือกับมัน
กายพร้อม ใจพร้อม เงินพร้อม
ลงมือเลย
สำเร็จ = ได้เงิน ได้ความภาคภูมิใจ
เจ๊ง = ได้เรียนรู้ ได้ประสบการณ์
ส่งกำลังใจให้คนรักชา กาแฟ ทุกคนค่ะ
Cr. Ngamcheewa Channel
ติดตาม เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับ กาแฟ ที่นี่
https://xn--12caqa4gb9de2bza0g...%B2%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81 
อื่นๆ
