ผมเคยเจอสภาพแบบนี้ครับ กดดันมาก...เครียดทุกวัน ทุกวันไม่อยากไปทำงาน
แต่สิ่งที่ได้จากบริษัทนี้คือ ประสบการณ์ จากคนเก่ง
และมันจะทำให้เราเก่งขึ้น.....ข้อแนะนำของผมคือ ยื้ออยู่ให้นานที่สุดเท่าที่คุณจะทนได้
เมื่อคุณลาออก แล้วไปอยู่ที่ใหม่....ผมรับรองได้เลยว่าคุณจะเป็นคนที่ไม่ธรรมดา สำหรับที่ใหม่แน่นอน
อดทนหน่อยนะครับ เืพื่อประสบการณ์
******************************
สำหรับแนวคิดที่บอกว่า ทำแล้วไม่มีความสุขอย่าทำ หรือจงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะชีวิตเรามันสั้นนัก
บางครั้ง...ผมก็ไม่เห็นด้วยครับ หากการกระทำนั้นได้ประโยชน์กลับมา เช่นประสบการณ์
ซึ่งแน่นอนว่าคุณคงไม่ตกนรกตลอดชีวิตแน่ๆ อย่างมากก็ 2-3 ปี แล้วสิ่งที่คุณได้มา...จะมีคุณค่าอีกหลายสิบปีในอนาคต
ชอบแนวคิดของคุณmetoo55....ถ้าเคยอ่านกำลังภายใน กว่าพระเอกจะได้วิชา ถูกเคี่ยวแล้วเคี่ยวอีก พระเอกเราตอนนั้นก็น้อยใจอาจารย์ หาว่าอาจารย์เอาแต่แกล้ง ทรมาณ นับวันมีแต่เกลียดอาจารย์ แต่ดีที่ยังอดทนฝืนฝึกต่อไป แล้วในที่สุด อาจารย์ถึงมาบอกว่า นี่เป็นแบบทดสอบ และเป็นการฝึกพื้นฐานให้แน่น เพราะวิชาที่จะถ่ายทอดให้ต่อไปนี้เป็นวิชาสุดยอด ถ้าไม่อดทนและมีพื้นฐานที่ดีจะเรียนไม่ได้...สุดท้ายพระเอกเรายอมอดทนฝึกหนักจนได้ยอดวิชามา
เหมือนเพื่อนรักผมคนหนึ่งที่ผมเคยเล่าไว้นานแล้ว...คนโคตรอึด...เรียนมัธยมแบบกลางๆ เรียนจบเทคนิคการแพทย์แล้วไปเรียนต่อ ป.โทซึ่งขึ้นชื่อว่า จากเรียน 20 คนเหลือจบแค่ 4คน...เห็นชัดๆว่าโอกาสสำเร็จแค่ 20%....แต่เพื่อนผมคนนี้มันไม่ยอมแพ้ ยิ่งลำบาก ยิ่งขยัน เคยเห็นมันนั่งในห้องสมุดตั้งแต่ 8โมงเช้าถึง 2ทุ่ม...เห็นบ่อยมาก ถามมันว่าทำอะไรกันนักหนา...มันก็บอกว่า ถ้าไม่ทำแบบนี้ รับรองมีแต่แพ้ คือถูกคัดออก เบื่อไหมนั่งแบบนี้บ่อย ตอนแรกก็เบื่อ เพราะทำอะไรก็ยังไม่คล่องติดๆขัดๆ งานก็ยังไม่เห็นผล แต่เมื่อเวลาผ่านไปหกเดือน มันบอกว่าไม่เบื่อแล้ว เพราะเริ่มทำอะไรคล่องขึ้น งานที่ส่งอาจารย์ก็ถูกตีกลับมาแก้น้อยลง กลับสนุกกับงานค้นคว้า งานอ่านหนังสือมากขึ้น และมันบอกผมว่า ไม่สู้ก็แพ้แน่นอน ถ้าสู้ก็ยังมีโอกาสสำเร็จแม้จะน้อยก็ตาม...เป้าหมายชัดเจนตลอดคือ...เรียนจบ เป็น 1 ใน 4 คนที่รอด
..ผมเคยอ่านที่เอดิสันเคยบอกไว้ว่า ถ้าเมื่อไหร่เราเริ่มบ่นว่าเบื่องาน รู้สึกท้อกับงาน นั่นแสดงว่าเรายังทุ่มเทไม่เต็มที่ เพราะคนที่ทุ่มเทเต็มที่แล้ว เขาจะไม่มีเวลาหรือแรงมาบ่นว่าเบื่อหรือท้อ....