แรงไปนะท่าน สรรพากรก็คน เขาแบ่งเป็นส่วนๆ ทำงานเป็นแผนก ไม่มีส่วนตามเก็บภาษีอย่างที่เขาใจกันนะครับ ไม่ใช้หนี้นอกระบบ แล้วคนที่โดนก็ไม่ใช่ว่าเขาจะตามเก็บตามจับ
ผมในฐานะ ข้าราชการกรมเจ้าหน้าที่สรรพากรตัวเล็กๆ ประจำอยู่ในตัวจังหวัดในภาคอีสานขอบอกกล่าวให้ฟังดังนี้ นะครับ
เริ่มแรก
1. งานวางแผนและกรรมวิธีจะสุ่ม รายขึ้นมาก่อน ว่ารายนี้เคยยื่นมาทุกปี แล้วไม่ยื่นภาษีมา1-2 ปี แล้ว หรือ ปีที่แล้ว ยืนรายได้ 1 แสน เสียภาษี 5 พัน มาปีนี้ ยื่นรายได้ 1 หมื่น ไม่เสียภาษี แบบนี้เรียกว่า ยื่นผิดปกติ งานกรรมก็แจ้งให้ งาน กำกับดูแล ไปตรวจดูว่าทำไหมถึงยื่นผิดปกติ
2. งานกำกับดุแล เมื่อได้รายมาแล้ว จะส่งหนังสือเตือนก่อน หรือ ออกตรวจสภาพร้านค้าแล้วแต่กรณี ว่าผู้เสียภาษีรายนี้ ยังมีกิจการมีงานทำหรือไม่ ถ้าไม่มีงานทำ หรือหาตัวไม่เจอ ย้ายภูมิลำเนาไปจากที่อยู่เดิมแล้ว งานกำกับก็จะแจ้ง งานวางแผนให้ยุติรายนี้ เนื่องจากเลิกกิจการหรือหาไม่พบ
2.2 กรณี งานกำกับดูแลหาพบ ได้พูดคุย ว่าผู้ประกอบการรายนี้ ยังเปิดร้านค้าตามปกติ มีรายได้มาบ้างน้อยบ้างตาม ภาวะเศษรฐกิจ เขาก็จะแนะนำให้ยื่นแบบ และจะดูว่าผู้ประกอบการรายนี้ น่าจะมีรายได้ประมาณวันละเท่าไร ก็จะให้ผู้ประกอบการมาดุหลักฐานว่าบริษัทอื่นที่จ่ายค่าแรงให้เราเขาส่งค่าแรงมาเท่าไร ดังนั้นคนที่โดนส่วนมากจะไม่ยื่นภาษีหรือขาดยื่น 1-2 ปี ภาษีที่เสียน้อยครับ แต่ที่มากคือค่าปรับ คือ ยอดภาษี คูณด้วย 1.5 คูณด้วยเดือนที่ขายยื่น 1ปี 12 เดือน ก้คูณไป ว่าขาดกี่เดือน มันแยะตรงนี้ ครับ เช่น มีรายจ่ายเท่าไร บอกมีแยะแยะเดือนละ 10,000 แล้วรายได้ละ ..ขายไม่ดี ได้เดือนละ 5-6 พัน อย่างนี้ ก็ไม่สัมพันธ์กัน รายได้น้อยกว่ารายจ่าย แต่มีรถมีเงินทองใช้ ยังไงเจ้าหน้าที่เขาก็ไม่เชื่อ ถ้ามีรายได้ 10,000 รายจ่าย 7 พัน ก็ยัง โอเค หน่อย กำไรน้อยอยู่ได้เรื่อยๆ ยังพอจะน่าเชื่อถือบ้าง
เมื่อทีมกำกับแจ้งให้คุณมาเสียแล้ว คุณยังไม่ยอมมาติดต่อหรือประณีประนอม ขั้นต่อไป เขาก็จะส่งให้ฝ่ายกฏหมายไปเร่งรัดครับ
3 งานกฏหมายและเร่งรัด เมื่อทีมกำกับให้เวลาคุณอย่างน้อย 3เดือน ตามกฏหมายเลย เมื่อเลย 3 เดือน คุณไม่ติดต่อไม่สนใจ สรรพากรก็ถือว่าคุณพยายามหลบเลี้ยงไม่ให้ความร่วมมือ งานกฏหมายก็จะส่งจดหมายไปเตือน ครั้งที่1 อีก 30 วัน ครั้งที่ 2 15 วัน ครบทุกอย่าง ก็เอาหมายไปติดหน้าบ้าน เตรียมฟ้อง ส่วนใหญ่ที่โดนฟ้อง คือ พวกหัวหมอ ทั้งหลาย
เห็นใหมครับทุกอย่างมีขั้นตอนชัดเจน ขอให้ยื่นถือ ปีละ 2 ครั้ง ก.ย.ยื่น ภ.ง.ด.94 มี.ค. ยื่น ภ.ง.ด.90 จะยื่นเปล่าไม่เสียภาษี หรือจะประสงค์เสียช่วยรัฐ 200-500 ก็แล้วแต่ท่าน รับรองไม่โดนหรอกครับ ทำมาหากินสบายตัว
ออ แนะนำอีกนิดตรงนี้พลาดกันแยะ คือ เก็บใบเสร็จหรือใบรับรองหัก ณ ที่จ่าย ที่ทางส่วนราชการหรือบริษัทออกให้ท่านไว้ เพราะ เมื่อเขาหักภาษี ณ ที่จ่ายท่านแล้ว เขาเอาไปยื่นเป็นค่าใช้จ่ายท่าน ตรงนี้แหละ ระบบจะโชว์ว่าท่านมีรายได้จากไหน เท่าไร เมื่อระบบแจ้งว่ามี 5 บริษัทจ่ายเงินให้ท่านรวมทั้งปี 1 ล้าน แต่ท่านยื่นแค่ 1 แสนต่อปี ท่านว่า ระบบจะแสดงว่าท่านจ่ายภาษี ถูกต้องหรือไม่ วิธีง่ายๆ เมื่อท่านได้ ใบเสร็จหรือใบรับรองหัก ณ ที่จ่ายมาแล้ว ก้เก็บไว้ พอถึงเดือน ก.ย. ยื่นแบบ 94 ก็เราจำนวนเงืนในใบเสร็จหรือใบรับรองนั้นรวมกันแล้ว+30,000 บาท แล้วยื่นเป็นเงินได้ ครึ่งปี พอสิ้นปี ก็ทำแบบเดียวกันรวมใบเสร็จทั้งปี ยื่น แบบ 90 ที่นี้ระบบก็ตรงกัน
ภาษีมีลดหย่อนหลายย่างเช่น เราลดได้ 30,000 เมีย 30,000 พ่อ-แม่ อีกคนละ 30,000 พ่อตา-แม่ยาย อีก คนละ 30,000 เอามาลบกับรายได้ของเรา คงเหลือสุทธิไมถึง 150,000 ก็ไม่เสียภาษี ยื่นแบบเปล่า หรือต้องเสียภาษี แต่ภาษีไม่ถึง 5,000 ก็ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสีย
ภาษีไม่ได้ยาก และโดกร้ายเลย มีเหตุและผล ในตัว ท่านที่ว่าโดนๆ นั้น ไม่มีรายได้แล้วโดนข่มขุ่เรียกเก็บหรือเปล่า ถ้ามีแจ้งอธิบดีเลย แต่ถ้าค้างหลายปี โดนปรับแยะ ก็อย่าว่ากัน เจ้าหน้าที่ทำตามหลักฐานที่มี ไม่มีการนั่งเทียเขียนข้อมูลท่านแล้วไปเรียกเก็บแน่นอน
ที่ที่ผมเห็นมาโพสกันข้ออมุลก็ได้ตามที่ประสบพบเจอมาแล้วเล่าต่อกันฟัง ประสบการณืใครประสบการณ์มัน สถาณการแตกต่างกันไป คนที่ยังไม่ได้ทำอะไรก็กล้วกันขึ้นสมอง
ยกตัวอย่างนะครับจากของคนจริงๆรายได้จริงๆ ไม่ขอบอกว่าใคร
สมมุติเขาเคยทำ ppc มา2ปี ทำกับ adword ซึ่งใช้ชื่อปลอมทำ แล้วมันแบนซึ่งเราก็ไม่เคยเรียกขอใบค่าใช้จ่ายหรือค่าโฆษณากับมันเลย 2ปี ที่ผ่านมานั้นเขาทำเงินได้ 3 ล้านบาทแต่ต้นทุนค่า ppc เขา1.2 ล้าน แบบนี้เขาต้องเสียภาษีเท่าไหร่ซึ่งเขายังไม่เคยไปยื่นเลย
กรณีที่2 เป็นสาย seo
รายได้ของเขาปีนี้ปีแรกที่เขาทำ seo มีรายได้ 1 ล้านบาท หักค่าโดเมน ค่าโฮสจะเหลือประมาณ 8แสนบาท ถามว่าค่าโฮสและค่าโดเมนเอาไปยื่นหักกับส่วนรายได้ ได้รึไม่ เพราะถ้าบอกว่าต้องออกในนามบริษัทรับรองสาย seo มีหนาวหลายๆท่าน ขอบคุณครับ รบกวนช่วยตอบด้วยนะครับ