ทำไม google ไม่ออกอัลกอร์ใหม่มาเลยหล่ะ เอาเป็นชื่อ Zebra เป็นไง

เพราะทั้ง Panda กับ Penguin ต่างก็มีสีขาว-ดำทั้งนั้น

 

นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ

ผมว่าน่าจะทดลองใส่ลิงใน iframe ดูนะครับ เห็นว่ากันว่าบอท google ไม่สนใจ iframe

ไม่ทราบว่าที่ใส่ลิงค์แล้วอันดับลดหมายถึงลดทุกหน้าหรือเปล่าครับ หรือลดเฉพาะหน้าที่ใส่ลิงค์ และหน้าที่ใส่ลิงค์เดียวลดมั้ยครับ

เห็นหลายคนเปลี่ยนไปทำ aff เจ้าอื่นเพราะคิดว่าไม่โดนแบน

แต่ในความเห็นผมคิดว่าอย่าประมาทจะดีกว่าครับ ไหนๆ ก็เริ่มทำเจ้าใหม่แล้วควรเปลี่ยนแนวคิดเรื่องการทำ aff ใหม่

เพราะถ้าทำแบบเดิมอีกเจ้าใหม่ที่ไม่เคยแบนก็มีสิทธิออกกฏมาแบนได้ อย่าง CJ, amazon หรือแม้แต่ CPA บางเจ้า

คิดใหม่ ทำใหม่ ทำเว็บมีคุณภาพจะได้ไม่ต้องเหนื่อยหา backlinks มาก และจะได้กินยาวๆ ดีกว่าครับ

ถูกต้องเลยครับ คนอเมริกา sensitive กับเรื่องพวกนี้มาก มีผู้บริโภคฟ้องผู้ผลิตจนรวยไปก็หลายราย บ้านเขาฟ้องกันที 10 ล้าน 100 ล้าน

แต่ผมว่าที่ Amazon กลัวน่าจะเป็นเรื่องลูกค้าบอยคอตโดยการเลิกซื้อของมากกว่า ซึ่งเคยเกิดกับ Microsoft และ Google มาแล้ว แต่ถ้าเกิดกับ Amazon อาจส่งผลต่อความอยู่รอดของธุรกิจเลยก็ได้ เพราะลูกค้าไม่ซื้อของกับ Amazon ก็ไปซื้อกับเจ้าอื่นได้ เช่น Buy.com, Walmart, NewEgg เป็นต้น ต่างกับสองเจ้าที่เคยโดนเพราะเป็นสินค้าผูกขาด ยังไงก็ยังต้องใช้ Windows และ Google search อยู่ดี

จริงๆ ก็ทุก BFD แหละครับ เพียงแต่ปีนี้มีการใช้ Social Network ร่วมด้วยทำให้ปัญหานี้แพร่ไปอย่างรวดเร็ว

นี่แหละครับประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ภาพลักษณ์ส่งผลต่อราคาหุ้น

หลายคนในที่นี้คงใจตุ้มๆ ต่อมๆ เวลาล๊อกอินเข้า Amazon หรือเช็คเมล์ (รวมทั้งผมด้วย) เพราะกลัวจะได้รับเมล์แจ้งการแบนจาก Amazon เพราะผมเชื่อว่าเป็นแหล่งรายได้หลักของหลายคนในบอร์ด

จากเดิมที่เข้าใจว่า Amazon เป็น Aff ที่ใจดี คุยง่าย ไม่เรื่องมาก และมักจะแจ้งเตือนให้แก้ไขก่อน จนกระทั่งปีที่แล้วเริ่มมีการแบนการขึ้น โดยเฉพาะช่วงปลายปีต่อเนื่องจนถึงตอนนี้

จากการติดตามข่าวของ Amazon ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สังเกตได้ว่า Amazon ให้ความสำคัญกับเรื่องต่อไปนี้

1. การดึงข้อมูล API เมื่อกลางปีที่แล้ว (ถ้าจำไม่ผิด) Amazon เพิ่มกฏเรื่องจำกัดจำนวนการดึงข้อมูลของแต่ละ ID โดยจะมีการเพิ่มโควต้าให้เมื่อขายได้ ที่ Amazon ต้องออกกฏนี้เนื่องจากผมคิดว่าเว็บ Amazon เองคงใช้ฐานข้อมูลจาก API เหมือนกัน เมื่อมีการดึงข้อมูลของคนทำ aff มาก ทำให้เว็บ Amazon แสดงผลช้าไปด้วย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อลูกค้าส่วนใหญ่ อาจทำให้คนไม่อยากรอและปิดหน้าต่างไปในที่สุด และยังมีผลเสียต่ออัลกอร์ google เรื่องเวลาโหลดเพจอีกด้วย แต่คนทำ aff ก็แก้เกมด้วยการเปิด account เพิ่มเพื่อการดึงข้อมูล จึงเป็นสาเหตุให้ Amazon มีการแบนด้วยข้อหา related account

2. ภาพลักษณ์ เมื่อปลายปีที่แล้วเป็นช่วงที่มีการใช้ facebook เป็น LP กันอย่างแพร่หลาย และมีการเขียนสคริปทำให้จำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งลักษณะ LP จะคล้ายกันคือใส่ข้อความหรือปุ่มเพื่อกระตุ้นการคลิ๊ก รวมถึงการใช้ Logo ของ Amazon เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ เมื่อมีคนเข้ามาเจออาจเข้าใจผิดในเรื่องโปรโมชั่นและคิดว่าเป็นเพจ fb ของ Amazon เอง และอาจกด Share หรือ Like ทำให้เพจนี้ถูกส่งต่อไปในวงกว้าง ต่อมาเมื่อโปรชั่นหมดลงจึงมีคนไปร้องเรียน Amazon ต่อสคบ. เยอะ ทำให้ Amazon ต้องแบนด้วยข้อหาราคา โปรโมชั่น และหน้าตาเว็บคล้าย Amazon


จะเห็นได้ว่าทั้งสองข้อส่งผลโดยตรงต่อลูกค้าของ Amazon ข้อ 1 อาจทำให้ลูกค้าเบื่อหน่าย ไม่อยากรอโหลดเว็บจนเสียลูกค้าไป ถ้าปล่อยไประยะยาวอาจทำให้เว็บล่มบ่อยขึ้น ส่วนข้อ 2 อาจทำให้คนเข้าใจว่า Amazon เป็นเว็บหลอกลวงและโดนหน่วยงานอย่าง สคบ. ลงโทษ (เรื่องนี้กฏหมายที่อเมริกาแรงมาก) หรืออาจโดนกลุ่มลูกค้าต่อต้าน เช่น ตั้งกลุ่ม "มั่นใจว่าคนอเมริกาเกิน 10 ล้านคนเกลียด Amazon" และชักชวนกันไม่ซื้อของจาก Amazon (สังเกตได้จากอีเมลที่ Amazon ส่งมาบอกว่าแบน จะมีข้อความบอกให้แก้ไขเว็บไซต์ด้วย)

ซึ่งทั้งสองข้อมีผลถึงความอยู่รอดของธุรกิจ ทำให้ต้องใช้มาตรการอย่าเด็ดขาด ส่วนข้อหาที่นาย Gary ยกมาเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะดูจากเว็บรีวิวใหญ่ๆ หรือเว็บ magazine ยังใช้ redirect link และไม่มี disclaimer page

ส่วนเรื่องการใช้เทรดมาร์กมาจดโดเมนหรือซับโดเมน เรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลต่อ Amazon โดยตรง แต่ส่งผลต่อเจ้าของสินค้า เป็นเพียงการขอความร่วมมือจากเจ้าของสินค้า จึงมีการเตือนให้แก้ไขก่อน

ส่วนแนวทางการทำเว็บ ควรเปลี่ยนแนวคิดการทำเว็บจากเดิม เช่น ใส่ส่วนลดเยอะๆ เพื่อเพิ่มจำนวนคลิ๊ก ใส่โลโก้ Amazon เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ทำเว็บให้คล้าย Amazon ให้มากที่สุด
เปลี่ยนเป็น มีวิธีนำเสนอข้อมูลที่แตกต่าง ทำเว็บไซต์ของเราให้น่าเชื่อถือ เราไม่ได้ทำ Amazon แต่เราทำเว็บที่น่าเชื่อถือเพื่อคนอ่านโดยมีลิงค์ไป Amazon ถ้าเขาอยากซื้อ ไม่ใช่คลิ๊กไปด้วยความเข้าใจผิด


ปล. ย้ำอีกทีว่าเป็นความเห็นส่วนตัว

อย่างนี้ก็แกล้งกันได้ง่ายขึ้นนะสิ

เมื่อมีความเสี่ยง ก็ต้องบริหารความเสี่ยง

มาแนวเดียวกันเลย แต่ข้อมูลและประสบการณ์ของผมน้อยกว่าท่านเยอะ

ยอดเยี่ยมมากครับ รอติดตาม


ปล. รบกวนฝากคำถาม

- ผมสังเกตว่าตั้งแต่ google ปรับ pr เดือนที่แล้ว อันดับของเว็บผมไม่ขยับเลยทั้งที่ค่อยๆ เพิ่มลิงค์ตามปกติ ไม่ทราบว่าท่านเป็นเหมือนกันหรือเปล่า หรือเว็บผมมีปัญหา (ปกติอันดับจะขยับประมาณ 2-3 สัปดาห์ หลังทำลิงค์)

เพิ่งได้เหมือนกันเมื่ออาทิตย์กว่านี้เอง (คนละเจ้ากัน) แต่ไม่ได้ตอบเมลไป

ถ้าใช้ redirect link ของโดเมนเราเองจะเข้าข่ายโดนแบนมั้ย

เช่น hxxp://www.domain.com/redirect.php?asin=123456&tag=sample-20

เห็นด้วยกับคุณ iam-AJ ครับ

ผมคิดว่าตอนนี้เราก็เหมือนทำธุรกิจหรือทำงานกับคนอเมริกา ทั้ง google และ amazon

ซึ่งภาพลักษณ์ของลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญและทำให้ทั้ง 2 บริษัทเป็นบริษัทอันดับต้นๆ ของโลก

ถ้าเราอยากจะทำธุรกิจกับบริษัทระดับโลก เราก็ต้องทำคุณภาพระดับโลกด้วย

buy.com น่าจะสมัครได้ผ่าน linkshare

ผมเห็นด้วยกับคุณ yosima นะครับ

เพราะถ้าผมเป็น amazon คงไม่อยากตัดความสัมพันธ์กับ affiliate หรอก

เพราะยอดขายครึ่งหนึ่งของ amazon มาจากการที่มี affiliate ช่วยขาย

ถ้า aff เลิกขายให้ amazon แล้วไปขายให้คู่แข่งอย่าง walmart, buy.com จะทำให้เสียส่วนแบ่งการตลาดไปอย่างถาวร

ผมคิดว่าจากเดิมที่ aff ช่วยหาลูกค้าให้ กลับกลายเป็นช่วยหาคนมาด่า amazon เพราะเข้าใจผิดในเรื่องราคา โปรโมชั่น การส่งสินค้า จากข้อมูลในหน้า landing page ของ aff

โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วง thanksgiving ราคาเป็นปัจจัยอันดับแรกในการตัดสินใจซื้อ เพราะแต่ละร้านก็มีการลดราคาแข่งกัน ลูกค้าจะ check ราคาจากหลายร้าน

ถ้าเขามาสั่ง amazon เพราะเข้าใจผิดว่ายังเป็นราคาที่เห็นในหน้า LP แต่ในความเป้นจริงแล้วไม่ใช่ อาจทำให้เขาเสียโอกาสในการซื้อกับร้านอื่นไปเพราะหมดช่วงโปรโมชั่นแล้ว

และเพราะเป็นช่วงที่ลูกค้ารอมาทั้งปี อาจทำให้ amazon โดนด่าจนหูชา เลยต้องมีการตรวจสอบครั้งใหญ่ เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเห็นข่าว amazon แบนใคร (ยกเว้นเรื่อง trademark)

ใจเย็นๆ ครับ เดี๋ยวนี้โรคมะเร็งไม่ใช่โรคน่ากลัวอีกต่อไป

แต่เป็นโรคธรรมดาที่รักษาหายได้

เพียงแต่ใช้เวลานานและความอดทนมากหน่อยเท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้นกำลังใจของคนไข้และคนดูแลสำคัญที่สุด

เหมือนกำลังฝึกให้รถว่ายน้ำเลย

หรือว่าเป็นการเปิดตัว New D-MAX 2012

ของจริงน่าจะขยับผลเสริชได้แบบนี้

ผมว่าจริงๆ แล้วการที่คนไทยทำกันเยอะไม่ใช่สาเหตุที่โดนแบน

มัีนน่าจะมาจากสคริปและวิธีทำที่ไม่มีคุณภาพมากกว่า

แต่เพราะคนไทยหลายๆ คนเข้าใจผิดกันไปว่าการทำ SEO คือการปั่นเว็บโดยใช้สคริป

เลยทำให้เว็บปั่นเกิดขึ้นเยอะ พอโดน Google แบนเลยทำให้คนไทยจำนวนมากได้รับผลกระทบ

ที่เขียนอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าวิธีการนี้ไม่ดี

แต่ถ้าชอบหรือถนัดจะใช้วิธีนี้ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงได้

สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มอยากให้ลองศึกษาถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธี

แล้วจึงเลือกวิธีที่เหมาะกับตนเอง