รบกวนขอร่วมด้วยคนนะครับ
อยากจะเล่าอะไรให้ฟัง 2 เรื่อง
1. เรื่องทหารรัฐฉาน
รัฐฉานปัจจุบันเหลือพื้นที่ไม่มากนัก มีประชากรอยู่ประมาณ 2 แสนคน
มีกำลังติดอาวุธประมาณ 2 หมื่น ปะทะกับกำลังทหารพม่าจากส่วนกลางเกือบทุกเดือน
รัฐฉานมีการเกณทหารแต่ไม่มีหารเรียกเกณ
เพราะ ทุกวันที่ 9 มีนา ของทุกปีเด็กชาวไทยใหญ่และฉานอายุ 15 - 17 ปีจะกลับไปที่ฐานบัญชาการเพื่อรับการฝึกทหาร
โดยไม่ต้องเรียกเพื่อปกป้องพื้นที่อันน้อยนิดของตนด้วยชัวิตและจิตวิญญาณ
โดยได้สิ่งตอบแทนที่บ้านเราเรียกว่าเศษอาหาร
คือข้าวแค่ 1 ถุง เนื้อหมูประมาณ 1 ชิ้นไม่ใหญ่กลับมาดูบ้านเรา เรามีทุกอย่างแต่ก็ยังไม่วายจะหนีทหาร กลัวการฝึก มันเกิดอะไรขึ้น วิญญาณบรรพบุรุษผู้กล้า ทหารโบราณ ไม่ได้ฝังจิตใจเหล่านั้นในตัวพวกท่านหรอกหรือ
2. ปี 2545 แผนปฏิบัติการสุรสี (ชื่อรหัสนะ พวกท่านคงไม่คุ้นหูเท่าไหร่)
ขออภัยที่ต้องเล่าประสบการณอันหน้าเบื่อของตัวกระผมให้ท่านฟัง
ทหารไทยปะทะกับทหารพม่าบริเวณ อ. พบพระ จังหวัดตาก รบกันอยู่ 3 วัน 3 คืน ลูกปืนค. 120 มิลของ กรม ร 7 หมดคลัง
ต้องใช้ทหารราบเข้ากดดัน ทหารรบพิเศษทิ้งตัวอยู่ในแนวหลัง ฝังตัวรอคำสั่งปฏิบัติการ ทหารราบอยู่ด้านหน้าตามแนวตะเข็บชายแดนตั้งแผงรับหน้าอยู่แบบนั้นแหละ 3 วัน 3 คืน
ตรึงแนวอยู่ได้เข้ามาเช้าวันที่ 2 ตอนตี 4 ทหาร มทบ. ที่ขึ้นมาสมทบทีหลังโดนตีแตก (เพราะทหารหนีซะส่วนใหญ่ ฝึกมากันยังไง คิดกันเอาเอง)
ณ ขนาดนั้นด้วยยศอันน้อยนิดก็เป็นได้แค่ ผบ. หมวด จิ๊บจ๊อย มีกำลังอยู่ในมือแค่ 2 หมวด (50 กว่าคน)
โชคดีหน่อย เด็กพวกนี้ฝึกมากับมือ ฝึกมาอย่างดี มันไม่หนี ไม่แตกแถวซักคนปักแนวกันอยู่อย่างนั้น ทั้งๆที่แนวทั้ง 2 ฝั่งด้านขวาและซ้าย แตกกลับไปด้านหลังกันไปหมดแล้ว
เด็กพวกนี้กินข้าว (ข้าวเปล่าๆ แห้งๆ นั่นแหละ) กันทั้งน้ำตา ลูกปืน ม. (พม่าเรียกปืน ค. ว่า ม.) ข้ามหัวไปมา แต่มันก็กอดปืนแน่นต่างคนก็ต่างปลอบขวัญเพื่อนที่อยู่ข้างๆ
สุดท้ายก็รอดกันมาได้แบบขวัญเริ่มเหลือน้อยเต็มที
เด็กชุดนี้ ผมไล่ให้มันไปสอบนายสิบ ทบ. ทั้งชุด (ชอบเพราะใจมันเด็ดดี) ปัจจุบันเริ่มขอย้ายชื่อมาอยู่ต้นสังกัดเดิมกันแล้ว
-----------------------------
อ่านแล้วคิดตามหน่อยก็ดีครับ ว่าผมพยายามจะสื่อสารอะไร
สงคราม บางทีไม่ต้องหามันก็มาหาเราเองทั้งๆ ที่เราไม่ต้องการ ถึงต้องฝึกกันไว้ให้พร้อมตลอด
คนเรามักจะคิดว่าตัวเองไม่ผิดเสมอและพยายามจะโทษคนอื่น ทั้งๆที่ความเป็นจริงอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราได้ยินก็ได้
ความแตกต่างระหว่างการเตรียมตัวมาอย่างดีกับลวกๆ นั้นจะเห็นผลชัดเจนมากในยามจำเป็น
ชีวิตคนที่อยู่ตามแนบตะเข็บชายแดนนั้นถูกกว่ากระสุนปืน 1 นัด ความต่างจะมีแค่ว่าใช้ชีวิตถูกๆนั้น เพื่อประเทศได้มากน้อยแค่ไหน
เป็นผู้ฝึกมาก็หลายรุ่น เด็กกว่าครึ่งกวนส้นตรีน เก๋า และเป็นประเภทพ่อกรูเจ๋งแม่กรูใหญ่จึงต้องมีช่วงละลายพฤติกรรมและฝึกอย่างดีเพื่อชีวิตตัวพวกเขาเองในยามคับขัน
ขอบคุณครับทีพอจะสละเวลาอ่านข้อความมันน่าเบื่อนี้
