วิธีการแก้ปัญหาในสไตล์ผม
1.ใช้เงินแก้ปัญหา โดยการพาเมียไปพักที่อื่น อาจเป็นบ้านญาติ หรือเช่าห้องใหม่ ทั้งนี้เพื่อรักษาสุขภาพใจทั้งแม่และลูก รวมถึงตัว จขกท ด้วยครับ กรณีนี้จะดีมาก หากว่าที่พักปัจจุบันเป็นการเช่า ไม่ใช่ซื้อ
บางทีก็ต้องยอมแบกภาระครับ ลูกเราทั้งคน ความเครียดสะสมมีอาจส่งผลต่อพัฒนาของลูกในท้องครับ
2.ถ้าจำเป็นต้องอยู่ที่นั่น อาจต้องจ้างช่างมาทำบุผนัง เพื่อลดเสียงรบกวนครับ แต่กรณีนี้มันก็เหมือนกับทำบ้านให้เป็นคุกครับ เพราะบ้านเราแท้ ๆ แต่ต้องขังตัวเองอยู่ในที่แคบ ๆ เพื่อหลบปัญหาเสียงดัง
วิธีการแก้ปัญหา โดยใช้กฏหมาย ซึ่งผมไม่แนะนำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า power ของคุณ พอไหม
1. แจ้งตำรวจ หลัง 4 ทุ่ม ซึ่งจะว่าตามจริงแล้ว มีกฎหมาย xxx มาตรา 137 ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น ปรับ 100 บาท อะไรทำนองนี้ครับ
การแจ้งความแบบนี้ ต้องดูทำเลประกอบ หากทำเล คือบ้านของเราติดกับผับเลย แล้วก็มีซอยกั้น แยกห่างจากบ้านผู้อื่น หรืออะไรก็ตาม ที่ถ้าแจ้งไปแล้ว ยังไงเจ้าของผับก็รู้ว่าเราเป็นคนแจ้ง
ก็น่าเป็นห่วงเมียคุณ ถ้าต้องอยู่คนเดียวตอนคุณไม่อยู่
2. การรวมตัวกันร้องเรียนต่อสำนักงานเขต
อันนี้ก็ต้องดูเพื่อนบ้านละแวกนั้นด้วยครับ ใช่ ทุกคนอาจหนวกหู แต่ถ้าต้องพากันไปแจ้งหรือต้องทำเรื่องที่เป็นกิจลักษณะ ลงรายมือชื่อ จาก 100 คนที่หนวกหู สุดทน อาจมีถึง 80 คนที่ยอมหูหนวกชั่วคราว เพื่อไม่ให้ยุ่งยาก อดทนหลับ ๆ ไปซะ เดี๋ยวก็เช้าแล้ว ทำนองนี้ครับ เราก็จะกลายเป็นตัวล่อเป้าให้เขาชัดเจนเลย อย่างที่บอกครับ ความลำบากนั้นไม่มี มีแต่เรายังไม่ชิน เฮ้อ!!

ซึ่งประเด็นที่จะแจ้งสำนักงานเขต ก็คงเป็นเรื่องของการดัดแปลงหรือต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำนองนี้ครับ กว่าเรื่องจะจบ คุณคงฟังเสียงดังจนชิน
3. หากว่าเจ้าของผับเป็นตำรวจ ต้องดูว่า สน.ไหน หากเป็น สน. เดียวกันกับที่บ้านคุณอยู่ก็.....
4. หากว่าเจ้าของผับเป็นตำรวจ แค่นี้ก็เดาอะไรได้หลายอย่างแล้ว
ที่ผมแนะนำ ไม่ได้บอกว่า ไม่ให้สู้คนนะครับ คนเราถ้าไม่สู้คน มันก็ไม่โต แต่ต้องคิดว่า สู้แล้วได้อะไร ระหว่างที่สู้ใช้เวลานานแค่ไหน เราอดทนและรอคอยได้หรือไม่ ถ้าเราทนได้ แล้วเมียเราทนได้ไหม
ขอให้มีสตินะครับ อย่าใช้อารมณ์ บางทีภาวะนี้เราอาจต้องเจอเรื่องเครียดรอบด้าน ถ้าเราผ่านมันไปได้ เราจะได้เล่าให้ลูกเราฟังได้ไงครับ ...