|
หัวข้อ: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 21 สิงหาคม 2014, 11:16:13 ก่อนหน้านี้เราขายสินค้านำเข้าเป็นส่วนใหญ่ จึงต้องเจอกับผู้ขายต่างชาติเป็นหลัก ปีนี้เริ่มเหนื่อยกับการทำงานหนัก จึงเริ่มหาคำตอบของการทำงานไม่กี่ชั่วโมงแต่ได้เดือนเป็นแสน คำตอบแรกมันอยู่ที่สินค้าแฮนด์เมดของไทย เราจึงทดลองเริ่มขายสินค้าไทยที่ยังไม่มีใครขายในอเมซอน ล็อตแรกที่เอาขึ้นขาย ราวๆ 20 รายการ ต้นทุนราวๆ 1000 บาท ได้กำไร 700-1000 บาทต่อชิ้น ก่อนเริ่มขาย ตั้งใจไว้แค่ขายได้วันละ 5 ชิ้นเท่านั้นเอง พอขายจริงๆ ขายได้วันละ 15-20 ชิ้นต่อวัน กำไรดีๆมันอยู่ได้ไม่นานค่ะ พอผ่านไป 3-4 เดือน คนเข้ามาขายตัดราคา ถ้าเข้ามาตัดราคาลงเล็กๆน้อยๆก็คงไม่กระทบมากมาย แต่ที่เกิดขึ้นคือ เค้ามีสินค้าทุกรายการของเรา เดิมเราขายอยู่ราวๆ $90-$100 คู่แข่งเข้ามาตัดราคาเหลือ $80 มันจึงเป็นที่มาของสงครามราคา คู่แข่งมองว่าเราเป็นร้านเล็กๆ และสินค้าทั้งร้านขายดี คงมองว่าเรามีทุนไม่มาก ดังนั้นการจะเข้ามายึดเอาธุรกิจของเรามันง่าย แรกๆที่เจอแบบนี้เราหงุดหงิดมาก คิดแต่ว่าทำไมนะ ก่อนหน้านี้ที่เรายังไม่เปิด product page ทำไมคุณไม่ขาย คิดแต่ว่าทำไมเค้านิสัยแย่จัง คิดไปก็เท่านั้นค่ะ ไม่เกิดผลดีกับตัวเอง เราจึงมองหาทางแก้ไข สิ่งที่เราต้องการทำคือ ปกป้องธุรกิจของเรา และให้บทเรียนกับคนที่พยายามเข้ามายึดธุรกิจของเรา มันจึงเป็นที่มาของสงครามราคา นานๆเข้าความโกรธความหงุดหงิดมันแปรเปลี่ยนเป็นความสนุกสนาน มีชีวิตชีวา ไม่เหลือความรู้สึกโกรธคู่แข่งเลยค่ะ ตอนนี้เราสนุกกับการขายมาก รู้สึกว่าการขายมีชีวิตชีวากว่าเดิมเยอะ มีเพื่อนเล่นซ่อนหา เล่นไล่จับ เล่นต่อสู้ เหมือนตอนเด็กๆเลย เราจึงเปิดกระทู้นี้เพื่อจะแชร์เกี่ยวกับวิธีการทำสงครามราคา ศิลปะชั้นเชิงในการก๊อบ การหั่น การเขมือบร้านค้าของคู่แข่ง เราจะเข้ามาเขียนเรื่อยๆ วันละนิดหน่อย เท่าที่มีเวลา ถ้าใครมีอะไรจะเสริม จะแชร์ก็เชิญเลยค่ะ เราคิดว่าคนที่ขายของในอีเบย์ อเมซอน มีประสบการณ์ตรงนี้ทุกคน คู่แข่งเราก็คงเข้ามาอ่านบอร์ดนี้อยู่เหมือนกัน เราหวังว่าคุณจะได้อ่าน ต้องการแชร์ก็เชิญค่ะ เรากำลังสนุกกับการถูกโจมตี คุณให้โจทย์เรา เราแก้โจทย์เสร็จก็ตั้งโจทย์ส่งให้คุณ ตอบโต้กันไปมา สนุกดี ทำให้เรามองหาไอเดียการขายใหม่ๆทุกวัน หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: endou156 ที่ 21 สิงหาคม 2014, 12:13:46 การตัดราคามีในทุกตลาดแหละครับ
ทั้งในและนอก ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ผมเองก็เจอ เยอะเลยด้วย จากกำไรชิ้นละเกิน 100% เหลือแค่ 20% หรือต่ำกว่า ดีที่มีฐานลูกค้าเก่า กับของเรามีคุณภาพ ไม่งั้นตายเลย แต่ดีใจด้วยนะครับที่เจ้าของกระทู้สามารถปรับอารมณ์ให้สนุกสนานไปกับการรบได้ :wanwan011: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: ppluminor ที่ 21 สิงหาคม 2014, 12:20:15 ผมเพิ่งเข้าวงการIMครับ แต่จะเล่าประสบการณ์ตรงจากธุรกิจที่บ้านให้ฟังครับ
บ้านผมทำธุรกิจรังนกครับเมื่อ10กว่าเกือบๆ20ปีที่แล้วช่วงประเทศจีนเปิดประเทศใหม่ทัวร์จีนที่มาลงในไทยส่วนมากจะหมดเงินกับการซื้อยาสมุนไพรรักษาโรคมาเป็นอันดับหนึ่งครับ ไม่ว่าจะเป็น ดีงู เลือดงู ซุปงู เนื้อจรเข้ และรังนกอย่างที่บ้านผมทำ.....เมื่อก่อนทัวร์ลงที่ร้านวันนึงขายกำไรสุทธิเป็นหลักแสน(เฉพาะกินหน้าร้าน) ซื้อกลับแบบวัตถุดิบอีกหลักล้านต่อวันเป็นแบบนี้อยู่เกือบๆ5ปี ฟังเหมือนจะดูดีนะครับ แต่ๆๆๆๆ สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นคลื่นลูกแรก เริ่มมีหลายบริษัทมาทำธุรกิจนี้เช่นเดียวกัน ทำให้มีปัญหากระทบกับธุรกิจบ้านผมดังนี้: โดนบริษัททัวร์ที่เคยเป็นนายหน้าเอาลูกค้ามาให้เราหักดิบไปขึ้นกับบริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นเพราะให้ค่าคอมสูงกว่า / บางคนคงสงสัยทำไมทางบ้านผมไม่ให้ค่าคอมเท่าๆกับบริษัทใหม่ๆละ?? คือจะบอกว่าสินค้าที่บ้านผมขายกำไรหลังหักค่าคอมแล้ว%ที่ไกด์ได้และกำไรเรามันแฟร์สุดๆแล้ว เอ้า! แล้วทำไมคู่แข่งให้คอมสูงได้ละ? ผมกำลังจะเล่าความหายนะของธุรกิจนี้ให้ฟัง.......เพราะทางคู่แข่งเริ่มมีความคิดแบบค่อนข้างสกปรกครับ ช่วงแรกหลอกขายรังนกบ้านว่าเป็นรังนกเกาะให้ลูกทัวร์ ต่อมาบริษัทใหม่ก็แย่กว่านั้น หลอกเอายางไม้มาขายให้ลูกทัวร์อีก แย่มั้ยละครับ?? ด้วยเหตุนี้ทางบ้านผมเลยไปตลุยตลาดจีนเองเลย ตลุยได้1ปีกว่าๆทำท่าเหมือนจะดี ก็มีกลุ่มคนเดิมตามมาตลุยเมืองจีนเหมือนกัน และแล้วก็ใช้วิธีเดิม......นั้นยังแย่ไม่พอเรายังต้องแข่งกับ ตังเกร็งๆอย่าง มาเลย์และอินโดนีเซียอีก จนช่วงหลังสุดๆทั้ง3ประเทศที่มีรังนกเยอะก็ประสบปัญหาเดียวกันคือจีนแผ่นดินใหญ่ปิดกั้นสินค้ารังนกที่อย่าง!! ไม่ให้เข้าประเทศเค้าครับ งานเข้ามั้ยละครับ?? จนตอนนี้บ้านผมก็ยังมีธุรกิจนี้เหมอนเดิมจากยอดขายหน้าร้านได้วันละหลักแสน ปัจจุบันขายแขกได้วันละ 10000 บาทก็ถือว่าเยอะแล้ว เพราะลูกทัวร์หมดสิ้นศรัทธาในสินค้าที่ชื่อว่ารังนกแล้ว ต่อให้ขายถูกเท่าทุนยังไม่ยอมจะคิดกินหรือซื้อกลับไปเลยครับ..... เล่ามาซะยาวนะครับ ผมสรุปเลยนะกันครับคนที่ขายตัดราคาคุณตัดได้แต่ว่ารักษามาตรฐานสินค้าด้วยนะครับ ไม่งั้นคุณจะเน่าตายตามคู่แข่งของที่บ้านผม ถูกฟ้องยับ ล้มหนีหายเข้ากลีบเมฆ และที่แย่สุดคือบ่อนทำลายตลาดการค้านะครับ แต่ที่อยู่รอดจริงๆคือเจ้าที่รักษามาตรฐานไว้ได้นานที่สุดครับ ส่วนเจ้าของกระทู้อย่าหยุดพัฒนาสกิลนะครับ(สกิลการตลาดด้านดี) สู้ครับ ใครสนใจธุรกิจรังนกหรือมีธุรกิจด้านการท่องเที่ยวอยู่PMมาคุยกันก็ได้นะครับ มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน :wanwan020: สู้ต่อไปครับทุกท่าน :wanwan020: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: kakato ที่ 21 สิงหาคม 2014, 12:29:23 มีแต่เรื่องน่าอ่าน ขอบคุณทุกท่านครับ :wanwan017:
หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 21 สิงหาคม 2014, 13:49:24 Seller คนเก่าและคนใหม่ที่ขาย Amazon :wanwan005:
อาจจะมีรายได้ตกลงแบบ ฮวบฮาป เพราะระบบของ amazon ไม่ได้จำกัดจำนวนการขายของคนขายใหม่ หากอยากรู้ว่าสินค้าตัวไหนขายดีก็เพียงข้าไปคลิก ที่ link ตัวนี้ ต้องขอบอกว่าตามสูตรที่ได้อบรมมา แล้วคุณก็ไปหาสินค้าตัวนั้นมาขายสะ จากคำที่โมษณาว่าเราจะรวยเร็ว มันก็ตัดราคากัน่าดู จากที่เคยได้กำไรสินค้าชิ้นละ 250 บาท ตอนนี้ เหลือแค่ 10 บาท ต่อ 1 ชิ้น จากคำพูดของพนักงาน UOB ที่ทำ Amazon เป็นอาชีพเสริม seller ใหม่ ที่มีอายุการขาย 1ปี – 3ปี ถ้าคุณขายของได้กำไรเดือนละ 15,000 up ทุกๆ เดือนคุณก็ไม่เลวนะคะ :wanwan016: ตอนนี้จะอยู่รอดไม่รอดมันขึ้นอยู่กับความสามารถในการแข่งขัน ของคุณ ความต้องการของลูกค้ากับสินค้า ของคุณว่ามันมีเอกลักษณ์หรือเปล่า ถ้าเป็นสินค้าตัวเองขายเอง หรือ คุณเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายไม่กีจ้าว บน e commerce ตัวนั้น จะไม่เจอสงครkมราคา :wanwan004:คนขายที่จะขายของตัดราคาคุณ April ได้ น่าจะมี skill เรื่องการตลาด การหา product และการลดต้นทุนค่าขนส่ง และการผลิต หรืออาจจบ MBA จากเมืองนอกมาก็ได้ :wanwan004: ทางแก้เราไม่ขอบอกนะคะ เราคิดว่าคุณ April คงคิดออก หลายวิธี แต่คุคุณ April ณ ตอนนั้นคงไม่อยากมีเริ่องกับใครและคุณ April เวลาที่จะหาของมาขายก็ไม่อยากใช้วิธีแบบหนังสือที่บอกการหาสินค้าที่ขายดี อยากจะใช้การของตัวเองแต่ก็ไม่ลืมขั้นตอนการวิเคราะห์ ถ้าคุณ April สู้ขึ้นมาสักตั้ง คนนั้นก็หนาว เหมือนกัน color=teal]Seller คนเก่าและคนใหม่ที่ขาย eBay[/color] :wanwan005: ส่วน ebay นั้น ถ้ารู้จัก หลบรู้จัก หลี ก ก็อยู่ได้ค่ะ เราอาจจะไม่เป็นพวกดู tools รบร้อยครั้งชนะ 100 ครั้ง :wanwan003: แต่คนขายจ้าวใหญ่ พวกคน US บน ebay เขาอยากให้เรามาเป็นพวก คือไม่ขายตัดราคา แบ่งสินค้าขาย ถ้าเขาขายแบบนี้ เราจะขายแบบนี้ เราต้องหาของส่งไปให้เขาขาย ก็ลดสงครามราคาไปได้ไม่น้อย :wanwan044: :wanwan044: สำหรับเราร้านเล็กๆก็เจอสงครามราคาสำหรับสินค้าหาขายได้ทั่วไป ถึงเวลาที่เราต้องสู้เพื่อป้องกันอาณาเขตของเรา ขยายดินแดนเสียบ้าง เราไม่ใช้ วิธีการลดราคานะคะ เราทำให้จ้าวใหญ่คนนั้น ขาดทุนจากการสต็อกสินค้าที่ตอนนี้คนไม่ต้องการซื้อแล้ว และกำไรลดลงจากการขายสินค้าใน account หลัก ให้กำไรเขาหายไปตั้งแต่ 5 หมื่นขึ้นไปต่อเดือน เขาอ่านบอร์ดนี้ เพราะเขาเคยกลับไปแก้ไชช้อความที่เราคอมเม้นท์ไว้ :wanwan007: :wanwan007: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: chankoos ที่ 21 สิงหาคม 2014, 15:24:27 รำระบำชาวเกาะ เกาะแล้วก็ตัดราคา ลั้ลลา
เซ็ง ทำไงได้ก็หนังสือเค้าสอนมาแบบนี้ สินะ.... :wanwan044: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 21 สิงหาคม 2014, 16:23:50 เดี๋ยวเรามาเขียนต่อช่วงหัวค่ำนะคะ
เราอาจจะแบ่งเนื้อหาออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือเนื้อหาที่ที่โพสต์บนกระทู้นี้ ซึ่งข้อมูลบางส่วนจะถูกตัดออก ส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลภายในของบริษัทชิปปิ้ง ส่วนที่สองคือเนื้อหาส่งทาง PM ให้กับคนที่แชร์ประสบการณ์ หรือคนที่เข้ามาตอบคำถาม ช่วยเหลือเพื่อนๆบ่อยๆ เราจะส่งเนื้อหาฉบับเต็มให้ ขอความกรุณาคนที่ได้รับทาง PM อย่าเอาข้อมูลมาโพสต์นะคะ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: tiamkeaw ที่ 21 สิงหาคม 2014, 16:44:29 ขอบคุณและติดตามตอนต่อไปครับ :wanwan017:
หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: touchapong ที่ 21 สิงหาคม 2014, 19:04:52 นอกจากจะเป็น The Art of Price War แล้ว ยังเป็น Red Ocean อีกด้วย ไม่มีสินค้าอะไรในเมืองไทยที่ยังไม่มีขายในอีเบย์และอเมซอน ยกเว้นเป็นสินค้าที่เราผลิตเอง
ใครจะขายของ เซเว่น โลตัส บอกได้คำเดียวว่าคุณรอวันเจ๊งอย่างเดียว :'( หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 21 สิงหาคม 2014, 20:08:54 นอกจากจะเป็น The Art of Price War แล้ว ยังเป็น Red Ocean อีกด้วย ไม่มีสินค้าอะไรในเมืองไทยที่ยังไม่มีขายในอีเบย์และอเมซอน ยกเว้นเป็นสินค้าที่เราผลิตเอง ใครจะขายของ เซเว่น โลตัส บอกได้คำเดียวว่าคุณรอวันเจ๊งอย่างเดียว :'( อันนี้เราขอค้านค่ะ มีสินค้าไทยอีกมาก ที่ยังไม่มีขายในอีเบย์ อเมซอน เรามีลิสของสินค้าที่เตรียมเอาขึ้นขายอีกเพียบ เป็นสินค้าที่ยังไม่มีใครขายในอีเบย์ อเมซอน หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: kakato ที่ 21 สิงหาคม 2014, 20:20:23 ช่วงนี้ผมก็กล้าๆกลัวๆ กลัวเอาลงขายแล้วโดนตัดราคา
ต้องหาความรู้เยอะๆ :( หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 21 สิงหาคม 2014, 20:22:38 ก่อนเริ่มทำสงครามราคา เราต้องมีความพร้อมพอสมควร ทั้งในเรื่องของสินค้า ตลาด และจิตใจ การแข่งขันของเราไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัยชนะ มีเป้าหมายเพียงแค่ปกป้องธุรกิจ เรียนรู้คู่แข่ง ขยายตลาด และให้บทเรียนกับคู่แข่ง ให้เค้ารู้ว่าไม่ว่าคุณจะขายเก่งแค่ไหน ทำดีลมาดีแค่ไหน คุณก็ไม่สามารถชนะในการทำสงครามราคา แต่สงครามราคาจะทำให้คุณต้องทำงานมากขึ้นในขณะที่กำไรลดลง
เหตุเกิดเมื่อคู่แข่งเข้ามาหั่นราคาในหน้าสินค้าที่เราเปิดไว้บนอเมซอน หั่นราคาลงนิดๆหน่อยๆ เราก็จะไม่หั่นกลับ แต่คู่แข่งรายนี้เข้ามาหั่นเลย $10 - $15 กรณีนี้เรารับไม่ได้ ลองนึกดู ถ้าเรามีรายได้จากอเมซอนทางเดียว แล้วเจอแบบนี้ นั่นคือรายได้ที่เคยได้จะหายไปทั้งหมด เราไม่ได้ลำบากคนเดียว คนในครอบครัวลำบากไปด้วย เราจึงต้องทำสงครามราคา เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่การห้ำหั่นทำให้คู่แข่งล้มหายตายจาก เรามีเป้าหมายเพียงแค่ขายสินค้าในอเมซอนต่อไป คู่แข่งจะต้องได้เรียนรู้ว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่ควรทำเพราะมันจะทำให้เค้าลำบากตลอดชีพ โดยปกติแล้วเราไม่ค่อยชอบมีปัญหาหรือทะเลาะกับใคร เวลาที่เราต้องการลงขายราคาถูกกว่าคนอื่นมากๆ เราก็จะเปิด product page ขึ้นมาใหม่ เราไม่ค่อยชอบให้มีคนตามติดเราซักเท่าไหร่ ก่อนตัดสินใจทำการอย่างใดลงไป อันดับแรกเราเริ่มด้วยการประเมินคู่แข่ง ตามหาตัวตนของคู่แข่ง ร้านค้า การตลาด ประเมินต้นทุนและศักยภาพในการแข่งขัน การตามหาตัวตนของคู่แข่ง ร้านค้าในอเมซอนอาจจะบอกอะไรได้ไม่มาก ดังนั้นเราต้องตามหาร้านค้าในอีเบย์ของคู่แข่งให้เจอ(ทุกร้าน) การเซ็ตค่าต่างๆให้กับร้านค้าในอีเบย์ จะทำให้เราเข้าใจคู่แข่งได้มากขึ้น อย่าลืมมิตรแท้อย่างอากู๋นะคะ เสริจชื่อร้าน สินค้า เราจะเจอว่านอกจากอีเบย์ อเมซอน คู่แข่งเราขายที่ไหนบ้าง คู่แข่งเรามีเวบไซต์เป็นของตัวเอง ขายบนเฟซบุ๊คด้วย คู่แข่งเราขายเก่งจริงๆ ค่ะ เมื่อเจอร้านค้าคู่แข่ง เราก็สำรวจสินค้าคร่าวๆก่อนว่าเค้าขายอะไรบ้าง แล้วจึงเริ่มด้วยการอ่านฟีดแบค อ่านไปเรื่อยๆ จะเจอฟีดแบคที่เป็นประโยคกับเราเองค่ะ อ่านฟีดแบคจบ เราจะพอรู้คร่าวๆถึงความสามารถในการขาย อาจมีข้อมูลอื่นหลุดออกมาในฟีดแบคด้วย เราก็ตามหาจนเจอว่าคู่แข่งเราเป็นใครเพราะฟีดแบคนี่แหล่ะ กรณีของเราประเมินคู่แข่งจะง่ายหน่อย เพราะใช้ทางลัด เมื่อรู้ว่าเค้าคือใคร เราก็ใช้วิธีโทรถามข้อมูลจากบ.ขนส่ง เราได้ข้อมูลเพิ่มมาคือเรทค่าส่ง และปริมาณการส่งของในแต่ละวัน กรณีหาทางลัดไม่เจอ เราต้องประเมินแยกต้นทุนของคู่แข่งให้ออก ทำการประเมินสินค้าในร้านของคู่แข่ง แบ่งกลุ่มให้ได้ จัดกลุ่มสินค้าขายดีมาก ปานกลาง น้อย สินค้าทำกำไรมาก ปานกลาง น้อย ดูให้ละเอียด ประเมินต้นทุนสินค้าในร้านคู่แข่งให้ละเอียด cross check ด้วยการทดลองทำดีลกับบริษัทผู้ผลิต เรารู้ราคาขายบนเวบ และเมื่อประเมินต้นทุนได้แล้ว เราจะรู้ตัวเลขกำไร ถ้าเช็กทั้งร้าน และคอยติดตามพฤติกรรมการขาย เราจะรู้ได้ว่า คู่แข่งจะมีเกณฑ์การทำกำไรอย่างไร ต้องประเมินตัวเลขกำไรต่ำสุดที่คู่แข่งยอมรับได้ออกมาให้ได้ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: Udonthanitimes ที่ 21 สิงหาคม 2014, 20:27:24 ว้าว ... สุดยอดกลยุทธ์ รู้เขา รู้เรา.. ขอติดตามต่อ :wanwan003: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 21 สิงหาคม 2014, 21:30:33 ก่อนเริ่มทำสงครามราคา เราต้องมีความพร้อมพอสมควร ทั้งในเรื่องของสินค้า ตลาด และจิตใจ การแข่งขันของเราไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัยชนะ มีเป้าหมายเพียงแค่ปกป้องธุรกิจ เรียนรู้คู่แข่ง ขยายตลาด และให้บทเรียนกับคู่แข่ง ให้เค้ารู้ว่าไม่ว่าคุณจะขายเก่งแค่ไหน ทำดีลมาดีแค่ไหน คุณก็ไม่สามารถชนะในการทำสงครามราคา แต่สงครามราคาจะทำให้คุณต้องทำงานมากขึ้นในขณะที่กำไรลดลง เหตุเกิดเมื่อคู่แข่งเข้ามาหั่นราคาในหน้าสินค้าที่เราเปิดไว้บนอเมซอน หั่นราคาลงนิดๆหน่อยๆ เราก็จะไม่หั่นกลับ แต่คู่แข่งรายนี้เข้ามาหั่นเลย $10 - $15 กรณีนี้เรารับไม่ได้ ลองนึกดู ถ้าเรามีรายได้จากอเมซอนทางเดียว แล้วเจอแบบนี้ นั่นคือรายได้ที่เคยได้จะหายไปทั้งหมด เราไม่ได้ลำบากคนเดียว คนในครอบครัวลำบากไปด้วย เราจึงต้องทำสงครามราคา เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่การห้ำหั่นทำให้คู่แข่งล้มหายตายจาก เรามีเป้าหมายเพียงแค่ขายสินค้าในอเมซอนต่อไป คู่แข่งจะต้องได้เรียนรู้ว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่ควรทำเพราะมันจะทำให้เค้าลำบากตลอดชีพ โดยปกติแล้วเราไม่ค่อยชอบมีปัญหาหรือทะเลาะกับใคร เวลาที่เราต้องการลงขายราคาถูกกว่าคนอื่นมากๆ เราก็จะเปิด product page ขึ้นมาใหม่ เราไม่ค่อยชอบให้มีคนตามติดเราซักเท่าไหร่ ก่อนตัดสินใจทำการอย่างใดลงไป อันดับแรกเราเริ่มด้วยการประเมินคู่แข่ง ตามหาตัวตนของคู่แข่ง ร้านค้า การตลาด ประเมินต้นทุนและศักยภาพในการแข่งขัน การตามหาตัวตนของคู่แข่ง ร้านค้าในอเมซอนอาจจะบอกอะไรได้ไม่มาก ดังนั้นเราต้องตามหาร้านค้าในอีเบย์ของคู่แข่งให้เจอ(ทุกร้าน) การเซ็ตค่าต่างๆให้กับร้านค้าในอีเบย์ จะทำให้เราเข้าใจคู่แข่งได้มากขึ้น อย่าลืมมิตรแท้อย่างอากู๋นะคะ เสริจชื่อร้าน สินค้า เราจะเจอว่านอกจากอีเบย์ อเมซอน คู่แข่งเราขายที่ไหนบ้าง คู่แข่งเรามีเวบไซต์เป็นของตัวเอง ขายบนเฟซบุ๊คด้วย คู่แข่งเราขายเก่งจริงๆ ค่ะ เมื่อเจอร้านค้าคู่แข่ง เราก็สำรวจสินค้าคร่าวๆก่อนว่าเค้าขายอะไรบ้าง แล้วจึงเริ่มด้วยการอ่านฟีดแบค อ่านไปเรื่อยๆ จะเจอฟีดแบคที่เป็นประโยคกับเราเองค่ะ อ่านฟีดแบคจบ เราจะพอรู้คร่าวๆถึงความสามารถในการขาย อาจมีข้อมูลอื่นหลุดออกมาในฟีดแบคด้วย เราก็ตามหาจนเจอว่าคู่แข่งเราเป็นใครเพราะฟีดแบคนี่แหล่ะ กรณีของเราประเมินคู่แข่งจะง่ายหน่อย เพราะใช้ทางลัด เมื่อรู้ว่าเค้าคือใคร เราก็ใช้วิธีโทรถามข้อมูลจากบ.ขนส่ง เราได้ข้อมูลเพิ่มมาคือเรทค่าส่ง และปริมาณการส่งของในแต่ละวัน กรณีหาทางลัดไม่เจอ เราต้องประเมินแยกต้นทุนของคู่แข่งให้ออก ทำการประเมินสินค้าในร้านของคู่แข่ง แบ่งกลุ่มให้ได้ จัดกลุ่มสินค้าขายดีมาก ปานกลาง น้อย สินค้าทำกำไรมาก ปานกลาง น้อย ดูให้ละเอียด ประเมินต้นทุนสินค้าในร้านคู่แข่งให้ละเอียด cross check ด้วยการทดลองทำดีลกับบริษัทผู้ผลิต เรารู้ราคาขายบนเวบ และเมื่อประเมินต้นทุนได้แล้ว เราจะรู้ตัวเลขกำไร ถ้าเช็กทั้งร้าน และคอยติดตามพฤติกรรมการขาย เราจะรู้ได้ว่า คู่แข่งจะมีเกณฑ์การทำกำไรอย่างไร ต้องประเมินตัวเลขกำไรต่ำสุดที่คู่แข่งยอมรับได้ออกมาให้ได้ สินค้าไทยขายดีที่คนไทยมองข้ามยังมีอีกมาก แต่นึกกันยังไม่ออกเอง บางอย่างก็ยังไม่ถูกนำขึ้นสู่ท้องตลาด ของเราค่อยๆทยอยเอาขึ้น ทำตัวไม่ให้กระโตกกระตาก ไม่ให้ terapeak จับได้ มาวิเคราะห์คู่แข่งของคุณ April ต่อ ขอเตือนน้องใหม่แล้วกัน กลยุทธ ของเขาไม่ได้มีหลาย account เหมือนที่คนขายจ้าวใหญ่ทั้วไปใช้ ที่จะขายสินค้า เหมือนๆกัน แล้วให้ราคาขายต่ำๆ เพราะต้องซื้อของราคาส่ง คนมองอาจจะคิดว่ากำไรแค 10 บาทต่อชิน แต่จริงๆ กำไรคือ 60บาmต่อชิ้น เดือนนึงสินค้าตัวนี้ขยได้มากกว่า 200 ชิ้น ขาใหญ่รายนี้ เขามีเว็บไซต์เป็นของตนเอง กลยุทย์การขายดีกว่า เปิดหลาย account ทำให้สินค้าราคาต่ำ คนอื่นะไม่สนใจมาขาย รายได้หลักไม่ได้มาจากหมวดสินค้าในหมวดเดียว ยอดขายเขาก็สูงเอาการอยู่ เขาจะแตก product line ใหม่ๆ ความคิดไม่ต้องใช้มาก ดูคนที่ขายอยู่ก่อนหน้านี้ หรือน้องใหม่หากเห็นตัวไหนที่มีศักยภาพ เขาจะเปิดร้านใหม่ เรื่อยๆ สงสัยจะไปทำ Alibaba อีกทาง เมื่อเห็นว่าสินค้าตัวนั้นมีศักยภาพ เขาก็จะไม่รอช้าที่จะลงทุน เขาศึกษาต้นทุนมาอย่างดี ได้เปรียบเรื่องค่าขนส่ง รายได้เขาไม่ได้มาจากหมวด ก หมวด ส หมวดของ ต บ ็handmade เท่านั้น จาก คุณ April อย่าลืมมิตรแท้อย่างอากู๋นะคะ เสริจชื่อร้าน สินค้า เราจะเจอว่านอกจากอีเบย์ อเมซอน คู่แข่งเราขายที่ไหนบ้าง คู่แข่งเรามีเวบไซต์เป็นของตัวเอง ขายบนเฟซบุ๊คด้วย คู่แข่งเราขายเก่งจริงๆ ค่ะ นอกจากอากู๋แล้วพวกน้องสามารถดูได้จาก ฟอร์แมทการใช้ HTML การเขียนบรรยายสินค้า นโยบาย ต่างๆ สำหรับการ Returูn หรือ Refund Policy หรือการตั้งชื่อร้านอาจจะคล้ายๆกัน มีคำว่า Thai หรือ Thailand ก็จะหาความสัมพันธ์ว่าใครเป็นเจ้าของได้ จากนั้นก็มาประเมิณต้นทุนและดูพฤติกรรมของเขา เจ๊โหดดูทุกอาทิตย์ สินค้าบางชิ้นที่คู่แข่งของคุณ April ขายไม่ดี เขาก็จะมี trick อาจจะให้คนรู้จักมาประมูล :wanwan004: :wanwan004: สงสัยในตัวสินค้านี้มาก เพราะมันไม่ใช่ style ที่ฝรั่งชอบ พวกน้องที่คิดว่าสินค้าตัวนี้น่าจะทำกำไรมากกว่าชิ้นละ 1000 บาทขึ้นไปได้ ก็ search ข้อมูลจากอากู๋จากนั้นก็ไปเจอเว็บไซด์ของสินค้าที่แสร้งว่ามีกำไร สั่งของผ่าน หน้าเว็บ หรือ โทรสั่งจากที่ร้านโดยตรง อยากได้ราคาทุน ก็ต้องซื้ออย่างน้อยกี่ชิ้น ????? หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 21 สิงหาคม 2014, 22:00:23 นอกจากจะเป็น The Art of Price War แล้ว ยังเป็น Red Ocean อีกด้วย ไม่มีสินค้าอะไรในเมืองไทยที่ยังไม่มีขายในอีเบย์และอเมซอน ยกเว้นเป็นสินค้าที่เราผลิตเอง ใครจะขายของ เซเว่น โลตัส บอกได้คำเดียวว่าคุณรอวันเจ๊งอย่างเดียว :'( ยังขายได้อยู่แต่จ้าวใหญ่เขาปกป้องธุรกิจเต็มที่ :o :o มีหลาย account ขายสินค้า เหมือนๆกัน แล้วให้ราคาขายต่ำๆ เพราะต้องซื้อของราคาส่ง คนมองอาจจะคิดว่ากำไรแค 10 บาทต่อชิน :wanwan044: :wanwan044: ยกตัวอย่างสบู่ถูแล้วตัวขาว 3 ก้อน 100 บาท เราไปซื้อมาก้อนละ 20 บาท ราคาขาย$5.5 เจ้าใหญ่ $3.98 เจ้าใหญ่อาจซื้อเป็น lot ซื้อ 3 ลัง แถม 1 ลัง เขาซื้อได้ 9 บาท หรือครีมเปลี่ยนสีผม เราอาจซื้อมา 50 บาท ขาย $12 free shipping แต่จ้าวใหญ่ขาย $7.35 free shipping เข่าได้ราคา 30 บาทต่อกล่องแต่ต้องซื้อ 200 ชิ้นขึ้นไป Mistine สีเขียว หนูเป็นสาวมิสทัน ซื้อราคา สาธิต 50 บาท ขายได้ $6.5 ต่อหลอด แต่เขาได้ราคา 25 บาทต่อหลอด จ้าวใหญ่ขาย เหลือ $4.98 ต่าส่งก็ $60 บาทเข้าไปแล้ว ต้นทุนของหนู ปาไป 110 บาทแล้ว ยังไม่รวม ค่า fee ต่างๆ ขาย $4.98 ไม่ไหวหรอก :'( :'( ไม่อยากพูดมาก ขอสลายตัว :wanwan035: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: touchapong ที่ 22 สิงหาคม 2014, 08:01:01 สินค้าไทยที่ยังไม่มีใครขายบนอีเบย์หรืออเมซอนคืออะไร ผมอยากให้ชี้แจงรายละเอียดเป็นตัวอย่างไปเลย อธิบายกลยุทธ์ลึกซึ้งอย่างนี้พวกเด็กมือใหม่เค้าเข้าใจยากครับ โดยส่วนตัวแล้วหากใครคิดว่าสามารถปกป้องธุรกิจตัวเองได้มีกลยุทธ์หลากหลาย จะกลัวอะไรกับการขายของเลียนแบบ
โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าคนที่ขายของบนอีเบย์หรืออเมซอนก็คือการทำธุรกิจซื้อมาขายไป รายย่อย ในส่วนตัวคิดว่าไม่มีสินค้าไทยอะไรชนิดไหนที่ยังไม่มีใครขาย ทั้งขายตัดราคากันเองหรือคนจีนก๊อบสินค้าทำแข่งออกมาขาย ถ้าคุณไม่ได้เป็นผู้ผลิตเอง คุณซื้อมาขายไปย่อมต้องขายซ้ำกันอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเหลือสินึ้าไทยที่ยังไม่มีใครขาย โดยส่วนตัวแล้วผมใช้ช่องทางพวกนี้แค่ประชาสัมพันธ์สินค้าของผมแค่นั้นเอง อาศัยกลยุทธ์ด้านราคาเปิดตลาด ขายฝรั่งที่เป็นคนจน ผมเน้นตลาดส่งออกขนาดใหญ่มากกว่าตลาดย่อยอย่างอีเบย์หรืออเมซอน ลูกค้าผมผมติดต่อมาจากกรมส่งอออกโดยตรง ลูกค้าของผมคือ ญี่ปุ่น, อเมริกา, ยุโรป บ้างประปราย อ้อ ผมลืมบอกไปว่าธุรกิจผมคือเครื่องสำอางครับ ผมไม่กลัวการเลียนแบบ เพราะผมผลิตเอง ต่อให้พวกคุณเลียนแบบสินค้าผม คุณก็ไม่สามารถหาลูกค้าได้อย่างผมหรือดิวกับต่างประเทศได้อย่างผม ผมมั่นใจ ว่าแต่พวกคุณเถอะมีใครกล้าบอกมั้ย ว่าใครขายอะไร ? ผมเห็นการวิเคราะห์ของใครหลายคน ในบอร์ด อธิบายอย่างนั้นอย่างนี้ ผมอ่านมาหลายกระทู้แล้ว ยิ่งเขียนยิ่งอ่าน ยิ่งงง แต่ไม่มีใครกล้าบอกว่าใครขายอะไร (ถ้าสามารถปกป้องธุรกิจตัวเองได้จริง จะกลัวโดนเลียนแบบทำไมครับ) ขออนุญาตแชร์ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดถูกยังไงขออภัยไว้ ณ. ที่นี่ :wanwan017: ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: Udonthanitimes ที่ 22 สิงหาคม 2014, 10:34:34 สินค้าไทยที่ยังไม่มีใครขายบนอีเบย์หรืออเมซอนคืออะไร ผมอยากให้ชี้แจงรายละเอียดเป็นตัวอย่างไปเลย อธิบายกลยุทธ์ลึกซึ้งอย่างนี้พวกเด็กมือใหม่เค้าเข้าใจยากครับ โดยส่วนตัวแล้วหากใครคิดว่าสามารถปกป้องธุรกิจตัวเองได้มีกลยุทธ์หลากหลาย จะกลัวอะไรกับการขายของเลียนแบบ โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าคนที่ขายของบนอีเบย์หรืออเมซอนก็คือการทำธุรกิจซื้อมาขายไป รายย่อย ในส่วนตัวคิดว่าไม่มีสินค้าไทยอะไรชนิดไหนที่ยังไม่มีใครขาย ทั้งขายตัดราคากันเองหรือคนจีนก๊อบสินค้าทำแข่งออกมาขาย ถ้าคุณไม่ได้เป็นผู้ผลิตเอง คุณซื้อมาขายไปย่อมต้องขายซ้ำกันอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเหลือสินึ้าไทยที่ยังไม่มีใครขาย โดยส่วนตัวแล้วผมใช้ช่องทางพวกนี้แค่ประชาสัมพันธ์สินค้าของผมแค่นั้นเอง อาศัยกลยุทธ์ด้านราคาเปิดตลาด ขายฝรั่งที่เป็นคนจน ผมเน้นตลาดส่งออกขนาดใหญ่มากกว่าตลาดย่อยอย่างอีเบย์หรืออเมซอน ลูกค้าผมผมติดต่อมาจากกรมส่งอออกโดยตรง ลูกค้าของผมคือ ญี่ปุ่น, อเมริกา, ยุโรป บ้างประปราย อ้อ ผมลืมบอกไปว่าธุรกิจผมคือเครื่องสำอางครับ ผมไม่กลัวการเลียนแบบ เพราะผมผลิตเอง ต่อให้พวกคุณเลียนแบบสินค้าผม คุณก็ไม่สามารถหาลูกค้าได้อย่างผมหรือดิวกับต่างประเทศได้อย่างผม ผมมั่นใจ ว่าแต่พวกคุณเถอะมีใครกล้าบอกมั้ย ว่าใครขายอะไร ? ผมเห็นการวิเคราะห์ของใครหลายคน ในบอร์ด อธิบายอย่างนั้นอย่างนี้ ผมอ่านมาหลายกระทู้แล้ว ยิ่งเขียนยิ่งอ่าน ยิ่งงง แต่ไม่มีใครกล้าบอกว่าใครขายอะไร (ถ้าสามารถปกป้องธุรกิจตัวเองได้จริง จะกลัวโดนเลียนแบบทำไมครับ) ขออนุญาตแชร์ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดถูกยังไงขออภัยไว้ ณ. ที่นี่ :wanwan017: ขอบคุณครับ การขายปลีก / การขายส่ง หรือ เป็นผู้ผลิต / ซื้อมาขายไป วิธีการก็ต่างกันไปครับ เขาแชร์เทคนิด เท่าที่ทำได้แบบนี้ ผมก็ว่า เป็นการแบ่งปันประสบการณ์แล้วละครับ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: kasetthai ที่ 22 สิงหาคม 2014, 11:24:20 แวะมาทักทาย อาจารย์เจ๊กับคุณเมษาครับ ผมขอเรียกพวกชอบขายตัดราคาและตามเกาะว่า Me Too Marketing คุณขายอะไร ฉันขายด้วย.....เกาะกันไป แบกกันไป....พวกนี้ไม่นานสมองจะฝ่อตายไปเองครับ..แต่ต้นแบบอย่างคุณ April จะยิ่งเก่งขึ้นคมขึ้น ......รวยขึ้น...ฟันธงครับ :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017:
หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 22 สิงหาคม 2014, 11:42:10 วันนี้ช่วงหัวค่ำ หลังจากเสร็จงาน จะมาเขียนต่อค่ะ
คู่แข่งเราเก่งจริงๆค่ะ เค้าคงไม่ใช่คนนิสัยไม่ดี เราไม่เคยรู้จักเค้าเราคงบอกไม่ได้ว่าเค้าเป็นคนไม่ดี ที่เค้าเข้ามาตัดราคาเรา น่าจะเป็นเค้าขยายธุรกิจตามโอกาสที่เค้ามองเห็น ส่วนเราก็มีหน้าที่ปกป้องธุรกิจเรา ส่วนเรื่องสินค้าไทยที่ยังไม่มีใครขายในอีเบย์ อเมซอน มีอีกเพียบค่ะ อย่าไปมองแค่ใน 7/11 บิ๊กซี โลตัส เอาแค่ลองไปเดินแผนกของใช้ในบ้านของห้างอื่นดู ก็จะเริ่มเห็นสินค้าบ้าง เราคงไม่มานั่งอธิบายว่าอันไหนขายได้ขายไม่ได้ เมื่อเราเริ่มศึกษาคู่แข่ง เราพบว่าเค้าเก่งจริงๆค่ะ เราได้ความรู้จากเค้าเยอะเลย หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: BB ที่ 22 สิงหาคม 2014, 11:58:36 ดุเดือดน่าดู ค้ลายๆ Lotus มาเปิดแล้ว โชว์ห่วยรายย่อย ทยอยปิดตัวเลยครับ
หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: loc.know ที่ 22 สิงหาคม 2014, 13:09:36 สินค้าไทยที่ยังไม่มีใครขายบนอีเบย์หรืออเมซอนคืออะไร ผมอยากให้ชี้แจงรายละเอียดเป็นตัวอย่างไปเลย อธิบายกลยุทธ์ลึกซึ้งอย่างนี้พวกเด็กมือใหม่เค้าเข้าใจยากครับ โดยส่วนตัวแล้วหากใครคิดว่าสามารถปกป้องธุรกิจตัวเองได้มีกลยุทธ์หลากหลาย จะกลัวอะไรกับการขายของเลียนแบบ โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าคนที่ขายของบนอีเบย์หรืออเมซอนก็คือการทำธุรกิจซื้อมาขายไป รายย่อย ในส่วนตัวคิดว่าไม่มีสินค้าไทยอะไรชนิดไหนที่ยังไม่มีใครขาย ทั้งขายตัดราคากันเองหรือคนจีนก๊อบสินค้าทำแข่งออกมาขาย ถ้าคุณไม่ได้เป็นผู้ผลิตเอง คุณซื้อมาขายไปย่อมต้องขายซ้ำกันอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเหลือสินึ้าไทยที่ยังไม่มีใครขาย โดยส่วนตัวแล้วผมใช้ช่องทางพวกนี้แค่ประชาสัมพันธ์สินค้าของผมแค่นั้นเอง อาศัยกลยุทธ์ด้านราคาเปิดตลาด ขายฝรั่งที่เป็นคนจน ผมเน้นตลาดส่งออกขนาดใหญ่มากกว่าตลาดย่อยอย่างอีเบย์หรืออเมซอน ลูกค้าผมผมติดต่อมาจากกรมส่งอออกโดยตรง ลูกค้าของผมคือ ญี่ปุ่น, อเมริกา, ยุโรป บ้างประปราย อ้อ ผมลืมบอกไปว่าธุรกิจผมคือเครื่องสำอางครับ ผมไม่กลัวการเลียนแบบ เพราะผมผลิตเอง ต่อให้พวกคุณเลียนแบบสินค้าผม คุณก็ไม่สามารถหาลูกค้าได้อย่างผมหรือดิวกับต่างประเทศได้อย่างผม ผมมั่นใจ ว่าแต่พวกคุณเถอะมีใครกล้าบอกมั้ย ว่าใครขายอะไร ? ผมเห็นการวิเคราะห์ของใครหลายคน ในบอร์ด อธิบายอย่างนั้นอย่างนี้ ผมอ่านมาหลายกระทู้แล้ว ยิ่งเขียนยิ่งอ่าน ยิ่งงง แต่ไม่มีใครกล้าบอกว่าใครขายอะไร (ถ้าสามารถปกป้องธุรกิจตัวเองได้จริง จะกลัวโดนเลียนแบบทำไมครับ) ขออนุญาตแชร์ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดถูกยังไงขออภัยไว้ ณ. ที่นี่ :wanwan017: ขอบคุณครับ โอ้แหล่มครับ ผมเคยพูดไว้หลายทีแล้วเรื่องการสร้างจุดแข็ง จุดขาย และที่สำคัญการสร้าง brand ของตัวเอง สินค้าของตัวเอง เพราะพวกนี้มันจะแข่งขันกันยาก กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ มันต้องเริ่มต้นจากเดินก่อนวิ่ง คนที่จะมาแข่ง คงจะวิ่งตีคู่กับเรายาก แนวคิดแบบนี้แหละที่ควรเอาไปใช้ในการทำธุรกิจจริงๆ ให้ได้ผลระยะยาวๆ ขายของตามห้าง หรืออะไรที่คนเดินเข้าถึงง่ายๆ ไม่นานก็ตามมากันเพียบอยู่แล้ว ลองดูที่มันแตกต่างจากชาวบ้านเค้าหน่อย แล้วก็ต่อยอดให้เป็นของเราเอง อยู่ยาวแน่นอน ฟังธง :wanwan003: :wanwan003: :wanwan003: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: touchapong ที่ 22 สิงหาคม 2014, 14:02:19 ดีใจครับ ที่มีคนเห็นด้วยกับความคิดผม :'( ผมขอบอกก่อนเลยผมไม่ได้มีอคติกับอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ผมไม่อยากให้คนที่จะเข้ามาในวงการนี้รู้สึกคาดหวังกับพวกเว็บอีคอมเมิซ์อย่างนี้มากเกินไป มีทฤษฎีหลายอย่างจากเจ้าสำนักหลายเจ้า ที่บอกว่าควรจะเขียน Title อย่างนี้ Description อย่างนี้ ถึงจะมีโอกาสให้ลูกค้าเห็น แล้วผมขอย้อนกลับหน่อยนะครับว่า การใช้ Keyword หรือเทคนิคอะไรต่างๆ นั้นนะ เจ้าอื่นเค้าก็ทำได้ครับ โดยเฉพาะฝรั่งเพราะพวกมันเป็นคนคิดระบบนี้ขึ้นมาก่อนเรา แล้วมันยังได้เปรียบเรื่องภาษามากกว่าพวกเราที่เป็นคนไทยอีกต่างหาก อย่างนี้เกิดอะไรขึ้นครับ สินค้าเราจะเบียดขึ้นมาอยู่หน้าหนึ่งได้รึครับ ไม่ว่าจะเป็นอีเบย์หรือกูเกิ้ล keyword มันก็มีแค่ไม่กี่ตัว แล้วอย่างนี้จะเอาอะไรมาวัดผลล่ะครับ ว่าสินค้าของใครควรจะขึ้นหน้าแรก
โดยระบบอีคอมเมิซ์ที่ฝรั่งมันคิดขึ้นมาน่ะ มันออกแบบมาเพื่อเอาเปรียบคนขายอยู่แล้วครับ มันทำให้พวกฝรั่งมันได้เปรียบกันเองมากกว่าคนขายอย่างพวกเรา นิดหน่อยฟ้อง นิดหน่อยให้ฟีดแบ็กลบ ทำให้คนขายเสียเปรียบ ต้องเป็นฝ่ายยอมทุกอย่าง ไม่ว่าจะออกค่าส่งฟรี สินค้าแตกหักต้องรับผิดชอบ สินค้าหายต้องรับผิดชอบ ถามจริงๆ เถอะครับ ว่าหลังจากส่งของให้ไปรษณีย์ ไปแล้ว เราไม่สามารถไปควบคุมไปรษณีย์ให้เค้าถนอมสินค้าเราหรอกครับ นั่นคือเราเริ่มเสียเปรียบเค้าแล้วหนึ่งข้อ ฝรั่งนั่งรอกระดิกเท้าอยู่ที่บ้านสบายใจ ของมาช้า ของเสียหาย ของหาย ให้ฟีดแบ็กลบ อย่างเดียว ขอเงินคืนอย่างเดียว ฉันไม่สนใจ ล่าสุดผมเพิ่งได้ฟีดแบ็กลบมาอีกหนึ่งอัน แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ พิมพ์ด่ามันตอบกลับไปด้วยซ้ำ ผมถือว่ามันเป็นแค่ช่องทางนึงเท่านั้นเองไอ้เว็บพวกนี้น่ะ แล้วผมก็ไม่ต้องมาทฤษฎีอะไรมากมาย ใครอยากจะก๊อบสินค้าผมก็เชิญ เพราะผมบอกไปแล้วว่าผมขายอะไร ยังไง มัันไม่ใช่ขั้นตอนที่จะทำกันง่ายๆ ในการขายของจำนวนมากๆ อย่างในอีเบย์หรืออเมซอน ผมเห็นมาหลายคนหลายเจ้าแล้ว ทฤษฎีอย่างนั้นอย่างนี้ การหาลูกค้า การปกป้องธุรกิจ หรืออย่างอื่นอีกมากมาย แต่พวกท่านอาจารย์ทั้งหลายเหล่านั้น กลับไม่กล้าบอกว่าตัวเองขายอะไร มันน่าแปลก มั้ยครับ ในเมื่อทฤษฎีต่างๆ ที่พวกท่านอาจารย์ทั้งหลายเหล่านั้นคิดขึ้นมา ท่านย่อมต้องไม่กลัวใครจะมาขายเลียนแบบท่านแล้ว ยังมีต่ออีกเยอะครับ ไว้จะมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ มาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังเฉย ยังไงต้องขออภัยเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในบอร์ดนะครับ ไม่ได้มีเจตนาอะไรทั้งสิ้น :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017: ป.ล. ผมลองเริ่มทำอีเบย์จากศูนย์ใช้เวลากับมันประมาณ ปีกว่าๆ เกือบ 2 ปี แล้ว ทำตั้งแต่ Feedback 100% ยันตอนนี้ Feedback ผมเหลือแค่ 98% กว่า ๆ ผ่านการเป็น Top rate seller แล้ว ล่าสุดตำแหน่ง เหลือแค่ Power seller ลิมิทสินค้าผมตอนนี้อีเบย์ให้ผม 1,000 กว่าชิ้น ล่าสุดเพิ่งโดนฝรั่งมันให้ Feedback ลบมา ทั้งที่คืนเงินให้มันไปแล้ว แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ แถมพิมพ์ด่ามันกลับไปอีกต่างหาก อย่างที่บอกไว้ในกระทู้ที่แล้ว หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: myoho ที่ 22 สิงหาคม 2014, 14:23:06 ดีใจครับ ที่มีคนเห็นด้วยกับความคิดผม :'( ผมขอบอกก่อนเลยผมไม่ได้มีอคติกับอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ผมไม่อยากให้คนที่จะเข้ามาในวงการนี้รู้สึกคาดหวังกับพวกเว็บอีคอมเมิซ์อย่างนี้มากเกินไป มีทฤษฎีหลายอย่างจากเจ้าสำนักหลายเจ้า ที่บอกว่าควรจะเขียน Title อย่างนี้ Description อย่างนี้ ถึงจะมีโอกาสให้ลูกค้าเห็น แล้วผมขอย้อนกลับหน่อยนะครับว่า การใช้ Keyword หรือเทคนิคอะไรต่างๆ นั้นนะ เจ้าอื่นเค้าก็ทำได้ครับ โดยเฉพาะฝรั่งเพราะพวกมันเป็นคนคิดระบบนี้ขึ้นมาก่อนเรา แล้วมันยังได้เปรียบเรื่องภาษามากกว่าพวกเราที่เป็นคนไทยอีกต่างหาก อย่างนี้เกิดอะไรขึ้นครับ สินค้าเราจะเบียดขึ้นมาอยู่หน้าหนึ่งได้รึครับ ไม่ว่าจะเป็นอีเบย์หรือกูเกิ้ล keyword มันก็มีแค่ไม่กี่ตัว แล้วอย่างนี้จะเอาอะไรมาวัดผลล่ะครับ ว่าสินค้าของใครควรจะขึ้นหน้าแรก โดยระบบอีคอมเมิซ์ที่ฝรั่งมันคิดขึ้นมาน่ะ มันออกแบบมาเพื่อเอาเปรียบคนขายอยู่แล้วครับ มันทำให้พวกฝรั่งมันได้เปรียบกันเองมากกว่าคนขายอย่างพวกเรา นิดหน่อยฟ้อง นิดหน่อยให้ฟีดแบ็กลบ ทำให้คนขายเสียเปรียบ ต้องเป็นฝ่ายยอมทุกอย่าง ไม่ว่าจะออกค่าส่งฟรี สินค้าแตกหักต้องรับผิดชอบ สินค้าหายต้องรับผิดชอบ ถามจริงๆ เถอะครับ ว่าหลังจากส่งของให้ไปรษณีย์ ไปแล้ว เราไม่สามารถไปควบคุมไปรษณีย์ให้เค้าถนอมสินค้าเราหรอกครับ นั่นคือเราเริ่มเสียเปรียบเค้าแล้วหนึ่งข้อ ฝรั่งนั่งรอกระดิกเท้าอยู่ที่บ้านสบายใจ ของมาช้า ของเสียหาย ของหาย ให้ฟีดแบ็กลบ อย่างเดียว ขอเงินคืนอย่างเดียว ฉันไม่สนใจ ล่าสุดผมเพิ่งได้ฟีดแบ็กลบมาอีกหนึ่งอัน แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ พิมพ์ด่ามันตอบกลับไปด้วยซ้ำ ผมถือว่ามันเป็นแค่ช่องทางนึงเท่านั้นเองไอ้เว็บพวกนี้น่ะ แล้วผมก็ไม่ต้องมาทฤษฎีอะไรมากมาย ใครอยากจะก๊อบสินค้าผมก็เชิญ เพราะผมบอกไปแล้วว่าผมขายอะไร ยังไง มัันไม่ใช่ขั้นตอนที่จะทำกันง่ายๆ ในการขายของจำนวนมากๆ อย่างในอีเบย์หรืออเมซอน ผมเห็นมาหลายคนหลายเจ้าแล้ว ทฤษฎีอย่างนั้นอย่างนี้ การหาลูกค้า การปกป้องธุรกิจ หรืออย่างอื่นอีกมากมาย แต่พวกท่านอาจารย์ทั้งหลายเหล่านั้น กลับไม่กล้าบอกว่าตัวเองขายอะไร มันน่าแปลก มั้ยครับ ในเมื่อทฤษฎีต่างๆ ที่พวกท่านอาจารย์ทั้งหลายเหล่านั้นคิดขึ้นมา ท่านย่อมต้องไม่กลัวใครจะมาขายเลียนแบบท่านแล้ว ยังมีต่ออีกเยอะครับ ไว้จะมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ มาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังเฉย ยังไงต้องขออภัยเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในบอร์ดนะครับ ไม่ได้มีเจตนาอะไรทั้งสิ้น :wanwan017: :wanwan017: :wanwan017: ป.ล. ผมลองเริ่มทำอีเบย์จากศูนย์ใช้เวลากับมันประมาณ ปีกว่าๆ เกือบ 2 ปี แล้ว ทำตั้งแต่ Feedback 100% ยันตอนนี้ Feedback ผมเหลือแค่ 98% กว่า ๆ ผ่านการเป็น Top rate seller แล้ว ล่าสุดตำแหน่ง เหลือแค่ Power seller ลิมิทสินค้าผมตอนนี้อีเบย์ให้ผม 1,000 กว่าชิ้น ล่าสุดเพิ่งโดนฝรั่งมันให้ Feedback ลบมา ทั้งที่คืนเงินให้มันไปแล้ว แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ แถมพิมพ์ด่ามันกลับไปอีกต่างหาก อย่างที่บอกไว้ในกระทู้ที่แล้ว มหาเทพมาเอง นะครับเนี่ย หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 22 สิงหาคม 2014, 15:26:02 สินค้าไทยที่ยังไม่มีใครขายบนอีเบย์หรืออเมซอนคืออะไร ผมอยากให้ชี้แจงรายละเอียดเป็นตัวอย่างไปเลย อธิบายกลยุทธ์ลึกซึ้งอย่างนี้พวกเด็กมือใหม่เค้าเข้าใจยากครับ โดยส่วนตัวแล้วหากใครคิดว่าสามารถปกป้องธุรกิจตัวเองได้มีกลยุทธ์หลากหลาย จะกลัวอะไรกับการขายของเลียนแบบ โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าคนที่ขายของบนอีเบย์หรืออเมซอนก็คือการทำธุรกิจซื้อมาขายไป รายย่อย ในส่วนตัวคิดว่าไม่มีสินค้าไทยอะไรชนิดไหนที่ยังไม่มีใครขาย ทั้งขายตัดราคากันเองหรือคนจีนก๊อบสินค้าทำแข่งออกมาขาย ถ้าคุณไม่ได้เป็นผู้ผลิตเอง คุณซื้อมาขายไปย่อมต้องขายซ้ำกันอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเหลือสินึ้าไทยที่ยังไม่มีใครขาย โดยส่วนตัวแล้วผมใช้ช่องทางพวกนี้แค่ประชาสัมพันธ์สินค้าของผมแค่นั้นเอง อาศัยกลยุทธ์ด้านราคาเปิดตลาด ขายฝรั่งที่เป็นคนจน ผมเน้นตลาดส่งออกขนาดใหญ่มากกว่าตลาดย่อยอย่างอีเบย์หรืออเมซอน ลูกค้าผมผมติดต่อมาจากกรมส่งอออกโดยตรง ลูกค้าของผมคือ ญี่ปุ่น, อเมริกา, ยุโรป บ้างประปราย อ้อ ผมลืมบอกไปว่าธุรกิจผมคือเครื่องสำอางครับ ผมไม่กลัวการเลียนแบบ เพราะผมผลิตเอง ต่อให้พวกคุณเลียนแบบสินค้าผม คุณก็ไม่สามารถหาลูกค้าได้อย่างผมหรือดิวกับต่างประเทศได้อย่างผม ผมมั่นใจ ว่าแต่พวกคุณเถอะมีใครกล้าบอกมั้ย ว่าใครขายอะไร ? ผมเห็นการวิเคราะห์ของใครหลายคน ในบอร์ด อธิบายอย่างนั้นอย่างนี้ ผมอ่านมาหลายกระทู้แล้ว ยิ่งเขียนยิ่งอ่าน ยิ่งงง แต่ไม่มีใครกล้าบอกว่าใครขายอะไร (ถ้าสามารถปกป้องธุรกิจตัวเองได้จริง จะกลัวโดนเลียนแบบทำไมครับ) ขออนุญาตแชร์ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดถูกยังไงขออภัยไว้ ณ. ที่นี่ :wanwan017: ขอบคุณครับ การขายปลีก / การขายส่ง หรือ เป็นผู้ผลิต / ซื้อมาขายไป วิธีการก็ต่างกันไปครับ เขาแชร์เทคนิด เท่าที่ทำได้แบบนี้ ผมก็ว่า เป็นการแบ่งปันประสบการณ์แล้วละครับ ใช่ค่ะ เป็นการแชร์เทคนิค หากจะบอกว่าขายสินค้าอะไร เหมือนกับสำนักอบรมแห่งหนึ่ง โมษณาลงใน Facebook บอกว่าเรียนกับเราแล้วแถมชื่อร้านค้าไทยที่ขายสินค้า Handmade ดีบน Amazon :wanwan035: :wanwan035: :wanwan035: แล้วมันไม่ดีต่อระบบ Amazon ถ้าสอนกันแบบนี้มันก็ใกล้เน่าแล้ว คนที่เรียนก็กรูกันไปดูสินค้าที่ร้านนั้นขาย แล้วก็ขายตาม มันก็ไม่ดีทั้งระบบ การทำธุรกิจที่ดีควรจะมีความลับ แม้ว่าจะขายสินค้าที่ผลิตเอง :wanwan009: :wanwan009: ส่วนตัวขายเครื่องประดับ Handmade ที่ทำเอง จะไม่เอาแบบมาโชว์ว่าลายพี่เป็นแบบไหน ยกเว้นลายที่ไม่มีคนทำได้ วันดีคืนดีก็มีคนจีนมา Copy แบบของเจ๊โหดที่ ขายบน ebay เจ๊โหดก็ต้องใช้ Vero อีกตัวอย่างคือ Slimming Tea กล่องสีเขียว ก็มีคนออกแบบ Skinny Tea กล่องสีเขียว ขนาดเท่ากัน รูป logo ผู้หญิงก็คล้ายกันขายที่ Big C สามารถปกป้องธุรกิจตัวเองได้จริง จะกลัวโดนเลียนแบบทำไมครับ :wanwan005: วิธีที่ใช้มันไม่สมบูรณ์ไปร้อย เปอร์เซ็นต์ หรอก การทำธุรกิจควรมองด้านที่เลวร้ายที่สุด คือการเลียนแบบไว้ด้วย หากคู่แข่งคนนั้นมีศักยภาพในการแข่งขันสูง พี่ก็ใบ้ให้ว่ายอดเขามาจากหมวด ก ก ย่อมาจากอะไร อบ่างลูกปัดอิตาลีที่ผลิตจากแก้วมี 7 สี ราคาชิ้นละ 150 บาท ขนาด 1 cmx 1 cm โดยคนจีน Copy ไปขายเส้นละ $2 มี 48 เม็ด ค่าส่ง$1 ลูกปัด อิตาลีก็ไม่สามารถแข่งขันในตลาดบน ebay ได้ เมื่อคุณ April เขียน เรื่อง The Art of Price War ก็เดาว่าเขาคงไม่ได้ลดราคาสินค้าเป็นช่วงๆ แต่ต้องการขยายตลาดไปยังสินค้าอื่น ส่วนเรื่องที่เราเสียเปรียบฝรั่งเพราะฝรั่งออกกฎ มันก็ถูกต้องส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญคือเราต้องเข้าใจกฎและปรับตัวตามกฎ แล้วก็ใช้กฏ นั้นโต้แย้งกับเขา คำถามคือทุกคนเข้าใจกฎนั้นหรือยัง หรือมีกฎที่สำคัญแต่เรายังไม่ได้อ่าน :wanwan023: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 22 สิงหาคม 2014, 21:16:07 รวมๆสำหรับคห.ด้านบนค่ะ
ก่อนอื่นต้องรับรู้ว่าที่นี่คือบอร์ดสำหรับแชร์ข้อมูลข่าวสารฟรี ไม่มีใครรับจ้างใครมาโพสต์ ความต้องการแชร์ข้อมูลขึ้นกับความพอใจของคนโพสต์ ผู้อ่านก็ต้องก็ต้องใช้วิจารณญาณ เมื่อคุณอ่านแล้วคุณอยากเชื่อแบบไหน อยากคิดต่อยอดแบบไหน ก็ทำได้ ไม่มีใครห้าม คนที่เข้ามาทำธุรกิจ ไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกคน คนที่ประสบความสำเร็จคือคนกลุ่มน้อย ก็ไม่แปลกที่ทัศนคติของคนกลุ่มน้อยนี้จะแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ ถ้าเรายืนหยัดทำให้สิ่งที่เราคิดว่าใช่ ด้วยใจรัก เจอปัญหาก็หาทางแก้ สุดท้ายจะประสบความสำเร็จ ความคิดเชิงบวกมีผลมากกับความสำเร็จ อยู่ร่วมกันในสังคม ต้องใส่ใจเขาใส่ใจเรา ไม่มีอะไรถูกใจเราไปซะทุกอย่าง ฝรั่งคิดระบบอีคอมขึ้นมาสำหรับขายของในประเทศเค้า ภาษาก็ต้องใช้ภาษาของเค้า และระบบต้องทำเงินให้เค้า เราเข้ามาขายของ มาใช้ระบบที่เค้าลงทุนทำขึ้นมา เราก็ก็ต้องจ่ายเงินให้เค้า คนที่เข้ามาแชร์ข้อมูลให้คนอื่น เราชื่นชมนะ อย่างเจ๊โหด เราเองคงไม่มีน้ำใจเท่ากับเจ๊โหดหรอกค่ะ และแน่นอนว่าเราจะไม่โพสต์บอกว่าเราขายสินค้าอะไร ได้กำไรเท่าไหร่ บอกไปก็ไม่เกิดผลดีกับเรา จะบอกทำไม สิ่งที่เราโพสต์คือสิ่งที่เราอยากเล่าให้ฟัง เราไม่มีเป้าหมายมาสอนมือใหม่หรือสอนใคร เราแค่อยากเล่าให้ฟัง วันนี้เราโพสต์บ้าง วันอื่นคุณโพสต์บ้าง แชร์เรื่องราวกัน ใครมีปัญหาอะไรก็มาโพสต์ถาม ใครรู้ก็มาตอบ เราว่าแค่นี้ก็ถือว่าดีแล้วค่ะ สำหรับแหล่งข้อมูลฟรี ไม่ต้องเสียเงินค่าลงทะเบียน นี่คือโลกของธุรกิจ ใครอยากประสบความสำเร็จก็ต้องเรียนรู้เอง เก็บประสบการณ์ มองหาความสำเร็จให้ตัวเอง หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 22 สิงหาคม 2014, 23:06:11 เข้ามาตอบเพราะสนใจหัวข้อกระทู้ the art of price war ทุกคนก็ประสบอยู่
ดน price war กับสินค้าที่ขายดีเหมือนกัน เมื่อโดนแล้วก็ต้องตั้งสติ พอแก้โจทย์ได้ ก็รู้สีกเหมือนเป็นเด็กอีกครั้ง ทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ป้องกัน price war คืออย่าทำให้คู่แข่งมีโอกาสใช้ price war โจมตีเราอาจเป็นตั้งแต่เลือกสินค้ามาขาย ผลิตสินค้า หรือมาประกอบสินค้าเอง Monitor ตลอด แม้ว่าจะเทคโนโลยีจะก้าวล้ำเพียงใด เช่น ขายของบนมือถือสิ่งที่เราทุกคนหลีกเลี่ยงไม่พ้น คือ Price War สมมติอกแบบชุด dress ผู้หญิง มีชื่อแบร์นว่า Trudy พ่อค้าหัวใสมาเจอ แบร์นของพี่ชอบใจ เลือกผ้าแบบเดียวกันมาตัด แต่ เกรดของผ้าเป็น grade C เนื้อจะบางกว่าสีของลายจะไม่สวยเท่าของจริง แถมตั้งชื่อ แบร์นว่า Trudi พี่มีกระเป๋าติดเสิ้อด้านซ้าย ของเขาติดกระเป๋าด้านขวา แล้วพ่อค้าหัวใสก็ตัดราคา ทางแก้ 1 Sell Benefit ไม่ใช่ Sell Feature แก้ปัญหาโดยการเปรียบเทียบคุณลักษณะของผ้า บอกประโยชน์ ว่าใช้ของเราการตัดเย็บเป็นอย่างไร คุณจะใช้งานได้มากกว่า 2 ปี กระดุมก็ไม่หลุดง่าย พี่เชื่อว่าคนจะซื้อสินค้าโดยมองที่ประโยชน์ใช้สอยเทียบกับราคามากกว่าซื้อของในราคาถูกที่สุด 2 Retarget Market ส่งสินค้าไปในประเทศที่พวกเล่น price war ไม่ส่งกัน ขายราคาแพงกว่า ยกตัวอย่างบางคนไม่ส่งสินค้าไปที่ ทวีป แอฟริกา จะส่งไปบางประเทศที่ไปรษณีย์ ไทยถึงไว 4 อาทิตย์ของถึงมือลูกค้าแล้ว แต่จะมาให้บอกว่าส่งประเทศอะไรบ้าง ไม่บอกค่ะ ขยายตลาดไปเมืองจีน ซี่งสินค้ามีลู่ทางอยู่ 3 ทำการวิเคราะห์คู่แข่งแล้วก็เก็บแต้ม ตามสถานการณ์ เล่าเรื่องตาอิน กับตานาแล้วกัน ตาอินเปิดร้านขายของบน ebay ยอดขายของตาอิน เกิน 1 ล้านบาทต่อเดือน ตานาก็ยอดเกินล้านบาทต่อเดือน พอตาอินมีสืนค้าอะไรใหม่ปุ้บ ตานาก็ขายตาม วันดีคืนดีตานา ก็ไปลดราคาสินค้าใน terapeak ประมาณ 1 อาทิตย์ ยอดขายของตานาก็ทะลุเป้า ตานาเอายอดนี้ไปโชว์ผู้เข้ารับการอบรม เก็บเงินได้อีก มีสินค้าของผู่เข้าอบรมที่ขายดี ตานาก็ไปเปิด account ใหม่ไม่ให้ผู้เข้าอบรมรู้ จากนั้นมีตาอยู่เห็นตานาเล่นตุกติก รู้ว่าตานาจะลดราคาสินค้าช่วงวันไหน ก็ไปลดสินค้าต่ำกว่าตานา $0.01 พอหมดช่วงลดราคาสินค้าตานาก็ข็นราคา ตาอยู่ก์ขึ้นราคาตาม :wanwan044: 4 Response Competitor หากเจอคู่แข่งที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงจะสู้กลับ ก็คงจะเข้าไปสู้ในสินค้าที่คู่แข่งทำรายได้มากที่สุด เหตุที่คู่แข่งขยายอาณาเขตและกิจการไปเรื่อยๆ คงเพราะคิดว่าไม่มีใครกล้าชน อาจจะใช้ขื่อแฟนหรือของน้องเปิด account ใหม่ ไม่ให้รู้ตัว 5 เจรจากับคู่แข่งเพื่อกำหนดราคาตลาด อันนี้พี่ได้ message มาจาก Africa D เป็น seller ที่ขายของสะสมบน ebay พี่มีสินค้าอยู่ 2 -3 ตัวขออย่าให้ตัดราคา และขอให้ช่วยซื้อของสะสมให้เธอตามรายการต้องส่งก่อนเดือนต.ค วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด ชนะทั้งคู่ :wanwan003: :wanwan003: มีอีกหลายวิธี ที่ดี ใครอยากแชร์ ก็เชิญนะคะ :wanwan007: :wanwan007: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: YAMS ที่ 22 สิงหาคม 2014, 23:09:49 ขอบคุณคุณ Trudy และคุณ April มากๆค่ะ ที่มาแชร์ประสบการณ์ ได้ความรู้และมีประโยชน์มากๆค่ะ :wanwan017:
ชอบที่เพื่อนในกระทู้นี้เรียกพวกที่เอาของมาขายตามว่าเป็น Me Too Marketing ฮาๆๆๆ น่ารักมากค่ะ :wanwan019: จากประสบการณ์เราเรื่องขายของบนอีเบย์นี่ ถ้าเป็นของที่หาได้ทั่วไปตามท้องตลาด ถึงแม้เราจะเอามาขายเป็นเจ้าแรกในอีเบย์ ถ้ามันขายได้ เดี๋ยวก็จะมีคนเอามาขายตามค่ะ บางครั้งก็เจอคนที่เอามาขายตามขายราคาเดียวกับเรา แต่บางครั้งก็เจอคนที่เอามาขายแบบตัดราคาค่ะ สำหรับเราเองใช้กลยุทธตรงข้ามกับ Me Too Marketing เลยค่ะ 555 คือถ้าเห็นคนไทยขายอะไรแล้ว เราไม่เอาของแบบเดียวกันนั้นมาขายเลยค่ะ เราขี้เกียจมานั่งแข่งกันค่ะ ฉะนั้น เราจะยอมเสียเวลามากสักหน่อยในการวิเคราะห์เพื่องมหาสินค้าที่ยังไม่มีใครเอามาลงขาย แล้วเป็นสินค้าที่มี demand ที่เรารู้สึกว่าเอามาขายได้ มันมีคนซื้อ เราถึงเอามาขายค่ะ อันไหนพอขายได้แล้วมีคนเอามาขายตาม ก็จะขำๆค่ะ เราก็หาสินค้าตามแนวทางของเรามาขายแบบนี้เรื่อยๆ แต่เราก็มีอีก account ที่ขายสินค้าแบบที่มีแค่ อันเดียวอันนี้ อยู่ด้วยค่ะ สินค้าประเภทนี้ก็ไม่ต้องกลัวอะไรเลยค่ะ เพราะไม่มีใครเอามาขายตามได้ เราเป็นคนขายเล็กๆค่ะ ขายแบบเงียบๆไปเรื่อยๆ ไม่ไปขวางใคร ตัดราคาใคร ใครจะมาแข่งด้วยก็ช่าง ไม่ได้สนใจ เราก็เดินหน้าของเราไป สบายใจดีค่ะ :wanwan013: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: EINSTEIN ที่ 22 สิงหาคม 2014, 23:28:54 ช่วยแชร์ด้วยคับ
มุกเดียวที่ผมใช้ในการต่อสู้ สงครามราคา จะคล้าย แบบนี้ https://www.facebook.com/PundeeRice/photos/a.123107504482273.17511.122876307838726/545676895558663/?type=1&theater ส่วนราคาข้าวสารยี่ห้อดีๆหน่อย ทั่วๆไป 175 บาท ระหว่างข้าวสาร 175 บาท กับ ข้าวสารค่ายสิงห์ ราคา 198 บาท แต่แถม น้ำสิงห์ 1.5 ลิตร 6 ขวด ท่านคิดว่า ท่านเลือกอะไร เหรอคับ ส่วนที่เคยทำไปใน ebay คือ ถ้ามีการตัดราคา ผมจะสู่ด้วยของแถมที่มูลค่า วิธีเลือกของแถมทีมีมูลค่า คือ เลือกสินค้าอีกชนิดหนึ่ง ในตลาดอื่นที่มีความต้องการสูง แข่งกันเยอะๆ กำไรน้อยๆ กำลังจะวาย ผมก็ไปซื้อตัวนั้นมาแถม เช่น แถมกางเกงเล จริงๆผมแถมตัวอื่น ที่มีน้ำหนักน้อย ที่ขายกันได้เยอะๆ แต่กำไรน้อยๆ แต่บอกไม่ได้คับ สินค้าผมเป็นไอที แต่แถมงาน handmade ของอีกตลาดหนึ่ง สินค้าไอทีผมก็ไม่จำเป็นต้องลดราคา ให้ลูกค้าตัดสินเอาคับ เหมือน case ข้าสารด้านบนเลย จริงๆ สมัยเริ่มขายใหม่ๆ คิดอะไรไม่ออก ผมไปเดินโลตัส คารฟูร์ แล้วเลียนแบบวิธีเค้า เพราะตลาดเหล่านี้เป็น red ocean เค้าต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆนานา กันเต็มที่เลย หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 23 สิงหาคม 2014, 07:33:33 สงครามราคาเป็นเรื่องที่ทุกคนที่ทำอีเบย์อเมซอนต้องเจอ แต่ละคนก็จะมีวิธีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน ขึ้นกับชนิดสินค้าที่ขายกับประสบการณ์แต่ละคน เราขายสินค้าที่ไม่ได้ผลิตเอง แต่เราก็ไม่เคยมองว่าปัญหามันจะเยอะกว่าคนที่ผลิตสินค้าเอง กรณียอดขายตก เราจะไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่เพราะ fix cost ต่ำ ไม่ต้องบริหารจัดการบุคลากรหรือทรัพยากร ซึ่งมันก็เป็นมุมมองของเรา เรามีประสบการณ์การบริหารจัดการคน การ QC ผลิตภัณฑ์ เราคงบริหารจัดการไม่เป็น เราเหนื่อยมาก การขายสินค้าออนไลน์ เทรนเปลี่ยนเร็ว เราจึงไม่อยากรับภาระความเสี่ยงตรงนี้ เราจึงไม่ผลิตสินค้าเอง
ที่เราโพสต์หัวข้อนี้เพราะเรารู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ แต่ละคนก็จะมีวิธีการแก้ไขของตัวเอง เราก็อยากให้มาเล่าสู่กันฟัง เผื่อบางสิ่งบางอย่างที่โพสต์อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่เจอปัญหานี้อยู่ อีกประเด็นที่เราอยากจะบอกคือ ถ้าสินค้าคุณขายดี แล้วมีคนเข้ามาขายตัดราคา แสดงว่าคนที่เข้ามาตัดราคาคุณเลือกสินค้าเก่ง ก็ลองดูสำรวจดูสินค้าในร้านของเค้า มองในทางบวกคือเค้าเอา inventory ของเค้ามานำเสนอคุณ คุณก็เลือกๆดู คุณอาจจะเจอสินค้าดีๆก็ได้ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 23 สิงหาคม 2014, 08:22:58 อีกประเด็นที่เราอยากจะบอกคือ ถ้าสินค้าคุณขายดี แล้วมีคนเข้ามาขายตัดราคา แสดงว่าคนที่เข้ามาตัดราคาคุณเลือกสินค้าเก่ง ก็ลองดูสำรวจดูสินค้าในร้านของเค้า มองในทางบวกคือเค้าเอา inventory ของเค้ามานำเสนอคุณ คุณก็เลือกๆดู คุณอาจจะเจอสินค้าดีๆก็ได้
คุณ April ให้แล้วนะว่าสินค้าใหม่เราควรจะขายอะไร :wanwan004: ตอนนี้ตลาด Amazon แข่งขันกันแรง ทุกคนก็พุ่งเป้าไปที่สินค้า Handmade ของไทยที่กำไรเกิน 500 บาทต่อชิ้น ร้านค้าไทยที่ขายงาน Handmade ก็ระวังตัวไว้ก็ดี อย่างเช่นปลอกหมอนผ้าไหมเทียม ที่เคยขายได้เรื่อยๆ ตลอดปีอาจจะยิ้มไม่ออก หรือ สินค้าบางอย่าง ที่อยู่บน Amazon FBA ตอนนี้ก็ยอดตกเพราะคู่แข่งก็เอาสินค้าเข้า FBA เหมือนกัน กลยุทธที่ไช้ Me too Marketing ตอนนี้กำลังระบาดอยู่ บางที่สอนแบบไม่ต้องใช้หัวคิด เรียนกับเราแถมชื่อร้านค้าไทยที่ขายสินค้า Handmade ดีบน Amazon ลองดูดี เราอาจจะเป็นพวกโชคดีบนความโชคร้ายก็ได้ หากคุณสามารถวิเคราะห์คู่แข่ง ต้นทุน การผลิต กลยุทธ์ที่เขาใช้ สินค้าทั้งหมดของเขาที่ขาย รู้ทั้งเว็บไซด์ Facebook คุณอาจจะเจอสินค้าที่ดีและนำไปต่อยอดได้ มี seller ไทยคนหนึ่ง เขาขายพวกอาหารเสริม ที่หาได้ที่วไป แต่เขา repackaging สินค้า จากขวด ใส่ซองแทน เขาไม่เขียนชื่อ Brand แต่เอาประโยชน์ของสินค้ามาเป็น keywords เจ๊โหดรู้ทันทีว่าเป็น Brand อะไร แต่ไม่ขายตามจะ repackaging แบบเขาบ้าง ในสินค้าตัวอื่น ขืนไปตัดราคาสุ่มสี่สุ่มห้า สินค้าที่ขายดีของเราอาจเป็นสินค้าใหม่ในร้านของเขา :wanwan003: :wanwan003: อย่างไรก็ตามยังมี e commerse ตัวใหม่ ที่ไม่ใช่ ebay amazon alibaba ลองเข้าไปขายดูนะคะ ไม่บอกว่าตืออะไร :wanwan007: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 23 สิงหาคม 2014, 09:02:50 ก่อนกลับเข้าเรื่องต่อ เราขอบอกก่อนนะว่าเป้าหมายครั้งนี้คือการทำสงครามราคา ดังนั้นสิ่งที่เราจะโพสต์คือวิธีที่เราใช้หั่นราคาสู้กับคู่แข่ง
กลับเข้ามาที่ร้านอีเบย์ของคู่แข่ง วิเคราะห์การเขียน title, product description, policies ของคู่แข่งเพื่อประเมินความสามารถของคู่แข่ง เช็กว่ามีลิสต์แบบ internationally ที่ไหนบ้าง หลังจากนั้นเข้าไปดูการตั้งค่าส่ง ดูวิธีการส่งและค่าส่งในแต่ละประเทศ วิเคราะห์ว่าคู่แข่งเราโฟกัสที่ตลาดไหนบ้าง มาดูข้อมูลของคู่แข่งเรากันค่ะ (ข้อมูลบางส่วนที่เราต้องการเซ็นเซอร์จะถูกแทนด้วย ตัวอักษร A-Z, กรณีตัวเลข XXX จะหมายถึงเลขหลักร้อย, XX หมายถึงเลขหลักสิบ บางคนจะได้รับเนื้อหาทาง PM ก็เปิดอ่านฉบับนั้นแทนค่ะ เพราะเราจะไม่เซ็นเซอร์ข้อมูลในนั้น) คู่แข่งเราเริ่มขายอีเบย์ก่อนอเมซอน ดังนั้นเค้าน่าจะโฟกัสตลาดตามอีเบย์ เค้าส่งสินค้าด้วย express บริษัทA ซึ่งเราก็ส่งกับที่นี่อยู่เหมือนกัน เค้าเป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของบริษัทA ในหมวดสินค้าที่เค้าเปิดร้านขายในอีเบย์ จากข้อมูลที่เราได้รับ ส่วนลดที่ได้เค้าใช้อยู่เป็นส่วนลดสูงสุดในกลุ่มลูกค้า e-com ของบริษัท ค่าส่ง express ของเค้าจะถูกกว่าค่าส่งพัสดุย่อยเล็กน้อย ยกตัวอย่างพัสดุ 1.0 กก. จะถูกกว่าพัสดุย่อย XX บาท กลับมาที่ร้านค้าอีเบย์ของคู่แข่ง เข้าไปดูการตั้งค่าขนส่ง เราพบว่ามีการตั้งค่าส่ง express ราคาถูกเฉพาะในแถบอเมริกาเหนือ อังกฤษ เยอรมัน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ตามที่อีเบย์มี option ให้เลือกสำหรับกรอกข้อมูลในส่วนของ shipping policies ซึ่งร้านค้าในอีเบย์ส่วนใหญ่ก็มักทำดีลในลักษณะเดียวกันนี้ ค่าส่งในยุโรปจะแพงที่สุด โดยอเมริกา แคนนาดาจะถูกที่สุด ส่วนนี้ก็เป็นปกติของการทำดีลเช่นเดียวกัน ผู้ค้ารายใหญ่มักจะโฟกัสตลาดแถบอเมริกา ออสเตรเลียก่อน รองลงมาก็คือยุโรป เมื่อประเมินคู่แข่งจบรอบแรก เราพบว่าคู่แข่งเราขายเก่งทีเดียว มีเวบชื่อเดียวชื่อร้านในอีเบย์ รู้วิธีการดึงลูกค้าจากอีเบย์เข้าเวบ รู้จักการทำ SEO ดี เสริจสินค้าหลายๆตัว พบว่าเวบเค้าขึ้นในห้าอันดับแรกของกูเกิลตลอด รู้จักใช้เฟซบุ๊คกับเวบ และใช้กับการเปิดประมูลในอีเบย์ สินค้าที่ลงประมูล ปิดราคาสูงตลอด นอกจากนี้ยังมีร้านค้าใน etsy และ pinterest ขยันจริงๆ หลังจากสำรวจร้านค้าคู่แข่ง จะต้องอ่านต้นทุนแยกตามสินค้าและค่าส่งให้ได้ ประเมินยอดขายและประเมินสต๊อกออกมา หลังจากนั้นก็เริ่มหาข้อมูลผู้ผลิต สำรวจดูผู้ขายสินค้าแบบเดียวกันรายอื่นๆ โทรคุยกับผู้ผลิต ทดลองทำดีลด้วยยอดสั่งซื้อสั่งซื้อที่สูงกว่าคู่แข่ง เพื่อเช็กว่าเราประเมินต้นทุนคู่แข่งถูกต้องหรือไม่ เมื่อได้ต้นทุน ราคาขาย เราจะรู้ว่าคู่แข่งทำกำไรเท่าไหร่ ลองคาดการณ์เกณฑ์การทำกำไรขั้นต่ำออกมา ก่อนอื่นต้องรู้ว่าคนที่ขายออนไลน์ได้ต่อเนื่องยาวนาน จะไม่ขายขาดทุน และมักจะมีเกณฑ์ทำกำไรขั้นต่ำ เช่นถ้าต้นทุนสินค้าหนึ่งพันบาท กำไรขั้นต่ำ 200 บาท เมื่อคาดการณ์เกณฑ์การทำกำไรขั้นต่ำของคู่แข่งออกมาได้ ก็ลองนำมาใช้กับสินค้าของเราที่ถูกคู่แข่งหั่นราคา ประเมินออกมาว่าคู่แข่งจะลงขายราคาต่ำสุดได้เท่าไหร่ กลับมาสำรวจตัวเราเองในทุกๆด้าน เพื่อประเมินว่าว่าเราพร้อมที่จะสู้หรือไม่ ส่วนไหนที่ไม่เป็นปัญหาก็ต้องแก้ไข เปรียบเทียบข้อมูลคู่แข่งกับข้อมูลของตัวเราเอง ถ้าต้นทุนเราแพงกว่า ต้องหาทางปรับดีลให้ดีขึ้น ถ้าตลาดเราแคบกว่า เราต้องมองหาตลาดเพิ่ม ประเมินดูว่า ณ ราคาต่ำสุดที่คู่แข่งจะขาย เราสามารถทำกำไรได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ต้องหาทางลดต้นทุนให้ได้ก่อน หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 23 สิงหาคม 2014, 09:23:44 เราอยากให้เริ่มมองต่างมุม มองมุมกลับ มองวิกฤตเป็นโอกาส ลองคิดดู
คนส่วนใหญ่มองว่าอีเบย์คือทางตัน แต่ก็มีกลุ่มเล็กๆที่มองว่าอีเบย์คือทางสว่าง คนส่วนใหญ่มองว่าอีเบย์ไม่น่าทำเพราะผู้ขายใหม่ถูกจำกัด แต่ก็มีกลุ่มเล็กๆที่มองว่าอีเบย์น่าสนใจเพราะผู้ขายใหม่ถูกจำกัด คนส่วนใหญ่มองว่าพัสดุย่อยเป็นวิธีการส่งที่ดีและประหยัดที่สุด แต่ก็มีผู้ขายกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งมองว่าพัสดุย่อยเป็นวิธีการส่งที่แย่และแพงที่สุด คนส่วนใหญ่มองว่าจะอยู่รอดจากสงครามราคาต้องเป็นเจ้าของแบรนด์ แต่เรากำลังจะบอกว่าไม่จำเป็น ถ้าเป็นคุณ คุณคิดว่ายังไง เห็นแบบเดียวกับคนกลุ่มใหญ่ หรือเห็นแบบเดียวกับคนกลุ่มน้อย หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: kasetthai ที่ 23 สิงหาคม 2014, 09:48:29 :wanwan017: กระทู้ไหนที่มี อาจารย์เจ๊ กับคุณ April07 มาแชร์รู้สึกว่ามันส์มากๆครับ เพราะได้แลกเปลี่ยนกับคนที่ค้าขายจริงๆ
ผมขอแชร์บ้างเล็กๆน้อยๆ ของผมออกจะเทาๆหน่อยนะครับ แรกๆผมก็จิตตกเหมือนกันเวลาคนมาขายตามหรือตัดราคา เพราะเราเป็นคนลงสินค้าเอง ถ่ายรูป เขียนรายละเอียดต่างๆเองทั้งหมด สินค้าที่เราเลือกมันขายได้จริงๆเพราะประสบการที่ทำมา มันมองออกว่า ชิ้นนี้ขายได้แน่ๆเลยเอามาถ่ายรูป พอมีคนมาตามก็เว็งเหมือนกัน อย่างหนึ่งที่ผมได้สินค้าใหม่บ่อยๆคือ การขอดเกล็ดครับคือย้อนกลับไปดูว่าคนนี้ มีสินค้าอะไรที่ขายดีบ้างที่เรายังไม่ลง...บ่อยครั้งก็จะได้สินค้าเพิ่มอีกหลายตัว.....หรือได้ไอเดียในการนำสินค้ามาขายเพิ่ม... หรือถ้าผมหมั่นใส้มากๆเพราะคนๆนี้ขายตามเราทุกชิ้และตัดราคาทุกชิ้น ผมจะเอาชื่อร้านเขามาตั้งชื่อสินค้ากวนๆ ที่เจ้าของร้านพอตามเข้ามาแล้วไม่กล้าแข่ง เพราะประจานตัวเอง..... :wanwan004: สะใจดีครับ แถมของที่ทำแบบนี้ก็ขายได้อีกต่างหาก. :wanwan004: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: korpai ที่ 23 สิงหาคม 2014, 10:49:36 ขอบคุณสำหรับการแชร์ครับ มีประโยชน์มากครับ
ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ เผื่อเป็นประโยชน์ อ้างถึง คู่แข่งเราเริ่มขายอีเบย์ก่อนอเมซอน ดังนั้นเค้าน่าจะโฟกัสตลาดตามอีเบย์ เค้าส่งสินค้าด้วย express บริษัทA ซึ่งเราก็ส่งกับที่นี่อยู่เหมือนกัน เค้าเป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของบริษัทA ในหมวดสินค้าที่เค้าเปิดร้านขายในอีเบย์ จากข้อมูลที่เราได้รับ ส่วนลดที่ได้เค้าใช้อยู่เป็นส่วนลดสูงสุดในกลุ่มลูกค้า e-com ของบริษัท ค่าส่ง express ของเค้าจะถูกกว่าค่าส่งพัสดุย่อยเล็กน้อย ยกตัวอย่างพัสดุ 1.0 กก. จะถูกกว่าพัสดุย่อย XX บาท พวกนี้เขาต่อรองกันอย่างไรครับ ถึงได้ค่าส่งระดับนี้ได้ ต้องมียอดส่งต่อเดือนเท่าไรครับ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 25 สิงหาคม 2014, 00:18:49 เราอยากให้เริ่มมองต่างมุม มองมุมกลับ มองวิกฤตเป็นโอกาส ลองคิดดู คนส่วนใหญ่มองว่าอีเบย์คือทางตัน แต่ก็มีกลุ่มเล็กๆที่มองว่าอีเบย์คือทางสว่าง คนส่วนใหญ่มองว่าอีเบย์ไม่น่าทำเพราะผู้ขายใหม่ถูกจำกัด แต่ก็มีกลุ่มเล็กๆที่มองว่าอีเบย์น่าสนใจเพราะผู้ขายใหม่ถูกจำกัด คนส่วนใหญ่มองว่าพัสดุย่อยเป็นวิธีการส่งที่ดีและประหยัดที่สุด แต่ก็มีผู้ขายกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งมองว่าพัสดุย่อยเป็นวิธีการส่งที่แย่และแพงที่สุด คนส่วนใหญ่มองว่าจะอยู่รอดจากสงครามราคาต้องเป็นเจ้าของแบรนด์ แต่เรากำลังจะบอกว่าไม่จำเป็น ถ้าเป็นคุณ คุณคิดว่ายังไง เห็นแบบเดียวกับคนกลุ่มใหญ่ หรือเห็นแบบเดียวกับคนกลุ่มน้อย ตอนที่เจ๊ทำ eBay ครั้งแรก มีเขียนในหนังสือว่าคนที่จะทำ eBay สำเร็จมีแค่ 5 % เจ๊ก็นึกในใจขอให้เราเป็นหนึ่งในนั้นแล้วกัน :wanwan003: อย่างที่คุณ April ว่าคนบางคนเห็นปัญหา บางคนเห็นอุปสรรค บางคนยังไม่เข้าใจกระทู้เรื่องนี้ พอมีคนมาแลกเปลี่ยนความรู้ แล้วก็ถึงบางอ้อ :wanwan016: คุณ April ลำดับความคิดและเขียนเป็นระบบได้ดีมาก น้องจะได้อ่านอะไรดีๆจากคุณ April ซึ่งเป็นคนที่มีรายได้จากการขายของออนไลน์ จริงๆและนำรายได้ส่วนนี้ส่งลูกส่งหลานไปศึกษาต่อต่างประเทศ เจ๊อยากให้น้องเปิดใจอ่านหนังสือหรือค้นหาข้อมูลความรู้ แล้วสังเกตคิดตามนะคะจะเป็นประโยชน์ต่อพวกน้องในอนาคต กว่าที่คุณ April จะปรับตัวทำตรงนี้ได้ คุณ April ต้องใช้เวลากว่าจะเดินมาถึงจุดที่ทำงานประมาณ 4-5 ชมต่อวัน การจะมีรายได้ประจำจากการขายของ Online คนขายต้องขยัน ต้องคิดและมีความสม่ำเสมอ ในการหาสินค้ามาขายบนร้าน ไม่ใช่ขาย 3 เดือนหยุดแล้ว ขาย account ดีกว่า ไม่รู้ว่าขายอะไรดี ขายที่เขา post แนะนำว่าสินค้าตัวนี้ ขายบน Amazon ราคา xxx บาท คำถามเจ๊มันขายได้กี่หน่วย ใครเป็นคนขายเจ้าใหญ่ ขายแล้วน้องจะได้กำไรเท่าไหร่ หรือมีประก่าศบอกชื่อร้านที่ขายดีเรา List มาให้คุณ แล้วให้พวกน้องไปดูสินค้าเอา นั่้มีนคือน้องขายได้มีรายได้เร็ว นั่นคือคนสอนเก่ง เหรอ นั่นคือเทคนิคที่ดีเหรอ พอคนเยอะเข้าคนที่น้องลอกก็ปิดร้านไป แล้วน้องจะลอกใคร แล้วก็บอกว่า Amazon เน่าแล้ว ไปทำ ecommerce ตัวใหม่ดีกว่า เรียนจบ ก็ขายสินค้าที่เขาแนะนำทุกอาทิตย์ น้องจะขายได้ตลอดหรือไม่ :wanwan001: :wanwan001: :wanwan004: น้องที่บอกว่าสินค้าไทยที่ยังไม่มีคนขายช่วยบอกหน่อย เจ๊ไม่บอกแต่น้องต้องไปห้ดใช้ advance search บน ebayเยอะๆกล่อง ตัวเลือกแต่ละตัวมันมีความหมายอย่างไร ต้องห้ดสังเกต เจ๊ก็อ่านหนังสือ ebay แบบที่น้องอ่าน tool ก็ใช้ที่ฝรั่งคิด ทำไมถึงเห็นไม่เหมือนกัน ถ้าน้องสามารถหาข้อมูลตามที่เจ๊ยกตัวอย่างมาข้างล่าง แสดงว่าน้องเริ่มจะรู้แล้วว่าสินค้าไทยที่ยังไม่มีคนมาขายมันคืออะไร มีสินค้าไทยที่เพิ่ง Bid ไปในวันที่ 18 aug เป็นจำนวนเงิน THB73,496.52 หรือสินค้าไทย ที่ขายไปได้ เกิน >159,000 บาท แค่ 1ชิ้นในเดือน กค และมีของเจ๊ที่ฝรั่ง Bid ไปได้ และเอาไปให้คนประมูลใหม่ ในราคา 48,731.39 บาท ในวันที่ 10 กค :wanwan007: :wanwan007: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 25 สิงหาคม 2014, 00:23:13 ขอบคุณสำหรับการแชร์ครับ มีประโยชน์มากครับ ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ เผื่อเป็นประโยชน์ อ้างถึง คู่แข่งเราเริ่มขายอีเบย์ก่อนอเมซอน ดังนั้นเค้าน่าจะโฟกัสตลาดตามอีเบย์ เค้าส่งสินค้าด้วย express บริษัทA ซึ่งเราก็ส่งกับที่นี่อยู่เหมือนกัน เค้าเป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของบริษัทA ในหมวดสินค้าที่เค้าเปิดร้านขายในอีเบย์ จากข้อมูลที่เราได้รับ ส่วนลดที่ได้เค้าใช้อยู่เป็นส่วนลดสูงสุดในกลุ่มลูกค้า e-com ของบริษัท ค่าส่ง express ของเค้าจะถูกกว่าค่าส่งพัสดุย่อยเล็กน้อย ยกตัวอย่างพัสดุ 1.0 กก. จะถูกกว่าพัสดุย่อย XX บาท พวกนี้เขาต่อรองกันอย่างไรครับ ถึงได้ค่าส่งระดับนี้ได้ ต้องมียอดส่งต่อเดือนเท่าไรครับ *** คุณ Korpai น่าจะได้อ่านคำตอบแล้ว เราขอลบนะคะ** หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: Donny jet ที่ 25 สิงหาคม 2014, 00:26:54 กระทู้นี้มีประโยชน์ ขอบคุณทุกท่านที่มาแชร์ประสบการณ์การกัน :wanwan017: :wanwan017:
หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: pichit roungsakul ที่ 25 สิงหาคม 2014, 07:46:57 ติดตาม ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: dany009 ที่ 25 สิงหาคม 2014, 10:16:20 เราก็อ่านอย่างเดียวไม่มีประสพการณ์ที่แช่ มีแต่พล้งน้ำใจให้แทนนะ ขอขอบคุณ:wanwan012:
หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: Chipatha ที่ 25 สิงหาคม 2014, 16:06:07 ช่วงนี้สงสารลูกกะตาสุด ๆๆ ไมค่อยได้หยุดจากการทำงานหน้าคอมเลย อยากอ่าน แต่ไม่ไหว แต่ขอเเชร์เล็กน้อย ว่า ความจริงมันก็มีวิธีแก้ไขอยู่นา เรื่องที่ไม่ให้ใครมาตัดราคาแข่งเรา หรือมาเกาะเรา มันก็มีเทคนิค เรื่องนี้ ผมไม่เชื่อว่า คุณ April จะไม่ทราบ
ปล. ผมไม่ได้ขายงานแฮนด์เมด :-[ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 25 สิงหาคม 2014, 20:52:16 ช่วงนี้สงสารลูกกะตาสุด ๆๆ ไมค่อยได้หยุดจากการทำงานหน้าคอมเลย อยากอ่าน แต่ไม่ไหว แต่ขอเเชร์เล็กน้อย ว่า ความจริงมันก็มีวิธีแก้ไขอยู่นา เรื่องที่ไม่ให้ใครมาตัดราคาแข่งเรา หรือมาเกาะเรา มันก็มีเทคนิค เรื่องนี้ ผมไม่เชื่อว่า คุณ April จะไม่ทราบ ปล. ผมไม่ได้ขายงานแฮนด์เมด :-[ หายหน้าหายตาไป มีความรักเหรอคะคุณน้องหรือยอดขายเกิน ห้่าแสน ไมต้องมาขโมยซีนอีกนะ ไม่มีคนบ่น วันไหนไม่มีคุณ Chipatha ไม่รู้จะไปเตือนใคร :-[ หากเจอคู่แข่งที่เก่ง อย่างจบ MBA อเมริกา อังกฤษ ถ้าจบมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียง เขาจะมีการวางแผนตลอด ขยายตลาด แตก product line ใช้ social media ในการโปรโมทและประชาสัมพันธ์เต็มที่และค่อนข้างจะ aggressive คือเห็นโอกาส เมื่อไหร่ก็ลุยบางครั้งคนขายตัวเล็กมีผลกระทบ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณ April เป็นคนละเอียดรอบคอบ และมองการไกล มีการสร้าง warehouse คล้ายเก็บ Stock ของ Amazon FBA น่าจะแก้ปัญห่าตรงนี้ไปได้ เพียงแต่ว่าคุณ April ยุ่งอยู่กับภาระกิจอื่นๆอยู่ :wanwan002: :wanwan002: สำหรับนักขายของ online หน้าใหม่ การเรียนไม่มีวันสิ้นสุดนะคะ เจอคู่แข่งเจออุปสรรคก็อย่าท้อ ตัวเราจะพัฒนาได้เยอะก็ต่อเมื่อเจอคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ :wanwan003: ว่างๆก็เข้าไปดูการทำงานของร้านค้าใหญ่ทั้งของไทยกับต่างประเทศ ทั้งเรื่องการขาย การตลาด การประชาสัมพันธ์ การใช้สื่อonline เพื่อส่งเสริมการขาย วันไหนของเดือนที่เขาจะลดราคา และออก report พวก listing analysis กับ Traffic Report สำหรับคนไทย ขอให้ดูตัวอย่างของ คุณชัญญาวัจน์ วิชัยนิษฐ์ :wanwan013: :wanwan013: http://export.ebay.co.th/experience/sellerstory/Chanyawat.html ร้านค้าทั้ง 2 ร้าน ของคุณชัญญาวัจน์ ได้ยอดขายเกิน 5 ล้านบาทต่อเดือน ยอดขายติด 1 ใน 5 ของโลกในหมวด jewelry :o :o ลองเข้าไป search หา ร้านของคุณ ชัญญาวัจน์ ดูนะคะ ตอนแรกจะขายสินค้าแบบเขาเพราะคิดว่าน่าจะชายได้ แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะคิดวาต้นทุนของสินค้าคงสู้เขาไม่ได้ทั้งสินค้าที่จะนำมาขายกับ shipping cost ดังนั้น จึงไปทำลายแบบอื่น ซึ่งเป็นงานออกแบบของตัวเอง เหมาะกับลูกค้าที่ชอบงานชิ้นเดียวในโลก อยากให้พวกน้องดูการตั้งราคา title policy ต่างๆ คุณ ชัญญาวัจน์ ไม่ได้มีร้านค้าขาย auction อย่างเดียว ขายสม่ำเสมอ :wanwan016: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 26 สิงหาคม 2014, 01:26:22 ช่วงนี้สงสารลูกกะตาสุด ๆๆ ไมค่อยได้หยุดจากการทำงานหน้าคอมเลย อยากอ่าน แต่ไม่ไหว แต่ขอเเชร์เล็กน้อย ว่า ความจริงมันก็มีวิธีแก้ไขอยู่นา เรื่องที่ไม่ให้ใครมาตัดราคาแข่งเรา หรือมาเกาะเรา มันก็มีเทคนิค เรื่องนี้ ผมไม่เชื่อว่า คุณ April จะไม่ทราบ ปล. ผมไม่ได้ขายงานแฮนด์เมด :-[ คุณม้ามืดขโมยซีนมาแล้ว เราไม่ได้เก่งหรือรู้ไปหมดทุกอย่างหรอกค่ะ หลายๆเรื่องเลยที่มือใหม่รู้ดีแต่เราอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำไป ถ้ามีเวลาว่างก็ช่วยมาเขียนแนะนำหน่อยสิคะ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 26 สิงหาคม 2014, 01:55:54 FBA น่าจะแก้ปัญห่าตรงนี้ไปได้ :wanwan002: :wanwan002: ขอบคุณค่ะสำหรับความรู้ดีๆมากมายที่คอยโพสต์ให้พวกเราได้อ่าน FBA (Fulfilment by Amazon) มีข้อดีตรงคือสะดวก ราคาถูก ช่วยให้ผู้ขายที่อยู่ต่างประเทศสามารถแข่งขันได้ เหมาะกับสินค้าขายดีในอเมริกา แต่สำหรับเรา ตอนนี้เรามีเป้าหมายในการทำยอดขายในยุโรปตะวันออกกับอเมริกาใต้ FBA จึงไม่เหมาะกับเราเพราะระยะเวลานำส่งช้าและค่าส่งแพง ส่วนการแข่งขันในอเมริกา ไม่จำเป็นต้องพึ่ง FBA ถึงแม้คู่แข่งจะทำ FBA ต้นทุนค่าขนส่งยังแพงกว่าเราอยู่ดี โซนยุโรปตะวันออก อเมริกาใต้ เป็นโซนที่ผู้ขายส่วนใหญ่มองข้าม แต่ความต้องการซื้อในประเทศเหล่านี้สูงมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ขาย สินค้าที่ขายในประเทศเหล่านี้ค่อนข้างแพงเพราะภาษีนำเข้าสูง แต่การขายออนไลน์ที่ส่งทีละชิ้น สามารถเลี่ยงภาษีได้ ทำให้สินค้าไทยหลายๆชิ้นที่ขายในอเมริกาแค่ $50-$60 แต่ขายได้ในประเทศเหล่านี้ $80-$100 ที่จริงความรู้ทั่วๆไปเกี่ยวกับอีเบย์ อเมซอน ของเราอาจจะสู้คนอื่นๆไม่ได้ เราแค่มีความเข้าใจเรื่องการทำเอกสารกำกับและการเคลียร์ภาษี ลูกค้าแถบยุโรปกับอเมริกาใต้ จะค่อนข้างกังวลเรื่องภาษีมาก ถ้าเราแก้ปัญหาตรงนี้ได้ เราก็ได้ลูกค้า ปล. อยากจะบอกอีเบย์ของเค้าดีจริงค่ะ ขายสบายมากๆ การแข่งขันต่ำ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: korpai ที่ 29 สิงหาคม 2014, 22:07:01 ขอบคุณสำหรับการแชร์ครับ มีประโยชน์มากครับ ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ เผื่อเป็นประโยชน์ อ้างถึง คู่แข่งเราเริ่มขายอีเบย์ก่อนอเมซอน ดังนั้นเค้าน่าจะโฟกัสตลาดตามอีเบย์ เค้าส่งสินค้าด้วย express บริษัทA ซึ่งเราก็ส่งกับที่นี่อยู่เหมือนกัน เค้าเป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของบริษัทA ในหมวดสินค้าที่เค้าเปิดร้านขายในอีเบย์ จากข้อมูลที่เราได้รับ ส่วนลดที่ได้เค้าใช้อยู่เป็นส่วนลดสูงสุดในกลุ่มลูกค้า e-com ของบริษัท ค่าส่ง express ของเค้าจะถูกกว่าค่าส่งพัสดุย่อยเล็กน้อย ยกตัวอย่างพัสดุ 1.0 กก. จะถูกกว่าพัสดุย่อย XX บาท พวกนี้เขาต่อรองกันอย่างไรครับ ถึงได้ค่าส่งระดับนี้ได้ ต้องมียอดส่งต่อเดือนเท่าไรครับ *** คุณ Korpai น่าจะได้อ่านคำตอบแล้ว เราขอลบนะคะ** มาไม่ทันครับ ไม่ได้เข้าบอร์ดเลย แต่ขอบคุณครับ ที่ตอบให้ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 02 กันยายน 2014, 23:45:20 FBA น่าจะแก้ปัญห่าตรงนี้ไปได้ :wanwan002: :wanwan002: ขอบคุณค่ะสำหรับความรู้ดีๆมากมายที่คอยโพสต์ให้พวกเราได้อ่าน FBA (Fulfilment by Amazon) มีข้อดีตรงคือสะดวก ราคาถูก ช่วยให้ผู้ขายที่อยู่ต่างประเทศสามารถแข่งขันได้ เหมาะกับสินค้าขายดีในอเมริกา แต่สำหรับเรา ตอนนี้เรามีเป้าหมายในการทำยอดขายในยุโรปตะวันออกกับอเมริกาใต้ FBA จึงไม่เหมาะกับเราเพราะระยะเวลานำส่งช้าและค่าส่งแพง ส่วนการแข่งขันในอเมริกา ไม่จำเป็นต้องพึ่ง FBA ถึงแม้คู่แข่งจะทำ FBA ต้นทุนค่าขนส่งยังแพงกว่าเราอยู่ดี โซนยุโรปตะวันออก อเมริกาใต้ เป็นโซนที่ผู้ขายส่วนใหญ่มองข้าม แต่ความต้องการซื้อในประเทศเหล่านี้สูงมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ขาย สินค้าที่ขายในประเทศเหล่านี้ค่อนข้างแพงเพราะภาษีนำเข้าสูง แต่การขายออนไลน์ที่ส่งทีละชิ้น สามารถเลี่ยงภาษีได้ ทำให้สินค้าไทยหลายๆชิ้นที่ขายในอเมริกาแค่ $50-$60 แต่ขายได้ในประเทศเหล่านี้ $80-$100 ที่จริงความรู้ทั่วๆไปเกี่ยวกับอีเบย์ อเมซอน ของเราอาจจะสู้คนอื่นๆไม่ได้ เราแค่มีความเข้าใจเรื่องการทำเอกสารกำกับและการเคลียร์ภาษี ลูกค้าแถบยุโรปกับอเมริกาใต้ จะค่อนข้างกังวลเรื่องภาษีมาก ถ้าเราแก้ปัญหาตรงนี้ได้ เราก็ได้ลูกค้า ปล. อยากจะบอกอีเบย์ของเค้าดีจริงค่ะ ขายสบายมากๆ การแข่งขันต่ำ ว่าจะมาตอบกระทู้นี้หลายครั้งแล้ว แต่งานประจำยุ่ง การขายของ Online ช่วงนี้เหมือนกับการชิงไหวชงพริบ :wanwan003: เพราะยอดขายส่วนใหญ่จะตกกัน ช่วงนี้ใครขายสินค้าพวกครีม ของเหลว เป็นรายได้หลัก ของอาจจะไม่ถึงมือลูกค้า เพราะทาง US กับ RUSSIA เขาระแวงเรื่องระเบิดบนเครื่องบินนะคะ แม้แต่ยาหม่องก็ถูกตีกลับเพราะเขาคิดว่าถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นมันจะกลายเป็นของเหลวไปเลอะสินค้าของคนอื่นอีก พี่จะมาแชร์ประสบการณ์การขายของ Online แล้วกัน พี่เริ่มจาก ebay ก่อน เพราะพี่คิดว่าสินค้าของพี่คงจะขายออกได้เร็ว และไม่กระทบกับงานประจำ ถ่ายรูปของวันอาทิตย์ post ขายของวันอาทิตย์ พี่ซื้อหนังสือ ebay มา 2 เล่ม ของคุณ กิต กับคุณอนุชา พี่ทำการบ้าน 1 เดือนก่อนขาย ebay 1 อ่านหนังสือ ทำความเข้าใจ ถ้าตรงไหนสงสัย วงไว้ 2 หนังสือกับข้อมูลปัจจุบัน ข้อมูลอันไหนไม่ตรงกัน ก็วงไว้ พี่พบว่าค่าธรรมเนียมของ ebay หลังสินค้าขายได้เพิ่มขึ้นจาก 7% เป็น 9% 3 ทำ cost sheet ของต้นทุน พี่จะทำเป็นตาราง excel เอาไว้ ซื้อ notebook กล้อง canon เครื่อง printer ใหม่ ค่าอุปกรณ์ pack สินค้า ค่า Internet รวมถึง Cost sheet ของ ebay amazon พวกค่าธรรมเนียมต่างๆและค่าธรรมเนียมหลังการขาย 4 ทำ Competitors Sheet ใครขายสินค้าคล้ายกับของพี่บ้าง สมมติพี่ขายแหวนเงิน ในแต่ละช่องพี่จะเขียน User ID ,Other IDs ,Other URL and Social Network, Item ID, ชื่อสินค้า, Sold Items,ราคา,ประเทศที่ส่ง,ประเทศที่ไม่ส่ง, Negative FB Comment, จุดอ่อน,จุดแข็ง, กลยุทธ์, Activitiesต่างๆ พี่จะเลือกคนขายที่ขายสินค้าแบบนี้ดีมา 5 คน ดูว่าเขามี account อื่นอีกหรือไม่ พี่จะสังเกตพฤติกรรมการขายของเขา ส่วนใหญ่คนขายไทยจะเปิดร้านที่ขายสินค้าแบบเดียวกัน แต่ละร้านราคาไม่เท่ากัน เพื่อให้คนขายใหม่ดูว่าสินค้านี้ได้กำไรน้อย จะได้ไม่เข้ามาแข่งขัน พี่จำได้ว่าตอนที่เรียนธุรกิจ อาจารย์จะให้ทำ Competitors Sheet หลังจากวิเคราะห์ ตัวเรา ตลาด และสินค้า น้องอาจดูว่ามันเสียเวลาแต่พี่ว่ามันทำให้เราเป็นคนรอบคอบเพราะสิ่งที่ได้จากการเรียนธุรกิจคือการวางกลยุทธ์ ตอนแรกพี่ก็สงสัยว่าทำไม คนขายไม่ส่งยาหม่องตราเสือไปเยอรมัน เพราะเยอรมันเขามีกฎหมายเรื่อง ห้ามเอา medical Product เข้าประเทศ คนไหนซื้อต้องจ่ายภาษีสูง 5 การหาสินค้ามาขาย การหา Suppliers ก็เอาสินค้าตัวนี้ไปเช็คดูก่อนว่าขายที่ เว็บไซด์ตัวนี้ได้หรือไม่ กำไลงาช้าง สวยแต่วางขายบน ebay amazon etsy ไม่ได้, Suppliers ส่งของมีคุณภาพดี ราคาแข่งกับคนอื่นได้หรือไม่ Suppliers ทำ ebay กับ amazon ด้วยหรือเปล่า 6 จากนั้นพี่มาวิเคราะห์สินค้าว่าเราจะแข่งขันได้หรือไม่ เริ่มตั้งแต่ Title รูปสินค้า ราคา Customer services และ การเขียน Business Policy ของเขา เช่น Refund และ Return Policy พี่จะเขียนไว้ชัดเจนว่าจะคืนเงินต่อเมื่อของแตก ส่งของผิด แต่ต้องขอดูรูปก่อน Refund Policy จะเป็น Full Refund ก็ต่อเมื่อบรรยายสินค้าไม่ตรง เช่น พี่เขียนเป็น Vintage Silver Necklace แต่สร้อยของพี่มันอายุไม่ถึง 20 ปี และจะเป็น Partial Refund เมื่อของตีกลับ ลูกค้าเปลึ่ยนที่อยู่ ไม่ไปรับของ สำหรับคนขายพระ ของสะสมเมืองไทย ส่วนใหญ่ที่ได้ Negative Feedback เพราะเขียน Title ผิด สินค้าที่เป็น Ancient ต้องอายุมากกว่า 1000 ปี Antique> 80ปี Vintage > /20 ปี Old > 10 ปี พวกที่เรียกว่าเพชรพญานาค ที่เห็นๆ มันคือพลาสติกสังเคราะห์นะคะ ไม่ใช่หินที่งมจากแม่น้ำโขงจากวังพญานาค หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: Chijitsu ที่ 02 กันยายน 2014, 23:50:48 FBA น่าจะแก้ปัญห่าตรงนี้ไปได้ :wanwan002: :wanwan002: ขอบคุณค่ะสำหรับความรู้ดีๆมากมายที่คอยโพสต์ให้พวกเราได้อ่าน FBA (Fulfilment by Amazon) มีข้อดีตรงคือสะดวก ราคาถูก ช่วยให้ผู้ขายที่อยู่ต่างประเทศสามารถแข่งขันได้ เหมาะกับสินค้าขายดีในอเมริกา แต่สำหรับเรา ตอนนี้เรามีเป้าหมายในการทำยอดขายในยุโรปตะวันออกกับอเมริกาใต้ FBA จึงไม่เหมาะกับเราเพราะระยะเวลานำส่งช้าและค่าส่งแพง ส่วนการแข่งขันในอเมริกา ไม่จำเป็นต้องพึ่ง FBA ถึงแม้คู่แข่งจะทำ FBA ต้นทุนค่าขนส่งยังแพงกว่าเราอยู่ดี โซนยุโรปตะวันออก อเมริกาใต้ เป็นโซนที่ผู้ขายส่วนใหญ่มองข้าม แต่ความต้องการซื้อในประเทศเหล่านี้สูงมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ขาย สินค้าที่ขายในประเทศเหล่านี้ค่อนข้างแพงเพราะภาษีนำเข้าสูง แต่การขายออนไลน์ที่ส่งทีละชิ้น สามารถเลี่ยงภาษีได้ ทำให้สินค้าไทยหลายๆชิ้นที่ขายในอเมริกาแค่ $50-$60 แต่ขายได้ในประเทศเหล่านี้ $80-$100 ที่จริงความรู้ทั่วๆไปเกี่ยวกับอีเบย์ อเมซอน ของเราอาจจะสู้คนอื่นๆไม่ได้ เราแค่มีความเข้าใจเรื่องการทำเอกสารกำกับและการเคลียร์ภาษี ลูกค้าแถบยุโรปกับอเมริกาใต้ จะค่อนข้างกังวลเรื่องภาษีมาก ถ้าเราแก้ปัญหาตรงนี้ได้ เราก็ได้ลูกค้า ปล. อยากจะบอกอีเบย์ของเค้าดีจริงค่ะ ขายสบายมากๆ การแข่งขันต่ำ ว่าจะมาตอบกระทู้นี้หลายครั้งแล้ว แต่งานประจำยุ่ง การขายของ Online ช่วงนี้เหมือนกับการชิงไหวชงพริบ :wanwan003: เพราะยอดขายส่วนใหญ่จะตกกัน ช่วงนี้ใครขายสินค้าพวกครีม ของเหลว เป็นรายได้หลัก ของอาจจะไม่ถึงมือลูกค้า เพราะทาง US กับ RUSSIA เขาระแวงเรื่องระเบิดบนเครื่องบินนะคะ แม้แต่ยาหม่องก็ถูกตีกลับเพราะเขาคิดว่าถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นมันจะกลายเป็นของเหลวไปเลอะสินค้าของคนอื่นอีก พี่จะมาแชร์ประสบการณ์การขายของ Online แล้วกัน พี่เริ่มจาก ebay ก่อน เพราะพี่คิดว่าสินค้าของพี่คงจะขายออกได้เร็ว และไม่กระทบกับงานประจำ ถ่ายรูปของวันอาทิตย์ post ขายของวันอาทิตย์ พี่ซื้อหนังสือ ebay มา 2 เล่ม ของคุณ กิต กับคุณอนุชา พี่ทำการบ้าน 1 เดือนก่อนขาย ebay 1 อ่านหนังสือ ทำความเข้าใจ ถ้าตรงไหนสงสัย วงไว้ 2 หนังสือกับข้อมูลปัจจุบัน ข้อมูลอันไหนไม่ตรงกัน ก็วงไว้ พี่พบว่าค่าธรรมเนียมของ ebay หลังสินค้าขายได้เพิ่มขึ้นจาก 7% เป็น 9% 3 ทำ cost sheet ของต้นทุน พี่จะทำเป็นตาราง excel เอาไว้ ซื้อ notebook กล้อง canon เครื่อง printer ใหม่ ค่าอุปกรณ์ pack สินค้า ค่า Internet รวมถึง Cost sheet ของ ebay amazon พวกค่าธรรมเนียมต่างๆและค่าธรรมเนียมหลังการขาย 4 ทำ Competitors Sheet ใครขายสินค้าคล้ายกับของพี่บ้าง สมมติพี่ขายแหวนเงิน ในแต่ละช่องพี่จะเขียน User ID ,Other IDs ,Other URL and Social Network, Item ID, ชื่อสินค้า, Sold Items,ราคา,ประเทศที่ส่ง,ประเทศที่ไม่ส่ง, Negative FB Comment, จุดอ่อน,จุดแข็ง, กลยุทธ์, Activitiesต่างๆ พี่จะเลือกคนขายที่ขายสินค้าแบบนี้ดีมา 5 คน ดูว่าเขามี account อื่นอีกหรือไม่ พี่จะสังเกตพฤติกรรมการขายของเขา ส่วนใหญ่คนขายไทยจะเปิดร้านที่ขายสินค้าแบบเดียวกัน แต่ละร้านราคาไม่เท่ากัน เพื่อให้คนขายใหม่ดูว่าสินค้านี้ได้กำไรน้อย จะได้ไม่เข้ามาแข่งขัน พี่จำได้ว่าตอนที่เรียนธุรกิจ อาจารย์จะให้ทำ Competitors Sheet หลังจากวิเคราะห์ ตัวเรา ตลาด และสินค้า น้องอาจดูว่ามันเสียเวลาแต่พี่ว่ามันทำให้เราเป็นคนรอบคอบเพราะสิ่งที่ได้จากการเรียนธุรกิจคือการวางกลยุทธ์ ตอนแรกพี่ก็สงสัยว่าทำไม คนขายไม่ส่งยาหม่องตราเสือไปเยอรมัน เพราะเยอรมันเขามีกฎหมายเรื่อง ห้ามเอา medical Product เข้าประเทศ คนไหนซื้อต้องจ่ายภาษีสูง 5 การหาสินค้ามาขาย การหา Suppliers ก็เอาสินค้าตัวนี้ไปเช็คดูก่อนว่าขายที่ เว็บไซด์ตัวนี้ได้หรือไม่ กำไลงาช้าง สวยแต่วางขายบน ebay amazon etsy ไม่ได้, Suppliers ส่งของมีคุณภาพดี ราคาแข่งกับคนอื่นได้หรือไม่ Suppliers ทำ ebay กับ amazon ด้วยหรือเปล่า 6 จากนั้นพี่มาวิเคราะห์สินค้าว่าเราจะแข่งขันได้หรือไม่ เริ่มตั้งแต่ Title รูปสินค้า ราคา Customer services และ การเขียน Business Policy ของเขา เช่น Refund และ Return Policy พี่จะเขียนไว้ชัดเจนว่าจะคืนเงินต่อเมื่อของแตก ส่งของผิด แต่ต้องขอดูรูปก่อน Refund Policy จะเป็น Full Refund ก็ต่อเมื่อบรรยายสินค้าไม่ตรง เช่น พี่เขียนเป็น Vintage Silver Necklace แต่สร้อยของพี่มันอายุไม่ถึง 20 ปี และจะเป็น Partial Refund เมื่อของตีกลับ ลูกค้าเปลึ่ยนที่อยู่ ไม่ไปรับของ สำหรับคนขายพระ ของสะสมเมืองไทย ส่วนใหญ่ที่ได้ Negative Feedback เพราะเขียน Title ผิด สินค้าที่เป็น Ancient ต้องอายุมากกว่า 1000 ปี Antique> 80ปี Vintage > /20 ปี Old > 10 ปี พวกที่เรียกว่าเพชรพญานาค ที่เห็นๆ มันคือพลาสติกสังเคราะห์นะคะ ไม่ใช่หินที่งมจากแม่น้ำโขงจากวังพญานาค คุณ trudy สุดยอดมากเลยครับ ผมพึ่งรู้จักร thaiseo ได้เดือนกว่าๆ ผมติดตามอ่าน กระทู้ที่คุณ trudy ตอบเกือบทุกกระทู้เลย มีเรื่องสงสัยอยากถามเยอะแยะแต่พึ่งได้สมัคร account วันนี้ (เขาไม่เปิดรับสมัครสักที) ฝากตัวเป็น ศิษย์ ด้วยครับ โดยเฉพาะเรื่อง ภาษาอังกฤษ :wanwan017: :wanwan017: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 02 กันยายน 2014, 23:56:46 7 ระหว่างการขาย หรือจบการขายไปแล้ว
ถ้าสินค้าพี่ขายไม่ออก พี่ไปดูว่าคู่แข่งพี่แต่ละคนขายออกหรือไม่ ถ้าเขาขายออกไปวิเคราะห์ว่าทำไมเขาถึงขายออก บางคนก็จะลดราคาสินค้าลงในวันศุกร์ –อาทิตย์ เช้าวันจันทร์ขายราคาเดิม ถ้าสินค้าขายไม่ออกทั้งพี่ทั้งคู่แข่ง ไปวิเคราะห์ดูสูกค้าประจำหายไปไหน ปรากฎว่าพี่ลืมนึกไปว่าฝรั่งเขาพักร้อนช่วงเดือน กค 8 ถ้ามีสิ่งที่พี่สงสัย พี่จะหาข้อมูลใน Help Menu ตลอด หาคำตอบด้วยตัวเองจะทำให้เราเข้าใจปัญหา หรือสถานการณ์นั้นดียิ่งขึ้น พี่จะพิมพ์กรณีไหนคนขายจะโดน close account และ suspend account และทาง ebay หรือ amazon จะประเมิณ performance ของคนขายอย่างไร ทุกวันที่เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ทาง eBay และ Amazon จะเขียน Policy ไว้มากมาย เพื่อคุมความเรียบร้อยของสมาชิกมากกว่าร้อยล้านคน Policy มีไว้ช่วยในการแก้ปัญหา หากเราไม่ทำความเข้าใจ Policy และหวังรวยอย่างเดียว มันก็อาจเดือดร้อนถึงคนชาติเดียวกันที่สมัครใหม่ ทางโน้นเขามีทีม จับตา account ที่มาจาก ประเทศนี้โดยเฉพาะ ดูอย่าง Amazon UK ตอนนี้คนไทยสมัครไม่ได้แล้ว :wanwan004: 9 พี่อยากให้พวกน้องขยันหาความรู้เพิ่มเติมและหมั่นสังเกตหาต้นตอของปัญหา การขายของเหมือนๆกันตัดราคากัน ท้ายสุดคนเก่าและคนใหม่ก็จะอยู่ไม่ได้ จะอยู่ได้เฉพาะคนที่มองเกมส์ออกและเข้มแข็งกว่าเท่านั้น 10 เมื่อโดนเรื่อง Price war หรือ การ Copy สินค้า ก็สู้อย่างใช้สติ จะได้ Idea เพิ่มเติม 11 การ limit การขายของ ebay Limit การขายแต่ความรู้ของตัวเราไม่ได้ Limit :wanwan044: :wanwan044: คนขายใหม่ ลงขายได้ สินค้า 5 ชิ้น ไม่เกิน $250 ต่อเดือน ก็ไปหาสินค้าที่คิดว่าราคาสูง คนจะประมูลเยอะๆ เดือนหนึ่งก็จะได้ เกิน $250 Ebay เขาไม่ได้จำกัดวงเงินที่ลูกค้าประมูล หรือคนขายใหม่ไปเจอ Potential Customer บอกว่าจะซื้อ 50 ชิ้น ทั้งหมด $1500 มันก็ขายได้ แค่ใส่ quantity เป็น 1 ราคาส่งเป็น $1499.00 แต่ต้องให้คนซื้อคนนั้นเห็นรายการนี้คนเดียว ขายไปประเทศนั้นประเทศเดียว ไปคิดดูแล้วกันว่าทำอย่างไร พอมีคนบอกว่าเว็บไซด์นี้ไม่สามารถทำกำไรได้แล้ว ก็ไปหา e commerce ตัวใหม่ เสียค่าอบรมอีก แต่พื้นฐานก็ยังไม่ดีเหมือนเดิม 12 ถ้าเข้าใจการขายของ ebay หรือ amazon ตัวใดตัวหนึ่งเป็นอย่างดี การขายของ สำหรับ site ใหม่ ไม่ค่อยมีปัญหา ไม่ค่อยโดนแบน 13 อย่าฝากอนาคต ไว้บน ebay กับ Amazon :wanwan035: พี่กำลังจะทำ website โดยดึงลูกค้าหลักมาจาก ebay กับ amazon จะเน้นขายส่ง 12 ชิ้น ขึ้นไป Block ip ไม่ให้คนไทยเห็นเว็บไซด์ คงกันจอม copy ได้บางส่วน สุดท้าย เป้นคำคมจากสมาชิก TSB 2 คน เงินล้านมันอยู่กับคนที่คู่ควร คนที่ไม่คู่ควร เงินล้านมันจะไม่อยู่ด้วยหรอก พี่ว่าหลายคนที่ตอบกระทู้ใน Thaiseoboard เป็นพวก Low Profile High Profit :wanwan016: ลองอ่านกระทู้ IM หัวเรื่องที่น้องอยากจะศึกษา ตั้งแต่หน้าแรกไปถึงหน้าสุดท้าย บางทีความรู้อาจจะ Update มากกว่า หนังสือที่วางขายตามท้องตลาด เพราะเขาไม่เขียนด้านดีอย่างเดียว เขาเขียนเรื่องประสบการณ์ที่เขาทำพลาดด้วย :wanwan007: :wanwan007: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 03 กันยายน 2014, 00:22:29 FBA น่าจะแก้ปัญห่าตรงนี้ไปได้ :wanwan002: :wanwan002: ขอบคุณค่ะสำหรับความรู้ดีๆมากมายที่คอยโพสต์ให้พวกเราได้อ่าน FBA (Fulfilment by Amazon) มีข้อดีตรงคือสะดวก ราคาถูก ช่วยให้ผู้ขายที่อยู่ต่างประเทศสามารถแข่งขันได้ เหมาะกับสินค้าขายดีในอเมริกา แต่สำหรับเรา ตอนนี้เรามีเป้าหมายในการทำยอดขายในยุโรปตะวันออกกับอเมริกาใต้ FBA จึงไม่เหมาะกับเราเพราะระยะเวลานำส่งช้าและค่าส่งแพง ส่วนการแข่งขันในอเมริกา ไม่จำเป็นต้องพึ่ง FBA ถึงแม้คู่แข่งจะทำ FBA ต้นทุนค่าขนส่งยังแพงกว่าเราอยู่ดี โซนยุโรปตะวันออก อเมริกาใต้ เป็นโซนที่ผู้ขายส่วนใหญ่มองข้าม แต่ความต้องการซื้อในประเทศเหล่านี้สูงมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ขาย สินค้าที่ขายในประเทศเหล่านี้ค่อนข้างแพงเพราะภาษีนำเข้าสูง แต่การขายออนไลน์ที่ส่งทีละชิ้น สามารถเลี่ยงภาษีได้ ทำให้สินค้าไทยหลายๆชิ้นที่ขายในอเมริกาแค่ $50-$60 แต่ขายได้ในประเทศเหล่านี้ $80-$100 ที่จริงความรู้ทั่วๆไปเกี่ยวกับอีเบย์ อเมซอน ของเราอาจจะสู้คนอื่นๆไม่ได้ เราแค่มีความเข้าใจเรื่องการทำเอกสารกำกับและการเคลียร์ภาษี ลูกค้าแถบยุโรปกับอเมริกาใต้ จะค่อนข้างกังวลเรื่องภาษีมาก ถ้าเราแก้ปัญหาตรงนี้ได้ เราก็ได้ลูกค้า ปล. อยากจะบอกอีเบย์ของเค้าดีจริงค่ะ ขายสบายมากๆ การแข่งขันต่ำ ว่าจะมาตอบกระทู้นี้หลายครั้งแล้ว แต่งานประจำยุ่ง การขายของ Online ช่วงนี้เหมือนกับการชิงไหวชงพริบ :wanwan003: เพราะยอดขายส่วนใหญ่จะตกกัน ช่วงนี้ใครขายสินค้าพวกครีม ของเหลว เป็นรายได้หลัก ของอาจจะไม่ถึงมือลูกค้า เพราะทาง US กับ RUSSIA เขาระแวงเรื่องระเบิดบนเครื่องบินนะคะ แม้แต่ยาหม่องก็ถูกตีกลับเพราะเขาคิดว่าถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นมันจะกลายเป็นของเหลวไปเลอะสินค้าของคนอื่นอีก พี่จะมาแชร์ประสบการณ์การขายของ Online แล้วกัน พี่เริ่มจาก ebay ก่อน เพราะพี่คิดว่าสินค้าของพี่คงจะขายออกได้เร็ว และไม่กระทบกับงานประจำ ถ่ายรูปของวันอาทิตย์ post ขายของวันอาทิตย์ พี่ซื้อหนังสือ ebay มา 2 เล่ม ของคุณ กิต กับคุณอนุชา พี่ทำการบ้าน 1 เดือนก่อนขาย ebay 1 อ่านหนังสือ ทำความเข้าใจ ถ้าตรงไหนสงสัย วงไว้ 2 หนังสือกับข้อมูลปัจจุบัน ข้อมูลอันไหนไม่ตรงกัน ก็วงไว้ พี่พบว่าค่าธรรมเนียมของ ebay หลังสินค้าขายได้เพิ่มขึ้นจาก 7% เป็น 9% 3 ทำ cost sheet ของต้นทุน พี่จะทำเป็นตาราง excel เอาไว้ ซื้อ notebook กล้อง canon เครื่อง printer ใหม่ ค่าอุปกรณ์ pack สินค้า ค่า Internet รวมถึง Cost sheet ของ ebay amazon พวกค่าธรรมเนียมต่างๆและค่าธรรมเนียมหลังการขาย 4 ทำ Competitors Sheet ใครขายสินค้าคล้ายกับของพี่บ้าง สมมติพี่ขายแหวนเงิน ในแต่ละช่องพี่จะเขียน User ID ,Other IDs ,Other URL and Social Network, Item ID, ชื่อสินค้า, Sold Items,ราคา,ประเทศที่ส่ง,ประเทศที่ไม่ส่ง, Negative FB Comment, จุดอ่อน,จุดแข็ง, กลยุทธ์, Activitiesต่างๆ พี่จะเลือกคนขายที่ขายสินค้าแบบนี้ดีมา 5 คน ดูว่าเขามี account อื่นอีกหรือไม่ พี่จะสังเกตพฤติกรรมการขายของเขา ส่วนใหญ่คนขายไทยจะเปิดร้านที่ขายสินค้าแบบเดียวกัน แต่ละร้านราคาไม่เท่ากัน เพื่อให้คนขายใหม่ดูว่าสินค้านี้ได้กำไรน้อย จะได้ไม่เข้ามาแข่งขัน พี่จำได้ว่าตอนที่เรียนธุรกิจ อาจารย์จะให้ทำ Competitors Sheet หลังจากวิเคราะห์ ตัวเรา ตลาด และสินค้า น้องอาจดูว่ามันเสียเวลาแต่พี่ว่ามันทำให้เราเป็นคนรอบคอบเพราะสิ่งที่ได้จากการเรียนธุรกิจคือการวางกลยุทธ์ ตอนแรกพี่ก็สงสัยว่าทำไม คนขายไม่ส่งยาหม่องตราเสือไปเยอรมัน เพราะเยอรมันเขามีกฎหมายเรื่อง ห้ามเอา medical Product เข้าประเทศ คนไหนซื้อต้องจ่ายภาษีสูง 5 การหาสินค้ามาขาย การหา Suppliers ก็เอาสินค้าตัวนี้ไปเช็คดูก่อนว่าขายที่ เว็บไซด์ตัวนี้ได้หรือไม่ กำไลงาช้าง สวยแต่วางขายบน ebay amazon etsy ไม่ได้, Suppliers ส่งของมีคุณภาพดี ราคาแข่งกับคนอื่นได้หรือไม่ Suppliers ทำ ebay กับ amazon ด้วยหรือเปล่า 6 จากนั้นพี่มาวิเคราะห์สินค้าว่าเราจะแข่งขันได้หรือไม่ เริ่มตั้งแต่ Title รูปสินค้า ราคา Customer services และ การเขียน Business Policy ของเขา เช่น Refund และ Return Policy พี่จะเขียนไว้ชัดเจนว่าจะคืนเงินต่อเมื่อของแตก ส่งของผิด แต่ต้องขอดูรูปก่อน Refund Policy จะเป็น Full Refund ก็ต่อเมื่อบรรยายสินค้าไม่ตรง เช่น พี่เขียนเป็น Vintage Silver Necklace แต่สร้อยของพี่มันอายุไม่ถึง 20 ปี และจะเป็น Partial Refund เมื่อของตีกลับ ลูกค้าเปลึ่ยนที่อยู่ ไม่ไปรับของ สำหรับคนขายพระ ของสะสมเมืองไทย ส่วนใหญ่ที่ได้ Negative Feedback เพราะเขียน Title ผิด สินค้าที่เป็น Ancient ต้องอายุมากกว่า 1000 ปี Antique> 80ปี Vintage > /20 ปี Old > 10 ปี พวกที่เรียกว่าเพชรพญานาค ที่เห็นๆ มันคือพลาสติกสังเคราะห์นะคะ ไม่ใช่หินที่งมจากแม่น้ำโขงจากวังพญานาค คุณ trudy สุดยอดมากเลยครับ ผมพึ่งรู้จักร thaiseo ได้เดือนกว่าๆ ผมติดตามอ่าน กระทู้ที่คุณ trudy ตอบเกือบทุกกระทู้เลย มีเรื่องสงสัยอยากถามเยอะแยะแต่พึ่งได้สมัคร account วันนี้ (เขาไม่เปิดรับสมัครสักที) ฝากตัวเป็น ศิษย์ ด้วยครับ โดยเฉพาะเรื่อง ภาษาอังกฤษ :wanwan017: :wanwan017: ดูวิธีการอ่านภาษาอังกฤษ ที่กระทู้ที่่คุณ April ตั้งมีประโยชน์มากเลยค่ะ http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,348987.40.html พี่ก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษตั้งแต่แรก แต่รู้ว่าต้องอ่านเยอะๆ บ้านพี่ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร พี่เป็นลูกคนโต ตอนปี 3 พี่ทำงานพิเศษเก็บเงินไปเรียนที่ British Council หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 04 กันยายน 2014, 07:52:29 ขอบคุณสำหรับการแชร์ครับ มีประโยชน์มากครับ ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ เผื่อเป็นประโยชน์ อ้างถึง คู่แข่งเราเริ่มขายอีเบย์ก่อนอเมซอน ดังนั้นเค้าน่าจะโฟกัสตลาดตามอีเบย์ เค้าส่งสินค้าด้วย express บริษัทA ซึ่งเราก็ส่งกับที่นี่อยู่เหมือนกัน เค้าเป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของบริษัทA ในหมวดสินค้าที่เค้าเปิดร้านขายในอีเบย์ จากข้อมูลที่เราได้รับ ส่วนลดที่ได้เค้าใช้อยู่เป็นส่วนลดสูงสุดในกลุ่มลูกค้า e-com ของบริษัท ค่าส่ง express ของเค้าจะถูกกว่าค่าส่งพัสดุย่อยเล็กน้อย ยกตัวอย่างพัสดุ 1.0 กก. จะถูกกว่าพัสดุย่อย XX บาท พวกนี้เขาต่อรองกันอย่างไรครับ ถึงได้ค่าส่งระดับนี้ได้ ต้องมียอดส่งต่อเดือนเท่าไรครับ *** คุณ Korpai น่าจะได้อ่านคำตอบแล้ว เราขอลบนะคะ** มาไม่ทันครับ ไม่ได้เข้าบอร์ดเลย แต่ขอบคุณครับ ที่ตอบให้ Timing แผนธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ committed recurring revenue สต๊อก การเจรจาต่อรอง เรียงลำดับความสำคัญตามด้านบนเลยค่ะ แม้ว่าการเจรจาในครั้งแรกจะทำให้ได้เรทถูก แต่ถ้าเราทำไม่ได้ตามข้อตกลง เรทก็จะถูกปรับขึ้นภายหลัง ตอนนี้มีหลายบริษัทเริ่มเปิดบริการส่งพัสดุไปอเมริกา แบบพัสดุย่อย ราคาพอๆกัน ใช้เวลานำส่ง 7-10 วัน one stop service, track ได้ น่าสนใจสำหรับสินค้าน้ำหนักน้อยๆ เรายังไม่เคยลองใช้ แต่คิดว่าน่าจะดี ลองเช็กกับบริษัทใหญ่ๆที่ขนเองจริงๆ ให้เรทราคาเท่ากันสำหรับลูกค้าทุกราย ไม่ต้องเจรจาต่อรอง ไม่มีบังคับยอดส่งของ น่าสนใจ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: iamtv6 ที่ 07 กันยายน 2014, 19:54:52 ค่อนข้างเป็นเทคนิคเลยครับการสู้กับการตัดราคา
ผมเป็นทั้งคนตัดราคา และ ขณะเดียวกันในบางสินค้าก็โดนตัดเขาตัดราคา ขอแชร์นิดเดียวครับ ผมมี Account ที่มีคะแนน 100 FB ใน Amazon และเอาอีก Account ของตัวเองมาตัดราคาแบบสุด ๆ มันก็ไม่ได้หมายความว่า ราคาต่ำ ๆ ชนะ Buy box ทุกครั้งครับ อันนี้เป็นการทดลองครับ ถ้าแก้กลับจริง ๆ เอา Account อื่น ๆ มาตัดอีกรอบ การที่เราเอาอีก ID มาตัดกลับ มันทำให้ % ใน Buy Box ถูกกระจายไปด้วย แต่ผมไม่ได้มาตัดแค่ ID เดียวครับ มากันเยอะ มาให้เยอะจนถอดใจกันไปเองครับ แต่ให้สบายใจที่สุด คือ ขายสินค้าเราเองครับ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: Chijitsu ที่ 07 กันยายน 2014, 21:59:54 ค่อนข้างเป็นเทคนิคเลยครับการสู้กับการตัดราคา ผมเป็นทั้งคนตัดราคา และ ขณะเดียวกันในบางสินค้าก็โดนตัดเขาตัดราคา ขอแชร์นิดเดียวครับ ผมมี Account ที่มีคะแนน 100 FB ใน Amazon และเอาอีก Account ของตัวเองมาตัดราคาแบบสุด ๆ มันก็ไม่ได้หมายความว่า ราคาต่ำ ๆ ชนะ Buy box ทุกครั้งครับ อันนี้เป็นการทดลองครับ ถ้าแก้กลับจริง ๆ เอา Account อื่น ๆ มาตัดอีกรอบ การที่เราเอาอีก ID มาตัดกลับ มันทำให้ % ใน Buy Box ถูกกระจายไปด้วย แต่ผมไม่ได้มาตัดแค่ ID เดียวครับ มากันเยอะ มาให้เยอะจนถอดใจกันไปเองครับ แต่ให้สบายใจที่สุด คือ ขายสินค้าเราเองครับ เทคนิคตัดราคา ผมคิดว่าช่วยข่มขู่คู่แข่งที่ขวัญอ่อนไม่ได้มาตั้งใจขายอย่างจริงจังได้ดีมาก แต่ amazon ใช้หลาย account ได้ด้วยหรอครับ ช่วยสอนหน่อยเผื่อใช้เทคนิคนี้บ้าง :wanwan011: :wanwan011: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 08 กันยายน 2014, 01:38:17 ค่อนข้างเป็นเทคนิคเลยครับการสู้กับการตัดราคา ผมเป็นทั้งคนตัดราคา และ ขณะเดียวกันในบางสินค้าก็โดนตัดเขาตัดราคา ขอแชร์นิดเดียวครับ ผมมี Account ที่มีคะแนน 100 FB ใน Amazon และเอาอีก Account ของตัวเองมาตัดราคาแบบสุด ๆ มันก็ไม่ได้หมายความว่า ราคาต่ำ ๆ ชนะ Buy box ทุกครั้งครับ อันนี้เป็นการทดลองครับ ถ้าแก้กลับจริง ๆ เอา Account อื่น ๆ มาตัดอีกรอบ การที่เราเอาอีก ID มาตัดกลับ มันทำให้ % ใน Buy Box ถูกกระจายไปด้วย แต่ผมไม่ได้มาตัดแค่ ID เดียวครับ มากันเยอะ มาให้เยอะจนถอดใจกันไปเองครับ แต่ให้สบายใจที่สุด คือ ขายสินค้าเราเองครับ พี่ว่าจุดประสงค์ที่คุณ April เขียนกระทู้นี้ คือสอนให้พวกเราทุกคนสู้อย่างมีสติ แม้เราจะท้อเมื่อมีคนมาตัดราคาแต่ถ้าเราพิจารณาให้ดี เราจะเห็นโอกาสบางอย่าง เราจะเจอความโชคดีบนความโชคร้าย :wanwan003: :wanwan003: ขอบคุณนะคะคุณ IMTV6 ที่มาแชร์ประสบการณ์ แต่ประสบการณ์ของน้องมันสุ่มเสี่ยงเหลือเกิน ที่จะถูก Suspend account ง่าย :wanwan009: :wanwan009: เมื่อ Amazon Suspended Account หรือ โดน Hold เงินเมื่อไหร่เป็นอันจบ น้องไม่สามารถมีรายได้จาก account นี้ได้เลย สิ่งที่คนอบรมไม่ยอมบอก เงินก็ไม่ได้ ของก็ส่งไปแล้ว จะเอาอะไรกิน รอไปอีก 3 เดือน หรือขายสินค้าปลอม รายได้เป็นแสนๆ ก็จะหายวับไปกับตา เตยมีน้องคนหนึงเอายอดมาโชว์ ในห้อง Amazon เขียนว่ายอด รายรับ Amazon เดือนก่อน 300,000 บาท แล้วคนตอบกระทู้ก็ถาม แล้วยอดปัจจุบัน ละครับท่าน จขกท ก็ตอบไปว่า ปัจจุบันฉันโดนแบน account :'( :'( ส่วน ebay เมื่อโดน Hold เงินหรือโดน limit การขาย เพียงแต่น้องคิดนอกกรอบ น้องก็ยังมีรายได้จากการขายสินค้า :wanwan016: สำหรับการทำให้ Me Too Marketing พวกช่างเกาะถอดใจ โดยการเอา ID อื่นมาตัด ทำให้ถอดใจ พี่กับคิดไปว่าทำไมเราไม่เอา ID นี้ไปหา สินค้าใหม่มาขาย หรือ ทำ ตัวเราเป็น dropshipper เปืดตลาดใหม่ไปประเทศทางยุโรปตะวันออก ประเทศในทวิปใน แอฟริกาได้ บางประเทศ :wanwan044: หากชอบเล่น price war แล้วน้องเล่น price war ไม่ถูกคน น้องอาจจะเป็นผู้แพ้ในตอนสุดท้ายก็ได้ค่ะ :wanwan035: :wanwan035: พี่อาบน้ำร้อนมาก่อน บางคนอาจนึกว่า น้ำร้อนของพี่คงกลายเป็นน้ำเย็นไปแล้ว การที่เราอยากชนะ Buybox เราต้องคิดว่า Amazon ใช้เกณท์อะไรในการให้เราเป็นผู้ชนะใน Buybox :wanwan016: 1 อย่างแรก คนขายนั้นต้องทำFBA บน Amazon คู่แข่งของคุณ April สมมติว่าชื่อ Miss S แค่ค่าขนส่งของเขาพี่ว่าน่าจะอยู่ในช่วง 2-4 ล้านต่อเดือน Inventory > 20 ล้านบาทมั้ง จากข้อมูลของคณ April FBA (Fulfilment by Amazon) มีข้อดีตรงคือสะดวก ราคาถูก ช่วยให้ผู้ขายที่อยู่ต่างประเทศสามารถแข่งขันได้ เหมาะกับสินค้าขายดีในอเมริกา แต่สำหรับเรา ตอนนี้เรามีเป้าหมายในการทำยอดขายในยุโรปตะวันออกกับอเมริกาใต้ FBA จึงไม่เหมาะกับเราเพราะระยะเวลานำส่งช้าและค่าส่งแพง ส่วนการแข่งขันในอเมริกา ไม่จำเป็นต้องพึ่ง FBA ถึงแม้คู่แข่งจะทำ FBA ต้นทุนค่าขนส่งยังแพงกว่าเราอยู่ดี น้องจะสังเกตว่าทั้งคุณ April และ Miss S มีกำไรจากการพยายามลด fixed cost :wanwan003: :wanwan003: :wanwan011: :wanwan011: 2 สิ่งที่พี่ได้จาก Miss S เทคนิกการขายโดยใช้หลายช่องทาง social network การหา product ใหม่ การตั้งราคา การระบายสินค้าที่ขายไม่ออก Miss S น่าจะได้กำไรจากสินค้าแต่ละชิ้น ราคาเท่าไหร่ xxxxบาท เขาใช้ facebook ส่งเสริมการขายยังไงหว่า เขาทำ Content Marketing บน Facebook อย่างไร ใช้ ad โมษณาสินค้าวันไหนลงวันไหน เจ๊โหด เวลานอกชอบดูสินค้าชาวบ้านจดหมด สินค้าเขา Title มีจุดอ่อนตรงไหน :wanwan039: :wanwan039: :wanwan039: 3 Miss S ก็แค่กำหนดสินค้าที่ขายไม่ออกให้เป็นสินค้าขายดีบน ebay หรือ amazon :wanwan023: จากนั้นนางก็ไปโมษณาขายสินค้าตัวนี้ นักเรียนเวลาหาของมาขายทำอย่างไร ไปดูรายการสินค้าที่ขายดีบนเว็บ ดูแบบนี้แบบนี้นะ จากนั้นเข้าGoogle พิมพ์ขายส่งชื่อสินค้าxxxx เจอร้าน Miss S ลดราคาเป็นอันดับหนึ่ง ชื่อ 1 โหล ราคาเท่านี้ 6 โหลราคาเท่านี้ 12 โหลราคาเท่านี้ซื้อไปทำไมเหรอคะ เอาไปขายทาง net ดีคะพี่ จากคนขายทางโทรศัพท์ สินค้าตัวนี้ขายดีมากที่ต่างประเทศ รับไปเลยค่ะ 6 โหล :o 4 จะเอา account หลาย account ไปตัด ให้ชนะ Buybox :wanwan015: :wanwan015: ก็ต้องดูด้วยว่า เราเป็น seller Pro หรือเปล่า หากอายุการขายน้อยกว่า 3 เดือน หรือขายสินค้านี้ไม่ค่อยออกตัดราคาไปก็ไม่มีประโยชน์หรือ performance ต่ำกว่าเกณท์ ตัดราคาไปก็ไม่มีประโยชน์ buybox เขาไม่ได้คิดราคาต่ำที่สุด เขาคิดจาก ราคา + ค่าขนส่งต่ำที่สุด :wanwan023: :wanwan023: การที่น้องอยากจะให้สินค้าของน้องนั้นโชว์หน้าแรก น้องต้องไปคิดว่า website นั้นใช้เกณท์อะไรในการเลือกว่าคนขายคนไหนมีสิทธิโชว์สินค้าที่เป็นลำดับต้นๆ :wanwan016: หากอยากชนะในสงครามราคา สิงที่ควรทำคือไม่ควรตัดราคา เพราะคุณอาจจะไปปลุกยักษ์ในตัวคู่แข่งของคุณ ให้สู้เหมือนกัน ถ้าเขาเป็นคนที่ละเอียด สุขุมรอบคอบกว่าคุณ คุณ จบ MBA จากเมืองนอกจาก top ten university เงินทุนมี deal shipping ได้ rate เหมือนกัน :'( :'( Miss S เขาใช้ทั้ง Tools และเขาใช้ความรู้ที่เรียนมามาประยุกต์ใช้ ไม่ได้ใช้แค่ Tools หาสินค้า Keywords เขาใช้หัวมาประยุกต์ใช้ด้วย :wanwan019: :wanwan019: พี่ว่าหากน้องเรียนโดยการใช้ Tools อย่างเดียว โดยปราศจากการ วิเคราะห์ และใช้ Me TOO Marketing แม้น้องจะขายบน Amazon FBA เดือน พ.ย ธ.ค. ทำใจไว้ด้วยนะคะ ส่วนคนที่สอนให้ใช้ Me Too Marketing โดยมีแต่คำโมษณา ว่า รวย ได้ในระยะเวลาอันสั้น เตรียมรับผลแห่งการกระทำนั้นได้เลย :P :P คนกลุ่มใหญ่ก็ กรูไป Amazon FBA ตอนนี้ใครขายได้กำไรเกิน 100,000 บาทต่อเดือนก็เก่งแล้ว :wanwan007: :wanwan007: พี่ไม่เอายอดขายมาพูดนะคะ เพราะมันกินไม่ได้ :wanwan023: หาก Miss S เกิดสนใจสินค้าที่น้องขาย เขาจะเก็บรายละเอียดทุกเม็ดเมื่อต้องการซื้อสินค้าแบบ Mass Product แล้วเขาจะ dump ราคาให้สินค้าต่ำ น้องบางคนลองคำนวณ ขายเท่าเขากำไร 5 บาท หรือไม่ได้กำไรเลย หวานหมู Miss ก็คงเหมือนกับวิทยากรบางท่านที่สอนอบรม ก็ใช้เทคนิคนี้เป็นส่วนใหญ่ เป็นเทคนิคที่ไม่มีคนอยากบอก ว่าทำอย่างไร :wanwan005: อยากจะขายของบน e Commerce ต่างประเทศ ถ้าคิดว่าอยากรวยเร็ว จะจนนานนะคะ หากไม่รู้วิธีการบำรุงรักษา account หนึ่งเดียวของตัวเอง เท่าชีวิต หรือคิดว่าตัวเราเก่งที่สุดแล้ว ไม่มีใครรู้ eBay Amazon เท่าเราอีกแล้ว ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย มันใช้ ได้ทุกยุคทุกสมัย :wanwan007: :wanwan007: :wanwan007: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 08 กันยายน 2014, 02:20:54 ที่จริงเรื่องนี้เรายังเขียนไม่จบค่ะ แต่ช่วงนี้งานเริ่มยุ่ง ก็เลยว่าจะมาเขียนต่อวันหลัง
จะหั่นราคา ก่อนอื่นต้องสำรวจคู่แข่งซักหน่อย ต้องระวัง โดยเฉพาะคู่แข่งที่ส่งด้วย DHL (ปกติเค้าจะไม่บอกว่าใช้ DHL หรอกค่ะ แต่มักจะบอกเป็น UPS Fedex DHL) เค้ามีหลาย acc ขายสินค้าไทยเกือบทุกตัว เริ่มตั้งแต่เสื้อยืด เสื้อผ้าไทยๆ กางเกงเล ของที่ระลึก อุปกรณ์มวย... ขายเยอะมาก คู่แข่งเราก็อยู่ในนี้นี่แหล่ะค่ะ บางทีเค้าอาจจะรู้ด้วยว่าเราเป็นใคร เราเขียนเพื่อบอกเป็นนัยๆว่า อย่าหนีหายไปไหน นานๆจะมีเพื่อนเล่นซักที เราหั่นราคาลงเยอะก็จริงนะ แต่ทุกออร์เดอร์มีกำไร กำไรเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า $15/ออร์เดอร์ การที่โดนไล่ล่าหั่นราคาแบบนี้ มันก็เป็นการทดสอบเราเหมือนกันว่าเราสามารถแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ ที่สำคัญ มันทำให้เราสนใจที่จะติดตามวิธีการขายของคู่แข่ง ทำให้เราได้ความรู้ไปด้วย เดิมเรามีสินค้าแค่ราวๆ 40-50 รายการ แต่ตอนนี้ร้านเราเติบโตแบบก้าวกระโดดมาก เพราะก๊อปสินค้าในร้านคู่แข่งมาไว้ทั้งหมด และยังต่อยอดด้วยการสั่งสินค้าแบบเดียวกันนั้นมาหลากหลายแบบมาก เคสแบบนี้เราต้องขอบคุณคู่แข่งนะ เอาประสบการณ์ที่ตัวเค้าสะสมมาหลายปีมาเปิดคอร์สแอดวานซ์สอนเราตัวๆ ติวซะเข้มเลย ผู้ขายรายใหญ่ได้ส่วนลดค่าส่งสูงๆ มักจะมีจุดอ่อนเสมอ สำรวจดีๆก็เจอทุกราย แม้แต่ชีที่เราพูดถึงบ่อยๆ ถ้าเจอในอีเบย์จัดการไม่ยาก แต่ในอเมซอนก็เหนื่อยหน่อย หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 08 กันยายน 2014, 03:05:43 ที่จริงเรื่องนี้เรายังเขียนไม่จบค่ะ แต่ช่วงนี้งานเริ่มยุ่ง ก็เลยว่าจะมาเขียนต่อวันหลัง จะหั่นราคา ก่อนอื่นต้องสำรวจคู่แข่งซักหน่อย ต้องระวัง โดยเฉพาะคู่แข่งที่ส่งด้วย DHL (ปกติเค้าจะไม่บอกว่าใช้ DHL หรอกค่ะ แต่มักจะบอกเป็น UPS Fedex DHL) เค้ามีหลาย acc ขายสินค้าไทยเกือบทุกตัว เริ่มตั้งแต่เสื้อยืด เสื้อผ้าไทยๆ กางเกงเล ของที่ระลึก อุปกรณ์มวย... ขายเยอะมาก คู่แข่งเราก็อยู่ในนี้นี่แหล่ะค่ะ บางทีเค้าอาจจะรู้ด้วยว่าเราเป็นใคร เราเขียนเพื่อบอกเป็นนัยๆว่า อย่าหนีหายไปไหน นานๆจะมีเพื่อนเล่นซักที เราหั่นราคาลงเยอะก็จริงนะ แต่ทุกออร์เดอร์มีกำไร กำไรเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า $15/ออร์เดอร์ การที่โดนไล่ล่าหั่นราคาแบบนี้ มันก็เป็นการทดสอบเราเหมือนกันว่าเราสามารถแก้ไขปัญหาได้หรือไม่ ที่สำคัญ มันทำให้เราสนใจที่จะติดตามวิธีการขายของคู่แข่ง ทำให้เราได้ความรู้ไปด้วย เดิมเรามีสินค้าแค่ราวๆ 40-50 รายการ แต่ตอนนี้ร้านเราเติบโตแบบก้าวกระโดดมาก เพราะก๊อปสินค้าในร้านคู่แข่งมาไว้ทั้งหมด และยังต่อยอดด้วยการสั่งสินค้าแบบเดียวกันนั้นมาหลากหลายแบบมาก เคสแบบนี้เราต้องขอบคุณคู่แข่งนะ เอาประสบการณ์ที่ตัวเค้าสะสมมาหลายปีมาเปิดคอร์สแอดวานซ์สอนเราตัวๆ ติวซะเข้มเลย ผู้ขายรายใหญ่ได้ส่วนลดค่าส่งสูงๆ มักจะมีจุดอ่อนเสมอ สำรวจดีๆก็เจอทุกราย แม้แต่ชีที่เราพูดถึงบ่อยๆ ถ้าเจอในอีเบย์จัดการไม่ยาก แต่ในอเมซอนก็เหนื่อยหน่อย เขียนยังไม่ถึง 5 นาที :wanwan019: หากอยากชนะในสงครามราคา สิงที่ควรทำคือไม่ควรตัดราคา เพราะคุณอาจจะไปปลุกยักษ์ในตัวคู่แข่งของคุณ ให้สู้เหมือนกัน ถ้าเขาเป็นคนที่ละเอียด สุขุมรอบคอบกว่าคุณ จบนอกหรือไปอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานาน เงินทุนมี deal shipping ได้ rate เหมือนกัน สำหรับคุณ April จัดการคู่แข่งไม่อยากหรอกค่ะ คุณ April มีความรู้และถ่อมตัวด้วย ถ้าเป็นเราๆจะไม่ขายของตัดราคาใคร แบบสุ่มสี่สุมห้า เราจะเป็นพวกต้องขายสินค้า ให้ราคาสูงกว่าชาวบ้านแล้วขายได้เยอะ เหมือนกับเด็กเล่นเกมส์แล้วชนะ เหมือนกับคิดนอกกรอบเรื่อง Sale Limit บน eBay หรือจะขายของบน Amazon เราต้องเลือกสินค้าที่คู่แข่งน้อย หรือคู่แข่งเยอะ แต่คุณภาพสินค้าเราดีกว่า ราคาเท่ากัน ทำให้สินค้าเราทันสมัย ของเขาล้าสมัย ศึกษาวิธีชนะ Buybox ให้ listing อยู่ลำดับต้นๆโดย ไม่ต้องมาหั่นราคากับใคร ถ้าเราเป็นคู่แข่งคุณ April ที่ดูอยู่ เราคงจะ PM นัดทานมื้อค่ำกับคุณ April ทำสัญญาใจไม่ตัดราคา จะได้ชนะทั้งคู่ รู้จักคู่แข่ง เหมือนกับรบร้อยครั้งชนะ ร้อยครั้ง แต่ ถ้าจะให้ดีเอาคู่แข่งมาเป็นพวก เพื่อกำหนดราคาตลาด จะดีกว่านะ เงินก็ได้ ไม่เสียสุขภาพจิต :wanwan002: คนขายบน Amazon ที่ตัดราคา อีกไม่นานทั้ง ตัวเล็ก และตัวใหญ่ ก็จะหายไปเป็นรอบรอบๆ แล้วก็สมัครใหม่ แต่งวดนี้ อาจจะได้ account ช้าหน่อย หรือ ไม่ได้เลย คนอยากรวยเร็ว ก็ทำยอดขายปลอมอีกตามเคย ทั้ง e book ทั้ง script ทั้งอบรม ช่วงนี้งานยุ่งเหมือนกันคุณ April ตัวเราเหมือนกับเป็นเด็กอีกครั้ง เราได้ order ใหญ่ ทำ jewelry handmade ก่อน คริสมาตร์ จากลูกค้า Amazon เขาจะซื้อไปขายต่อ ลูกค้าเกษียณแล้ว ได้มา 3 จ้าวแล้ว ต้องให้เสร็จก่อนสิ้นเดือนกันยา :wanwan019:สรุปว่า ลูกค้าจะไม่ภักดีกับ Amazon หากกลยุทธของคุณสามารถสร้างลูกค้าให้มีรายได้ :wanwan019: บอกคนที่ดูแล account ช่วงนี้ เป็นช่วงโกยเงินแล้วพี่จะให้พิเศษ :wanwan003: :wanwan003: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: iamtv6 ที่ 08 กันยายน 2014, 06:23:49 สวัสดีครับ คุณ Trudy
เป็นเรื่องที่ถูกต้องเลยครับว่า เราควรสู้กับคนที่เรารู้ว่าสู้แล้วจะชนะครับ ถ้าผม Research แล้วผมว่า เขาใหญ่จริง ผมก็ไม่สู้ครับ ในเคสของคุณ April ที่วิเคราะห์แล้ว โดยคิดว่าคู่แข่งที่มี inventory ระดับ 20 ล้าน ผมก็คงได้แต่แอบสืบเข้าไปเรื่อย ๆ หรือไม่ก็ติดต่อกลับไปหาเลยครับ เพราะระดับ 20 ล้าน คงจะเป็นโรงงานมาเองแน่ ๆ ครับ ซึ่งถ้าเป็นโรงงานมาเองเราก็ดูได้ไม่ยากครับ และคุยกันง่ายครับ เราอาจจะได้ คอมเน็คชั่นเพิ่มไปอีกทางครับ แต่ถ้าเป็น ซื้อมาขายไปเหมือน ๆ กัน การมี Stock 20 ล้าน ผมเชื่อว่าอาจจะเข้าถึงได้ยากครับ และถ้าเป็นผม ผมก็เลือกไม่สู้ครับ แต่จะศึกษาเขาไปเรื่อย ๆ ครับ ว่าเขาลดค่าใช้จ่ายยังไง เขาเริ่มขยายไปสินค้าตัวไหนบ้าง แอบตามเขาไปเรื่อย ๆ ครับ สั่งสินค้าของเขา เช็คทุกอย่างของเขา แต่สุดท้ายไม่ว่าจะวิเคราะห์กันอย่างไร มันก็ขึ้นอยู่ว่า เราวิเคราะห์บนสินค้าชนิดใดครับ ประสบการณ์ของผมที่เคยเจอมามันก็อยู่บนพื้นฐานของสินค้าของผม ซึ่งมันอาจจะไม่สอดคล้องและใช้ไม่ได้กับสินค้าที่คุณขายอยู่ครับ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: hagin ที่ 08 กันยายน 2014, 09:07:37 :wanwan017: ขอบคุณท่านเทพทุกท่านที่แนะนำสิ่งดีๆ
หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 08 กันยายน 2014, 10:52:06 คู่แข่งเราไม่ใช่ลูกค้ารายใหญ่ของ DHL คนนี้หรอกค่ะ
คู่แข่งเราจัดเป็นรายเล็ก สต๊อกสินค้าน่าจะไม่เกิน 5 ล้าน อยู่ในระดับที่เราพอก๊อบได้ ค่าส่งก็แพงกว่าเรา แต่ในจังหวะการหั่นราคาเราก็หั่นๆหลอกๆด้วย บางครั้งก็แกล้งยอม ทิ้งไว้เป็นเดือนๆ พอเค้าเห็นว่าเราหยุดหั่น เค้าก็จะสต๊อกมากขึ้น ผ่านซักเดือนสองเดือน เราก็กลับมาหั่นราคาต่อ หั่นรอบสองนี้มีเป้าหมายคือบีบให้คู่แข่งทำ FBA ต้องคำนวณราคาที่จะหั่นให้ถูก ให้คู่แข่งเห็นว่า FBA จะช่วยให้เค้าสู้กับเราได้ ตอนนี้เราก็รอๆ อย่างเดียว พอสินค้าคู่แข่งไปที่ FBA เยอะๆ รอบสุดท้ายเราจะหั่นกระจาย เพื่อบีบให้เค้าขายราคาถูก ช่วงแรกที่คู่แข่งกดราคาสินค้าที่ซ้ำกันลงต่ำมาก เพราะเค้ามีสินค้าที่ไม่ซ้ำกับเราจำนวนมาก สินค้าตัวอื่นก็ได้กำไรดี ดังนั้นสินค้าที่ซ้ำกับเราเค้าจึงทำกำไรน้อยๆได้ สินค้ารายการอื่นๆของเค้าก็เป็นสินค้าที่ขายดี เราจึงก๊อปมาทั้งหมด ถือว่าแฟร์ๆ เค้าเองก็เอาสินค้าขายดีจากเราไป เราเองก็เอาสินค้าขายดีจากเค้ามา บางครั้งที่เราโพสต์ข้อมูลต่างๆ เราก็อยากให้คู่แข่งได้อ่านด้วย แฟร์ๆ เราเองก็ได้ข้อมูลของเค้าจากบริษัทผู้ผลิตและบริษัทชิปปิ้งมาแบบไม่เหนื่อย ก็โพสต์บอกหลายครั้งแล้วว่าเราไม่ใจดีเหมือนเจ้โหดซักเท่าไหร่ ออกจะขี้หงุดหงิดด้วยซ้ำ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 08 กันยายน 2014, 13:10:16 คู่แข่งเราไม่ใช่ลูกค้ารายใหญ่ของ DHL คนนี้หรอกค่ะ คู่แข่งเราจัดเป็นรายเล็ก สต๊อกสินค้าน่าจะไม่เกิน 5 ล้าน อยู่ในระดับที่เราพอก๊อบได้ ค่าส่งก็แพงกว่าเรา แต่ในจังหวะการหั่นราคาเราก็หั่นๆหลอกๆด้วย บางครั้งก็แกล้งยอม ทิ้งไว้เป็นเดือนๆ พอเค้าเห็นว่าเราหยุดหั่น เค้าก็จะสต๊อกมากขึ้น ผ่านซักเดือนสองเดือน เราก็กลับมาหั่นราคาต่อ หั่นรอบสองนี้มีเป้าหมายคือบีบให้คู่แข่งทำ FBA ต้องคำนวณราคาที่จะหั่นให้ถูก ให้คู่แข่งเห็นว่า FBA จะช่วยให้เค้าสู้กับเราได้ ตอนนี้เราก็รอๆ อย่างเดียว พอสินค้าคู่แข่งไปที่ FBA เยอะๆ รอบสุดท้ายเราจะหั่นกระจาย เพื่อบีบให้เค้าขายราคาถูก ช่วงแรกที่คู่แข่งกดราคาสินค้าที่ซ้ำกันลงต่ำมาก เพราะเค้ามีสินค้าที่ไม่ซ้ำกับเราจำนวนมาก สินค้าตัวอื่นก็ได้กำไรดี ดังนั้นสินค้าที่ซ้ำกับเราเค้าจึงทำกำไรน้อยๆได้ สินค้ารายการอื่นๆของเค้าก็เป็นสินค้าที่ขายดี เราจึงก๊อปมาทั้งหมด ถือว่าแฟร์ๆ เค้าเองก็เอาสินค้าขายดีจากเราไป เราเองก็เอาสินค้าขายดีจากเค้ามา บางครั้งที่เราโพสต์ข้อมูลต่างๆ เราก็อยากให้คู่แข่งได้อ่านด้วย แฟร์ๆ เราเองก็ได้ข้อมูลของเค้าจากบริษัทผู้ผลิตและบริษัทชิปปิ้งมาแบบไม่เหนื่อย ก็โพสต์บอกหลายครั้งแล้วว่าเราไม่ใจดีเหมือนเจ้โหดซักเท่าไหร่ ออกจะขี้หงุดหงิดด้วยซ้ำ คู่แข่งเราจัดเป็นรายเล็ก สต๊อกสินค้าน่าจะไม่เกิน 5 ล้าน อยู่ในระดับที่เราพอก๊อบได้ ค่าส่งก็แพงกว่าเรา แต่ในจังหวะการหั่นราคาเราก็หั่นๆหลอกๆด้วย บางครั้งก็แกล้งยอม ทิ้งไว้เป็นเดือนๆ พอเค้าเห็นว่าเราหยุดหั่น เค้าก็จะสต๊อกมากขึ้น ผ่านซักเดือนสองเดือน เราก็กลับมาหั่นราคาต่อ หั่นรอบสองนี้มีเป้าหมายคือบีบให้คู่แข่งทำ FBA ต้องคำนวณราคาที่จะหั่นให้ถูก ให้คู่แข่งเห็ นว่า FBA จะช่วยให้เค้าสู้กับเราได้ ตอนนี้เราก็รอๆ อย่างเดียว พอสินค้าคู่แข่งไปที่ FBA เยอะๆ รอบสุดท้ายเราจะหั่นกระจาย เพื่อบีบให้เค้าขายราคาถูก จะบีบก็ตาย จะคลายก็ตาย ขายที่ไหนก็ตาย ขยายกิจการไม่ได้ ถ้ามีกำไรน้อยลง โห้ดจริงๆ คุณ April เขาสู้เพื่อลูกนะคุณ ชี เจ๊โหดขอเป็นคนสังเกตการณ์แล้วกัน จะมารายงานเป็นระยะระยะๆ หาอ่านที่ได้ที่นี่ที่ Thaiseoboard พวกน้องเด็กๆ กรุณาอย่าอ่านอย่างเดียวนะคะ คิดตามด้วย แล้วก็มาแชร์ปัญหาด้วย วิธีแก้ไขปัญหาด้วยนะคะ จะได้รู้เรื่อง ไม่เข้าใจมาถาม เจ๊โหดตอบให้ฟรี ไม่คิดตังค์ แต่ต้องอ่านมาก่อนว่าเราคิดแบบนี้ถูกไหม :-X หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 08 กันยายน 2014, 13:26:18 อเมซอนสามารถเปิดได้หลายบัญชีค่ะ ถ้าไม่ได้ขายสินค้าผิดกฎ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัว ถ้าเค้าจับได้ ส่วนใหญ่จะปิด ให้เหลือ 1 บัญชี
คนไทยหลายๆคน มีอย่างน้อยๆ 2 บัญชี 1 บัญชีสำหรับ FBA, อีก 1 บัญชีสำหรับส่งจากเมืองไทย เพราะบัญชีที่ทำ FBA จะได้ positive feedback 100% สำรองไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน กรณีที่การแข่งขันสูง ก็จะเอาบัญชีที่ทำ FBA มาสู้ อเมซอนแค่ไม่ต้องการให้ใช้หลายๆบัญชีโพสต์สินค้าเดียวกัน เพราะมันเป็นการเอาเปรียบคนอื่น ส่วนใหญ่ถ้าสองบัญชีแยกกัน แบบที่เราบอกด้านบน อเมซอนก็ไม่ว่าอะไร อยากเปิดหลายบัญชี แค่แยกเครื่องคอมเพื่อแยก MAC address, แยก ip อาจใช้ vpn หรือ เครื่องหนึ่งใช้เน็ตบ้าน อีกเครื่องใช้เน็ตมือถือ แค่นี้ก็มีหลายบัญชีได้ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: Chijitsu ที่ 08 กันยายน 2014, 13:40:35 แอบอ่าน จนไม่ได้สนใจเรียนเลย
ความรู้ทั้งนั้น :wanwan019: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 08 กันยายน 2014, 14:10:04 แอบอ่าน จนไม่ได้สนใจเรียนเลย ความรู้ทั้งนั้น :wanwan019: จากที่คุณ น้องเขียน เรื่องสิ่งที่คอร์สเรียน ไม่ได้สอน เจ๊ว่า ถ้าคุณน้องไม่เรียนสาย IT ก็คอมพิวเตอร์ ธุรกิจ เจ๊เคยทำหลักสูตรอบรม พนักงานมากกว่า 5,000 คน ผู้บริหาร programmers administrators และก็ users เจ๊ก็อาศัยการตอบของน้อง เดาวิชาที่น้องกำลังเรียนอยู่ ถ้าเจ๊เดาผิด ก็ขออภัย :P เดี๋ยวเจ๊จะมาเขียน วิธีกำจัดจุดอ่อน ตัวเองก่อนที่จะขายของบน eBay หรือ Amazon หรือ จุดอ่อนที่ต้องกำจัด ระหว่างการขาย ของบน ebay amazon น้องคือ คนต่อไป ที่โชคดี แบบ Chipatha ชื่อ ก็มี Chi ขึ้นค้นเหมือนกัน:P เจ๊ไม่ได้สอนมั่วๆ นะคะ เจ๊มี skill การสอนแบบ โหดๆ ตอนนี้ขอตัวก่อนนะคะ:wanwan016: ลูกค้ารายใหญ่มาแล้ว เจ๊ต้องไปทำงานแล้ว :wanwan007: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: Chijitsu ที่ 08 กันยายน 2014, 14:45:05 แอบอ่าน จนไม่ได้สนใจเรียนเลย ความรู้ทั้งนั้น :wanwan019: จากที่คุณ น้องเขียน เรื่องสิ่งที่คอร์สเรียน ไม่ได้สอน เจ๊ว่า ถ้าคุณน้องไม่เรียนสาย IT ก็คอมพิวเตอร์ ธุรกิจ เจ๊เคยทำหลักสูตรอบรม พนักงานมากกว่า 5,000 คน ผู้บริหาร programmers administrators และก็ users เจ๊ก็อาศัยการตอบของน้อง เดาวิชาที่น้องกำลังเรียนอยู่ ถ้าเจ๊เดาผิด ก็ขออภัย :P เดี๋ยวเจ๊จะมาเขียน วิธีกำจัดจุดอ่อน ตัวเองก่อนที่จะขายของบน eBay หรือ Amazon หรือ จุดอ่อนที่ต้องกำจัด ระหว่างการขาย ของบน ebay amazon น้องคือ คนต่อไป ที่โชคดี แบบ Chipatha ชื่อ ก็มี Chi ขึ้นค้นเหมือนกัน:P เจ๊ไม่ได้สอนมั่วๆ นะคะ เจ๊มี skill การสอนแบบ โหดๆ ตอนนี้ขอตัวก่อนนะคะ:wanwan016: ลูกค้ารายใหญ่มาแล้ว เจ๊ต้องไปทำงานแล้ว :wanwan007: :wanwan009: :wanwan009: เจ๊ โหด จะ โหดเกินไปแล้ว โหดจนน่ากลัว ตอนแรกผมเรียนสาย it แต่ผมชอบค้าขายมากกว่า ผมเลยซิ่วมาเรียนการตลาดครับ :wanwan017: :wanwan017: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 08 กันยายน 2014, 18:24:26 จะบีบก็ตาย จะคลายก็ตาย ขายที่ไหนก็ตาย ขยายกิจการไม่ได้ ถ้ามีกำไรน้อยลง โห้ดจริงๆ :-X คู่แข่งเราไม่ตายหรอกค่ะ เค้าก็เก่งเหมือนกันเพราะขายมาได้ยาวนานหลายปี ผลลัพธ์สุดท้ายน่าจะประมาณทั้งเรากับเค้าก็น่าจะยังทำธุรกิจนี้ต่อไป แต่กำไรต่อหน่วยลดลง ถ้าในครั้งแรกที่เค้าเริ่มขายของเหมือนเรา เค้าเริ่มด้วยการเปิด product page เองแทนการเข้ามาหั่นราคาในหน้าที่เราเป็นคนเปิดขึ้นมา มันก็จะจบในลักษณะที่ต่างคนต่างขาย ออร์เดอร์ก็แบ่งๆกันไป ขายได้ราคาทั้งคู่ ตลาดออนไลน์มันกว้าง แม้ว่าเราจะหั่นราคาในอีเบย์ อเมซอน แต่เราและเค้าก็ต่างก็มีตลาดอื่นๆอีกที่ไม่ซ้อนทับกัน แม้ในอีเบย์อเมซอนเอง ถ้าเราจัดแพคเกจหน่อย สินค้าก็จะไม่เหมือนกันละ แต่สินค้าและตลาดหลักๆก็ยังซ้อนทับกันอยู่ มันก็คงจะสร้างความหงุดหงิดให้กับคู่แข่ง เคยค้าขายได้กำไรดี ไม่ต้องคิดมาก ต่อจากนี้ไปกำไรคงจะลดลง ค้าขายอาจจะไม่ราบรื่นเพราะมีแฟนคลับคอยตามก๊อบ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 08 กันยายน 2014, 18:53:39 จะบีบก็ตาย จะคลายก็ตาย ขายที่ไหนก็ตาย ขยายกิจการไม่ได้ ถ้ามีกำไรน้อยลง โห้ดจริงๆ :-X คู่แข่งเราไม่ตายหรอกค่ะ เค้าก็เก่งเหมือนกันเพราะขายมาได้ยาวนานหลายปี ผลลัพธ์สุดท้ายน่าจะประมาณทั้งเรากับเค้าก็น่าจะยังทำธุรกิจนี้ต่อไป แต่กำไรต่อหน่วยลดลง ถ้าในครั้งแรกที่เค้าเริ่มขายของเหมือนเรา เค้าเริ่มด้วยการเปิด product page เองแทนการเข้ามาหั่นราคาในหน้าที่เราเป็นคนเปิดขึ้นมา มันก็จะจบในลักษณะที่ต่างคนต่างขาย ออร์เดอร์ก็แบ่งๆกันไป ขายได้ราคาทั้งคู่ ตลาดออนไลน์มันกว้าง แม้ว่าเราจะหั่นราคาในอีเบย์ อเมซอน แต่เราและเค้าก็ต่างก็มีตลาดอื่นๆอีกที่ไม่ซ้อนทับกัน แม้ในอีเบย์อเมซอนเอง ถ้าเราจัดแพคเกจหน่อย สินค้าก็จะไม่เหมือนกันละ แต่สินค้าและตลาดหลักๆก็ยังซ้อนทับกันอยู่ มันก็คงจะสร้างความหงุดหงิดให้กับคู่แข่ง เคยค้าขายได้กำไรดี ไม่ต้องคิดมาก ต่อจากนี้ไปกำไรคงจะลดลง ค้าขายอาจจะไม่ราบรื่นเพราะมีแฟนคลับคอยตามก๊อบ ที่เราเขียน จะบีบก็ตาย จะคลายก็ตาย ขายที่ไหนก็ตาย ขยายกิจการไม่ได้ ถ้ามีกำไรน้อยลง โห้ดจริงๆ เรามองถึงด้านที่เลวร้ายที่สุดค่ะ ถ้าคุณชี ไม่ได้พิจารณาทางเลือกอื่น ฉันจะกระโจนเล่น price war ตลอด เพื่อหวังกำไรในระยะสั้น เก่งแค่ไหน ก็มีสิทธิล้มเหมือนกัน ธุรกิจไม่ควรตั้งอยู่ในความประมาท :wanwan044: :wanwan044: :wanwan044: ลองกำไรหายไปเดือนละ แสน หรือสองแสน Shipping ก็ไม่ให้ดีล ราคาเดิม ปวดหัวตายเลย คุณ April ยังบอกทางเลือกเดินให้นะคะ จำไว้นะ น้องๆหนูๆ ที่อ่าน อย่าประเมิณความสามารถของคู่แข่งต่ำเด็ดขาด :wanwan007: :wanwan007: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: Chijitsu ที่ 08 กันยายน 2014, 19:15:53 อยากมีทางลดต้นทุนบ้าง แต่ผมอยู่ต่างจังหวัด หา shipping ดีๆยาก เหมือนถูกบังคับให้ใช้ ไปรษณีย์ แถมไปรษณีย์ ก็ถามตลอด ว่าส่งอะไรบ้าง ขายดีไหม (แต่แอบได้ยินจากพนักงานไปรษณีย์ที่สนิทว่าคนที่ชอบถามแกขาย ebay เหมือนกัน :wanwan009: :wanwan009:)
หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: iamtv6 ที่ 09 กันยายน 2014, 19:18:51 คู่แข่งเราไม่ใช่ลูกค้ารายใหญ่ของ DHL คนนี้หรอกค่ะ คู่แข่งเราจัดเป็นรายเล็ก สต๊อกสินค้าน่าจะไม่เกิน 5 ล้าน อยู่ในระดับที่เราพอก๊อบได้ ค่าส่งก็แพงกว่าเรา แต่ในจังหวะการหั่นราคาเราก็หั่นๆหลอกๆด้วย บางครั้งก็แกล้งยอม ทิ้งไว้เป็นเดือนๆ พอเค้าเห็นว่าเราหยุดหั่น เค้าก็จะสต๊อกมากขึ้น ผ่านซักเดือนสองเดือน เราก็กลับมาหั่นราคาต่อ หั่นรอบสองนี้มีเป้าหมายคือบีบให้คู่แข่งทำ FBA ต้องคำนวณราคาที่จะหั่นให้ถูก ให้คู่แข่งเห็นว่า FBA จะช่วยให้เค้าสู้กับเราได้ ตอนนี้เราก็รอๆ อย่างเดียว พอสินค้าคู่แข่งไปที่ FBA เยอะๆ รอบสุดท้ายเราจะหั่นกระจาย เพื่อบีบให้เค้าขายราคาถูก ช่วงแรกที่คู่แข่งกดราคาสินค้าที่ซ้ำกันลงต่ำมาก เพราะเค้ามีสินค้าที่ไม่ซ้ำกับเราจำนวนมาก สินค้าตัวอื่นก็ได้กำไรดี ดังนั้นสินค้าที่ซ้ำกับเราเค้าจึงทำกำไรน้อยๆได้ สินค้ารายการอื่นๆของเค้าก็เป็นสินค้าที่ขายดี เราจึงก๊อปมาทั้งหมด ถือว่าแฟร์ๆ เค้าเองก็เอาสินค้าขายดีจากเราไป เราเองก็เอาสินค้าขายดีจากเค้ามา บางครั้งที่เราโพสต์ข้อมูลต่างๆ เราก็อยากให้คู่แข่งได้อ่านด้วย แฟร์ๆ เราเองก็ได้ข้อมูลของเค้าจากบริษัทผู้ผลิตและบริษัทชิปปิ้งมาแบบไม่เหนื่อย ก็โพสต์บอกหลายครั้งแล้วว่าเราไม่ใจดีเหมือนเจ้โหดซักเท่าไหร่ ออกจะขี้หงุดหงิดด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช้เจ้าใหญ่ ก็คงจะสู้รบกันจนเบื่อกันไปเองครับ แต่ถ้าเป็นเจ้าใหญ่ ทำ Import ไป USA ผมว่าก็ยอมเถอะครับ เพราะเขาคงไม่ได้มีที่ปล่อยของเฉพาะใน Amazon อาจจะมีแหล่งอื่น ๆ ที่ไว้ปล่อยและกระจายสินค้าของเขาเอง ผมรู้จักเจ้าของโรงงานสินค้าชนิดหนึ่งที่มีคนเอาสินค้าเขาไปขายที่ อเมซอน ปีที่แล้วผมถามและเปิดหน้า Amazon ให้เขาดูว่า มีคนเอาสินค้าพี่ไป Stock ที่ อเมซอนนะ เขาก็บอกว่ามีคนเอาไปขายที่เมกาซึ่งเขาก็รู้และติดต่อกันมานาน ผมก็ถามแบบตรง ๆ ว่า ตระกูลพี่จบนอก จบเมกากันหมด ทำไมไม่ส่งไปขายเอง ปล่อยให้ Trader มาหาผลประโยชน์ทำไม ผมรู้จักเจ้าของโรงงานมาหลายปี อยากทำมาก ๆ อยากขอเป็นคนส่งไปขายต่างประเทศมาก ๆ แต่สุดท้าย ก็ไม่ได้ทำและเขาก็เบื่อผมตื้อเบื่อผมขอและวันหนึ่งก็ให้เหตุผล ซึ่งผมก็เข้าใจและไม่ดื้อที่จะทำอีกเลย ซึ่งพี่เขาบอกว่าสินค้าของเขาเขารู้ดีว่ามีจุดอ่อนไม่เหมาะกับกฏหมายและ คนอเมริกา หรือประเทศอื่น ๆ การเข้าไปขายตรง ๆ โดยไปแบบโรงงานมาเอง กับ Trader เข้าไป ความรับผิดชอบต่างกัน ถ้ามีปัญหาอะไรกัน ความเสียหายมันก็ไม่มาถึงโรงงาน เพราะโรงงานอยู่เมืองไทย อยู่ภายใต้กฏหมายไทย เป็นเรื่องของ Trader ที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งถ้าหากพี่เขายอมให้ผมทำ ถ้าหากมีปัญหาสุดท้ายก็ต้องเป็นเขาที่ต้องแก้ให้ เพราะรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งสินค้าพร้อม เขาก็จะทำเองแน่นอน เพราะในระดับเจ้าของโรงงาน เขาก็จะคุยกันและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน (แม้เป็นคู่แข่งกัน) จากข้อสรุปตรงนี้ ผมเชื่อว่า ถ้าคนทำ FBA ระดับ 20 ล้านขึ้นไป ผมว่าเขาเก่งทั้งกฏหมายและทุนสูง แถมเชื่อว่า ไม่ได้ปล่อยของแค่ใน Amazon และทำ Import Export มาก่อน แต่ถ้าแค่ระดับ 5 ล้าน ผมเชื่อว่า ยังพอวัดได้ กลุ่มนี้น่าจะทำ DDP ผ่าน DHL หรือเจ้าอื่น ๆ การสู้รบถ้าเป็นผม ผมคิดว่าไหวกับกลุ่มนี่ แต่สุดท้ายก็จะเบื่อที่จะมานั้งวางแผนกันสุดท้ายก็ต่างคนต่างขายครับ สินค้าที่โดนตัดราคา มันก็คือสินค้าที่ผลตอบแทนต่ำ เมื่อผลตอบแทนต่ำ เราก็จะไม่รักมัน และก็จะลืมมันไป และไปหลงไหลกับสินค้าใหม่ ๆ ที่เราได้มาใหม่ ซึ่งตลอด 10 ปีที่ผมทำ E-commerce มันเป็นแบบนี้จริง ๆ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 09 กันยายน 2014, 21:08:31 ขอบคุณคุณ iamtv6 ค่ะ สำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ในมุมมองเรา ณ เวลานี้ ถ้าเป็นรายใหญ่นำเข้าไปกระจายอเมริกา จะขายราคาถูกได้ยากหน่อย ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นทั้งจากภาษีนำเข้าและภาษีเงินได้ ผู้ขายอเมริกันส่วนใหญ่จะถูกหักภาษีณที่จ่าย ที่พอจะทำต้นทุนได้ดีคือรายใหญ่จากนอกอเมริกาส่งไปที่ FBA ปัจจุบันการแข่งขันในอเมริกาสูงมาก ถึงแม้ว่าเราไม่อยากหั่นราคากับใคร ก็ใช่ว่าจะรอดพ้น ถ้าสินค้าเราขายดี ก็อาจจะมีคนอื่นเข้ามาขายแข่ง แม้จะเป็นแบรนด์ของเราเอง คนอื่นก็ยังสามารถทำเลียนแบบ หรือแม้กระทั่งตั้งชื่อแบรนด์คล้ายกัน เราควรเตรียมตัวพร้อมลุย คุณ iamtv6 ขายของมานาน เราเดาว่าน่าจะส่งของกับบริษัทเอกชน อย่าง UPS หรือไม่ก็ Fedex หรือไม่ก็ทั้งคู่ ซึ่งน่าจะเข้าใจรายละเอียดในการทำดีลกับบริษัทพวกนี้ดี การดีลกับชิปปิ้งเอกชนทำให้เกิดข้อจำกัดในการขยายตลาดพอสมควร 99% ของการดีลเพื่อขายออนไลน์ จะยึดเลนอเมริกา แคนนาดาเป็นเป้าหมายหลัก รองลงมา จะเป็น อังกฤษ ออสเตรเลีย แต่ละคนต่างพุ่งเป้าไปที่การเอายอดขายจากอเมริกา เพราะตลาดใหญ่ ใช้เวลาไม่นานก็ได้ยอดขาย ซึ่งก็หมายถึงได้ยอดส่งของด้วย และที่มักจะทำคือทิ้งส่วนลดในโซนอื่น ในมุมมองเรา ดีลแบบนี้มันมีจุดอ่อน กว่าจะรู้ว่ามันคือจุดอ่อนก็ต้องรอให้ตลาดอเมริกาเดือดซะก่อน หวังว่าคุณ iamtv6 จะไม่ใช่คู่แข่งเรานะ คุณ iamtv6 ทำงานด้านนี้มานาน เราก็อยากให้มาโพสต์ตอบในบอร์ดบ่อยๆ (เผื่อวันข้างหน้าเราอาจจะมีคำถามมาขอความช่วยเหลือ) หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 09 กันยายน 2014, 21:35:01 ขอบคุณคุณ iamtv6 ค่ะ สำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในมุมมองเรา ณ เวลานี้ ถ้าเป็นรายใหญ่นำเข้าไปกระจายอเมริกา จะขายราคาถูกได้ยากหน่อย ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นทั้งจากภาษีนำเข้าและภาษีเงินได้ ผู้ขายอเมริกันส่วนใหญ่จะถูกหักภาษีณที่จ่าย ที่พอจะทำต้นทุนได้ดีคือรายใหญ่จากนอกอเมริกาส่งไปที่ FBA ปัจจุบันการแข่งขันในอเมริกาสูงมาก ถึงแม้ว่าเราไม่อยากหั่นราคากับใคร ก็ใช่ว่าจะรอดพ้น ถ้าสินค้าเราขายดี ก็อาจจะมีคนอื่นเข้ามาขายแข่ง แม้จะเป็นแบรนด์ของเราเอง คนอื่นก็ยังสามารถทำเลียนแบบ หรือแม้กระทั่งตั้งชื่อแบรนด์คล้ายกัน เราควรเตรียมตัวพร้อมลุย คุณ iamtv6 ขายของมานาน เราเดาว่าน่าจะส่งของกับบริษัทเอกชน อย่าง UPS หรือไม่ก็ Fedex หรือไม่ก็ทั้งคู่ ซึ่งน่าจะเข้าใจรายละเอียดในการทำดีลกับบริษัทพวกนี้ดี การดีลกับชิปปิ้งเอกชนทำให้เกิดข้อจำกัดในการขยายตลาดพอสมควร 99% ของการดีลเพื่อขายออนไลน์ จะยึดเลนอเมริกา แคนนาดาเป็นเป้าหมายหลัก รองลงมา จะเป็น อังกฤษ ออสเตรเลีย แต่ละคนต่างพุ่งเป้าไปที่การเอายอดขายจากอเมริกา เพราะตลาดใหญ่ ใช้เวลาไม่นานก็ได้ยอดขาย ซึ่งก็หมายถึงได้ยอดส่งของด้วย และที่มักจะทำคือทิ้งส่วนลดในโซนอื่น ในมุมมองเรา ดีลแบบนี้มันมีจุดอ่อน กว่าจะรู้ว่ามันคือจุดอ่อนก็ต้องรอให้ตลาดอเมริกาเดือดซะก่อน หวังว่าคุณ iamtv6 จะไม่ใช่คู่แข่งเรานะ คุณ iamtv6 ทำงานด้านนี้มานาน เราก็อยากให้มาโพสต์ตอบในบอร์ดบ่อยๆ (เผื่อวันข้างหน้าเราอาจจะมีคำถามมาขอความช่วยเหลือ) US เก็บภาษีสินค้า e commerce จากคนซื้อ คนขาย เต็มเม็ด เต็มหน่วยค่ะ คน US และคนไทยนิยมทำ dropship กับ doba และ salehoo กลยุทธ์ คือ เขาจะให้แต่ละคนลงขายทุกวัน วันละ 10 รายการโดยคาดหวังว่า ใน 10 รายการจะมีคนซื้ออย่างน้อย 1 รายการ และบวกราคาที่คุณต้องการเข้าไป แต่เมื่อคิดกำไรจริงๆ กำไรน้อยมาก หากเศรษฐกิจของทาง US ไม่ดี สำหรับคนขายที่โฟกัสไปยอดขายไปที่ US งานหนักเอาการ :'( หาของไทยไปขายคนจีน กับที่คน ขายอื่นไม่ส่งดีกว่า ราคาดีกว่า :wanwan044: คนขาย US บน amazon บ่นเรื่องตัดราคาและสินค้ากำไรน้อยจากการใช้ dropship เลยมีแผนจะเอาสินค้าเราไปขายก่อน x mas น่าจะ ดีกว่า เราก็ขายสินค้าไม่เหมือนกับที่เขาวางขาย สินค้าไม่ทับกัน ตอนนี้ ดึงลูกค้ากระเป๋าหนักจาก Amazon มาซื้อของไปขาย ก็ขายได้เรื่อยๆ ไม่ต้องไปตัดราคาชาวบ้าน อยากให้เราเป็น dropshipper เราก็ทำให้ :wanwan003: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: Chijitsu ที่ 09 กันยายน 2014, 22:33:00 เซียนๆ ทุกท่าน พอจะมีชื่อหนังสือ เกี่ยวกับ แนวคิดการตลอด ที่เกี่ยวกับการขาย online ในประเทศหรือต่างประเทศ ไหมครับ
ผมอ่านส่วนใหญ่จะเป็น แนวคิดการตลาดทั่วไป มันไม่ค่อยตรง ไม่ค่อยตอบโจทย์ ผมในตอนนี้ รบกวนแนะนำด้วยครับ อยากหาความรู้เพิ่มเติม :wanwan011: :wanwan011: :wanwan017: :wanwan017: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 09 กันยายน 2014, 23:13:24 เซียนๆ ทุกท่าน พอจะมีชื่อหนังสือ เกี่ยวกับ แนวคิดการตลอด ที่เกี่ยวกับการขาย online ในประเทศหรือต่างประเทศ ไหมครับ มีขายที่ www.amazon.com (http://www.amazon.com)ผมอ่านส่วนใหญ่จะเป็น แนวคิดการตลาดทั่วไป มันไม่ค่อยตรง ไม่ค่อยตอบโจทย์ ผมในตอนนี้ รบกวนแนะนำด้วยครับ อยากหาความรู้เพิ่มเติม :wanwan011: :wanwan011: :wanwan017: :wanwan017: E-commerce Get It Right! Essential Step-by-Step Guide for Selling & Marketing Products Online. Insider Secrets, Key Strategies & Practical Tips - Simplified for Start-Ups & Small Businesses Paperback – August 6, 2011 หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 10 กันยายน 2014, 03:07:16 สงครามราคาจะจบแบบศพไม่สวยเมื่อเราสู้ด้วยเครื่องมือที่ทัดเทียมกัน เช่น ต้นทุนสินค้าเท่ากัน ค่าส่งเท่ากัน .... หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: Chijitsu ที่ 10 กันยายน 2014, 13:11:28 ค่าส่งสินค้าประมาณ เดือนละ 10000-20000 ต่อเดือน พอจะมีโอกาศ ดีลราคา กับ shipping เพื่อลดราคาค่าส่งไหมครับ หรือต้อง 30000 บาทขึ้นไป
หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 10 กันยายน 2014, 13:52:25 ค่าส่งสินค้าประมาณ เดือนละ 10000-20000 ต่อเดือน พอจะมีโอกาศ ดีลราคา กับ shipping เพื่อลดราคาค่าส่งไหมครับ หรือต้อง 30000 บาทขึ้นไป ส่วนใหญ่ค่าส่งต่่อเดือน จะ 6 หลักขึ้นไปต่อเดือน ต้องทำยอดให้บริษัท shipping ให้ได้ทุกเดือน เพื่อให้บริษัท ให้ rate นี้กับเรา ต้องถามคุณ april นะคะจะให้ข้อมูลตรงนี้ดีกว่า ตอนนี้บริษัท shipping ต่างชาติจะไม่ค่อยให้ส่วนลดสูงๆ กันแล้ว การจะขอ rate จาก shipping ต่างชาติ ต้องเอาน้ำหนักของสินค้าของน้องพิจารณาด้วยค่ะ แม้ว่าเจ๊จะต้องจ่ายค่าส่ง ุ6 หลักต่อเดือน แต่ เจ๊ก็ไม่ได้ขอ rate จาก DHL เพราะสินค้าเจ๊น้ำหนักเบา ส่งแบบจดหมายอากาศลงทะเบียน ใช้เวลา 2 อาทิตย์ ถึง US Russia 2-3 อาทิตย์ ถึง canada ลูกค้าก็ happy ค่ะ หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 10 กันยายน 2014, 14:06:24 สงครามราคาจะจบแบบศพไม่สวยเมื่อเราสู้ด้วยเครื่องมือที่ทัดเทียมกัน เช่น ต้นทุนสินค้าเท่ากัน ค่าส่งเท่ากัน .... ขอเพิ่มอีกกรณีแล้วกัน สงครามราคาจบบางคนได้ศพไม่สวย บางคนจะมาแทนที่ตำแหน่งของคุณอย่างไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเราสู้ด้วยเครื่องมือที่ทัดเทียมกัน เช่น ต้นทุนสินค้าเท่ากัน ค่าส่งเท่ากัน .... แต่ถ้าความรู้ทางธรกิจของคุณ ไปสู้คนที่ตุณไปขายตัดราคาขายไม่ได้ คุณจะขายของไม่สนุกเลย การทำ ebay amazon คนที่จะอยู่ได้นาน มีกำไรต่อเนื่อง จะเป็นคนที่ขยัน อดทน มีความสามารถวิเคราะห์ในการบริหารจัดการสูงนะคะ ื รอดูยอดขายใกล้ปีใหม่ ช่วงเดือน ตค พย คนที่ทำ Amazon FBA จะยอดเป็นอย่างไร เจ๊เป็นห่วงว่าสินค้าจะตัดราคากันดุเดือด หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: Chijitsu ที่ 10 กันยายน 2014, 14:14:54 ค่าส่งสินค้าประมาณ เดือนละ 10000-20000 ต่อเดือน พอจะมีโอกาศ ดีลราคา กับ shipping เพื่อลดราคาค่าส่งไหมครับ หรือต้อง 30000 บาทขึ้นไป ส่วนใหญ่ค่าส่งต่่อเดือน จะ 6 หลักขึ้นไปต่อเดือน ต้องทำยอดให้บริษัท shipping ให้ได้ทุกเดือน เพื่อให้บริษัท ให้ rate นี้กับเรา ต้องถามคุณ april นะคะจะให้ข้อมูลตรงนี้ดีกว่า ตอนนี้บริษัท shipping ต่างชาติจะไม่ค่อยให้ส่วนลดสูงๆ กันแล้ว การจะขอ rate จาก shipping ต่างชาติ ต้องเอาน้ำหนักของสินค้าของน้องพิจารณาด้วยค่ะ แม้ว่าเจ๊จะต้องจ่ายค่าส่ง ุ6 หลักต่อเดือน แต่ เจ๊ก็ไม่ได้ขอ rate จาก DHL เพราะสินค้าเจ๊น้ำหนักเบา ส่งแบบจดหมายอากาศลงทะเบียน ใช้เวลา 2 อาทิตย์ ถึง US Russia 2-3 อาทิตย์ ถึง canada ลูกค้าก็ happy ค่ะ สินค้าผมส่วนใหญ่ก็น้ำหนักเบา ควรใช้ ไปรษณีย์ ไทย หรือ dhl ดีครับ สินค้าหลักผมกำไร 30-40 % ต่อชิ้นเท่านั้น เลยซีเรียจ ราคาเล็กๆน้อยๆ อยากประหยัดให้ได้มากที่สุด อยากใช้ ของ sme shipping dhl global mail เขาก็คิดค่ามารับของ 500 บาท แทบช้อค >_< หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: April07 ที่ 10 กันยายน 2014, 15:40:53 ค่าส่งสินค้าประมาณ เดือนละ 10000-20000 ต่อเดือน พอจะมีโอกาศ ดีลราคา กับ shipping เพื่อลดราคาค่าส่งไหมครับ หรือต้อง 30000 บาทขึ้นไป ดีลได้ค่ะ แต่ได้ส่วนลดน้อยมาก เคยเห็นตัวเลขบางบริษัท โครงสร้างส่วนลดแรก(น้อยที่สุด) E-com ต้องใช้ยอดส่งของ 50,000-150,000 บาทต่อเดือน หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: Chijitsu ที่ 10 กันยายน 2014, 15:45:29 ค่าส่งสินค้าประมาณ เดือนละ 10000-20000 ต่อเดือน พอจะมีโอกาศ ดีลราคา กับ shipping เพื่อลดราคาค่าส่งไหมครับ หรือต้อง 30000 บาทขึ้นไป ดีลได้ค่ะ แต่ได้ส่วนลดน้อยมาก เคยเห็นตัวเลขบางบริษัท โครงสร้างส่วนลดแรก(น้อยที่สุด) E-com ต้องใช้ยอดส่งของ 50,000-150,000 บาทต่อเดือน ขอบคุณ มากครับผมคุณ april สงสัยต้องพึ่งไปรษณีย์ไทยไปก่อน ยอดส่งยังน้อย :wanwan017: :wanwan017: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: lahms ที่ 12 กันยายน 2014, 09:58:44 ผมว่าถ้าคุณ April07 ยอมรับกำไร/ชิ้นที่ลดลงก็คงสู้กันได้ แต่ในระยะยาวผมว่าลองหาสินค้าตัวใหม่ๆๆมาลงขายดีกว่า กรณีนี้มันเป็นวัฏจักรของการขาย สินค้าตัวหนึ่งเมื่อมีกำไรสูงๆๆก็จะมีหน้าใหม่ๆๆเข้ามาแข่งพอแข่งกันมากๆๆกำไรก็จะลดลงจนแทบจะไม่เหลือหลังจากนั้นก็ล้มหายตายจากไปแล้วก็มีสินค้าตัวใหม่มาแทนที่ ขนาดคุณ April ดีลกับชิปปิ้งราคาถูกยังเหนื่อยเลย
หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: trudy ที่ 18 กันยายน 2014, 02:17:29 ผมว่าถ้าคุณ April07 ยอมรับกำไร/ชิ้นที่ลดลงก็คงสู้กันได้ แต่ในระยะยาวผมว่าลองหาสินค้าตัวใหม่ๆๆมาลงขายดีกว่า กรณีนี้มันเป็นวัฏจักรของการขาย สินค้าตัวหนึ่งเมื่อมีกำไรสูงๆๆก็จะมีหน้าใหม่ๆๆเข้ามาแข่งพอแข่งกันมากๆๆกำไรก็จะลดลงจนแทบจะไม่เหลือหลังจากนั้นก็ล้มหายตายจากไปแล้วก็มีสินค้าตัวใหม่มาแทนที่ ขนาดคุณ April ดีลกับชิปปิ้งราคาถูกยังเหนื่อยเลย เจ๊โหดว่าคุณ April คงทำอยูุ่ และ เจ๊ยังเชื่อว่าถ้าอยาก อยู่รอด ก็คงต้องนำหน้าคนอื่นสัก 1 ก้าว คุณ April ไม่ได้เหนื่อยคนเดียวหรอกค่ะ คู่แข่งก็เหนื่อยด้วยถ้าตกลงได้ระหว่างคน 2 คนว่า เราจะไม่ลดราคา เธอขายโซนนี้ ฉันขายโซนนี้ แต่พอเศรษฐกิจไม่ดี ทุกคนอยากเอาตัวรอด แม้แต่คนขายเก่า ถ้าไม่เปลี่ยนสินค้า หรือปรับกลยุทธ์ กำไรคุณจะลดลง :wanwan004: หากเจอคู่แข่งที่ทุนหนา เจ๊ก็สู้เหมือนกัน แต่จะไม่ได้ไปขายแข่งทุกตัว โดยปกติคนขายรายใหญ่ของ eBay เท่าที่ดูจะคาดการณ์ demand สินค้าตัวนั้น แล้วก็ซื้อมาเยอะๆ เพื่อให้ได้ต้นทุนต่ำ สินค้าของพวกเขาส่วนใหญ่ จะเป็น สไตร์ 7-11 เป็นสินค้าที่เหมาะกับคนทุกคน แต่สินค้าของเจ๊ บางตัวก็จะเป็นสินค้าที่เหมาะกับคนทุกคน บางตัวก็จะเป็นสินค้าเหมาะกับคนที่ใช่ เช่นพวกของสะสม งานออกแบบ เมื่อจะลงขายสินค้าแต่ละชิ้น เจ๊จะถามตัวเองว่า สินค้านี้ใครจะซื้อ เขาซื้อเพื่อตัวเขาเองหรือสำหรับคนอื่น ทำไมเขาถึงเลือกซื้อสินค้าเรา ทำอย่างไรจะทำให้ สินค้าที่เราขายเหมือนคนอื่น ดูแตกต่างและดูมีราคามากกว่าคนอื่น เราจะได้กำไรเท่าไหร่จากการขายสินค้านี้ในแต่ละเดือน :wanwan044: ในปัจจุบัน แม่ค้า พ่อค้าบน ebay หรือ amazon ก็ใช้ ebay amazon เป็นช่องทางหนึ่งในการขายของ ไม่ใช่ช่องทางหลักในการหารายได้ เพราะค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น กฎระเบียบ มากขึ้น น้องจะสังเกตเห็นว่าทำไมช่วงนี้บางคนขายของไม่ได้ สาเหตุหนึ่งมาจาก พ่อค้าแม้ค้าดึงลูกค้าไปซื้อของช่องทางอื่น :wanwan023: เจ๊ก็ดึงลูกค้า มาซื้อของบน Facebook กับ บน Blog เหมือนกัน ทำให้ลูกค้าเป็นผู้ช่วยขายสินค้า ไม่บอกนะคะว่าทำอย่างไร อยากให้ใช้จินตนาการ เพราะมันทำได้หลายวิธี แต่บอกใบ้ให้ว่าลำพังจด email ลูกค้า ส่ง catalog หรือ ของชำร่วย หรือใส่นามบัตรไปในกล่องพัสดุมันไม่เพียงพอ :wanwan005: มันต้องมีอะไมากกว่านั้น ถ้าทำได้จะตัดพวกชาวเกาะไปได้เยอะ เพราะสินค้าที่ขายดีที่สุด ของเราไม่ได้วางขายอยู่บน eBay หรือ Amazon :wanwan007: :wanwan007: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: Chijitsu ที่ 23 กันยายน 2014, 19:41:35 พึ่งกลับมาขาย Ebay ได้ แต่ตอนนี้ มีปัญหา เจอคู่แข่งตัดราคา (ตัดแบบ 0.1,0.5,) อยากทราบวิธีรับมือครับ
จุดเด่นที่ผมมี: 1.ผมมีทุนเยอะกว่า (ผมรู้จักรคู่แข่งคนนี้เพราะสืบไปสืบมา เป็นเพื่อนพี่ชายผม) 2. Feedback ผม 100% (คู่แข่ง 98.7%) 3. ผมมั่นใจผมบริการดีกว่า (คู่แข่งผมได้ negative เยอะ ส่วนมากเป็นเพราะของไม่ถึงลูกค้า แล้วเขาไม่ตอบลูกค้า แต่ผมติดต่อลูกค้าตลอด ถ้าผมผิดผมก็คืนเงิน) 4. Description Shipping Return Policies ผมละเอียดกว่า (แต่ผมทำเป็น html คู่แข่งเขียนเฉยๆ) จุดด้อยที่ผมมี 1.feedback ผมน้อยกว่ามาก เพราะเขาขายก่อนผม 1 ปีกว่าๆ ผมแทบเป็นหน้าใหม่ 2.ผมพึ่งโดนปลดแบน selling ผมโดน limit ไว้แค่ 100 3.ต้นทุนผมมากกว่านิดหน่อย เพราะผมไม่ได้ซื้อของจาก เซลล์โดยตรง ผมซื้อจากคนขายของราคาส่ง แต่คู่แข่งได้จากเซลล์โดยตรง ลักษณะของคู่แข่ง ในร้านจะขายของมั่วซั่ว หลาย category ปนๆกัน (ในร้านผมขาย category เดียว) Description ตัดของคนขายดีมารวมๆกันจนดูมั่วๆ เวลามีคนลดราคา เขาจะลดราคาให้ถูกกว่าเสมอ (แต่ผมเคยลองลดราคา ให้ได้กำไร 40 บาทต่อชิ้น เขาไม่ลดมาแข่ง) ต้นทุนค่าส่งสินค้าเท่ากันเพราะส่งไปรษณีย์ไทยเหมือนกัน ขอคำชี้แนะจากเจ๊โหดด้วยครับ แล้วก็ขอคำแนะนำการตกแต่งร้านด้วยครับว่าผมควรทำแบบเรียบง่าย ขาวๆ หรือแบบ สีชมพู สีฟ้า ดูน่ารัก สินค้าผมส่วนใหญ่ผู้หญิงซื้อไปใช้ครับ แล้วตรง Description html เยอะๆ กับ ขาวๆเรียบๆแบบไหนดีกว่าครับ :wanwan017: :wanwan017: หัวข้อ: Re: Ebay Amazon & The Art of Price War เริ่มหัวข้อโดย: boyfriend ที่ 23 กันยายน 2014, 22:51:27 สอนกันมาให้copyสินค้าที่ขายดีแล้วก้ไปหามาขายไม่ขายตัดราคาก็ให้มันรู้กันไป
คนหาไอเ้ดียสินค้าใหม่ๆมาแทบตาย |