ThaiSEOBoard.com

ทำไมทำธุรกิจต้องกู้ด้วย  ไม่กู้ได้ไหม  อยุ่ในวงแคบๆของตัวเองได้ไหม  ธนาคารก็ชอบโทรมาอยากให้กู้จังให้เขียนแผน ผมก็บอกไม่เอา ยัง ยังไม่หยุด โอเคนะผมไม่มีหนี้ก็จริง  แต่อยากให้เข้าใจว่า อยากทำธุรกิจแบบมีความสุข ไม่เกินตัว ผมเห็นบางคนนี่กู้มา เวลานอนนี่ดูุแล้วเขาเหมือนคนบ้า ชอบนอนถอนหายใจแรงๆ ถามขึ้นก็บอกเรื่องหนี้  ก็เอาใจช่วยนะคับ  แต่ผมไม่สร้างหนี้เพิ่ม ผมคิดถูกใช่ไหม

ผมเปลี่ยนเบอร์มือถือ คนให้กู้ก็ยังตามได้ถูกเนอะ ว่าผมเปลี่ยนเบอร์

หากมีเงินทุนของตัวเองอยู่แล้ว เป็นใครก็ไม่อยากจะกู้หรอกครับ

ธนาคารโทรมาหาคุณ เพราะคุณคงมีเครดิตที่ดีแหละครับ

 :P ดีล่ะครับ ที่ไม่กู้ ถ้าไม่อยากเป็นหนี้!

แต่ลองถามธนาคาร ผมกู้ 1000 เดียวได้ไหม๊ ให้เครดิต ผมด้วยนะ  :'(
55+ รับรอง ไม่มีตามตื้อ...

กู้ทำไม เริ่มจากธรุกิจเล็กๆไปธรุกิจโตๆดิ

ปฏิเสธเลย ผมอ่ะ อยากกู้ แต่เค้าไม่ให้กู้ อิอิ

ธนาคารชอบให้คนมีเงิน ไม่ค่อยเดือดร้อนกู้ครับ  :P

แบบอารมณ์ไม่อยากทรมานด้วยหนี้ดีกว่า ทุนพอมีคับ มีนิดหน่อย ไม่มากพอดีๆ เห็นคนมีหนี้ทรมาน เหมิอนตายทั้งเป็น

การจะกู้เงิน หรือไม่กู้เงินมาทำธุรกิจส่วนตัวนั้น มันขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ว่าตัวผู้ทำมีเงินทุนหรือไม่ แล้วธุรกิจที่เขาจะทำต้องใช้เงินทุนแค่ไหน
การกู้เงินไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่ที่หลายคนมีปัญหา นอนเหมือนคนบ้า เพราะเป็นหนี้แบบที่ จขกท. ว่านั้น เนื่องจากเขาขาดการบริหารจัดการที่ดี

เก็บเอาไว้เพื่อเป็นทางเลือกคับ ไม่แน่วันข้างหน้าอาจจะต้องขยับขยายแบบปุ๊บปั๊บ

ถ้าคนกู้บริหารธุรกิจกับเงินทุนได้ดี มันก็คือการลงทุนดีดีนี่แหละมั้ง ผมว่ามันก็เป็นโอกาสที่ดีในการขยาย scale งานนะ
แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเจ้าของน่ะแหละ ว่าเป้าหมายในธุรกิจเขาวางไว้ยังงัย ถ้าอยากมีธุรกิจใหญ่โต มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน เค้าก็คงอยากกู้
แต่บางคนไม่ชอบรับแรงกดดัน พอใจเท่าที่มี ทำเท่าที่ทำไหว ก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนครับ

ผมว่าอีกปัจจัยนึงน่าจะเป็นเรื่องเวลาด้วยแหละ ทำให้คนทำธุรกิจถึงกู้เงิน เพราะบางอย่างถ้าขยับช้าคู่แข่งก็เอาลูกค้าไปหมด

พูดผิดหรือเปล่าครับ คุณขายปลีก จะให้ผมเอาไปขายปลีกอีกเหรอครับ

 :wanwan001:

ตามความคิดผมนะครับ มีคนบอกมาว่า ถ้าแน่ใจว่าธุรกิจเราไปได้แน่ๆ กู้มาครึ่งนึง แล้วเอาเงินเราลงครึ่งนึงครับ

เพราะ ผมมุติเรามีเงิน 500,000 เจอ ตึก หลังนึงราคา 500,000 เราขายได้ 800,000 เรากำไร 300,000

ถ้าเราลง 250,000 + กู้ 250,000 ขาย 800,000 เรา กำไร 550,000

แบบนี้อะครับ ที่พวกนักธุรกิจเขาถึงไปกู้เงินมาซื้อสินทรัพย์ พวกอสังหา อะครับ

นั่งดูธุรกิจใหญ่เช่น  โนเกีย  หลังจะแย่นะ  บีบี อีกจ้าวนึง  ผมก็เลยมองว่าไม่มีอะไรมั่นคง

ถ้ามีเงินทุนพอที่จะทำธุรกิจ ก็ไม่จำเป็นต้องกู้หรอกครับ ผมไม่อยากกู้เดี๋ยวยาว  :P

งง

ถ้ารวยแล้วไม่ต้องกู้ครับ แต่ถ้าต้องการเงินทุนเพื่อการทำธุรกิจก็ต้องกู้ครับ

บางคนไม่มีเงินทุนเป็นแสนเป็นล้านมากองให้ก็ต้องกู้ครับ เพื่อเอาเงินไปต่อเงิน

แปลกนะครับ ที่เก็บเรื่องแบบนี้มาคิดให้รำคาญใจ

เป็นผม ผมจะบอกว่า ขอโทษครับ ผมยังไม่สนใจนะคร๊าบบบ  ถ้าเค้ายังจะพูดต่อผมก็ตัดสายทิ้ง ก็จบแล้ว   :P :P

 :wanwan044: :wanwan044:

เขาจะกินดอก คุณไงครับ OK

ไม่เป็นหนี้เขาดีที่สุดครับ อยู่แบบพอเพียง

ไม่เป็นหนี้ดีที่สุด เขาตามคุณวันนี้ ถ้าคุณไม่กู้ก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อไหร่ที่ขัดสนหรือขยายกิจการล่ะก็ยังไงก็ต้องพึ่ง   :P 

แต่ที่สุดแล้ว ไม่เป็นหนี้ ดีที่สุด

สุดท้ายก็ต้องจ่าย 250000 กลับคืนอยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ  :P


แต่การกู้มันก็ดีอยู่อยา่งนึง คือ สมมุติเรามี เงิน 1 ล้าน กิจการเราใช้ทุน 7 แสน หากเราใช้ทุนเรา เราจะมีเงินหมุนเวียน 3 แสน

แต่ถ้ากู้ 3 แสน เราจะมีทุนหมุนเวียนเป็น 6 แสน

หากวันนึงเราล้ม เงิน 3 แสน มีไม่พอ ธนาคาร เค้าให้กู้ยากครับ ยามที่เราเดือนร้อนเค้าจะไม่ให้เรากู้

จะกู้ก็กู้ในยามที่สุขสบายครับ ถ้ากู้ไม่เกินล้าน จ่ายดอกไม่มากครับ

ช่วงนี้ทั้งบัตรเครดิต ทั้งประกัน โทรมาโครตเยอะ

ถ้าคุณเรียนทางธุรกิจมาจะรู้ครับว่าการกู้เงินมีประโยชน์

ปลีกของปลีกอีกทีไง


ผมก็เป็นอีกคนครับ เกลียดการมีหนี้สินมากๆ :wanwan017:

ถูกครับ การกู้มีประโยนชน์ในการ ได้เครดิตต่างๆ จากการทำธุรกิจของเรา
แต่มันก็มีทั้งผลดีและผลเสีย 555 เคยเรียนมาก่อน

แต่ยังไงก็ไม่อยากกู้ให้เป็นหนี้ ..... เป็นเจ้าหนี้ดีสุดคอยเก็บตังค์  :wanwan004:

คนเก่าๆ เขาก็คิดแบบคุณ ค้าขายอย่าเป็นหนี้
คนใหม่ๆ เขาคิดว่าเอาเงินคนอื่นมาเล่นดีกว่า เป็นหนี้ ไม่มีใช้ก็ขอประนอมหนี้ จ่ายสัก 10% สบายจะตาย
ถนัดแบบไหนก็ทำแบบนั้น

 :P เงินไม่พอก็ต้องกู้

สำหรับผมแล้ว ผมกู้ครับ เอามาลงทุน เพราะตอนแรก ๆ ก็ทำธุรกิจเล็ก ๆ แต่ ทำงานใหญ่ไม่ได้เลย เก็บเงินก็ไม่พอซักที จำเป็นอย่างมากเลยต้องกู้

แต่ ไม่โหดร้ายเหมือนที่คิด แต่ต้องปรึกษาธนาคารอะไร ดอกเท่าไหร่ ที่สำคัญ หาเงินมาคืนเขาเท่าไหร่ ได้กำไรเท่าไหร่


เก็บไว้ ก่อน เผื่อธุรกิจท่านโตครับ 

 :P

ทำดรอปชิบ เลยไม่ได้กู้

ใช้แรงงานอย่างเดียว

ค่อยๆก้าวจะล้มยาก หากกระโดดโอกาศล้มก็เยอะ
เห็นมาเยอะ ฟองสบู่แตก ต้มยำกุ้ง แฮมเบอร์เกอร์ ยังไม่นับน้ำท่วม คู่แข่งทางธุรกิจ ปัจจัยอื่นๆอีกเยอะ

แล้วคุณจะรู้ไหมว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น
อยูอย่างพอเพียง ไม่สร้างหนี้ดีกว่าครับ

ขอบคุณคับ ผมจะไม่ประมาท

เค้าได้ % ครับ จะไม่ให้โทรก็กะไรอยู๋  :wanwan004: ถ้าไม่อยากให้โทรก็บอกไป ไม่มีเงินจ่ายย

ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากเป็นหนี้นะ มันเครียดดด  :wanwan035: :wanwan035:

แต่เคยมีเพื่อนค้าขาย ๆ เค้าบอกว่าไม่มีหนี้เหมือนไม่มีแรงกระตุ้น อันนี้ก็ว่ากันไปเนาะ

  คิดถูกครับ   บอกตามตรงผมอิจฉาคุณมากกว่า  ขอให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนะครับ  (ธนาคารไรครับ?)

กูมันดีอย่างเสียอย่างครับ ถ้าบริหารเงินเป็นก็ดีไป แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น หนี้บานแน่
ทำธุรกิจเงินสดดีสุดครับ

ธนาคารมีเงินหมุนเวียนในระบบก็มากจากดอกเบี้ยเงินกู้นี่แหล่ะ
คนโทรก็ได้ส่วนแบ่งจากการการจ่ายดอก
พนง.ธนาคารปัจจุบันใครทำยอดไม่ได้เสี่ยงจะโดนดีดออก :wanwan035:

แล้วแต่ขนาดธุรกิจครับ

ถ้าทำเล็กๆ ไปเรื่อยๆ ค่อยๆโตก็ไม่ต้องครับ
แต่ถ้าต้องการ ขยายขนาดธุรกิจแบบเร่งด่วน เพื่อกระชับพื้นที่คู่แข่งก็ต้องทำ
การทำบริษัทต่างๆ เรื่องกู้เงินมาเพื่อขยายธุรกิจถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาครับ

ถ้าเก่งในการวางแผนบริหาร

ถึงกู้แล้วเสียดอกแต่ผลตอบแทนดี มันก็คุ้มกับการลงทุนครับ

ไทยพานิชย์  แต่มีข้อแม้ต้องเขียนแผน ธุรกิจ SME    ผมเคยฟังคนเป็นหนี้พูดถึงดอกเบี้ยทบต้นน่ากลัวมากๆ

ผมมองว่าถ้าหากเราคิดว่าเวลาสำคัญทีสุด การที่เราไปกู้เงินมาทำธุรกิจเพื่อจะต่อเงิน ซึ่งโอกาสประสบความสำเร็จที่จะมีอิสระภาพทางการเงินก็จะเร็วขึ้นไปด้วย มันก็เป็นสิ่งที่ควรทำน่ะครับ แต่ก็ต้องเกิดจากการคิดอย่างรอบคอบแล้วว่าเงินที่กู้มามันทำให้เกิดประโยชน์จริงๆ

อย่ากู้เลยครับมีหนี้ปวดหัวตาย :wanwan014: :wanwan014:

 :-[ :-[ ไอ้เราอยากกู้ใจแทบขาด ทำไมไม่มีใครโทรมาให้กู้บ้างน๊อออออ :-X

 :P กู้เลย  จัดไป ท่าน

ถะ ถะ ถูกต้องที่สุดเลยค้าบบบ  :'(

การกู้  เหมือนการสร้างเครดิตครับ

เพราะสถาบันการเงิน
สามารถเช็คได้ว่าเราเคยกู้ที่ไหนมาบ้าง
กู้แล้ว มีความรับผิดชอบ มีเงินส่งตรงเวลาหรือเปล่า

ถ้าให้ดี กู้เพื่อสร้างเครดิตครับ
ส่งตรงเวลา รับผิดชอบ(คือ มีปัญญาส่งว่างั้น)

ต่อไปจะกู้ห้าหกล้าน ก็กู้ง่ายขึ้นครับ

การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐครับ

 :P

บัตรเครดิตหรือ จะมาสู้เงินสด

เงินสดๆที่มาจากตู้เอทีเอ็มนี่ล่ะ ของจริง

เงินทุนหมุนเวียนครับ บางครั้งเจอโอกาสงามๆในมือแต่ไม่มีเงินทุน วิ่งไปหายืมใครก้ไม่มี กู้ก็ไม่ได้ไม่มีเครดิต ถ้าคุณบริหารเงินเป็น เงินจะต่อยอดธุรกิจอย่างงดงามครับ

ผมมองอย่างนี้นะ การกู้เงินมาลงทุนต่อ แบบมีแผน หรือขยายกิจการ
หากมีทุนอยู่แล้วไม่กู้ก็ดี แต่หากเกรงว่าจะขาดสภาพคล่อง เงินหมุนเวียน
ก็กู้มาเพื่อหมุนเวียน และต้องรู้กำลังจ่ายตนเอง

ธุรกิจใหญ่โตล้วนแล้วแต่กู้ ยิ่งธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ล้วนแล้วแต่กู้กันทั้งนั้น
กว่าจะกู้ได้เขามีเครดิตที่ดีเสมอมา เริ่มจากธุรกิจเล็ก แล้วขยายไปเรื่อยๆ
แต่ถ้ากู้มาแล้วอยู่เฉย นำไปกิน ไปใช้ ไม่เกิดผลกู้แบบนี้ก็เหมือนยืมเงินคนอื่นใช้
ยากที่จะมีเงินมาใช้ เพราะเรานำไปกิน ใช้ ซื้อของฟุ่มเฟือย

แต่ก็ควรใช้ทุนตนเองไปด้วย ใช่ว่าจะกู้ 100% เพระาหากเสียก็จะเสียยาว
เสียนิสัยตัวเอง

หากเรารวย แต่ไม่นำเงินฝากแบงก์ ไม่หมุนเวียนเงินในแบงก์บ่อยๆ สม่ำเสมอ
เราก็ไม่ได้มีเครดิตที่ดี หากจะซื้อบ้าน ก็ยาก หรือช้าหน่อยในการพิจารณา
เพราะเคยมีประวัติทางการเงินมาแล้ว หากประวัติดีจะลงทุนอะไรก็ง่าย

แต่ถ้าไม่รู้จะนำไปลงทุนอะไร ก็ไม่ควรกู้ดีที่สุด แม้จะมีธนาคารนำเสนอบ่อยมากมายก็ตาม

ทำธุระกิจอะไรก็แล้วแต่ เงินกูย่อมดีกว่าเงินกู้ ครับ แต่ในบางกรณีการกู้เงินมาลงทุนด้วย ก็ทำให้กิจการขยายตัวและเติบโตได้เร็ว มีสภาพคล่องดีขึ้น(และเจ๊งเร็ว/หนี้ท่วมหัวได้เช่นกันถ้าวางแผนไม่ดี)

ตามหลักบริหารครับ
อย่าใช้ Resource เรา จงใช้ Resource ของคนอื่นก่อน

เงินคนอื่น เอามาสร้างกำไรให้เรา OK ที่สุดแล้วครับ

ระดับบน ๆ บางทีก็คุยข่มกันว่า "ใครมีหนี้มากกว่า" นะครับ ไม่ใช่ "ใครมีทรัพย์สินมากกว่า"
เพราะการมีหนี้มากกว่า นอกจากหมายถึงมีเครดิตมากกว่าแล้ว
ยังหมายถึง ความสามารถในการ "นำเงินคนอื่น มาสร้างกำไรให้องค์กรของตน" ด้วยครับ

คนที่รวยเป็นพันล้าน หมื่นล้านในเจเนอเรชั่นเดียว
ต้องรู้จักคำว่าเป็นหนี้แบงค์ทั้งนั้น

ส่วนคนที่ล้มละลาย ส่วนใหญ่ก็มาจากการกู้เหมือนกันครับ แหะ ๆ ๆ

เหรียญยังมีตั้งหลายด้าน อย่ามองแต่ข้อเสียของการกู้ครับ

นักธุรกิจใหญ่ๆ มั๊กจะไม่ลงทุนเป็นเงินก้อนเดียวหมดหรอกครับ

การกู้เงินไม่ได้แสดงว่าไม่มีเงิน แต่เขากำลังบริหารเงินครับ

พอดีเป็นลูกกระจ๊อกคลุกคลีอยู่ในวงการอสังหาอยู่บ้างหน่ะครับ ><a

กู้ 250,000 เราก็ต้องคืนเค้า 250,000 แถมเสียดอกอีก กำไร 300,000 เท่าเดิมเผลอๆได้น้อยกว่าลงมานิดเพราะเสียค่าดอก ผมเข้าใจถูกไหมครับ รึผมมึน :wanwan006:

ได้ความรู้เยอะเลย ขอบคุณมากเลยคับ

ลองหาตำราวิชาบัญชีขั้นสูงมาศึกษาดูครับ จะรู้ว่า บางครั้งการกู้เงินก็ได้ประโยชน์กว่าการใช้เงินตัวเอง หมายถึง ประโยชน์เป็นเม็ดเงินจริงๆเลยนะครับ ไม่ใช่การกระกายความเสี่ยง

เช่น การลงทุนเอง 10 ล้าน กับการลงทุนเอง 5 ล้าน กู้เงินอีก 5 ล้านมาลงทุน ก็ต่างกันแล้วครับ

ถ้าเราแสดงให้ธนาคารเห็นได้ว่า เรามีเงินมากกว่า 10 ล้าน ไม่มีความจำเป้นต้องกู้แม้แต่น้อย แต่เราต้องการกู้เพื่อให้กิจการมีหนี้สินเฉยๆ แบบนี้ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติครับ

ซึ่งหนี้สินตรงนี้สามารถนำมาหักรายได้ของบริษัทได้ครับ เพราะถือว่าเรามีหนี้ที่ต้องจ่าย

ผมไม่ลงรายละเอียดนะครับ ลองหาอ่านดู

แต่บอกแค่ว่า โดยรวมแล้วการกู้เงินมาร่วมลงทุนจะทำให้เราเสียภาษีปลายปีน้อยกว่าการใช้เงินตัวเองครับ แม้ว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยก็ยังคุ้มกว่าครับ

ปล. ไม่ได้สนับสนุนให้เลี่ยงนะครับ แต่กฎหมายมันเป็นแบบนี้จริงๆ

การกู้มีประโยชน์นะครับ  ต้องศึกษาให้ดี

ผมกู้หมดนะ otm คับ หลักการผมใช้เงินคนอื่น  

ของแบบนี้ขึ้นอยู่กับทัศนคติการใช้เงินของแต่ละคนด้วยครับ กู้มาใช้ผิดประเภท ซื้อหนี้สินซะเยอะก็เจ๊งครับ

 :wanwan011:

 :wanwan004: (ขออภัย สะดุดขำ ข้อความนี้...)

ใช่เลยค่ะ 

กู้ๆไปเถอะครับแล้วเอาเงินเราไปลงทุนอย่างอื่น ถ้าสิ่งที่เราเอาเงินเราไปลงทุน ได้กำไรมากกว่าดอกเบี่ยธนาคาร เราก็  win แล้วครับ
ใช้เงินให้เป็นครับ เท่านี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว

เช่น ลงทุน 10 ล้าน กู้มา 5ล้าน ลงเอง 5ล้าน เหลือเงิน 5 ล้าน เอา 5 ล้านที่เหลือไปทำอย่างอื่น ทำ 2 อย่างกระจายความเสี่ยงครับ
 :wanwan019:

คิดเหมือนกัน  อย่าเป็นหนี้เลย ถ้าไม่จำเป็น  อิ ๆ  ประสพการณ์ตรงโดนกับตัวมาแล้ว  เครียดสุด ๆ

การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐครับ

ทำธุรกิจใช้เงินคนอื่นดีสุดครับ

ถ้ามีเงินพอ  ไม่ต้องกู้สะบายใจสุด  :-[

อย่างเจ้าของ netdesign  ตอนทำธุระกิจใหม่ ๆ ก็ใช้ทุนตัวเอง  (ผมอ่านในหนังสือเขามา)

นักธุรกิจ มักจะมีคำพูดว่า "เงินกู้ ดีกว่าเงินกู" ใ้หสถาบันการเงินเป็นผู้แบกรับภาระความเสี่ยง สถาบันการเงินมีรายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้
กู้เงินมาใช้ลงทุน ก็จะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย
เอาเงินตัวเองมาลงทุนถ้าล้มเงินหายหมด แต่ไม่มีต้นทุนดอกเบี้ย
นักธุรกิจ ที่ชอบความเสี่ยงในการลงทุน มักจะไม่ยอมจดทะเบียน ไม่ช่พะวงเรื่องสินสมรสหรอก แต่!!! ป้องกันเวลาธุรกิจท่าจะแย่ โดนฟ้องล้มละลาย สินทรัพย์เป็นชื่อภรรยาไม่เกี่ยวข้องกันไม่โดนยึดขายทอดตลาด หุหุหุหุๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


หุหุ เรื่องตลกนะ คลายเครียด อย่าเชื่อมาก

ลมบนฟลูก ครับ ตอนนี้จะขาดอายุความแล้ว ก็มีครับ

ผมว่าไม่ใช่แบบนี้นะ เค้าคิดแบบนี้มากกว่า

 ลง 5 แสน ได้ 8 แสน กำไร 300,000 บาท เท่ากับ 60% ของทุน

ลง 250,000 + กู้ 250,000 ขาย 800,000 เรา กำไร 300,000 บาท เท่ากับ 120% ของทุน ครับ

ทำให้เราสามารถ ลง 250,000 ได้ 2 รอบในช่วงเวลาเดียวกันครับ

แต่ไม่กู้ดีที่สุดแล้วครับ

ถ้าไม่คิดขยายก็ไม่ต้องกู้ครับ  แบบพอเพียงไม่เดือดร้อน

เอารวยเร็วๆ ก็ต้อง ลงทุนสูงๆ
ซึ่งถ้าเงินเราเิองจะกล้าลงทุนไหม
แล้วถ้าเกิดเรากู้ ยังไงเราก็ต้องทำ เพราะกู้มาแล้ว  :wanwan023:

ผมคิดว่า เกือบทุกธุรกิจใหญ่ๆ มีโรงงานเป็นสิบๆ กู้ทั้งนั้นครับ
เพราะเครื่องจักรเครื่องกลที่ใช้งานกัน เครื่อง 20-30ล้าน  :wanwan009:

เรื่องนี้ผมว่าน่าสนใจมาก  :wanwan017: :wanwan017:

ไม่มีใครใช้เงินตัวเองลงทุนหรอกครับ ในแง่ของธุรกิจ เนื่องจากหากมีการขาดทุน หรืออะไรสักเรื่อง สถาบันการเงินก็จะเป็นหนี้เน่าซะเอง แต่เราก็จะโดนฟ้อง ซึ่งทุกรายจะยอมโดนฟ้องล้มละลายเอง แต่เรา ยังมีเงินสำรองเราไว้อยู่ดีในชื่อของคนอื่น และสามารถนำเงินกู้ไปลดดอกเบี้ยได้ และ ถ้าเราผ่อนจ่ายธนาคารตรงตลอดเวลา  เวลาเราไปขอสินเชื่อที่ไหนเพิ่มได้ ในกรณีของการหมุนเงินธุรกิจของตัวเองให้รอดนั้น ก็สามารถทำเพิ่มได้ 3 เท่า 5เท่าของหลักประกัน(บสย ค้ำ)
เหมือนกับที่พวกบริษัท มหาชน มันไปซื้อที่ดิน มันก็เอาเงินในตลาดหุ้นนะแหละไปซื้อ เพราะมันเจ๊ง มันก็เจ๊งโดยตัวมันเอง เท่านั้น ฮ่าๆๆๆๆๆ คร่าวๆเท่านี้แหละครับ

เงินลงทุนเป็นสิ่งที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจ
นำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน หรือลงทุนเครื่องจักรหรือสินค้าเพิ่มเติม
แต่เราก็ต้องวางแผนบริหารเงินทุนที่ดีและรัดกุมด้วยครับ

 :wanwan020:

ถูกต้องตามนี้ครับ
มีคนเคยสอนวิธีพวกนี้ให้ผม ตั้งแต่วิธีการกู้ จนถึง วิธีการล้ม
จริง ๆ มันก็ล้มเองแหละครับ แต่ถ้าล้มเป็น มันพอจะเหลือสัก 70-80 M
ไม่ใช่น้อยเลยนะครับ

"ร่ำรวยจากความเดือดร้อนของผู้อื่น" มันไม่สนุกครับ
แล้วมันก็ "ไม่สุข" ด้วย

คนเราอยากรวย หรือว่าอยากมีความสุข กันแน่หนอ
สำหรับตัวผม ผมได้คำตอบมานานมากแล้วครับ
ไอ้ที่เขาสอน ผมเลยพยายามลืม ๆ มันไป 5555

มีตัวอย่างดีๆเยอะเนอะ

 :wanwan017: :wanwan017: เติบโตช้าแต่ยั้งยืน กับโตเร็วแต่ต้องยืนเขย่งขา วันไหนปวดขาเมื่อยล้า ขึ้นมาจะลำบาคมากๆครับ  :wanwan017: :wanwan017:

ก่อนจะกู้ก็อย่าลืมคิดถึง
ตอนที่ธุรกิจได้ผลลัพธ์ไม่เป็นดังหวัง
หรือประสบปัญหาขาดทุน ด้วยนะครับ
ว่าจะหาเงินมาชำระที่กู้เค้ามายังไง

อย่าอิงตำรามากคับ ดูความเป็นจริงด้วย

ธนาคารจะให้คุณยืมร่มในวันที่ฝนไม่ตกครับ

cr.คำคมในfb

เราก็เจอเหมือนคุณ พอดีขายของใน อีเบย์ ลูกต้าโอนเงินผ่าน western union เราก็เอาเงินไปขึ้นที่ bank กรุงศรี ทาง Financial Officer เขาก็ถามเราว่า พี่จะเอาเงินทุนไป 5-10ล้านไหม เราบอกเราไม่เอา แต่แค่นี้พี่ก็พอใจแล้ว
คุณรำญเราก็รำคาญพวกติดค่อขอให้กู้เงินเหมือนกัน พนักงานธนาคาร เล่าให้ฟังว่าธนาคารแต่ละธนาคารที่มีสาขาย่อยมีพนักงานประมาณ 7 คน ต้องหาลูกค้าเพิ่มให้ทำบัตรเครดิต หรือกู้เงิน ให้ได้ยอด อย่างน้อบ 10ล้านบามต่อเดือน ไม่งั้น สาขาย่อยนี้จะถูกปิด ทุกคนๆจะถูกพัฒนาให้เป็น sellขายของให้หมดแม้ในยามที่คุณจะฝากเงินหรือถอนเงิน :wanwan035: :wanwan035:

ลงทุนทำอะไร มีเงินสดก็ไม่ต้องไม่มีก็กู้

เรื่องกู้ หรือไม่กู้ ก็อยู่ที่ความจำเป็นว่ากิจการเราต้องการเพิ่มทุนหรือไม่

ถึงแม้ธนาคารจะโทรมาชักชวนเรา ให้เขียนแผนธุรกิจ เพื่อยื่นกู้
แต่ถ้าเราเขียนไปแล้ว ธนาคารประเมินว่า แผนธุรกิจนี้ ไม่สามารถสร้างผลกำไรให้กิจการคุณได้ ธนาคารก็ไม่ปล่อยกู้อยู่ดี

การที่ธนาคารให้กู้ ก็เหมือนเรา ให้เงินเพื่อนยืม เราก็ต้องดูว่าเพื่อนเราคนนี้ ถ้ายืมเราไปแล้วจะมีปัญญาคืนเราหรือไม่
ธนาคารเค้าจะมีมาตรการในการปล่อยเงินกู้ เพื่อให้เกิดหนี้ NPL น้อยที่สุด

นักธุรกิจหลายคน ก็เริ่มต้นธุรกิจด้วยการเขียนแผนธุรกิจไปเสนอธนาคาร แล้วก็นำผลกำไรส่วนนึง มาผ่อนจ่ายกับธนาคาร

เรื่องกู้มันไม่น่ากลัวอะไรขนาดนั้นหรอกครับ เพราะตราบใดที่คุณยังมึนๆ เขียนแผนธุรกิจไม่เป็น หรือไม่รู้จะเอาเงินที่กู้มาไปใช้ทำอะไร ธนาคารก็ไม่ให้กู้อยู่ดีครับผม

ส่วนใครที่คิดว่ายังไม่ต้องการเพิ่มทุนตอนนี้ และคิดว่ายังไม่ต้องกู้ ก็ไม่ต้องกู้ครับ เพราะไม่จำเป็นต้องสร้างหนี้  :wanwan017:

อย่าได้กู้ครับ

จริงๆแล้ว ถ้าลองศึกษาพุทธศาสนา การกู้คือบาปนะครับ บาปทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้ เช่นเดียวกับการให้ยืม สอนให้คนอื่นเสียนิสัย ไม่หาเงินด้วยตัวเอง

เพราะเราเอาเงินอนาคตมาใช้ ซึ่ง อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน ตัวอย่างก็เห็นกันอยู่ทุกวัน

มีเงินเก็บ มีเงินใช้ สบายใจก็พอละครับ

เห็นด้วยๆค่ะ  :wanwan020:

ธนาคารจะยื่นร่มให้คุณยามฝนไม่ตก
และจะเอาร่มคืนเมืื่อยามฝนตกครับ

เมื่อคุณมีเงินมากพอ เค้าจะเสนอให้คุณกู้เงิน
แต่เมื่อใด คุณมีสถานการเงินย่ำแย่ เค้าจะไม่ให้กู้

กู้เงินดีหรือเปล่า
 - ควรกู้เมื่อต้องใช้เงินก้อนแต่ไม่สามารถหาไ้ด้ (อย่างกู้ซื้อบ้าน)
 - ถ้าลงทุน ก็ต้องมีผลกำไรในอัตราที่มากกว่าดอกเบี้ยเงินกู้  ไม่งั้นเจ๊งสถานเดียว