แล้วกับคนที่ สูญเสียอนาคต การงานที่กำลังจะก้าวหน้า , มีปมด้อยมาตั้งแต่เด็ก เข้ากับพ่อแม่น้องไม่ได้ เกือบทุกวันที่จะต้องถูกจิกด่า พอไปเล่าปัญหาให้ฟัง เพราะอยากจะระบาย ก็กลับกลายเป็นเราผิด และโดนว่าเสียอีก จนทุกวันนี้เรากลายเป็นคนซึมเศร้าไปแล้ว ไม่อยากพูดกับใครอยากอยู่คนเดียว เราคิดอยากตายเกือบทุกวันเลย เราเคยลองพยายามหาที่พึ่งใหม่ เราลองเข้าวัด แต่กลับเจอปัญหายิ่งกว่า เพราะ เราไม่เคยได้รับความรักความเข้าใจจากพ่อแม่มาก่อน ตั้งแต่เด็ฏแล้วท่านไม่เคยพูดกับเราดีๆแบบพูดกับน้องเลย ทุกครั้งที่เราเข้าไปหาก็จะโดนดุด่าตลอด จนเราไม่กล้าและไม่อยากเข้าไปหาเลย มันหลอนไปหมดแล้ว พอเรามาเจอพระองค์นึงท่านเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราก็รู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับท่าน เหมือนเจอท่านมาหลายภพหลายชาติแล้ว เราก็เลยขอท่านว่า เราจะเป็นลูกท่านได้มั้ย ท่านก็ไม่ปฎิเสทหล่ะ เราก็เรียกท่านว่าพ่อโดยตลอด แต่อาการเราก็ไม่ดีขึ้นเลย ยิ่งอยากตายมากกว่าเดิม เศร้าและเก็บกดมากกว่าเดิม ตอนแรกเราดีใจมากว่าเรามีที่พึ่งแล้ว พ่อแม่น้อง จะจิกด่า ก็ไม่ร้องไห้แล้ว แต่ก็ไม่นานนัก ปัญหาก็กลับมาอีก เราอดทนมาได้ ปีกว่าๆแล้ว อยู่มาวันนึง ท่าน (พ่อเราก็เปลี่ยนไป) ท่านมีท่าทีที่ ขรึมกับเรา และก็ไม่พูดกับเราเลยแต่ท่านยังคงยิ้มแย้มและทักทายคนอื่นเป็นปกติ เราไม่รู้ว่าทำไม เราทำอะไรผิดเหรอ ทุกทีเวลามีปัญหาแม่ด่ามาก็จะมาเล่าให้ท่านฟัง ก็ปีนึงได้แล้วที่เราไม่สามารถเล่าอะไรให้ท่านฟังได้เลย ท่านจะหนีตลอด เรากดดันมากๆ เคว้งคว้างสุดๆ เหมือนหมดที่พึ่งแล้ว ครั้งนึงเราเคยเข้าไปถามท่าน แต่ท่านกลับดุเราว่า ท่านจะทำอะไรมันเกี่ยวกับเราด้วยหรือ ถ้าเรามาถามท่านแบบนี้อีก ท่านจะไม่ให้เรามาที่วัดอีกเลย (เช่น ถามว่าทำไมท่านไม่พูดกับเรา เราผิดอะไร) ทำให้เรายิ่งกดดันมากกว่าเดิม อึดอัดมากกว่าเดิม ทั้งนี้อาจเพราะ เดิมเราจบจุฬานะแล้วเราก็ได้ไปทำงานเมืองนอกเลย เพราะเมื่อก่อนพ่อแม่จะชมน้องตลอด ไม่เคยเห็นความดีเราเลย เราจึงต้องกัดฟันเพื่อให้หนีไปได้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอเราจบเราก็ไปอยู่เมืองนอกเลย เราไม่กินเหล้าและเที่ยวกลางคืน เราเลยไม่ค่อยมีเพือน ที่เมืองนอกเราอยู่คนเดียว แต่การงานไปได้สวยมากๆ แต่เพราะเราชอบที่จะเข้าวัดและ เราคิดถึงพ่อ (พระ) เราก็เลยตัดสินใจลาออกกลับมาที่ไทย เข้าใจมั้ยว่า อันนี้เราสูญเสียการงาน อนาคตที่ดีมากๆไปแล้ว พอกลับมา ท่านพ่อเราคุยกับเราได้ไม่ถึงอาทิทย์ ท่าทีท่านก็เปลี่ยนไป ไม่พูด ไม่สนใจเรา( เหมือนอย่างท่ีกล่าวมาด้านบน ) ทีนี้เราก็เสียที่พึ่งไปแล้ว ทำให้เราเคว้งมากๆ และปัญหาครอบครัว ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ตอนนี้ก็มาเจอปัญหาเรื่องที่ทำงานในไทยด้วย เค้าขู่จะให้เราออก (เราโดนลดเงินเดือนไปแล้ว) เพราะปัญหาส่วนตัวมันไปกระทบให้การทำงานเราต่ำลง แล้วเรามีรายจ่ายเยอะแยะ ผ่อนรถ ต่อประกันรถ ค่าน้ำมันที่แพงขึ้น แต่ละเดือนเราแแทบไม่มีเงินเก็บเลย แม้แต่จะซื้อของกินราคาแค่ร้อยสองร้อย ยังต้องอดเลย ตอนนี้เราเผชิญปัญหานี้มาจะเกือบปีได้แล้ว เราเหนื่อยและหล้าจริงๆ ร้องไห้ทุกวัน เราไม่รุ้จะแก้มันยังไง มีแต่คิดอยากจะฆ่าตัวตายอย่างเดียว เลยเป็นเหตุให้เจอกระทู้นี้ ขอบคุณนะที่เสียเวลาอ่าน อย่างน้อย คงจะมีใครซักคนเข้าใจเราบ้างก็พอแล้ว แค่ หนึ่ง คนในโลกเราก็พอใจแล้ว
ผมมองว่าปัญหาคุณมันเล็กมากนะ แล้วทางแก้ไขก็เยอะด้วยครับ ลองทิ้งเรื่องพวกนี้ไปซักพัก ไปเที่ยวหรือไปที่ไหนก็ได้ แล้วกลับมามองปัญหาใหม่ ก็จะเห็นคำตอบเองครับ ไม่มีใครบอกคำตอบได้ดีเท่าตัวคุณหรอกครับ เพราะคุณเป็นคนที่เห็นปัญหาทั้งหมด
ส่วนเรื่องงาน ผมเชื่อว่าคุณน่าจะเงินเดือนไม่น้อยนะ ก็ต้องทำงานของเค้าให้เต็มที่ครับ รับเงินเค้ามาแล้ว คุณลองคิดดูละกัน ว่าคุณสามารถทำงานได้คุ้มเงินเค้าแค่ไหน ถ้าตอนทำงาน แล้วคุณทำงานเต็มที่ ก็ไม่มีใครเค้ามาลดเงินเดือนคุณหรอกครับ มีแต่จะรีบเพิ่มให้เพราะกลัวลาออก
ในช่วงนี้ ลองใช้บางอย่างประหยัดหน่อยสิครับ ผมเชื่อว่าคุณยังสามารถลดรายจ่ายบางอย่างที่ไม่จำเป็นออกไปได้อีก (น่าจะเยอะเลยด้วยหล่ะครับ) เช่น อยู่ที่อยู่ถูกลงมาอีกนิด พยายามประหยัดหน่อย นั่งรถเมล์บ้างก็ได้ครับ คนอื่นที่เค้ารายได้น้อยกว่าคุณยังอยู่กันได้เลยครับ