ใครซื้อมาอ่าน แล้วทำได้จริง มาบอกหน่อย อยากรู้ๆ

มันจะสวนกระแสช่วงนี้ได้ยังงัย
ลองเทล มันขัดกับกลยุทร์เดิมๆที่นิยมใช้กันสูงสุดคือ กฎ 80/20 ของเพลโต
โดยทางด้านการขายเค้าตั้งสมมุติฐานว่า ลูกค้า 20 เปอร์เซนต์ จะทำรายได้ให้เรา 80 เปอร์เซนต์ และกลับกันด้วย
แต่ในด้านแนวคิดแบบลองเทล แล้ว ลูกค้าที่ซื้อของจำนวนน้อยๆ ราคาถูกๆ แต่มีลูกค้าแบบนี้จำนวนมาก มันก็ทำให้เรามีรายได้จากส่วนนี้เท่ากัรายได้ที่เราจะได้จากลูกค้ากลุ่ม 20 เปอร์เซนต์ เหมือนกัน
แต่(ทำไมบ่อยแตะนักวะเนี่ย) เราต้องสามารถควบคุมให้ตุ้นทุนในการขายของแต่ละชิ้นของเราให้ต่ำที่สุด
จนบางครั้งอาจจะทำให้เข้าใกล้ 0 เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายกับต้นทุนทางด้านการขายมากเกินไปจนทำให้ขาดทุน
ตัวอย่างในหนังสือเล่มนี้เค้ายกตัวหย่าง ร้านหนังสือ Amazon.com กับ เว็็บขายสินค้าที่เป็นซอฟแวร์ซะส่วนมาก
ตัวอย่างของเค้าก็คือ หนังสือขายดี กับหนังสือขายไม่ดีทำกำไรได้เท่าๆกัน ถ้ามีระบบกรองเนื้อหาที่ดี
ที่ว่ามาทั้งหมดนั้นคือการเกริ่นเข้าประเด็น นะครับ
ผมจะตอบคำถามของคุณ เลยละกัน
หนังสือเล่มนี้เอาไปใช้กับเราได้จริงๆ เช่นถ้าเราทำเว็บ เราก็อาจจะเพิ่มช่องทางในการจ่ายเงิน เพื่อที่ลูกค้ากลุ่มน้อยที่มีความสะดวกในการจ่ายเงินไม่เหมือนคนอื่น จะได้จ่ายเงินเพื่อซื้อของคุณได้ แค่นี้คุณก็มียอดขายเพิ่มแล้วใช่มั้ยครับ
แบบนี้เรียกว่าสวนกระแสแล้วใช่มั้ยครับ ผมว่าใช่ แต่ถ้ายังไม่ชัวร์ ผมจะยกตัวอย่างออฟไลนืที่ผมทำอยุ่ให้ดู
ปกิการเลี้ยงไก่ เพื่อขายให้กับลูกค้ารายใหญ่ๆ เราก็จะทำเป็นโรงเรือน เลี้ยงให้ได้ปริมาณเยอะๆ เพื่อที่จะได้เงินเยอะๆ แต่ว่าเนื่องจากเค้าซื้อเยอะ เราต้องได้กำไรต่อชิ้นที่ถูก กว่าคนซื้อน้อยๆใช่มั้ยครับ
ที่นี้ที่บ้านผมเลยเลี้ยงไก่บ้านขาย และขายให้พ่อค้ารายเล็กๆ รอบละ 20-30 ตัว และมีลูกค้าหลายๆคน โดยที่ผมไม่ต้องไปหาลูกค้าเอง เพราะลูกค้าเข้ามาหาเราเอง อาจจะเพราะอะไรก็แล้วแต่ กำไรต่อตัวผมเพิ่มขึ้นเยอะเลย และได้พอๆกับ จะเลี้ยงไก่ขายให้พ่อค้ารายใหญ่ๆ ซื้อไก่เนื้อทีละ 6 พันตัว จริงมั้ยครับ ยิ่งมีลูกค้ารายเล็กๆมากเท่าไหร่ ผมก็จะยิ่งได้กำไรเยอะขึ้นจริงมั้ยครับ แล้วส่วนหางก็จะยิ่งเยอะขึ้นใช่มั้ยครับ
เอาหละ อาจจะยังไม่พอ ดูตัวอย่าต่อไป
กลยุทธ์ต่อไปคือซื้อมาขายด่วน กลยทะ์นี้คือ คนที่ทำอาจจะใช้ลองเทลโดยไม่รู้ตัว ตัวอย่างเช่น คนซื้อยางพาราเพื่อขายต่อ จะมีการซื้อแล้วตุนไว้ เพื่อให้ได้กำไรเยอะๆ ตัวอย่างเช่น ซื้อโลละ 60 บาท ถือไว้ 3 เดือน ขาดได้ 80 บาท กำไร 20 บาทต่อเงินที่เรามีอยู่ แต่อีกคน ซื้อวันนี้ขายพรุ่งนี้
ในเวลา 3 เดือน เค้าซื้อ-ขายยางพาราทั้งหมด 30 รอบ ( 3 วัน / ครั้ง) แต่ละครั้งที่ซื้อ-ขาย จะได้กำไรครั้งละ 1 บาท รวมกำไรที่เค้าได้ต่อเงินทุนเริ่มต้นของเค้า 60 บาท ก็อยู่ที่ 30 บาท ซึ่งมันก็ได้เยอะกว่า กันตั้ง 10 บาท นี่แค่คิดว่าใช้ต้นทุน 60 บาทเท่าเดิมนะครับเนี่ย ซื้อ 60 ขาย 62 ตลอดโดยที่ไม่คิดว่าราคาจะขึ้นเลย แบบนี้อาจจะไม่เรียกว่าลองเทล แต่มันก็ไกล้เคียงเข้าไปอีก
กลยุทรืนี้จะได้กำไรรึเปล่าก็คงอยู่ที่ค่าขนส่งแหละครับ ถ้าค่าขนส่งเป็น 0 (พ่อค้ารายใหญ่มาซื้อจากเราไปอีกที ) อันนี้ก็กำไรเหลือรับประทาน
กลยุทธ์ ซื้อมาขายด่วน อาจจะไม่ใช่ลองเทลเต็มร้อย แต่ถ้า เราลองคิดๆดูว่า เราซื้อยางพาราจากเกษตรกรรายเล็กๆ หลายๆราย เช่น รายเล็กขายคนละ 200 แผ่น ต่อเดือน 100 ราย กับ รายใหญ่ 1000 แผ่นต่อเดือน 20 ราย เราก็ซื้อยากพาราได้เท่ากับ แล้วถ้ายังมีรายย่อยกว่านั้น เช่น ขายให้เราเดือนละ 10-50 แผ่น อีกซัก 1000 ราย เราได้กำไรแผ่นละ 1 บาท มีหางมันก็ดีกว่าไม่มีเยอะเลยจริงมั้ยครับ แถมเค้าก็เป็นคนเอามาขายให้เรา โดยที่เราไม่ได้ไปซื้อเอง ต้นทุนก็เหลือ 0 จริงมั้ย
ที่ว่ามานี่แหละลองเทล
มาเพิ่มเติม ตัวอย่างลองเทลที่ดีที่สุดที่ผมคิดได้ตอนนี้คือแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรพอเพียง ซึ่งผมยังไม่ต้องทำเอง แต่มีคนมากมายพิสูจน์แล้วว่ามันทำแล้วได้ผลดีจริง รึคุณว่าไง