เด็กควรเริ่มหาหมอฟันตั้งแต่อายุเท่าไร ควรตรวจอะไรบ้าง
สุขภาพช่องปากที่ดีเป็นส่วนสำคัญของการเจริญเติบโตและพัฒนาการโดยรวมของเด็กๆ การดูแลฟันและเหงือกตั้งแต่เล็กไม่ใช่แค่เรื่องของการป้องกันฟันผุ แต่ยังเป็นการสร้างสุขลักษณะที่ดีและทัศนคติเชิงบวกต่อการดูแลสุขภาพในระยะยาว คำถามที่ผู้ปกครองหลายท่านสงสัยคือ เด็กควรเริ่มหาหมอฟันตั้งแต่อายุเท่าไร เพื่อให้การดูแลสุขภาพช่องปากเป็นไปอย่างถูกทางตั้งแต่เริ่มต้น
ทำไมการพาเด็กไปพบหมอฟันตั้งแต่เนิ่นๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งการพาเด็กไปพบทันตแพทย์สำหรับเด็กตั้งแต่ฟันยังขึ้นไม่ครบ หรือเพิ่งมีฟันน้ำนมขึ้นไม่กี่ซี่ อาจดูเป็นเรื่องที่เร็วเกินไปสำหรับผู้ปกครองบางท่าน แต่จริงๆ แล้ว การไปพบหมอฟันตั้งแต่เนิ่นๆ มีประโยชน์อย่างยิ่ง:
• การป้องกันปัญหาล่วงหน้า: ทันตแพทย์สามารถตรวจดูความเสี่ยงในการเกิดฟันผุ หรือปัญหาอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต และให้คำแนะนำในการป้องกัน
• การให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง: ผู้ปกครองจะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องเกี่ยวกับการทำความสะอาดช่องปากเด็ก การเลือกยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสม การดูแลเรื่องอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลต่อฟัน รวมถึงการจัดการกับพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การดูดนิ้วหรือการใช้จุกนมหลอก
• การตรวจพบปัญหาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น: หากพบปัญหา เช่น ฟันผุระยะแรก ความผิดปกติของการขึ้นของฟัน หรือปัญหาเกี่ยวกับเหงือก สามารถให้การรักษาได้ทันท่วงที ก่อนที่ปัญหาจะลุกลาม
• การสร้างความคุ้นเคยและทัศนคติที่ดี: การพาเด็กไปพบหมอฟันตั้งแต่เล็กๆ ในบรรยากาศที่เป็นมิตร ช่วยให้เด็กไม่กลัวการทำฟันในอนาคต และมองว่าการไปหาหมอฟันเป็นเรื่องปกติ
• การสร้าง "บ้านทันตกรรม" (Dental Home): การมีทันตแพทย์ประจำตัวเด็ก ทำให้สามารถติดตามพัฒนาการของฟันและช่องปากเด็กได้อย่างต่อเนื่อง
อายุที่เหมาะสมในการพาเด็กไปหาหมอฟันครั้งแรก ควรไปเมื่อไหร่ดีที่สุดตามคำแนะนำของทันตแพทยสมาคมเด็กแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (AAPD) และผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมเด็กทั่วโลก เด็กควรได้รับการตรวจฟันครั้งแรกเมื่อฟันซี่แรกเริ่มขึ้น หรือมีอายุไม่เกิน 1 ปี (ภายใน 6 เดือนหลังจากฟันซี่แรกขึ้น หรืออย่างช้าที่สุดเมื่ออายุ 12 เดือน) แม้เด็กจะมีฟันขึ้นเพียงไม่กี่ซี่ การตรวจฟันในวัยนี้ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินความเสี่ยงและให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครอง
การตรวจฟันเด็กครั้งแรก คุณหมอฟันจะตรวจและให้คำแนะนำอะไรบ้าง?การไปพบทันตแพทย์สำหรับเด็กครั้งแรกมักเป็นการตรวจที่ใช้เวลาไม่นาน และมีจุดประสงค์หลักเพื่อการประเมินและให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง โดยคุณหมอจะทำการตรวจ:
• ฟันน้ำนม: ตรวจดูจำนวนฟันที่ขึ้น ตำแหน่ง การเรียงตัว และร่องรอยของฟันผุระยะเริ่มต้น (Early Childhood Caries - ECC)
• เหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปาก: ตรวจดูความสมบูรณ์และสุขภาพของเหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม และเพดานปาก
• พัฒนาการของขากรรไกรและช่องปาก: ประเมินการเจริญเติบโตของขากรรไกร และความผิดปกติเกี่ยวกับการสบฟันเบื้องต้น
• พฤติกรรมของเด็กที่ส่งผลต่อฟัน: สอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรม เช่น การดูดนมมื้อดึก การดูดนิ้ว การใช้จุกนมหลอก หรือการกัดฟัน
นอกจากนี้ คุณหมอจะทำความสะอาดช่องปากเด็กเบาๆ อาจมีการเคลือบฟลูออไรด์ชนิดวานิช (Fluoride Varnish) เพื่อเสริมความแข็งแรงให้ฟัน และที่สำคัญที่สุดคือ การให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองอย่างละเอียด
การให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองบทบาทของผู้ปกครองในการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กมีความสำคัญอย่างยิ่ง คุณหมอฟันเด็กจะให้คำแนะนำที่จำเป็นแก่ผู้ปกครองในการดูแลฟันเด็กที่บ้าน ดังนี้:
• วิธีการทำความสะอาดช่องปาก: สาธิตวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้องตามวัย การทำความสะอาดเหงือกและลิ้นก่อนฟันขึ้น และการใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดฟันเมื่อเริ่มมีฟันขึ้น
• การเลือกยาสีฟัน: แนะนำการใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสมตามช่วงวัย (ปริมาณเท่าเมล็ดข้าวสารสำหรับเด็กเล็ก และเท่าเมล็ดถั่วเขียวเมื่อเด็กแปรงฟันเองได้และบ้วนปากเป็น)
• อาหารและเครื่องดื่ม: แนะนำให้หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มหรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง โดยเฉพาะการดูดนมจากขวดขณะหลับในตอนกลางคืน
• พฤติกรรมที่ควรระวัง: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการกับพฤติกรรม เช่น การดูดนิ้ว การใช้จุกนมหลอก เพื่อป้องกันปัญหาฟันยื่นหรือการสบฟันผิดปกติ
การดูแลสุขภาพช่องปากเด็กอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตหลังจากพบทันตแพทย์ครั้งแรกแล้ว ควรพาเด็กไปตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำตามนัดหมาย (ส่วนใหญ่ทุก 6 เดือน) เพื่อติดตามพัฒนาการของฟัน การเจริญเติบโตของขากรรไกร และตรวจดูความเสี่ยงในการเกิดฟันผุอย่างสม่ำเสมอ การดูแลสุขภาพช่องปากตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยป้องกันปัญหาฟันผุ หรือปัญหาอื่นๆ ที่อาจนำไปสู่ความจำเป็นในการ
ทำฟันเด็ก 
ที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงในอนาคต เช่น การอุดฟัน การถอนฟัน หรือการรักษาคลองรากฟันในฟันน้ำนม
สรุปการพาเด็กไปพบทันตแพทย์ตั้งแต่ฟันซี่แรกเริ่มขึ้น หรือภายในอายุ 1 ปี เป็นการเริ่มต้นที่สำคัญอย่างยิ่งในการสร้างรากฐานสุขภาพช่องปากที่ดีให้กับเด็กๆ และช่วยสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อการไปพบทันตแพทย์ในอนาคต การพาเด็กไปพบหมอฟันครั้งแรก คือการลงทุนเพื่อรอยยิ้มที่แข็งแรงและสุขภาพช่องปากที่ดีของลูกน้อยตลอดชีวิต