พังผืดทับเส้นประสาท: อัตราการรักษาและแนวทางบรรเทาอาการภาวะที่ส่งผลต่อเส้นประสาทและแนวทางการดูแลรักษาพังผืดทับเส้นประสาท เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อพังผืดเจริญเติบโต 
ผิดปกติและกดทับเส้นประสาท ส่งผลให้เกิดอาการปวด ชา และอ่อนแรงในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ ภาวะนี้พบได้บ่อยในผู้ที่มีประวัติการอักเสบเรื้อรัง หรือเคยผ่านการผ่าตัดมาก่อน
อาการของภาวะพังผืดอาการเบื้องต้นที่พบได้บ่อยอาการปวดหรือแสบร้อนบริเวณที่เส้นประสาทถูกกดทับ
รู้สึกชาและเสียวแปลบในแขน ขา หรือส่วนอื่นของร่างกาย
กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเคลื่อนไหวลำบาก
ตำแหน่งที่พบบ่อยบริเวณข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome)
บริเวณคอและหลัง (Cervical หรือ Lumbar Radiculopathy)
บริเวณข้อศอกหรือไหล่
แนวทางการรักษาและอัตราความสำเร็จการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัดอัตราการฟื้นตัวของผู้ป่วยที่รักษาโดยไม่ต้องผ่าตัดขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและการตอบสนองของร่างกายต่อการรักษา
กายภาพบำบัด: ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดแรงกดทับที่เส้นประสาท (อัตราการฟื้นตัว 60-80%)
การใช้ยาแก้อักเสบ (NSAIDs): ลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด (ประสิทธิภาพประมาณ 50-70%)
ฉีดยาสเตียรอยด์: ลดการอักเสบในกรณีที่มีอาการรุนแรง (ได้ผลประมาณ 70-85%)
การรักษาด้วยการผ่าตัดหากการรักษาแบบไม่ผ่าตัดไม่สามารถบรรเทาอาการได้ การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกที่จำเป็น
ผ่าตัดเพื่อคลายแรงกดที่เส้นประสาท: ใช้ในกรณีที่มีพังผืดกดทับรุนแรง (อัตราความสำเร็จ 85-95%)
การส่องกล้องเพื่อเลาะพังผืด: เป็นวิธีที่ช่วยลดระยะเวลาพักฟื้นและลดการเกิดพังผืดซ้ำ (ประสิทธิภาพ 80-90%)
ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการรักษาระยะเวลาของอาการยิ่งเริ่มรักษาเร็ว อัตราความสำเร็จยิ่งสูง หากปล่อยไว้นานจนเส้นประสาทเสียหายถาวร อาจต้องใช้เวลาฟื้นตัวนานขึ้น
สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หรือภาวะอักเสบเรื้อรัง อาจมีการฟื้นตัวที่ช้ากว่าคนทั่วไป
การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์การทำกายภาพบำบัดและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมช่วยลดโอกาสที่อาการจะกลับมาเป็นซ้ำ
สรุปพังผืดทับเส้นประสาทสามารถรักษาได้ทั้งวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดและการผ่าตัด โดยอัตราความสำเร็จขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการและการดูแลตนเอง การรักษาตั้งแต่ระยะแรกจะช่วยเพิ่มโอกาสฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและลดความเสี่ยงของอาการเรื้อรังในอนาคต
