ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.com< กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน)สาระคำถามทั่วไป (ย้ายไป cafe) แผนที่ความพอเพียง จะมีซักกี่คนที่รู้ถึงความหมายและเข้าถึงแก่นของคำๆ นี้
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: แผนที่ความพอเพียง จะมีซักกี่คนที่รู้ถึงความหมายและเข้าถึงแก่นของคำๆ นี้  (อ่าน 3316 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
wear428
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 521
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,177



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2008, 22:59:52 »

  แผนที่ความพอเพียง

    นาทีนี้ใครๆ ก็พูดคำว่า "พอเพียง" กันอย่างพร่ำเพรื่อ แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ถึงความหมายและเข้าถึงแก่นของคำๆ นี้อย่างแท้จริง และจะมีกี่คนที่เข้าใจความพอเพียงอย่างลุ่มลึก

    บางคนก็เข้าใจผิดว่า พอเพียง คือต้องไม่ใช้เงิน อยู่อย่างสมถะ

    บางคนก็สนองนโยบายด้วยการประหยัดท่าเดียว นึกถึงแต่เรื่องเก็บออม

    ส่วนอีกหลายคน ปากก็พูดปาวๆ ว่าฉันนะใช้ชีวิตอย่างพอเพียง แต่ก็ยังช้อปมือเป็นระวิง อะไรอินเทรนด์ฉันต้องเป็นเจ้าของไว้ก่อน และยังระดมเปิดแอร์ เปิดทีวี เปิดไฟ อย่างไม่สะทกสะท้านต่อข่าวราคาน้ำมันที่กำลังพุ่งขยับไม่หยุด

    เพื่อความกระจ่างในเรื่องของการใช้ชีวิตในแบบพอเพียง จึงทำ "แผนที่ความพอเพียง" ให้คนที่ชอบพูดคำว่าพอเพียงจนติดปาก ได้รีวิวชีวิตที่พอเพียงกันอีกครั้ง

    ******

    พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี-ไม่สร้างหนี้โดยไม่จำเป็น

    เป็นข่าวดีที่เวบไซต์ Google เผยแพร่ข้อมูลว่าในรอบปี 2550 ที่ผ่านมา คนไทยค้นหาข้อมูลจากเวบไซต์นี้เป็นจำนวนมาก และคำที่มีคนเสิร์ชหาข้อมูลมากที่สุดคือคำว่า "พอเพียง"

    นั่นแปลว่ากระแสความสนใจของผู้คน ในการดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งแทรกและซึมเข้าไปอยู่ในกลางใจ

    ก็มีทั้งพอเพียงกันไปเกาะกระแส พอเพียงตามแฟชั่น พอเพียงอย่างพอดี พอเพียงจนเข้าเส้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในพวกไหน Fundamentals ขอหยิบ "แผนที่ความพอเพียง" มารีวิว ว่าพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวันแบบไหนกันแน่ ที่จะเรียกว่า พอเพียง อย่างแท้จริง

    O พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี

    ไม่มีใครมีชีวิตที่เพียบพร้อมสมบูรณ์ คุณอาจจะมีเงินน้อยกว่าเพื่อนๆ อีกหลายคน อยู่บ้านหลังเล็กกว่าคนอื่น แต่มีความอบอุ่นภายในครอบครัวจนหลายคนอิจฉา คุณอาจจะได้กำไรจากการลงทุนในตราสารหนี้แค่ 3-4% ขณะที่เพื่อนได้ผลตอบแทนจากตลาดหุ้น 15% คุณอาจจะขับรถโตโยต้ามือสอง แต่เพื่อนขับบีเอ็มดับเบิลยู คุณอาจจะใช้ทีวีรุ่นเก่า แต่คนข้างบ้านดูทีวีจอแบนเครื่องเบ้อเริ่ม

    คุณคงอยู่อย่างหาความสุขได้ยาก ถ้าวันๆ มัวแต่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีซะอย่าง ภาคภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ นั่นแหละคุณก็จะสัมผัสกับความสุขอย่างแท้จริง

    ว่ากันว่า แก่นแท้ของชีวิตพอเพียง เริ่มจากการพอใจในสิ่งที่เป็นและมีอยู่ รู้จักประมาณตน รู้จักคำว่าพอ รู้จักสถานะตัวเอง เพราะถ้าปล่อยให้เกินพอ จะทำให้มีความทุกข์และลำบาก

    การพอใจในสิ่งที่เป็นและมีอยู่ เริ่มจากมองเรื่องเล็กๆ ใกล้ตัว แล้วขยายวงสู่เรื่องใหญ่ๆ ระดับชาติ ไม่ต้องรีบร้อน ไม่แก่งแย่ง ไม่แข่งขัน เพียงช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

    "คนเราถ้าคาดหวังอย่างไม่จบสิ้น ก็เป็นเหมือนคนจนที่น่าสงสาร ความพอเป็นสิ่งที่จำเป็น คนที่รู้จักพอ จะเป็นคนที่มีความสุขในชีวิต" ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เคยกล่าวไว้

    สาวสวยอีกคนหนึ่งที่ใส่ใจการใช้ชีวิตที่พอเพียง คือ "วรัทยา นิลคูหา" เธอเล่าว่า อาจจะได้รับการบ่มเพาะที่ดีมาจากพ่อแม่ของเธอนั่นเอง พ่อแม่ไม่เคยสอนให้ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย ในเวลาเดียวกัน ก็ไม่เคยปลูกฝังว่าจะต้องร่ำรวยล้นฟ้า หรือต้องทะเยอทะยาน ครอบครัวของเธอใช้ชีวิตอย่างสันโดษ สมถะ โดยเฉพาะแม่ของเธอนั้น เธอเล่าว่าเป็นผู้หญิงที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่แต่งตัว ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพฤติกรรมของพ่อแม่ตรงนี้นี่เอง ที่ทำให้เธอตระหนักถึงการใช้ชีวิตที่พอดีและพอเพียง

    "จุ๋ยเองแต่ก่อนก็ผ่านการใช้ชีวิตแบบฟุ่มเฟือยในแบบวัยรุ่นมาเหมือนกัน อยากได้อะไรก็ซื้อเลย ของบางอย่างซื้อแล้วซื้ออีก ซ้ำบ้าง แพงบ้าง ไม่ได้ใช้บ้าง ตอนเด็กๆ ไม่เข้าใจเรื่องการอดออม แต่พอเราโต ทำงานเอง คราวนี้เข้าใจแล้วว่าเงินหายากแค่ไหน คราวนี้จะไม่ซื้ออะไรเพิ่มถ้าของเดิมยังใช้ไม่หมด"

    ส่วนแป้ง "อรจิรา แหลมวิไล" ก็เป็นนางเอกอีกคนหนึ่งที่พยายามใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เธอบอกว่าไม่ว่าจะใช้จ่ายอะไร คนเราต้องดูตัวเองก่อน ว่าตัวเรามีรายได้แค่ไหน บางคนซื้อกระเป๋าใบละ 2-3 แสนบาทได้ ก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องทำตามอย่างเขา เราต้องใช้จ่ายตามฐานะที่เรามี บางคนมีน้อยแต่ใช้เยอะ เกินตัว สำหรับอรจิรา เธอยึดหลักว่าใช้ให้เหมาะสมกับฐานะของเรา

    "แม้กระทั่งเรื่องซื้อคอนโด ก่อนแป้งจะซื้อคอนโดทุกครั้ง ยังคำนวณดูเลยว่าเรามีศักยภาพในการผ่อนชำระแค่ไหน ไม่ใช่ว่าดาวน์ไปก่อน แต่ผ่อนไม่ไหว หนักเกินไปแบบนี้ก็ไม่เอา ทุกอย่างต้องคิดหน้าคิดหลัง และให้พอดี"

    O ไม่สร้างหนี้โดยไม่จำเป็น

    คำว่าพอเพียง ไม่ใช่เป็นหนี้ไม่ได้ หรือเป็นหนี้แล้วผิดคอนเซปต์ คุณเป็นหนี้ได้ แต่ต้องเป็นหนี้ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพทางการเงิน เช่น หนี้ที่เกิดจากการกู้ซื้อบ้าน หรือหนี้ที่เกิดจากความจำเป็น ไม่ใช่หนี้ที่เกิดจากการปรนเปรอความอยากและความสะดวกสบายของตัวเอง

    องค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ชีวิตดำเนินไปอย่างสงบสุขคือ ต้องเป็นชีวิตที่ปลอดหนี้ และเพราะการไม่มีหนี้ทำให้ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข จะเห็นว่าบางคนหรือบางครอบครัวพอมีเรื่องหนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง บางทีก็ถึงกับบ้านแตก

    "พอพูดถึงชีวิตที่พอเพียง คนก็มักจะคิดว่า ต้องไม่เป็นหนี้ ต้องไม่ใช้เงิน ที่จริงถ้าเราเป็นหนี้เพราะจะเอาเงินมาขยายธุรกิจ และมองเห็นว่าธุรกิจมีศักยภาพ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเราจะเป็นหนี้ แต่ถ้าเราเป็นหนี้ที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิต รูดบัตรซื้อนั่นซื้อนี่อย่างไม่รู้สึกอะไร แบบนี้ ไม่ใช่ชีวิตที่พอเพียงแน่ " อานันทวีป ชยางกูร ณ อยุธยา ให้ทัศนะ

    O เค้นสติ&คิดก่อนจ่าย

    ถ้าที่ผ่านมา คุณใช้ชีวิตแบบนึกจะซื้อก็ควัก นึกอยากได้ก็จ่าย นึกชอบก็ช้อปเลย ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นเล็กหรือของชิ้นใหญ่ ต่อจากนี้ ถ้าอยากเปลี่ยนมาใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ทุกครั้งที่จะจ่ายขอให้เค้นสติ คิดหน้าคิดหลังทุกครั้งก่อนเปิดกระเป๋าสตางค์ หรือก่อนจะหยิบบัตรเครดิตขึ้นมารูด

    ลองสำรวจตัวเองดูสิ ว่าที่ผ่านมาในแต่ละเดือน คุณมีค่าใช้จ่ายอะไรเท่าไหร่ ถ้านั่งลิสต์ออกมาหรือเอาสเตทเมนท์บัตรเครดิตมาดู คุณอาจจะพบว่ามีรายการใช้จ่ายไม่จำเป็น หรือประเภทของฟุ่มเฟือย เสื้อผ้า เครื่องประดับเยอะแยะเลย

    คำว่า "รางวัลชีวิต” มักจะถูกหยิบมาเป็นข้ออ้างเวลาอยากได้ข้าวของเสมอ ลองกลับไปสำรวจดูที่บ้าน คุณอาจจะพบว่า รางวัลชีวิตของคุณเยอะไปหมด หรือเพราะว่าคุณให้รางวัลชีวิตแก่ตัวเองพร่ำเพรื่อจนเกินไป

    ที่จริง ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปผูกติดกับคำว่าพอเพียง หรือต้องรอให้น้ำมันแพง เงินเฟ้อพุ่ง คุณถึงจะใช้เงินอย่างมีสติ แต่ให้ชีวิตในทุกๆ วันของคุณดำเนินไปอย่างมีสติ ชั่งน้ำหนักและถามหาความคุ้มค่าทุกครั้งก่อนใช้จ่าย คุณก็จะพบว่า คำว่า พอเพียง ติดอยู่ในสายเลือดไปเอง

    O อยู่สบายๆ ไม่ประหยัดแต่ไม่ฟุ่มเฟือย

    อยู่สบายๆ ไม่ใช่นึกอยากทำอะไรก็ทำ อยากกินอะไรก็ต้องได้กิน อยากได้ก็อะไรก็ต้องได้ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่า คุณต้องเคร่งครัดในการดำเนินชีวิตอยู่ตลอดเวลา ไม่กิน ไม่ใช้ ไม่เที่ยว ไม่สังสรรค์ ไม่ซื้อ

    อยู่สบายๆ ใช้ชีวิตแบบพอดีๆ เดินบนทางสายกลาง ซื้อของบ้าง กินใช้บ้าง ไม่ใช่ประหยัดรัดติ้วอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ก็ไม่ฟุ่มเฟือยเป็นนิสัย

    วิธีหนึ่งที่จะใช้ชีวิตอย่างสบายๆ คือ กลับสู่ธรรมชาติบ้าง ถ้าที่ผ่านมาคุณเอาแต่ใช้ชีวิตฟู่ฟ่าอยู่ในสังคมเมือง ท่ามกลางเสียงโหวกเหวก ความโดดเดี่ยว ต่างคนต่างทำหน้าที่ ขวนขวายแก่งแย่งได้มาแทบบ้าตาย ก็ลองกลับคืนสู่ถิ่นฐานบ้านเกิด หรือลองวิ่งเข้าหาธรรมชาติดูบ้าง คุณอาจได้แรงบันดาลใจดีๆ ในการดำเนินชีวิตมากขึ้น

    วิถีชีวิตสบายๆ และพอเพียง ที่ใกล้ตัวอีกอย่างหนึ่งคือ กินเพื่ออยู่ ไม่ได้อยู่เพื่อกิน บางคนมีความสุขกับการได้กินของแพง กินของนอก ทั้งที่รสชาติและคุณค่าไม่ได้แตกต่างกัน ทำไมไม่ลองปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตมาเป็นกินแค่พออิ่ม แต่ครบถ้วนไปด้วยคุณค่าสารอาหารที่จำเป็นในชีวิต บริโภคอย่างพอเพียง เพื่อให้ชีวิตอยู่ได้อย่างเพียงพอ เพราะของแพงไม่ได้แปลว่าอร่อย ภัตตาคารหรูไม่ได้แปลว่าสะอาดกว่าฝีมือการทำอาหารของคุณเอง

    หรืออย่างบางคนบอกว่าใช้ชีวิตสบายๆ ก็ติดปลายนวมไว้ด้วยความหรู หลายคนมีรถยนต์ไว้ใช้งานจริงๆ แต่ก็มีอีกหลายคนมีรถยนต์เป็นเพียงเฟอร์นิเจอร์ประดับบารมี ทั้งที่จริงประโยชน์ของรถก็แค่ส่งเราถึงที่หมายในแต่ละวัน แต่สิ่งที่ต้องแลกคือน้ำมันราคาแพง

    ง่ายและใกล้อีกอย่างหนึ่ง ก็คงเป็นเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์ของเราๆ ท่านๆ นี่แหละ ไม่จำเป็นต้องอัพเทรนด์เสื้อผ้าไม่ให้ตกเทรนด์อยู่ตลอดเวลาก็ได้ ลองหยิบจับเสื้อผ้าที่มีอยู่ในตู้มารีไซเคิล แล้วมิกซ์แอนด์แมทช์

    หรืออาจจะใช้วิธีหยิบของเก่ามาเล่าใหม่ เพราะเดี๋ยวนี้แฟชั่นมักจะหมุนเวียนวนไปวนมา ข้อสำคัญ ไม่จำเป็นต้องใช้ของแบรนด์เนมหรือของมียี่ห้ออยู่ตลอดเวลาก็ได้ แต่ขอให้นึกถึงความคุ้มค่า คุณภาพและประโยชน์การใช้สอยเป็นหลัก จะมียี่ห้อหรือไม่มีก็ไม่ใช่ปัญหา

    ใช้ชีวิตแบบสบายๆ พอดีและพอเพียง อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับหลายๆ คนที่ปล่อยให้ชีวิตเคลื่อนไหลไปตามกระแสวัตถุนิยม ขอแค่คุณใช้ความพยายาม ตัดอกตัดใจจากวัตถุ ตั้งลิมิตให้ความอยาก ไม่ต้องอยากได้อยากมีตามชาวบ้านไปซะทุกเรื่องทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตแพงๆ เท่านี้ก็สนิทสนมกับคำว่าพอเพียงได้ไม่ยาก

    O ออมอย่างพอดี

    เป็นเรื่องดี ถ้าคุณตั้งใจออมเงินเพื่ออนาคตอันแสนสุข แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ออมเงินอย่างพอดี ทุกวันนี้ก็มีทั้งประเภทที่ตึงเกินไปและหย่อนเกินไปให้พบเห็น

    มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตั้งหน้าตั้งตาอดออมอย่างเอาเป็นเอาตาย ออมอย่างเอวคิดเอวกิ่ว จะกินจะใช้อะไร หรือให้รางวัลชีวิตด้วยการท่องเที่ยว ก็นึกเสียดายเงินทองไปหมด มุ่งมั่นหักโหมออม กะจะเก็บไว้ใช้ตอนบั้นปลายของชีวิต เพราะไม่อยากอยู่อย่างลำบากตอนแก่ บ้างก็สะสมเงินทองไว้ให้ลูกหลาน เพราะกลัวพวกเขาจะลำบาก บ้างก็ใช้เงินทองและทรัพย์สินที่มีอยู่เป็นดัชนีวัดความสำเร็จ พวกเขาจึงมุ่งมั่นเก็บจนบางทีก็เกินความพอดี

    อีกประเภทหนึ่งซึ่งเยอะกว่าพวกแรก คือใช้ชีวิตหย่อนยานจนเกินเหตุ พวกนี้ก็จะไม่เคยมีเงินออมเอาไว้ให้อุ่นใจ มาแนวนี้ก็จะตั้งท่าใช้เงินลูกเดียว ไม่รู้จักเก็บออมเพื่ออนาคต

    จะเห็นว่าทั้ง 2 กลุ่ม ล้วนมีความไม่พอดี และไม่พอเพียง ด้วยกันทั้งสิ้น ออมให้พอดีไม่ใช่เรื่องยาก แค่คุณจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งอย่างสม่ำเสมอ ในระดับที่ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดหรือหลวมจนเกินไป จะออม 10% 20% หรือ 30% ตรงไหนคือความพอดี คุณเองนั่นแหละที่ตอบได้ดีที่สุดว่าจุดแห่งความพอดีของการออมอยู่ตรงไหน

    O ลงทุนก็พอเพียงได้

    ในแง่มุมของการลงทุนนั้น แน่นอนว่าเมื่อคนลงทุน ทุกคนล้วนอยากได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดด้วยกันทั้งนั้น นั่นจึงเป็นเรื่องที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า คงจะถามหาความพอเพียงได้ยากสำหรับการลงทุน

    หากแต่ในความจริง การลงทุนแบบพอเพียงก็สามารถทำได้อย่างไม่ยาก แค่รู้จักคำว่า ”พอ” จากการลงทุน โละทิ้งคำว่าโลภออกจากสนามการลงทุนของคุณ คุณก็ลงทุนได้อย่างไม่เป็นทุกข์และลงทุนอย่างพอเพียงได้

    อันดับแรก คุณควรจะเลือกลงทุนในช่องทางที่สามารถรับความเสี่ยงได้ และมองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่พอดี ไม่ต้องหวือหวามากจนเกินไป แต่ก็สามารถทำให้เส้นทางการลงทุนเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะถ้าโลภมากอยากได้ผลตอบแทนสูงลิ่ว นั่นเท่ากับต้องแบกความเสี่ยงสูงตามสูตรการลงทุน

    เช่นสมมติคุณมีเงินลงทุนก้อนย่อมๆ อยู่ประมาณ 5 แสนบาท แทนที่จะกระโจนเข้าไปเล่นหุ้นปั่นในตลาดหุ้น เพราะรู้ว่าถ้าจังหวะดีโชคเข้าข้าง คุณอาจจะได้ผลตอบแทนจากหุ้นปั่นตัวนั้นภายในระยะเวลาสั้นๆ ถึง 30% แต่อาจจะเลือกเดินทางสายกลาง ด้วยการลงทุนหุ้นพื้นฐานดีซักตัวที่อาจจะได้ผลตอบแทนเหลือซัก 10% แต่ความเสี่ยงก็ลดน้อยลงไป ไม่ต้องนั่งลุ้นนั่งเครียด หรือแบกความกังวลไว้ตลอดเวลา หรือถ้าไม่อยากเข้าไปเสี่ยงในตลาดหุ้น ก็อาจจะเลือกกองทุนอสังหาริมทรัพย์บางตัวที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 6-7% แน่นอนว่าอาจจะน้อยกว่าลงทุนในหุ้นบางตัว แต่ก็ยังมากกว่าการฝากแบงก์ไว้เฉยๆ หรือลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ และพันธบัตร

    เนื้อแท้ของการลงทุนอย่างพอเพียงคือ ต้องรู้จักขายเมื่อได้กำไรถึงระดับที่ตั้งใจไว้ ไม่โลภจนเกินไป มีนักลงทุนบางคนตั้งใจว่าพอได้กำไรจากหุ้นตัวหนึ่งซัก 50,000 บาท ก็จะขายแล้ว ปรากฏว่าพอถึงจุดนั้นจริงๆ กลับไม่ยอมขาย เพราะอยากได้มากกว่าเดิม

    เมื่อปล่อยให้ความโลภเกิดขึ้น ก็เลยทำให้เสียโอกาสไปหลายคนแล้ว เพราะแทนที่ราคาจะขยับขึ้นไปอย่างที่คาดหวัง พอเจอสถานการณ์บางอย่างเข้าไป หุ้นรูดลงมาอย่างน่าใจหาย กำไร 20,000 ที่อยากได้ตอนแรก กลายเป็นว่าแค่หมื่นเดียวยังไม่ได้เลยตอนนี้ นั่นแหละ ผลตอบแทนของความโลภ

    บนพื้นฐานของความพอเพียงนั้น ต้องเป็นการลงทุนด้วยความมีเหตุผล ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการลงทุนอย่างรอบคอบ ระมัดระวัง และมีการติดตามบริหารพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

    นี่เป็นแผนที่นำทางไปสู่ความพอเพียง ที่คุณหรือใครก็ไปยืนอยู่จุดนั้นได้ ข้อสำคัญ อย่าให้ความพอเพียงเกาะอยู่แค่เปลือกนอก แต่แก่นแท้ยังพลุ่งพล่านไปด้วยความอยาก ค่อยๆทำ ค่อยๆ เปลี่ยน แล้วคำว่าพอเพียงจะยอมอยู่กับชีวิตคุณแน่นอน

    เรื่อง : กาญจนา หงษ์ทอง
http://www.nationejobs.com/con...benefit/template.php?conno=485
http://www.skbb2.skupload.com/...php?tid=308&extra=page%3D1
บันทึกการเข้า
flukenakrab
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 110
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,315



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2008, 00:20:16 »

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

barbies55
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 417
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11,501



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2008, 00:28:11 »

เห่อๆๆ สัมภาษณ์มาแต่ละคน
บันทึกการเข้า

รับทำเทมเพลท รับโมเทมเพลทให้เข้ากับสคริปต์ต่างๆ


On the Internet, Never One Know You are a Dog.
ผ้าขี้ริ้วห่อทองย่อมเป็นทองฉันใด เอาทองเปลวมาห่อขี้ก็ยังเป็นขี้ฉันนั้น
ClickToBan
Verified Seller
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 182
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,869



ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2008, 00:44:30 »

 Tongue Tongue Tongue
บันทึกการเข้า
บอท!
ยามว่าง
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 146
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,490



ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2008, 00:49:13 »

รู้อะไรไหม ที่เสิร์ทเยอะ ส่วนนึง
เด็กตั้งแต่ ม.1 จนถึง มหาลัย โดนครู อาจารย์ใช้ มา เสิร์ทหา เพื่อ ทำ รายงานทุกปี  Tongue
หรือโดนเฉพาะ คนที่ผมรู้จักก็ไม่รู้ เด็กมัฐยม ที่ผมเคยคุย ก็อยุ่ทุกภาคของไทย รวมทั้งคนเรียนมหาลัย 90% บอก ช่วยหา เรื่องนี้ให้หน่อย ทำรายงาน ส่งอาจารย์  Tongue
เยอะเพราะ โดนบังคับ หาเรื่อง พอเพียง
ข้าราชการ บ้างที่ ก็จำเป็นต้องทำเรื่อง พอเพียง จำเป็นต้งหาข้อมูล เพื่อผลงาน

มีกี่ครั้งที่ ตั้งใจหา มันจริง ๆ
บันทึกการเข้า

/*SEO ทำอย่างไร สอนผมบ้างนะครับ*/
Original King is King of all King.
King who come to be Legend.
//all roads lead to rome
สารบัญ (Search Engine Optimization)
--= 10 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ seo ----dr.k-------
ไม่มีอะไรจ๊ะ
ก้ามปู
เสือซุ่มด่า
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 218
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,171



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2008, 01:42:21 »

รู้อะไรไหม ที่เสิร์ทเยอะ ส่วนนึง
เด็กตั้งแต่ ม.1 จนถึง มหาลัย โดนครู อาจารย์ใช้ มา เสิร์ทหา เพื่อ ทำ รายงานทุกปี  Tongue
หรือโดนเฉพาะ คนที่ผมรู้จักก็ไม่รู้ เด็กมัฐยม ที่ผมเคยคุย ก็อยุ่ทุกภาคของไทย รวมทั้งคนเรียนมหาลัย 90% บอก ช่วยหา เรื่องนี้ให้หน่อย ทำรายงาน ส่งอาจารย์  Tongue
เยอะเพราะ โดนบังคับ หาเรื่อง พอเพียง
ข้าราชการ บ้างที่ ก็จำเป็นต้องทำเรื่อง พอเพียง จำเป็นต้งหาข้อมูล เพื่อผลงาน

มีกี่ครั้งที่ ตั้งใจหา มันจริง ๆ


 Grin
บันทึกการเข้า

ตอนนี้ผมไม่ค่อยว่างตอบอะไรใครนะครับ เพราะไม่ได้เข้าบอร์ดเลย
7
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 16
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,349



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2008, 02:45:19 »

คำว่า พอเพียง มีความหมายเดียวกับคำว่า สันโดษ ในทางพระพุทธศาสนา
และคำว่า สันโดษ ก็มักจะถูกเข้าใจความหมายผิด แบบเดียวกับคำว่า พอเพียงเด๊ะเลย
บันทึกการเข้า

wear428
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 521
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,177



ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2008, 08:01:01 »

คำว่า พอเพียง มีความหมายเดียวกับคำว่า สันโดษ ในทางพระพุทธศาสนา
และคำว่า สันโดษ ก็มักจะถูกเข้าใจความหมายผิด แบบเดียวกับคำว่า พอเพียงเด๊ะเลย

สรุปได้ดีครับ
บันทึกการเข้า
win
Administrator
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 143
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,822



ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2008, 09:08:23 »

เห่อๆๆ สัมภาษณ์มาแต่ละคน


 Tongue Tongue

ขอบคุณคุณ wear428  สำหรับบทความด้วยครับ

อ้างถึง
sufficient (ซัฟฟีฌ-เอ็นท)  n.พอ, พอเพียงS. enough,adequate

อ้างถึง
enough (อินัฟ-) n. adj. adv.พอต้องการ, พอ, พอเพียง, ถึงขนาด, แท้, ทีเดียว

อ้างถึง
adequate (แอด-อิควิท) adj.adequately (แอด-อิควิทลิ) adv.adequacy (แอด-อิควะซิ) n.พอ, พอเพียง, สามารถพอที่จะทำ, สามารถถึงขนาด


กินอย่างพอเพียง

กินพออิ่ม อร่อย ไม่ท้องอืด และไม่สร้างผลร้ายต่อสุขภาพ

นอนอย่างพอเพียง

นอนให้พอดี ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ไม่นอนมากเกินไปจนง่วงซึึม

ใช้จ่ายอย่างพอเพียง
อะไรที่สมควรต่อการทำให้ชีวิตมีความสุขก็ใช้จ่ายไป โดยอย่าทำให้ตนเองหรือใครเดือดร้อนจากการใช้จ่ายนั้น

ทำธุรกิจอย่างพอเพียง
ถ้ามันจะกำไรได้มากที่สุดเท่าไหร่ แล้วคนยังพอใจซื้อมัน เราก็พอใจกับกำไรนั้น
ไม่ใช่นั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไร แต่ต้องพัฒนาใช้ศักยภาพของทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพอย่างเพียงพอ เต็มกำลัง


ผมคิดว่าความพอเพียง ไม่ได้หมายถึง หยุดนิ่งๆ ใช้น้อยๆ จำกัดจำเขี่ย 

แต่หมายถึง หยุดเมื่อควรหยุด เดินเมื่อควรเดิน วิ่งให้เต็มที่ เมื่อถึงเวลาที่ต้องวิ่ง


บันทึกการเข้า
etgsgroup
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 154
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,713



ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2008, 09:17:11 »

รู้อะไรไหม ที่เสิร์ทเยอะ ส่วนนึง
เด็กตั้งแต่ ม.1 จนถึง มหาลัย โดนครู อาจารย์ใช้ มา เสิร์ทหา เพื่อ ทำ รายงานทุกปี  Tongue
หรือโดนเฉพาะ คนที่ผมรู้จักก็ไม่รู้ เด็กมัฐยม ที่ผมเคยคุย ก็อยุ่ทุกภาคของไทย รวมทั้งคนเรียนมหาลัย 90% บอก ช่วยหา เรื่องนี้ให้หน่อย ทำรายงาน ส่งอาจารย์  Tongue
เยอะเพราะ โดนบังคับ หาเรื่อง พอเพียง
ข้าราชการ บ้างที่ ก็จำเป็นต้องทำเรื่อง พอเพียง จำเป็นต้งหาข้อมูล เพื่อผลงาน

มีกี่ครั้งที่ ตั้งใจหา มันจริง ๆ


เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลยครับ มีอยู่ใช้อยู่ แต่ใช้ไม่เป็น (รวมทั้งตัวผมด้วย ส่วนมากจะใช้เกินพอทุกที (ชอบดึงเงินอนาคตมาใช้อยู่เรื่อย) เวรกรรม อยากจะทำ อยากจะอยู่แบบ พอเพียง แต่ทำไม่ได้สักที )
บันทึกการเข้า

ขอบคุณ ThaiSeoBoard สำหรับความรู้ทั้งทางด้าน SEO, SEM, Affiliate ตั้งแต่สมัยที่คนไทยไม่มีความรู้เกี่ยวกับ Digital Marketing เลย ต้องอ่านจาก ต่างประเทศอย่างเดียว
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์