งงว่ามันข่าวร้านตรงไหน รายได้ไม่ถึงก็ไม่เสีบ รายได้ถึงก็เสีย หรืออยากได้ระบบพิเศษมีรายได้เยอะแต่ไม่ต้องเสียในขณะที่คนอื่นต้องเสียเหรอ
คือแทนที่รัฐจะส่งเสริมการค้าออนไลน์ให้พัฒนาควบคู่กันไปกับมาตรการเก็บภาษีแต่เท่าที่เห็นตอนนี้มาตรการเก็บภาษีมันชัดเจนกว่า ส่วนไอ้เรื่องพัฒนานี่ผมบอกได้เลยว่าจัดสรรงบลงมาแล้วไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันมันก็ทำให้เสียความรู้สึกนะครับ เอาง่ายๆนะถ้าจะตรวจสอบจริงจังก็ควรจะส่งเสริมให้จริงจังด้วยแค่นั้นแหละ
ข่าวร้าย คือ ต่อไปทุกบัญชีของเราจะถูกรัฐตรวจสอบได้ ซึ่งจุดนี้มองว่า เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมากเกินไป ส่วนเรื่องการเสียภาษี ทุกคนที่มีรายได้มีหน้าที่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว ครับ
เท่าที่ทราบบัญชีจะถูกตรวจสอบได้อยู่แล้วนะครับแต่มันก็มีขั้นตอนของมันอยู่ ส่วนจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมากไปรึเปล่าอันนี้ต้องดูวิธีการที่จะใช้จริงว่าทำอย่างไร อย่างบัญชีธนาคารที่เป็นของบริษัทนิติบุคคลผมว่าอันนี้มันตรวจสอบไปมาระหว่างบัญชีงบดุลที่นิติบุคคลทำอยู่แล้ว
*แต่ของบุคคลธรรมดาอันนี้แหละที่ผมกังวลเพราะเราอาจจะมีหลายบัญชีเพราะมีรายได้จากหลายช่องทางหรือมีกระแสเงินสดที่มาจากทางอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในระบบการค้าตามปกติ เช่นถ้าผมไปรับจ้างจูงหมาได้เงินมา 100 บาท เอาไปฝากบัญชีที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบัญชีค้าขายแต่สรรพากรก็ดันเอามาคิดรวมว่าเป็นรายได้ต้องจ่ายภาษี ทั้งๆที่ว่ากันตามจริงเงิน 100 บาทที่ได้มามันอาจจะไม่มีหลักฐานยืนยันก็จริงแต่มันก็ไม่ใช่รายได้หลักที่จะต้องเอามาคิดแบบเหมารวม อีกกรณีคือบัญชีเงินฝากที่เป็นเงินออมอันนี้ผมไม่รู้ว่ารัฐจำเป็นต้องรู้รึเปล่านะแต่ผมว่ามันก็เรื่องส่วนตัวป่ะ
สำหรับวิธีแก้ปัญหาผมว่าถ้ารัฐอยากจะตรวจสอบบัญชีค้าขายก็ควรจะให้เราแยกบัญชีเพื่อทำการค้าโดยเฉพาะ และออกนโยบายที่จะสนับสนุนผู้ค้าออนไลน์ที่มีการจดทะเบียนการค้าอิเล็กทรอนิกส์แบบถูกต้องตามมาตรการตัวอย่างเช่น
1. ออกมาตรการให้ธนาคารลดค่าธรรมเนียมการโอนเงินให้สำหรับการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ค้าออนไลน์โดยเฉพาะ เช่นจากที่ลูกค้าต่างจังหวัดจะโอนเข้าบัญชีเราเสียค่าธรรมเนียม 25 บาท ก็ให้เหลือ 10-15 บาท ก็ว่ากันไป
2. บัตรที่ผูกติดกับบัญชีค้าขายออนไลน์ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปีอะไรก็ว่ากันไป
3. หรือจะมีอะไรสนับสนุนให้การค้าออนไลน์เติบโตก็ว่ากันไป...ฯลฯ
พอจะมองภาพออกไหมครับ
