นานมาแล้วตอนสมัยที่ผมเป็นมนุษย์เงินเดือน กลยุทธิ์ของผมคือการใช้สมองเค้นว่าทำอย่างไรขึ้นจะให้มีเงินเดือนขึ้นอีกอย่างน้อย 5,000 ต่อปี ถ้าอัพเงินเดือนปีละ 10,000 ได้ยิ่งเจ๋ง แต่หลังจากตกงานครั้งเดียว ผมก็ค้นพบว่าโลกของเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้นสามารถเอามาต่อยอดสู่การเป็นนายตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม และความเชื่อที่ว่าเป็นมนุษย์เงินเดือนให้ดีก่อนเถอะค่อยมาเป็นนายตัวเองก็ถูกหลักล้างไป เพราะการประสบความสำเร็จในโลกของมนุษย์เงินเดือนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความสำเร็จในโลกของการเป็นนายตัวเองเลย
ในฐานะที่ผมเป็น Tarot Reader มา 8 ปีเต็ม และมีโอกาสได้ดูไพ่ Tarot ให้กับมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ต่อเดือนไม่ถึงหมื่นจนกระทั่งหลักแสน ผมค้นพบว่าเงินเป็นเพียงปัญหาเล็กๆของมนุษย์เงินเดือนเท่านั้น ปัญหาใหญ่จริงๆของคนที่ทำงานภายใต้คำสั่งของคนอื่นคือ “ความท้าทาย” เชื่อไหม มนุษย์เงินเดือนที่ดูนิ่งๆธรรมดาๆล้วนกระหายความท้าทายที่จะทำให้ชีวิตของเขา “ตื่นเต้น” ในทุกๆวันที่ตื่นขึ้นมา ยิ่งอายุเยอะ หัวใจวัยรุ่นยิ่งร้องเสียงดัง งงมั้ยหล่ะ…???
ใบบทความนี้ผมจะแสดงให้คุณเห็น ว่าคุณจะสามารถตักตวงประสบการณ์ล้ำค่าอะไรเพื่อทำให้การเป็นมนุษย์เงินเดือนของคุณปูทางไปสู่การเป็นนายตัวเอง ซึ่งมันจะทำให้คุณมองเห็นภาพรวมของชีวิต ทัศนคติ และอนาคตของคุณเอง กับบทความ 3 ข้อดี 3 ข้อเสีย 3 ความผิดพลาด และ 3 โอกาสทองของมนุษย์เงินเดือน
3 ข้อดีของการเป็นมนุษย์เงินเดือนนายจ้างไม่ได้จ้างคุณไปทำงาน แต่นายจ้างเขาจ้างคุณไปเรียนรู้ในสนามรบจริง คุณจะได้เล่น Simulator การทำธุรกิจบนธุรกิจของคนอื่น ได้ศึกษาทั้งปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจนั้นประสบความสำเร็จและล้มเหลวในเวลาเดียวกัน และสามารถหยิบยกเอามาใช้กับการเป็นนายตัวเองในอนาคตได้อย่างเต็มที่ ไม่มีนายจ้างคนไหนห้ามคุณขโมยความสามารถและวิธีคิดของเขานี่ครับ เอาให้เต็มที่
การทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนเป็นประตูไปสู่การพัฒนาเป็นนายตัวเองชั้นเยี่ยมยิ่งกว่าการเรียนวิชาธุรกิจในมหาลัยดังเสียอีก เพียงแค่คุณเป็นคนช่างสังเกตุซักหน่อย ความรู้จากคนรอบข้างจะไหลเข้าหัวของคุณเหมือนเขื่อนที่ปล่อยน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าที่ให้แสงสว่างต่อชีวิตคุณเอง ยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณอยากเรียนรู้งานขาย ก็คุยกับเซลล์ การตลาดก็คุยกับ Marketing งานออกแบบก็ Design เป็นต้น
มนุษย์เงินเดือนไม่ต้องกังวลกับรายได้ เพราะสามารถคำนวนได้ว่าจะมีรายได้เข้ามาต่อเดือนเท่าไหร่ ทำให้การบริหารเงินเป็นเรื่องง่ายทันที
3 ข้อเสียของการเป็นมนุษย์เงินเดือนมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลาเกือบเต็มวันในการทำงาน ทั้งๆที่บางครั้งในแต่ละวันงานสามารถจบลงได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง ยิ่งโดยเฉพาะในสังคมไทย ต่อให้คุณทำงานหนักจนสามารถเคลียร์งานทั้งสัปดาห์ให้หมดได้ภายในวันเดียว คุณคิดว่าอีก 4 วันที่เหลือจะเป็นยังไงครับ นั่งสบายๆ...
ผิดเลย คุณจะต้องได้รับหน้าที่เพิ่มตามเวลาว่างที่คุณเหลือ ทั้งๆที่บางครั้งงานบางงานที่ได้รับมันเป็นงานที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้คุณไม่ว่างแค่นั้น
ถ้าคุณมีเงินเดือนเฉลี่ย 30,000 บาทต่อเดือน คุณมีไอเดียอะไรที่จะสามารถหารายได้ให้เป็น 60,000 บาทต่อเดือนได้บ้าง ถ้าคุณจะเล่นสายอัพเงินเดือน คุณก็ต้องใช้เวลาเป็นปีๆเพื่อไต่เงินเดือนให้ถึง 60,000 บาท และเมื่อคุณเงินเดือนสูง คุณก็ต้องหวาดระแวงกับพิษเศรษฐกิจ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดวิกฤตทางการเงิน คุณคิดว่าบริษัทจะไล่ใครออกก่อนกันระหว่างคนเงินเดือนแพงกับคนเงินเดือนถูก ไม่ต้องเดา ทั้งคู่ครับ...!!!
จุดบอดจุดตายอย่างเดียวของมนุษย์เงินเดือนคืออะไร...
ไม่ใช่ความเบื่อ ไม่ใช่ความรวย ไม่ใช่ความก้าวหน้า และไม่ใช่โดนเด็กรุ่นใหม่ขยี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่มนุษย์เงินเดือนเจอปัญหาชีวิตที่ต้องแก้ด้วยเงินกับเวลา มนุษย์เงินเดือนตายทันที...!!! ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมุติถ้าคุณเกิดเเจ็คพอตเเตก คนในครอบครัวหรือคุณเองเป็นมะเร็ง จะเกิดอะไรขึ้น หรือถ้าคุณไม่สบายไปหาหมอ แล้วหมอบอกว่าคุณกำลังป่วยเป็นโรคหัวใจ ห้ามทำงานเครียดๆอีกต่อไป คุณจะทำยังไง...
3 ความผิดพลาดของการเป็นมนุษย์เงินเดือนการมีรายได้เข้าประเป๋าทุกเดือนทำให้มนุษย์เดือนส่วนใหญ่เข้าใจว่านี่คือ "ความมั่นคง" ในความเป็นจริง ความมั่นคงไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินเดือนหรือบริษัทใดๆทั้งนั้น ความมั่นคงทางการเงินวัดกันที่จำนวนเส้นทางรายได้ที่ไหลเข้ากระเป๋าต่างหาก ยิ่งมีรายได้หลายทางเท่าไหร่ ยิ่งมีความมั่นคงมากขึ้นเท่านั้น มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ทุ่มเทหาทางเพื่ออัพเงินเดือน แต่ไม่ยอมทุ่มเทหาทางเพื่อหารายได้ทางที่สองทั้งๆที่การสร้างอาชีพเสริมคือทางรอด ไม่ใช่ทางเลือก
ยิ่งมนุษย์เงินเดือนแก่ตัวเท่าไหร่ ภาระหน้าที่รับผิดชอบก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ทุกวันนี้มีมนุษย์เงินเดือนกี่คนที่ไม่เป็นหนี้ ปัญหาเรื่องหนี้เป็นปัญหาที่ใหญ่มากๆ อย่าลืมว่าการเป็นหนี้คือการสร้างเครื่องพันธนาการชีวิต ยิ่งมีหนี้ที่ต้องจ่ายมากเท่าไหร่ยิ่งต้องหาทางทำงานกินเงินเดือนนานๆเพื่อหาเงินใช้หนี้มากขึ้นเท่านั้น มนุษย์เงินเดือนบางคนอายุเยอะมากแล้ว แต่ยังไม่มีเงินออมแม้แต่หมื่นเดียว...!!!
มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่เลือกที่เรียนรู้จากรุ่นพี่ที่มีเงินเดือนมากกว่า และหลายๆคนมองว่ารุ่นพี่ที่มีเงินเดือนมากกว่าคือไอดอล แต่ในความเป็นจริงถ้าเป้าหมายของคุณคือการมีชีวิตที่ไม่ต้องอิงกับนาฬิกาบนผนัง คนที่คุณจะต้องขโมยความรู้มามากที่สุดคือ CEO (เจ้าของบริษัท) ผมมีวันนี้ได้เพราะคำพูดของ CEO ท่านหนึ่งที่พูดกับภรรยาของเขาซึ่งผมดันได้ยินโดยบังเอิญและกลายมาเป็นวรรคทองคำที่ผมท่องอยู่ในใจทุกวันนี้ คำๆนั้นคือ "ถ้ามัวแต่กลัว ธุรกิจก็ไม่เกิด" ยิ่งอายุเยอะ ความกลัวยิ่งเยอะ อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยโดยไม่ทำอะไร
3 โอกาสทองของมนุษย์เงินเดือนอาชีพมนุษย์เงินเดือนเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงระยะสั้นต่ำสุด ดังนั้นจึงเป็นหลักประกันตายตัวว่าในแต่ละเดือนจะมีรายได้เท่าไร่ ถ้าแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาหาทางเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองควบคู่กับงานประจำไปด้วย ก็จะสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ดีกว่าคนที่ไม่มีรายได้รายเดือนที่แน่นอน ดังนั้นการลงทุนของมนุษย์เงินเดือนจึงอยู่ในจุดที่บริหารเรื่องการลงทุนได้ดีกว่า
มีฝรั่งคนหนึ่งกล่าวว่าถ้าคุณลงทุนทุ่มเทการทำอะไรซ้ำๆ 10,000 ชม. คุณจะกลายเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านนั้นไปโดยปริยาย ถ้าคุณทำงานมาแล้ว 5 ปี แสดงว่าคุณทำงานมาแล้ว 11,880 ชั่วโมง ถ้าคุณทำงานมาแล้ว 10 ปี คุณใช้เวลาทำงานไปแล้ว 23,760 ชั่วโมง ถ้าคุณทำงานมาแล้ว 20 ปีแสดงว่าคุณทำงานมาแล้ว 47,520 ชั่วโมง ไม่ว่าคุณจะทำงานอะไรก็แล้วแต่ คุณคือมืออาชีพในสายตาของคนอาชีพอื่นเสมอ มนุษย์เงินเดือนสามารถใช้ความสามารถที่ได้จากงานประจำมาหาเงินในโลกของการเป็นนายตัวเองได้เสมอ ใช้เงินน้อยเพราะการลงทุนคือความรู้คุณ รายได้เต็มๆ ดีจะตาย
การได้ทำงานมานานจะสามารถช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับคุณได้เป็นอย่างดี อาทิเช่นคุณเป็น Programmer คุณก็สามารถอ้างอิงผลงานที่เคยทำให้บริษัทเพื่อนำมาเป็น Portfolio นำเสนองานยามเป็นนายตัวเองได้ ไม่ใช่เรื่องผิดถ้าผลงานนั้นเป็นฝีมือของคุณ ถ้าคุณคือทองคำที่ไปอยู่ในสังคมมนุษย์เงินเดือน สังคมการทำงานแบบนายตัวเองคุณก็ยังเป็นทองคำอยู่ดี อย่าปล่อยให้โอกาสการเอาทองคำในตัวคุณมาหาเงิน อย่าปล่อยให้เวลาผ่านพ้นไปโดยที่คุณไม่ได้ลงมือทำอะไรเพื่อเป้าหมายโดยเด็ดขาด
หนังสือระดับตำนานของคนที่อยากออกจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนอย่าง "สบายดีแต่รวยได้" หรือ The 4 Hour workweek ที่ผมขายไปแล้วใน Fanpage กว่า 160 เล่มเขียนไว้ว่า
"ถ้าไม่สามารถเกษียณได้ คุณจะทำอย่างไร…??? ถ้าคุณสามารถเกษียณเป็นระยะสั้นๆ เพื่อลิ้มลองรสชาติความสุขของแผนการหลังเกษียณที่วางไว้ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานรอไปอีกสี่สิบปี คุณจะคิดอย่างไร…??? จำเป็นหรือที่ต้องทำงานเยี่ยงทาส เพื่อให้ได้ชีวิตเยี่ยงเศรษฐี…???
ตอนนั้นผมแทบไม่รู้เลยว่าคำถามพวกนี้จะพาชีวิตผมไปทางไหน จะนำไปสู่ข้อสรุปแปลกประหลาดหรือ แต่กฏเกณฑ์ตามสามัญสำนึกใน “โลกความเป็นจริง” มันก็เป็นแค่ภาพลวงตาที่มีสังคมเป็นตัวส่งเสริมเท่านั้นเอง
จะทำหรือไม่ทำ จะลองหรือไม่ลอง คนส่วนใหญ่คงเลือกว่าไม่ ไม่ว่าพวกเขาจะคิดว่าตัวเองกล้าหาญหรือไม่ก็ตาม ความไม่แน่นอนและโอกาสล้มเหลวอาจกลายเป็นเสียงน่าหวาดกลัวในความมืด คนส่วนใหญ่มักเลือกทางไร้ความสุขมากกว่าจะเลือกความไม่แน่นอน
หาเวลาสัก 2-3 วันในช่วงนั้นให้อยู่ด้วยเงินจำนวนเพียงเล็กน้อยแทบไม่พอยาไส้ สวมใส่เสื้อผ้าเนื้อหยาบ ระหว่างนั้นก็ให้พร่ำบอกตัวเองว่า นี่หรือคือสภาพที่เรากลัว"
Tim Ferriss นายตัวเองที่ประสบความสำเร็จและเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั้งโลก
.........
ในวันที่ผมเขียนบทความนี้เป็นวันที่ผมตกงานครบ 1 ปีครึ่งพอดี ผมค้นพบว่าโลกเรากำลังหมุนมาสู่ยุคใหม่ ยุคที่การเป็นลูกจ้างยากกว่าการเป็นนายตัวเอง ตอนที่คุณยังขี่จักรยานไม่ได้ คุณก็ว่ามันยาก ตอนที่คุณยังท่องสูตรคูณไม่ได้ คุณก็ว่ามันยาก ตอนที่คุณสัมภาษณ์งานไม่ได้ คุณก็ว่ามันยาก ตอนที่คุณยังเป็นนายตัวเองไม่ได้คุณก็ว่ามันยาก ทุกอย่างคือสิ่งยากหมดสำหรับคนที่ไม่เคยลงมือทำ ความกลัวเท่านั้นที่ฉุดรั้งคุณไว้ อย่าลืม ศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคือศิลปินที่กล้าออกแบบชีวิตตัวเอง
สู้ๆครับ
วิชญ์
www.facebook.com/vittarot 
< กดยุบ (ห้องยกเลิกการใช้งาน)
