ไม่สงสัยกันบ้างหรือครับว่า ประเทศน้ำมันที่มีรายได้มหาศาลนั้นทำไมต้องลงทุนในการทำโครงสร้างใหญ่โดยเฉพาะโครงการสร้างสถานที่อย่างสวนสนุก โรงแรม หรือสนามบินขนาดใหญ่ เพราะประเทศในทะเลทรายแบบนี้ไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ดูแล้วเหมือนการพัฒนาลาสเวกัสในอเมริกาจากพื้นที่ทะเลทรายกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ผมดูรายการจับกระแสโลกของคุณสุทธิชัย หยุ่นทางช่อง9เคยเล่าเรื่องนี้แบบสั้นๆ โดยอ้างข้อมูลว่า อีกไม่ถึง 50 ปีน้ำมันจะหมดจากแหล่งขุดเจาะ ดูจากการที่ไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันให้พอกับปริมาณการบริโภคและมีตัวเลขชี้ว่าการขุดน้ำมันต้องเจาะไปลึกกว่าเดิม การที่ดูไบลงทุนการสร้างอะไรมากมายนั้นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นชัดว่า เป็นการสร้างแหล่งทำเงินใหม่ เป็นการหารายได้จากการท่องเที่ยว ลองดูจากรายงานอันแรกสิครับว่า ทำไมต้องสร้างสนามบินขนาดใหญ่ สร้างสวนสนุกขนาดใหญ่ สร้างโรงแรมใต้น้ำ หรือสร้างตึกจำนวนมหาศาล ทั้งๆที่ประชากรภายในประเทศหรือในเมืองนี้มีไม่เท่าไหร่ เขากะสร้างเพื่อรองรับอะไร ผมเข้าใจว่านอกจากสร้างเป็นศูนย์การการท่องเที่ยวเพื่อรองรับประชากรในย่านตะวันออกกลางเองเป็นหลัก ในภาวะที่คนอาหรับจะไปท่องเที่ยวยังอเมริกาหรือยุโรปนั้นถูกตรวจสอบ ถูกตั้งข้อสงสัยอย่างหนัก แต่ถ้ามองข้ามไปอีกดูไบคงวางสถานะตัวเองเป็นศูนย์กลางการติดต่ออะไรสักอย่าง เพราะจัดตั้งสาธารณูปโภคครบครัน
ดังนั้นดูไบสร้างตึกราขึ้นมานั้นมีความหมายมากกว่าการแสดงตัวว่าข้ามีเงินเยอะ เพราะการลงทุนเป็นการลงทุนของรัฐ ผมก็ทึ่งในวิสัยทัศน์ของผู้ปกครองของรัฐที่มองการหาแหล่งรายได้ต่อจากบ่อน้ำมันที่นับวันจะกำลังผลิตลดลง ผมรู้สึกศรัทธาในผู้ปกครองรัฐที่มีความเชื่อมั่นศรัทธาอย่างไม่คลอนกับการพลิกเปลี่ยนทะเลทรายไปเป็นความสมบูรณ์ โอกาสของคนไทยเราคือการส่งอาหารเข้าไปขาย เพราะถึงแม้เขาจะทำอะไรตั้งเยอะ แต่การเพาะปลูกยังทำได้ไม่ดีนัก ประเทศไทยเป็นเจ้าเรื่องผลิตอาหารอยู่แล้ว...โอกาสของเราครับ
อยากจะบอกอีกว่า....ที่ว่าน้ำมันแพงนั้นไม่เกี่ยวกับประเทศในกลุ่มโอเปกนั้นผมไม่เชื่อ เพราะวันก่อนผมอ่าน นสพ.คมชัดลึก ไปพบว่า กองทุนทรัพย์สินที่ปั่นป่วนตลาดทองคำมาก่อน จนเข้ามาเก็งกำไรน้ำมันนั้นเป็นกองทุนขนาดใหญ่ของรัฐของประเทศต่างๆ โดยกองทุนที่ใหญ่ที่สุดเป็นกองทุนของสหรัฐอาหรับอิมิเรสต์(UAE) ขนาดก็แค่8แสนล้านยูเอสดอล(จริงๆแล้วคงถึง1ล้านล้านดอลล์)...กองทุนที่มีขนาดเกิน 1 แสนล้านดอลล์นั้นมีแค่ 8 กองทุน อันดับสองเป็นของกองทุนประเทศนอร์เวย์ ขนาดแค่ 3.5แสนล้านดอลลาร์ ที่ผมเห็นคือมีกองทุนของประเทศอาหรับถึง 3 กองทุน จีน 1 กองทุน,สิงค์โปร์มี 2 กองทุน(มีเทมาเส็ก1),รัสเซีย 1 กองทุน...กองทุนพวกนี้ไม่เปิดเผยการลงทุน ไม่เปิดเผยตัวเลขทรัพย์สินที่แน่นอน ตัวเลขที่บอกมาเป็นการกะคร่าวๆซึ่งคาดว่าน้อยกว่าความจริง และไม่เปิดเผยผลตอบแทน...และผมเชื่อว่ากองทุนพวกนี้จะโตขึ้นเรื่อยๆในอัตราที่เรารู้แล้วจะตกใจ เพราะขนาดคนรวยที่สุดของบ้านเราคือคุณเฉลียว อยู่วิทยาในรอบปีที่ผ่านมายังมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 500 ล้านดอล์จากที่ปีก่อนมีเงิน 3,500 ล้านดอลล์ หรือขนาดท่านอดีตนายกยังมีทรัพย์สินงอกมาจากเดิมถึง 100 ล้านดอลล์จากปีก่อนมีทรัพย์สิน 400-500 ล้านดอลล์
...ทำงานทุกวันหมดกับค่าน้ำมันถึง 30%ของเงินเดือน ส่งไปช่วยเขาสร้างเมืองในดูไบครับ
