สัปดาห์นี้มีข่าวที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับเจ้าของ iPhone, iPad กันอยู่พอสมควร เมื่อกลุ่มแฮคเกอร์ออกมาประกาศว่า
สามารถเจาะข้อมูล Apple ID จากโน้ตบุ๊กของ FBI ไปได้มากกว่า 12 ล้านรายชื่อ แถมยังเปิดเผยบนเว็บไซต์ไปแล้ว 1 ล้านรายชื่อ
โดยอ้างว่า เพื่อกดดันให้ FBI เลิกสืบค้นข้อมูลของผู้ใช้ และเป็นการบอกกับผู้บริโภคให้ทราบว่า พวกเขาถูกติดตามโดยเอฟบีไอ
แต่ไม่ว่า FBI จะยอมรับ หรือไม่ก็ตาม ความเสี่ยงมันย่อมตกอยู่กับผู้ใช้ iPhone, iPad อยู่ดี


เมื่อต้นสัปดาห์ AntiSec กลุ่มแฮคเกอร์ประกาศว่า พวกเขาได้หมายเลข Apple UDID จำนวน 12 ล้านรายการจากคอมพิวเตอร์
ของ FBI ในขณะที่ทาง FBI ก็ออกมาปฏิเสธทันทีว่าไม่มีข้อมูลดังกล่าว ส่วนทาง Apple ก็ชี้แจงกับสื่อว่า ไม่ได้มีการให้ข้อมูลใดๆ
โดยเฉพาะหมายเลข ID กับทาง FBI ประเด็นคือ หมายเลขที่พูดถึงนี้ถือได้ว่าเป็น DNA ของอุปกรณ์ Apple เลยก็ว่าได้ เพราะมัน
ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง และจะอยู่กับผลิตภัณฑ์ตลอดชั่วอายุขัยของมัน แอพฯ บางตัวมีการใช้หมายเลขนี้ เพื่อระบุเครืองของผู้ใช้
แต่ทางแอปเปิ้ลบอกว่า กำลังยกเลิกการเข้าถึง และใช้หมายเลขไอดีดังกล่าวแล้ว และจะทำการแบนนักพัฒนาไม่ให้ใช้หมายเลขประจำ
เครื่องดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นอกจากหมายเลขประจำเครื่อง UDID แล้ว มันยังมีข้อมูลอื่นๆ ที่แฮคเกอร์ได้เปิดเผยบนออนไลน์ที่เจ้าของไอโฟน
ไอแพด ควรตระหนักไว้ด้วย โดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลเกี่ยวกับธนาคาร ตลอดจนหมายเลขบัตรเครดิต ซึ่งในเบื้องต้น AntiSec
อ้างว่า นอกจาก UDID แล้ว ข้อมูลที่ได้จาก FBI ยังมีหมายเลขโทรศัพท์ ชื่อของเจ้าของ และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ โดยรายการที่ถูกนำออก
มาเปิดเผย 1 ล้านเร็คคอร์ดนั้นจะอ้างอิงด้วยหมายเลข UDID ประจำเครื่องของผู้ใช้ไอโฟน ไอแพด และไอพอดทัช ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า
ผู้ใช้ควรระวังข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารที่อยู่ในสมาร์ทโฟน และควรเปลี่ยนพาสเวิร์ดของ iTunes หากพบว่า UDID ของเครื่องอยู่ใน 1 ล้าน
หมายเลขทีมีการเปิดเผยบนเน็ต สำหรับการตรวจสอบว่า UDID ของ iPhone, iPad และ iPod Touch ของคุณติดอยู่ใน 1 ล้านเร็คคอร์ด
หรือไม่ สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ LastPass โดยใส่แค่ 4 - 5 ตัวแรกของ UDID เพื่อตรวจสอบ ถ้ามันพบว่า มีข้อมูลเกี่ยวกับ
อุปกรณ์ของคุณ ทางเว็บไซต์จะแสดงรายการเป็นสีแดง สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบว่า UDID ของเครื่องคุณคืออะไร? สามารถหาอ่านได้
จากทิป "UDID รหัส(ไม่)ลับของ iPhone, iPad & iPod Touch"
credit arip.co.th