ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comอื่นๆCafeจุดเปลี่ยน "สื่อออนไลน์" เมื่อเจ้าของโฆษณาเคร่ง &q
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: จุดเปลี่ยน "สื่อออนไลน์" เมื่อเจ้าของโฆษณาเคร่ง &q  (อ่าน 1008 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
dit98
คนรักเสียว
*

พลังน้ำใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 132



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2006, 09:55:58 »

พอดีไปเจอข่าวนี้มาครับ ....เลยเอามาฝาก Smiley
-------------------------------------
หลายปีมานี้ สื่อดั้งเดิมอย่าง โทรทัศน์ วิทยุ และสิ่งพิมพ์ในหลายประเทศต่างก็จ้องมองสื่ออินเทอร์เน็ตด้วยความอิจฉา เนื่องจากผู้คนยุคใหม่ต้องพึ่งพาเน็ตกันมากขึ้น จนทำให้บริษัทโฆษณาเปลี่ยนใจหอบเงินไปให้สื่อไฮเทคชนิดนี้ จนทำให้โฆษณาผ่านเน็ตนั้นขายตัวกว่า 30% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

ทว่านับจากนี้ไป สื่ออินเทอร์เน็ต อาจจะไม่สามารถนั่งนับเงินได้อย่างสบายใจเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว เพราะบรรดานักการตลาดเขาหันมาเอาจริงเอาจังกับ "ผลลัพธ์" ที่ได้จากการโฆษณาผ่านอินเทอร์เน็ตให้สมกับเม็ดเงินมหาศาลที่หว่านลงไป

นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่า บริษัทขนาดใหญ่อย่าง คิมเบอร์ลีย์-คลาร์ก คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ และฟอร์ด มอเตอร์ เริ่มจะเรียกร้องให้บรรดาสื่อออนไลน์ลงทุนจ้างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโฆษณาและนับจำนวนผู้เข้าชมโฆษณาภายในกลางปี 2550 เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการโกงค่าโฆษณาสูงเกินความจริง หรือที่เรียกกันว่า "click fraud"

การที่บริษัทต่างๆ หันมาสนใจปัญหาเรื่อง click fruad ก็เพราะมันทำให้ค่าใช้จ่ายโฆษณาสูงเกินผลลัพธ์ที่ได้ เพราะคนที่คลิกเข้ามาดูโฆษณาอาจจะไม่ใช่ลูกค้าที่สนใจจริงๆ ก็ได้ แต่เกิดจากกลวิธีต่างๆ ที่ทำให้จำนวนคลิกสวยหรู

ทั้งนี้ บริษัทขนาดใหญ่ต้องการจะขยายการรับรู้แบรนด์ผ่านโลกออนไลน์ ด้วยการซื้อโฆษณาในเว็บไซต์ต่างๆ แทนที่จะพึ่งบริการเสิร์ชเอ็นจิ้นเพียงอย่างเดียว

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทออนไลน์อย่าง Google ยาฮู และ ลุคสมาร์ท (LookSmart) ต้องวิ่งไปชี้แจงกับบรรดาลูกค้าถึงระบบการนับจำนวนคลิกของผู้ชมที่เข้าไปชมโฆษณาผ่านเว็บของตัวเอง นอกจากนี้ บริษัทวัดผลออนไลน์บางแห่ง อาทิ นีลเส็น/เน็ตเรตติ้ง ก็เริ่มหันมาทำใบรับรองแบบใหม่ที่จะการันตีการนับจำนวนการคลิก เพื่อผลประโยชน์ของลูกค้ากันแล้ว

นอกเหนือจากบริษัทข้างต้นแล้ว บริษัทใหญ่ๆ อย่าง บีเอ็มดับเบิลยู ฮิวเลตต์-แพคการ์ด ไอเอ็นจี กรุ๊ป วีซ่า และเป๊ปซี่ โค ก็หันมาให้ความสนใจกับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และใบรับรองที่การันตีผลสถิติเช่นกัน

นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า โฆษณาออนไลน์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาตลอดอาจจะถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ หากผู้โฆษณารายใหญ่ๆ หันมาเปลี่ยนนโยบายโฆษณาผ่านอินเทอร์เน็ตกันเช่นนี้

ขณะที่บางรายก็มองเป็นเรื่องธรรมดา เพราะที่ผ่านมาก็เคยมีการพูดถึงการวัดผลจากโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อโทรทัศน์กันมาแล้ว คราวนี้จึงน่าจะถึงเวลาที่จะต้องมาพูดถึงการวัดผลผ่านสื่อออนไลน์กันบ้าง

http://www.matichon.co.th/prac...mar12021149&day=2006/11/02
บันทึกการเข้า
myhometown
สมุนแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 55
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 787



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2006, 10:54:06 »

ขอบคุณครับผม ขยันรับข้อมูลจริง ๆ ขอบคุณที่แบ่งปันครับ Cheesy
บันทึกการเข้า
blogger
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,443



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2006, 11:03:07 »

แต่ผมว่า มันดีกว่าโฆษณาตามป้ายต่างๆนะครับ นอกจากแพงแล้ว(ที่เห็นตามถนนราคาหลายแสนถึงล้านเลย) คนอาจจะไม่สนใจ อาศัยคนเห็นบ่อยๆแล้วติดตา ได้ผลเรื่อง branding เวลาคนจะซื้อสินค้า สินค้าที่ผ่านตาบ่อยๆจะมีโอกาสถูกซื้อมากกว่า

work สุดน่าจะเป็นการโฆษณาแบบ contextual พร้อมมี logo สินค้าด้วย
บันทึกการเข้า

~+@@ ^^ แอบรักน้องผึ้งนะ ^^@@+~

ฟังเพลง
Glitter
ร้อง คาราโอเกะ ออนไลน์
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์