noomkung
หัวหน้าแก๊งเสียว
พลังน้ำใจ: 309
ออฟไลน์
กระทู้: 1,622
|
 |
« ตอบ #140 เมื่อ: 02 กันยายน 2011, 06:49:35 » |
|
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ร่วง 119.96 จุดภาคการผลิตสหรัฐชะลอตัวข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 2 กันยายน 2554 06:25:26 น. ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงดัชนีภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงในเดือนส.ค.และจำนวนคนว่างงานที่ลดลงเล็กน้อยในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบใหม่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 119.96 จุด หรือ 1.03% ปิดที่ 11,493.57 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 14.47 จุด หรือ 1.19% ปิดที่ 1,204.42 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 33.42 จุด หรือ 1.30% ปิดที่ 2,546.04 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 4.3 พันล้านหุ้น โดยมีหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงทันทีที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอและทำให้นักลงทุนวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบใหม่ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ สหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 50.6 จุด ซึ่งลดลงจากเดือนก.ค.ที่ระดับ 50.9 จุด ส่วนประสิทธิภาพการผลิตของสหรัฐปรับตัวลง 0.7% ในไตรมาส 2 ปี ซึ่งเป็นการลดลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2551 และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงเพียง 0.5% นอกเหนือข้อมูลที่อ่อนแอในภาคการผลิตแล้ว ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 27 ส.ค.ลดลงเพียง 12,000 ราย สู่ระดับ 409,000 ราย ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน โดยสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ซึ่งเป็นดัชนีวัดกระแสความวิตกกังวลในตลาด พุ่งขึ้น 0.63% แตะระดับ 31.82 จุด แซม สโตวอลล์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากอิควิตี้ รีเสิร์ช ซึ่งเป็นหน่วยงานของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า การที่ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,120 จุดเป็นเวลาหลายครั้งนั้น อาจทำให้นักลงทุนมองว่าสามารถชดเชยการร่วงลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาได้ ซึ่งมุมมองดังกล่าวได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไร หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหนักสุด โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 3.5% หลังจากมีรายงานว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และเจ้าหน้าที่กำกับดูแลด้านกฏระเบียบธนาคารของนิวยอร์กได้ทำข้อตกลงเพื่อออกกฎเกี่ยวกับการยึดทรัพย์จำนองที่ผิดกฏหมาย ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อโกลด์แมน แซคส์ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มธนาคารร่วงลงด้วย โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 3.2% หุ้นซิตี้กรุ๊ปปรับตัวลง 3.4% หุ้นพีเอ็นซี ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ดิ่งลง 3.2% นักลงทุนจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payrolls) เดือนส.ค.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 75,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งถึง 117,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนส.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 9.1%--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]http://www.ryt9.com/s/iq05/1227210 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
noomkung
หัวหน้าแก๊งเสียว
พลังน้ำใจ: 309
ออฟไลน์
กระทู้: 1,622
|
 |
« ตอบ #141 เมื่อ: 03 กันยายน 2011, 07:10:17 » |
|
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: วิตกตัวเลขจ้างงานสหรัฐฉุดดาวโจนส์ร่วง 253.31 จุดข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 กันยายน 2554 06:40:34 น. ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานหยุดชะงักในเดือนส.ค. โดยไม่มีการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียกับเดือนก.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนักไปทั่วตลาดการเงิน และยังทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบใหม่ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 253.31 จุด หรือ 2.20% ปิดที่ 11,240.26 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 30.45 จุด หรือ 2.53% ปิดที่ 1,173.97 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 65.71 จุด หรือ 2.58% ปิดที่ 2,480.33 จุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรหยุดชะงักในเดือนส.ค. โดยไม่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 75,000 ตำแหน่ง และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือนที่ตัวเลขจ้างงานของสหรัฐไม่มีการขยายตัว ส่วนอัตราว่างงานเดือนส.ค.อยู่ที่ระดับ 9.1% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ค. นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐได้ปรับลดการประเมินตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ค.โดยระบุว่าตัวเลขจ้างงานเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 68,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่ประเมินว่าเพิ่มขึ้น 117,000 ตำแหน่ง สตีเฟน กิลโฟเยิล เทรดเดอร์ในตลาดหุ้นนิวยอร์กกล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า นักลงทุนมีความวิตกกังวลอย่างมากว่า ความอ่อนแอของตลาดแรงงานจะส่งผลกระทบในด้านลบต่อเศรษฐกิจ และตัวเลขจ้างงานล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบใหม่ ขณะที่นักลงทุนบางกลุ่มคาดว่าเศรษฐกิจที่อ่อนแอเช่นนี้อาจจะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ ความตื่นตระหนกที่มีต่อตัวเลขจ้างงานของสหรัฐส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนอย่างหนัก โดยดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ซึ่งเป็นดัชนีวัดกระแสความวิตกกังวลในตลาด พุ่งขึ้น 6.6% สู่ระดับ 33.92% อีกทั้งยังทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลสหรัฐร่วงลงต่ำกว่าระดับ 2% และหุ้นราคาทองพุ่งขึ้นกว่า 47 ดอลลาร์ เนื่องจากความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าไปถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและมีความเสี่ยงน้อยกว่าตลาดหุ้น อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากแอลพีแอล ไฟแนนเชียลกล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนส.ค.ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เนื่องจากกระทรวงแรงงานสหรัฐได้รวบรวมข้อมูลจากการสำรวจครัวเรือนและภาคธุรกิจในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนส.ค. ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงจากระดับ AAA จึงมีความเป็นไปได้ว่าความกังวลในเรื่องดังกล่าวอาจทำให้นายจ้างไม่กล้าที่จะจ้างงานเพิ่มในเดือนส.ค. ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่เพียง 3.8 พันล้านหุ้น ซึ่งต่ำกว่าระดับเฉลี่ยของปี 2554 อยู่ประมาณ 11% เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากได้พากันออกไปอยู่นอกตลาดก่อนที่จะถึงวันหยุดในสหรัฐ หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 8% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เรียกร้องให้แบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินหากภาวะธุรกิจของธนาคารย่ำแย่ลงส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มธนาคารร่วงลงเช่นกัน หลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า สำนักงานบริการการเงินเพื่อที่อยู่อาศัยของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FHFA) เตรียมยื่นฟ้องธนาคารขนาดใหญ่กว่า 10 แห่ง ซึ่งอาจจะรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส, โกลด์แมน แซคส์ ดอยช์ แบงก์ และแบงก์ ออฟ อเมริกา โดย FHFA ระบุว่าธนาคารเหล่านี้บิดเบือนคุณภาพของสัญญาจำนองที่ทางธนาคารนำออกมาขายในช่วงที่เกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ นอกจากนี้ ธนาคารเหล่านี้ไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะของสัญญาจำนองตามที่กฎหมายหลักทรัพย์ระบุไว้ และมองข้ามหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าลูกหนี้จำนองแจ้งยอดรายได้ที่ผิดพลาด หรือสูงเกินจริง ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 4.6% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลงกว่า 5% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก แลหุ้นเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลงกว่า 4% *ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 5 ก.ย.เนื่องในวันแรงงาน--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]http://www.ryt9.com/s/iq05/1228271 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
noomkung
หัวหน้าแก๊งเสียว
พลังน้ำใจ: 309
ออฟไลน์
กระทู้: 1,622
|
 |
« ตอบ #142 เมื่อ: 03 กันยายน 2011, 11:24:55 » |
|
รมว.แรงงานสหรัฐวิตกอนาคตเศรษฐกิจหลังตัวเลขจ้างงานไม่ขยายตัวในเดือนส.ค.ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 กันยายน 2554 10:33:57 น. รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของสหรัฐ และนักเศรษฐศาสตร์ของทำเนียบขาวได้ออกมาแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเศรษฐกิจภายในประเทศ หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขจ้างงานของสหรัฐไม่มีการขยายตัวในเดือนส.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐจะประกาศใช้มาตรการเร่งด่วนเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจในไม่ช้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรหยุดชะงักในเดือนส.ค. โดยไม่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 75,000 - 80,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานเดือนส.ค.ยังคงยืนอยู่ที่ระดับ 9.1% นางฮิลดา โซลิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของสหรัฐ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ของสหรัฐว่า รายงานตัวเลขจ้างงานในเดือนส.ค.ทำให้เธอวิตกกังวลอย่างมากต่ออนาคตของเศรษฐกิจภายในประเทศ และยอมรับว่าสหรัฐกำลังเผชิญกับวิกฤติที่รุนแรงมากในขณะนี้ขณะที่นางแคทเธอรีน อับราฮัม นักเศรษฐศาสตร์ของทำเนียบขาวกล่าวว่า อัตราว่างงานของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับ "สูงเกินกว่าจะยอมรับได้" ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงอีก นางอับราฮัมกล่าวผ่านบทความซึ่งเผยแพร่ในบล็อกของทำเนียบขาวว่า แม้ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 18 เดือน คิดเป็นตัวเลขจ้างงานทั้งสิ้น 2.4 ล้านคนในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ในภาครัฐได้ลดการจ้างงานลงทั้งสิ้น 398,000 ตำแหน่งนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2553 ซึ่งนางอับราฮัมย้ำว่า เศรษฐกิจสหรัฐจำเป็นต้องขยายตัวรวดเร็วกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จึงจะสามารถหนุนตัวเลขจ้างงานให้เพิ่มขึ้นได้ และ คาดว่าในสัปดาห์หน้านี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เสนอให้มีการใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการสร้างงานและหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นเซบาสเตียน มอลลาบี เจ้าหน้าที่จากสภาวิเทศสัมพันธ์ของสหรัฐกล่าวว่า การร่วงลงของราคาบ้านจะส่งผลกระทบต่อดุลบัญชีของธนาคารพาณิชย์ อีกทั้งจะทำให้ภาคครัวเรือนมีความรู้สึกยากจนลง และยังสร้างความเสียหายต่อการอุปโภคบริโภคของภาคครัวเรือนด้วย นอกจากนี้ ครัวเรือนจำนวนมากยังคงต้องจ่ายคืนหนี้นับตั้งแต่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ไฮดี เชอร์โฮล์ซ นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันนโยบายเศรษฐกิจในนครวอชิงตันกล่าวว่า สหรัฐสูญเสียตำแหน่งงานไปมากกว่า 8 ล้านตำแหน่งในช่วงที่เกิดวิกฤติการเงิน อันเป็นผลมาจากภาวะฟองสบู่ในตลาดที่อยู่อาศัยและอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว"ตัวเลขจ้างงานที่ไม่มีการขยายตัวในเดือนส.ค.ถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข และในช่วงก่อนเดือนส.ค.นั้น ตัวเลขจ้างงานในสหรัฐก็เพิ่มขึ้นน้อยเกินกว่าที่จะฉุดอัตราว่างงานให้ปรับตัวลดลงได้ ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดแรงงานซบเซาลงนั้นมาจากภาวะอุปสงค์ชะลอตัว ซึ่งรัฐบาลจะต้องเร่งใช้มาตรการกระตุ้นอุปสงค์และการสร้างงานภายในประเทศ เช่นการนำมาตรการลดหย่อนภาษีกลับมาใช้ใหม่ และเพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน" เชอร์โฮล์ซกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]http://www.ryt9.com/s/iq03/1228439 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
noomkung
หัวหน้าแก๊งเสียว
พลังน้ำใจ: 309
ออฟไลน์
กระทู้: 1,622
|
 |
« ตอบ #144 เมื่อ: 03 กันยายน 2011, 11:29:02 » |
|
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินดอลล์ร่วงจากกระแสคาดเฟดใช้ QE3 กู้วิกฤติศก.ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 กันยายน 2554 08:33:04 น. ค่าเงินดอลลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) หลังจากตัวเลขจ้างงานเดือนส.ค.ไม่มีการขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้สร้างตื่นตระหนกให้กับนักลงทุนในตลาดการเงินว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบใหม่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลง 0.74% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.7894 ฟรังค์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 0.7953 ฟรังค์ และอ่อนตัวลง 0.12% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.810 เยน จากระดับ 76.900 เยน ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.46% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4193 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4258 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.25% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6220 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6180 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.60% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0656 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.55% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8459 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8506 ดอลลาร์สหรัฐ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะประกาศใช้มาตรการ QE3 ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์อ่อนแอลงอีก หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรหยุดชะงักในเดือนส.ค. โดยไม่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 75,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานเดือนส.ค.ยังคงยืนอยู่ที่ระดับ 9.1%สำนักงานการบริหารและงบประมาณ (OMB) ของทำเนียบขาวคาดการณ์ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอัตราการสร้างงานในขณะนี้ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้อัตราว่างงานลดลงมาอยู่ในระดับที่สามารถยอมรับได้ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม OMB คาดว่าอัตราว่างงานของสหรัฐจะลดลงสู่ระดับ 8.3% ในปีหน้า ค่าเงินยูโรร่วงลงหลังจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้แสดงความกังวลว่า กรีซอาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายยอดขาดดุลงบประมาณในปีนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะสร้างความยุ่งยากต่อการเจรจาก่อนการเบิกจ่ายเงินกู้งวดใหม่ตามมาตรการช่วยเหลือวงเงินรวม 1.10 แสนล้านยูโร
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบของอียูและไอเอ็มเอฟซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางเยือนกรุงเอเธนส์ เปิดเผยว่า รัฐบาลกรีซไม่ได้ดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างจริงจัง และคาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณปี 2554 ของกรีซจะอยู่ที่ 8.6% ของจีดีพี เทียบกับเป้าหมายที่ 7.6%--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]http://www.ryt9.com/s/iq03/1228295 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
noomkung
หัวหน้าแก๊งเสียว
พลังน้ำใจ: 309
ออฟไลน์
กระทู้: 1,622
|
 |
« ตอบ #145 เมื่อ: 03 กันยายน 2011, 11:32:09 » |
|
รัฐหลุยเซียนา-มิสซิสซิปปีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินรับมือภัยพิบัติพายุลีข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 กันยายน 2554 11:14:49 น. รัฐหลุยเซียนาและรัฐมิสซิสซิปปีของสหรัฐ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหลังจากพายุโซนร้อน "ลี" เคลื่อนตัวออกจากพื้นที่ทางตอนเหนือของอ่าวเม็กซิโก ซึ่งอิทธิพลของพายุทำให้เกิดลมกรรโชกรุนแรงและมีฝนตกหนัก ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐคาดว่า พายุลีจะเคลื่อนตัวถึงชายฝั่งรัฐหลุยเซียนาในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่นายบ็อบบี จินดัล ผู้ว่าการรัฐหลุยเซียนาได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและเตือนให้ประชาชนเตรียมรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเกรงว่าพายุลีทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในพื้นที่ชายฝั่งของรัฐ "ประสบการณ์ในอดีตสอนให้เราเรียนรู้วิธีการเตรียมพร้อมที่ดีที่สุดเพื่อรับมือกับวิกฤตที่รุนแรง และยังสอนให้เราคาดหวังในสิ่งที่ดีที่สุดด้วย นับตั้งแต่ย่างเข้าสู่ฤดูพายุเฮอริเคนในปีนี้ ประชาชนในรัฐหลุยเซียนาก็ตื่นตัวในการป้องกันตัวเองและครอบครัว เพื่อรับมือกับพายุลูกใหญ่ที่จะเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งของเรา" นายจินดัลกล่าว ด้านนายฮาลีย์ บาร์เบอร์ ผู้ว่าการรัฐมิสซิสซิปปีก็ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 7 เขตที่ตั้งอยู่ชายฝั่งของรัฐ ซึ่งรวมถึงเขตจอร์จ เขตแฮนค็อค เขตแฮร์ริสัน และเขตสโตน และยังเตือนให้ประชาชนเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับภาวะน้ำท่วมหนัก โดยนายบาร์เบอร์กล่าวว่า แม้พายุลียังไม่ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นเฮอริเคน แต่รัฐมิสซิสซิปปีจะไม่ประมาทต่อผลกระทบรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของสำนักงานจัดการด้านพลังงานในมหาสมุทรของสหรัฐว่า อิทธิพลของพายุลีส่งผลให้บริษัทพลังงานหลายแห่งต้องอพยพคนออกจากฐานการผลิตและแท่นขุดเจาะในภูมิภาคดังกล่าว ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกลดลงเกือบครึ่งหนึง และยังทำให้การผลิตก๊าซธรรมชาติลดลง 1 ใน 3--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]http://www.ryt9.com/s/iq01/1228450 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
noomkung
หัวหน้าแก๊งเสียว
พลังน้ำใจ: 309
ออฟไลน์
กระทู้: 1,622
|
 |
« ตอบ #146 เมื่อ: 03 กันยายน 2011, 11:37:21 » |
|
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงขายหุ้นแบงก์ฉุดฟุตซี่ร่วง 126.62 จุดข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 3 กันยายน 2554 09:02:10 น. ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มธนาคารหลังจากมีรายงานว่าธนาคารในยุโรปอาจขาดแคลนเงินทุนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขจ้างงานเดือนส.ค.ไม่มีการขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง ดัชนี FTSE 100 ดิ่งลง 126.62 จุด หรือ 2.3% ปิดที่ระดับ 5,292.03 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.เป็นต้นมา ตลาดหุ้นลอนดอนผันผวนอย่างหนักหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรหยุดชะงักในเดือนส.ค. โดยไม่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 75,000 ตำแหน่ง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความหวั่นวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบใหม่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประมาณการว่าธนาคารในยุโรปอาจเผชิญกับภาวะขาดแคลนเงินทุนราว 2 แสนล้าน ยูโร (2.87 แสนล้านดอลลาร์) อย่างไรก็ตาม ไฟแนนเชียล ไทม์ส ระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวอยู่ในร่างรายงานของไอเอ็มเอฟ ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารยังร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า ต้นทุนการประกันการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรประเภท Credit-default swaps (CDS) ของรัฐบาลใน 15 ประเทศของยุโรป พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขจ้างงานเดือนส.ค.ไม่มีการขยายตัว ทั้งนี้ หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สร่วงลง 8.4% หุ้นธนาคารลอยด์ แบงกิง กรุ๊ป ดิ่งลง 7.1% และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ร่วงลง 5.4% ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงหลังจากราคาโลหะพื้นฐานในตลาดลอนดอนร่วงลง โดยหุ้นคาซัคมิสร่วงลง 3.4% หุ้นเอ็กสตราต้าดิ่งลง 3.2% และหุ้นริโอทินโตปรับตัวลง 2.5% ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันในตลาด NYMEX และจากข่าวที่ว่าบริษัทน้ำมันหลายแห่งได้อพยพคนงานออกจากฐานการผลิตและแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก หลังจากพายุโซนร้อน "ลี" ได้ทวีความรุนแรงขึ้น โดยหุ้นบีพีร่วงลง 3.6% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ดิ่งลง 1.9%อย่างไรก็ตาม หุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองทองคำรายใหญ่ของยุโรป พุ่งขึ้น 4.3% เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาทองคำในตลาดนิวยอร์ก เนื่องจากข้อมูลจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]http://www.ryt9.com/s/iq05/1228419 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
noomkung
หัวหน้าแก๊งเสียว
พลังน้ำใจ: 309
ออฟไลน์
กระทู้: 1,622
|
 |
« ตอบ #147 เมื่อ: 05 กันยายน 2011, 07:33:51 » |
|
นักวิเคราะห์คาดภาคบริการสหรัฐชะลอตัวลงอีกในเดือนส.ค.หลังเศรษฐกิจซบเซาข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 5 กันยายน 2554 07:16:04 น. นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐจะชะลอตัวลงอีกในเดือนส.ค. เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.ในวันอังคารที่ 6 ก.ย. โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี ISM ภาคการผลิตจะขยายตัวที่ระดับ 51 จุด ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2553 จากระดับ 52.7 จุดของเดือนก.ค.เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา สถาบัน ISM เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนก.ค.ของสหรัฐขยายที่ระดับ 52.7 จุด ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนมิ.ย.ที่ขยายตัว 53.3 จุด และน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัว 53.6 จุด นอกจากนี้ ดัชนีภาคบริการเดือนก.ค.ยังทำสถิติชะลอตัวติดต่อกันยาวนานถึง 20 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปอย่างเชื่องช้า เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส โดยในไตรมาสแรกปีนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 1.9% ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาส 4 ปีที่แล้วที่ระดับ 3.1% ส่วนจีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 1% ซึ่งอัตราการขยายตัวที่เชื่องช้านี้ยังไม่สามารถทำให้อัตราว่างงานลดลงได้ --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]http://www.ryt9.com/s/iq03/1228967 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
noomkung
หัวหน้าแก๊งเสียว
พลังน้ำใจ: 309
ออฟไลน์
กระทู้: 1,622
|
 |
« ตอบ #148 เมื่อ: 06 กันยายน 2011, 13:14:44 » |
|
สหภาพการค้าอิตาลีเตรียมประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดรัฐบาลวันนี้ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 6 กันยายน 2554 12:56:28 น. สมาชิกสหภาพการค้าของอิตาลีจำนวนหลายล้านคนเตรียมชุมนุมประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดล่าสุดของรัฐบาลอีกครั้งในวันนี้ ในขณะที่ CGIL ซึ่งเป็นสมาพันธ์สหภาพที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ได้เรียกร้องให้มีการดำเนินการกับผู้เลี่ยงภาษีและคุ้มครองการจ้างงาน การประท้วงดังกล่าวส่งผลให้เที่ยวบินหลายเที่ยวได้ถูกยกเลิก ส่วนรถไฟและรถโดยสารก็จะหยุดให้บริการ ขณะที่สถานที่ราชการส่วนใหญ่จะปิดทำการCGIL ซึ่งเรียกร้องให้มีการจัดการประท้วงในครั้งนี้ ระบุว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องประท้วงนายจ้าง ในเมื่อตำแหน่งงานของทุกคนก็ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงเหมือนกัน ทั้งนี้ รัฐบาลผสมของอิตาลีภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี กำลังถูกบีบจากประเทศอื่นๆในยูโรโซนให้ต้องลดงบใช้จ่ายของรัฐบาลและขึ้นภาษีบางส่วน รัฐสภาอิตาลีเตรียมลงมติรับรองแผนการรัดเข็มขัดเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมายในสัปดาห์นี้ ซึ่งแผนการดังกล่าวได้ผ่านการแก้ไขอย่างเร่งรีบในช่วงเดือนส.ค.ตามข้อเรียกร้องของธนาคารกลางยุโรป --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: [email protected]http://www.ryt9.com/s/iq03/1230426  
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ifyouthinkyoucanyoucan
Newbie
พลังน้ำใจ: 4
ออฟไลน์
กระทู้: 18
|
 |
« ตอบ #149 เมื่อ: 06 กันยายน 2011, 13:20:55 » |
|
ยุ่งล่ะ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
noomkung
หัวหน้าแก๊งเสียว
พลังน้ำใจ: 309
ออฟไลน์
กระทู้: 1,622
|
 |
« ตอบ #150 เมื่อ: 07 กันยายน 2011, 08:26:33 » |
|
HSBC ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจโลกปีนี้เหลือ 2.6%ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 7 กันยายน 2554 07:52:11 น. เอชเอสบีซี โฮลดิงส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 2.6% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3% และยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าลงสู่ระดับ 2.8% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3.4% โดยคาดว่าประสิทธิภาพในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะส่งผลในด้านบวกแค่ในกรอบจำกัดเท่านั้น เอชเอสบีซีระบุว่า แม้เศรษฐกิจโลกยังสามารถขยายตัวต่อไปได้ แต่ก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ขณะที่เศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่นั้น แม้มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงด้วย แต่ก็ยังคงได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนและอินเดียนอกจากนี้ เอชเอสบีซีคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจจะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และคาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปจนถึงปี 2555 --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]http://www.ryt9.com/s/iq03/1230868 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
noomkung
หัวหน้าแก๊งเสียว
พลังน้ำใจ: 309
ออฟไลน์
กระทู้: 1,622
|
 |
« ตอบ #152 เมื่อ: 07 กันยายน 2011, 10:36:03 » |
|
คะแนนนิยมโอบามาร่วงสู่จุดต่ำสุด ก่อนแถลงแผนการสร้างงานพรุ่งนี้ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 7 กันยายน 2554 09:50:26 น. คะแนนนิยมของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในผลสำรวจคะแนนนิยมครั้งใหม่ ก่อนที่ผู้นำสหรัฐจะกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญเรื่องการจ้างงานต่อสภาคองเกรสในวันพฤหัสบดีนี้ ผลสำรวจจากวอลล์สตรีท เจอร์นัล/เอ็นบีซีระบุว่า คะแนนนิยมของโอบามาร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยผลสำรวจเผยว่า คะแนนนิยมของโอบามาอยู่ในระดับต่ำที่ 44% ซึ่งลดลง 3 จุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. โดยคะแนนสนับสนุนการรับมือด้านเศรษฐกิจของเขาอยู่ในระดับต่ำที่ 37% และมีเพียง 19% ที่คิดว่าสหรัฐกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือเป็นระดับต่ำสุดในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโอบามานอกจากนี้ ผลสำรวจจากโพสต์-เอบีซี นิวส์ยังบ่งชี้ถึงมุมมองในแง่ลบเกี่ยวกับทิศทางของประเทศในลักษณะเดียวกัน โดยกว่า 60% ของผู้ที่ทำการสำรวจระบุว่า พวกเขาไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่โอบามาใช้รับมือกับภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ด้านแรงงานที่หยุดชะงัก และขณะนี้มีเพียง 43% ที่เห็นด้วยกับการทำงานของเขาโดยรวม ส่วนผลสำรวจฉบับใหม่ระบุว่า 53% ไม่เห็นด้วยกับผลการทำงานของโอบามา ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูงสุดระดับใหม่สำหรับจำนวนผู้ไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ โอบามากำลังเผชิญความยากลำบากกับปัญหาเฉพาะหน้าทางเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการสิ้นสุดข้อพิพาทเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้และการลดอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐ รวมถึงการขยายตัวด้านการจ้างงานที่เป็นศูนย์ในเดือนส.ค. โดยโอบามากำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมตัวเพื่อกล่าวสุนทรพจน์วันพฤหัสบดีนี้ในการประชุมร่วมกับสภาคองเกรส ซึ่งเขาจะเปิดเผยข้อเสนอฉบับใหม่ว่าด้วยการสร้างงาน สำนักข่าวซินหัวรายงาน --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]http://www.ryt9.com/s/iq02/1231100  CNN คาด โอบามา ประกาศมาตรการสร้างงานมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์พรุ่งนี้ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 7 กันยายน 2554 10:07:53 น. สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นคาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ จะประกาศมาตรการสร้างงานมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ในระหว่างการแถลงมาตรการต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในวันพรุ่งนี้ โดยคาดว่า มาตรการดังกล่าวจะครอบคลุมถึงการลดหย่อนภาษีสำหรับปี 2555 เพื่อกระตุ้นการจ้างงานและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: [email protected]http://www.ryt9.com/s/iq03/1231110 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
noomkung
หัวหน้าแก๊งเสียว
พลังน้ำใจ: 309
ออฟไลน์
กระทู้: 1,622
|
 |
« ตอบ #153 เมื่อ: 07 กันยายน 2011, 22:53:43 » |
|
รมว.คลังกรีซลั่นเร่งลดงบรายจ่าย-เดินหน้าแปรรูปรัฐวิสาหกิจข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 7 กันยายน 2554 17:47:43 น. นายเอแวนเจลอส เวนีเซลอส รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกรีซให้คำมั่นว่า จะเร่งดำเนินการปฏิรูปด้านต่างๆ เพื่อลดการใช้จ่ายภาคสาธารณะ และจะเริ่มดำเนินแผนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในทันที รมว.คลังกรีซกล่าวด้วยว่า จะมีการโอนสินทรัพย์ของรัฐบาลส่วนหนึ่งเข้ากองทุนพิเศษในวันนี้ ก่อนที่จะนำออกขายในภายหลัง โดยการแปรรูปรัฐวิสาหกิจครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะระดมทุนให้ได้ 5 พันล้านยูโร หรือ 7 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ทั้งนี้ กรีซอยู่ในระหว่างการลดงบประมาณรายจ่ายลง เพื่อที่จะลดหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาลของประเทศ --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: [email protected]http://www.ryt9.com/s/iq03/1231511 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
noomkung
หัวหน้าแก๊งเสียว
พลังน้ำใจ: 309
ออฟไลน์
กระทู้: 1,622
|
 |
« ตอบ #154 เมื่อ: 08 กันยายน 2011, 05:41:40 » |
|
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นวันนี้ ขณะตลาดจับรายงานเฟด-สถานการณ์ยุโรปข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 7 กันยายน 2554 14:46:41 น. ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้ดีดตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงไป 3 วันก่อนหน้านี้ ขณะที่ตลาดจับตาการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ของธนาคารกลางสหรัฐในวันนี้ รวมทั้งสถานการณ์ของประเทศที่ประสบปัญหาหนี้ในยุโรป และการแถลงแผนการกระตุ้นการจ้างงานต่อสภาคองเกรสโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในวันพรุ่งนี้ดัชนี Stoxx 600 บวก 1.8% แตะ 225.97 จุด เมื่อเวลา 8.10 น.ตามเวลาท้องถิ่นในลอนดอน หุ้น Cie. Financiere Richemont SA พุ่ง 5% หลังจากที่บริษัทได้เปิดเผยรายได้ที่สูงกว่าการคาดการณ์ ส่วนหุ้น Scor SE บริษัทประกันภัยต่อของฝรั่งเศส บวก 2.3% --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]http://www.ryt9.com/s/iq05/1231319 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
noomkung
หัวหน้าแก๊งเสียว
พลังน้ำใจ: 309
ออฟไลน์
กระทู้: 1,622
|
 |
« ตอบ #155 เมื่อ: 08 กันยายน 2011, 07:42:38 » |
|
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: คลายวิตกหนี้ยุโรปหนุนดาวโจนส์ปิดพุ่ง 275.56 จุดข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 8 กันยายน 2554 06:33:42 น. ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) ขานรับข่าวที่ว่าศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนีมีคำสั่งยกฟ้องรัฐบาลเยอรมนีในข้อหาจ่ายเงินสมทบมาตรการช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศต่างๆในยูโรโซน ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าการที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่ขัดขวางการจ่ายเงินสมทบของรัฐบาลเยอรมนี จะช่วยเปิดทางให้เยอรมนีมีส่วนในการช่วยกู้วิกฤหนี้ยุโรปได้มากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่าเศรษฐกิจภายในประเทศยังคงมีการขยายตัวปานกลาง ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่จะแถลงนโยบายการสร้างงานต่อสภาคองเกรสในช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 275.56 จุด หรือ 2.47% ปิดที่ 11,414.86 จุด S&P 500 ดีดขึ้น 33.38 จุด หรือ 2.86% ปิดที่ 1,198.62 จุด ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 75.11 จุด หรือ 3.04% ปิดที่ 2,548.94 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.9 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 9 ต่อ 1 ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนีซึ่งอยู่ในเมืองคาร์ลส์รูเฮอ ประกาศยกฟ้องคดีที่รัฐบาลเยอรมนีถูกฟ้องกรณีจ่ายเงินสมทบมาตรการช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซและประเทศอื่นๆในยูโรโซน นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังเห็นชอบที่จะไม่ขัดขวางการจ่ายเงินสมทบของรัฐบาลด้วย ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นเยอรมนีจะสามารถให้ความช่วยประเทศยูโรโซนที่กำลังประสบปัญหาหนี้ได้มากขึ้นอย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีมีคำสั่งในต้องท้ายว่า รัฐสภาต้องมีสิทธิมีเสียงมากขึ้นในการให้ความช่วยเหลือในอนาคต และรัฐบาลเยอรมนีจะต้องขอความเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการงบประมาณของรัฐสภาก่อนที่จะให้ความช่วยเหลือดังกล่าว ซึ่งข้อกำหนดอาจจะทำให้ความพยายามในการจัดการกับวิกฤติหนี้ยุโรปต้องล่าช้าออกไป นักลงทุนจับตาดูสภาผู้แทนราษฎรของเยอรมนีซึ่งมีกำหนดจะลงมติเกี่ยวกับการอนุมัติให้มีการเพิ่มขนาดและขอบเขตการทำงาน ของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงิน (EFSF) ในวันที่ 29 ก.ย.นี้ ซึ่งรวมถึงการอนุญาตให้ EFSF เข้าซื้อพันธบัตรของประเทศยูโรโซนที่มีภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของ (เฟด) ที่ระบุว่า เศรษฐกิจยังคงมีการขยายตัวปานกลางเนื่องจากผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น แม้เศรษฐกิจในบางภูมิภาคยังคงชะลอตัวก็ตาม สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนจับตาดูการแถลงนโยบายสร้างงานของโอบามาซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทย โดยสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นคาดว่าโอบามาจะประกาศมาตรการสร้างงานมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งครอบคลุมถึงการลดหย่อนภาษีเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับภาคธุรกิจ การลงทุนด้านสาธารณูปโภค การให้ความช่วยเหลือพิเศษแก่พนักงานที่ถูกยกเลิกสัญญาจ้างงาน และเดินหน้าผ่อนปรนภาษีให้กับพนักงานในกลุ่มชนชั้นกลาง โดยมาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการจ้างงานและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหุ้นยาฮูพุ่งขึ้น 5% หลังจากคณะกรรมการบริหารของยาฮู อิงค์ ประกาศปลดนางแครอล บาร์ตซ์ ซีอีโอ 62 ปี และแต่งตั้งนายทิโมธี มอร์ส ประธานบริหารฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ปฏิบัติหน้าที่แทนในระหว่างการสรรหาซีอีโอคนใหม่ เนื่องจากนางบาร์ตซ์ไม่สามารถทำให้ยาฮูเติบโตได้ และยังเกิดข้อขัดแย้งกับอาลีบาบา กรุ๊ป ซึ่งเป็นหุ้นส่วนสำคัญของยาฮูในประเทศจีนด้วย หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 7% หลังจากมีข่าวว่าธนาคารกำลังพิจารณาให้ผู้บริหารระดับสูง 2 คนออกจากตำแหน่ง ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มการเงินนั้น หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้นกว่า 3% นักลงทุนจับตาดูการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ค. และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ค.--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]http://www.ryt9.com/s/iq05/1231683 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
inwodin
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #156 เมื่อ: 08 กันยายน 2011, 08:44:23 » |
|
โลกเฝ้าจับตา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
mamee
ก๊วนเสียว
พลังน้ำใจ: 28
ออฟไลน์
กระทู้: 284
|
 |
« ตอบ #157 เมื่อ: 08 กันยายน 2011, 09:16:15 » |
|
ช่วงนี้ข่าวเศรษฐกิจ น่าจับตาทีเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
noomkung
หัวหน้าแก๊งเสียว
พลังน้ำใจ: 309
ออฟไลน์
กระทู้: 1,622
|
 |
« ตอบ #158 เมื่อ: 08 กันยายน 2011, 19:01:41 » |
|
FED ออกรายงาน Beige Book ชี้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวปานกลางในหลายเขตข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 8 กันยายน 2554 08:05:06 น. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขตในสหรัฐ ครั้งล่าสุดเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) โดยระบุว่า เศรษฐกิจในเขตต่างๆ รวมถึงเซนต์หลุยส์ มินเนอาโพลิส แคสซัส ซิตี้ ดัลลัส และซานฟรานซิสโก มีการขยายตัวปานกลางเพราะได้แรงหนุนจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่สูงขึ้น แต่เศรษฐกิจในเขตอื่นๆ รวมถึงนิวยอร์ก ยังคงซบเซาลงรายงานของเฟดระบุว่า ภาวะผันผวนของตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาและความไม่แน่นอนของทิศทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้เฟดในหลายเขตต้องปรับลดการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและวิตกกังลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะกลางมากขึ้น ทั้งนี้ แม้ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นในเกือบจะทุกเขต แต่เฟดระบุว่า ยอดค้าปลีกสินค้านอกกลุ่มยานยนต์ยังคงชะลอตัวลงในหลายเขต และสภาวะในอุตสาหกรมการผลิตยังคงผันผวนทั่วประเทศ ส่วนตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยและเพื่อการพาณิชย์ยังคงซบเซาเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางเขตที่รายงานว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มกระเตื้องขึ้น ขณะที่สภาวะในตลาดแรงงานยังคงทรงตัว แต่มีบางเขตรายงานว่าการจ้างงานขยายตัวปานกลาง นอกจากนี้รายงานของเฟดระบุว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อในเขตส่วนใหญ่เริ่มลดน้อยลง แต่ก็มีบางเขตที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น อันเนื่องมาจากการพุ่งขึ้นของต้นทุนราคาสินค้าที่ใช้ในการผลิต สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รายงาน Beige Book ครั้งล่าสุดเกิดจากการรวบรวมข้อมูลสภาวะเศรษฐกิจของเฟดทั้ง 12 สาขาในระหว่างกลางเดือนก.ค.จนถึงวันที่ 26 ส.ค. ทั้งนี้ Beige Book เป็นรายงานที่จัดเตรียมไว้เพื่อช่วยประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดในการประชุมครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ โดยเฟดจะเปิดเผยรายงาน Beige Book ปีละ 8 ครั้ง--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]http://www.ryt9.com/s/iq03/1231752 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
up2order
สมุนแก๊งเสียว
พลังน้ำใจ: 28
ออฟไลน์
กระทู้: 550
|
 |
« ตอบ #159 เมื่อ: 08 กันยายน 2011, 19:01:58 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 ขึ้นบน |
|