ไปรษณีย์ไทยเปิดแผนปี 51 ลงทุนไม่สูงเน้นขยายบริการแบบต่อยอดธุรกิจ โฟกัสหาลูกค้าองค์กร กลุ่มธุรกิจ รับหน้าที่เป็นแมสเซนเจอร์ส่งผลิตภัณฑ์ตั้งแต่เล็กไปถึงใหญ่ถึงมือลูกค้า หากอยากได้แสตมป์โลโก้พิเศษ ก็พร้อมจัดให้ หวังเป็นบริการคู่ประชาชน วางเป้ารายได้ 15,947 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 1,429 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 6% จากปี 50
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 2551ไปรษณีย์ไทยจะขยายบริการและต่อยอดธุรกิจใหม่ๆจากธุรกิจรับส่งจดหมาย พัสดุภัณฑ์เข้าสู่ตลาด เช่น จัดทำแสตมป์ส่วนตัว (Personalize Stamp) ด้วยการนำโลโก้ของบริษัทต่างๆ มาทำแสตมป์เพื่อใช้ปิดซองจดหมายและนำส่งได้จริง บริการจัดส่งไปรษณีย์ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 20 -200 กิโลกรัม หรือ โลจิสติกส์ โพสต์ ซึ่งเป็นการนำส่งแบบจุดต่อจุด อาทิ รถจักยานยนต์ ตู้เย็น เครืองซักผ้า โทรทัศน์ จักรเย็บผ้า จากเดิมให้บริการได้ไม่เกินน้ำหนัก50 กิโลกรัม
ทั้งนี้บริการโลจิสติกส์ โพสต์ไปรษณีย์ ได้เปิดให้บริการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ปัจจุบันทำรายได้ให้ไปรษณีย์แล้วในขณะนี้ 66 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้ทั่วไป ซึ่งปีหน้าจะเน้นเจาะตลาดองค์กรและบริษัทต่างๆ มากขึ้นในการรองรับขนสิ่งสินค้า เพื่อให้มีรายได้คงที่ พร้อมทั้งลงทุนซื้อรถจัดส่งในบริการดังกล่าวโดยเฉพาะ และขยายการจัดส่งจากเดิมแบบจุดต่อจุด(ที่ทำการไปรษณีย์ต่อที่ทำการไปรษณีย์) สู่การส่งตรงถึงบ้าน และจะสร้างการรับรู้ไปยังประชาชนในแนวคิด “คิดส่งของใหญ่ คิดถึงไปรษณีย์”
นอกจากนี้ไม่เพียงแต่การให้บริการในพื้นที่ส่วนในประเทศแล้ว ปณท จะขยายตลาดการส่งพัสดุภัณฑ์ขนาดใหญ่ไปยังต่างประเทศ และขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับผู้ให้บริการจัดส่งไปรษณีย์ในต่างประเทศด้วย เพื่อขยายตลาดของไปรษณีย์ไทย
ขณะที่บริการ Messenger Post (เมสเซนเจอร์ โพสต์)ไปรษณีย์ จะมุ่งเน้นการให้บริการกับกลุ่มลูกค้าองค์กรมากขึ้น อาทิ กลุ่มธุรกิจการเงินการธนาคาร และธุรกิจโฆษณา เพื่อให้มีรายได้ที่คงที่ ปัจจุบันหลังเปิดบริการมา 3 เดือน บริการดังกล่าวยังไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก นอกจากนี้ปีหน้ายังมีโครงการเปิดให้บริการซุปเปอร์อีเอ็มเอส หรือ บริการส่งด่วนที่ผู้ส่งสามารถเลือกเวลาถึงได้ เช่น 08.00 น. ของวันรุ่งขึ้น โดยไปรษณีย์จะจ้างเอ้าท์ซอร์สการจัดส่งจากที่ทำการไปรษณีย์ถึงบ้านผู้รับอีกที
สำหรับผลประกอบการปีนี้ ไปรษณีย์ไทยมีรายได้จากการให้บริการทั้งหมด 15,083 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจสื่อสาร 75 % ธุรกิจขนส่ง 9% การเงิน 8% ค้าปลีก 7% และอื่นๆ 2% มีกำไรสุทธิ 1,241 ล้านบาท
สำหรับรายได้ปี 2551 เชื่อว่าจะมีรายได้ทั้งสิ้น 15,947 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2550 คิดเป็น 6% และมีกำไรสุทธิ 1,429 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจสื่อสาร 11,880 ล้านบาท ค้าปลีก 1,265 ล้านบาท การเงิน 1,130 ล้านบาท และธุรกิจอื่นๆ 192 ล้านบาท โดยรายได้ในส่วนของธุรกิจขนส่งปรับลดลง 2% จาก 1,282 ล้านบาท ลดลงเหลือ 1,263 ล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เศรษฐกิจและการลงทุนเพิ่ม
http://www.manager.co.th/Cyber...News.aspx?NewsID=9500000144551 
---------------------------
ผมว่าแค่ส่งของถึงมือผู้รับ ไม่ตกหลุ่น ก็ดีแล้ว
