ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

ThaiSEOBoard.comอื่นๆCafeคนไทยยังเมินซื้อขายออนไลน์ ไอซีทีจัดทำแผนกระตุ้นใช้งาน
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: คนไทยยังเมินซื้อขายออนไลน์ ไอซีทีจัดทำแผนกระตุ้นใช้งาน  (อ่าน 1074 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
CyberNet
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 30
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,159



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2007, 13:38:03 »

     ไอซีที เร่งสร้างการใช้ธุรกรรมออนไลน์ พบปัญหาประชาชนขาดความเชื่อมั่น ระบบไม่ปลอดภัยหลังออกสำรวจประชาชน ผู้ใช้ กลุ่มธุรกิจ พบมูลค่าตัวเลขอยู่ในระดับแสนล้าน เตรียมจัดทำนโยบายและแผนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย ขณะที่คนแวดวงไอซีทีกลับเป็นห่วงรัฐที่ลงทุนสร้างระบบอิเล็กทรอนิกส์บริการประชาชนมหาศาล แต่กลับไม่ตอบสนอง ทุกวันนี้ทำผ่านออนไลน์ยังต้องวิ่งไปหน่วยงานรัฐเองอีกรอบ ขนาดรณรงค์ให้ประหยัดน้ำมัน ลดใช้กระดาษ
       
       นายพงษ์ชัย นิลาศ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง คณะผู้จัดทำโครงการนโยบายและแผนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที)  เปิดเผยว่า  ขณะนี้การใช้ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยได้เริ่มขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งภาคส่วนประชาชน และ ภาคผู้ประกอบการทางธุรกิจ  จากผลการขยายตัวการใช้งานอินเทอร์เน็ตและการขยายตัวของบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง(บรอดแบนด์) แต่หากมองด้านการเติบโตการใช้งานของกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นระดับประชาชนทั่วไปยังมีระดับสัดส่วนที่ไม่เติบโต เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศในแถบภูมิภาคนี้  โดยเป็นผลมาจากด้านความไม่เชื่อมั่นด้านระบบความปลอดภัย และ มีพฤติกรรมคุ้นเคยกับการเลือกซื้อด้วยตนเอง
       
       ในขณะที่ด้านการใช้งานกลุ่มภาคธุรกิจ อยู่ในระดับที่เติบโต มีการลงทุนและมีการซื้อขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ตมากขึ้น  อีกทั้งยังมีพัฒนาบริการด้วยการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์ เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือการแข่งขันมากขึ้น และ ยังนำมาช่วยลดต้นทุนทางการแข่งขัน การดำเนินธุรกิจ  ในลักษณะการทำงานที่บ้าน การทำงานนอกสถานที่โดยเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายแทน
       
       “มูลค่าการซื้อขายที่เกิดจากผลการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ขณะนี้มีตัวเลขอยู่ในระดับแสนล้าน ซึ่งรวมถึงการซื้อขายในส่วนงานภาครัฐ การทำอี-อ็อคชั่น การทำธุรกรรมรูปธุรกิจกับธุรกิจ(B2B) ผู้ซื้อทั่วไปกับผู้ขาย(B2C) ซึ่งส่วนภาครัฐ กับ บีทูบี สูงที่สุด”
       
       ทั้งนี้ผลการสำรวจสถานภาพ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ในประเทศไทย ปี 49 ของเนคเทค มีผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนถึง 22,039 ราย มากที่สุดคือ B2C ซึ่งมีสัดส่วนถึง 75 เปอร์เซ็นต์ และมีมูลค่าพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์จำนวน 11,392 ล้านบาท รองลงมาเป็น B2B มีสัดส่วนที่ 20 เปอร์เซ็นต์ และมีมูลค่าพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์จำนวน 66,095 ล้านบาท
       
       ขณะที่ระบบการชำระเงิน ปี 49 ของธนาคารแห่งประเทศไทย ยังได้ระบุว่า มีผู้ใช้บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ต จำนวน 2,139,325 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 48 ถึง 16 เปอร์เซ็นต์ และมีมูลค่า การใช้บริการเป็นจำนวน 3.58 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 48 ถึง 32 เปอร์เซ็นต์ และรายงาน ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังระบุว่า ปี 49 มีผู้ใช้ อินเทอร์เน็ตทั้งหมด ในประเทศไทย เป็นจำนวน 8,500,000 คน และจะมี การเติบโตเป็น 10,500,000 คน ภายในปี 51 ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ และเป็นโอกาสที่ดี
       
       สำหรับปัจจัยที่เป็นปัญหาที่ส่งผลให้การเติบโตของการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในกลุ่มผู้ใช้นั้น มีปัจจัย ดังนี้ 1. การขาดความน่าเชื่อและความปลอดภัยของระบบเซอร์วิสของผู้ให้บริการ ที่ผู้ซื้อยังไม่มีความมั่นใจต่อการทำธุรกรรม  โดยเกรงถึงปัญหาด้านการรับส่งไม่ถึงตัวผู้สั่งซื้อ หรือ ชำระเงินแล้วไม่ได้รับสินค้า 2. การไม่สามารถจับต้องตัวสินค้าบริการได้ โดยผู้รับมีความเป็นห่วงต่อการรับสินค้าไม่ตรงตามต้องการ หรือ ไม่เห็นถึงคุณสมบัติด้วยสายตา จึงทำให้ไม่สามารถประเมินเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจได้เมื่อเทียบกับการซื้อขายด้วยตนเอง  โดยยังคงยึดติดกับการเลือกซื้อขายด้วยตนเอง หรือ ยังมีพฤติกรรมที่ยังไม่เคยชินต่อการเลือกซื้อผ่านระบบออนไลน์
       
       นายพงษ์ชัย กล่าวว่า  แนวทางแก้ไขปัญหาเพื่อสร้างให้ประชาชนไทยได้เกิดการใช้ แผนที่กระทรวงไอซีทีดำเนินการจัดทำแผนฯ  สิ่งที่จะเริ่มใช้ คือการสร้างความรู้ความเข้าใจต่อการใช้งานทางธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ว่าจะมีข้อแตกต่างและมีประโยชน์อย่างไร  กับการซื้อขายแบบปกติ  ทั้งด้านความสะดวก การลดต้นทุน    พร้อมกับสร้างกลไกความน่าเชื่อในด้านกฎหมาย ที่เข้ามารองรับ  ที่ขณะนี้ก็ได้มีกฎหมายเข้ามาช่วยคุ้มครองเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ ในลักษณะของการปรับตัว และเตรียมพร้อมต่อวัฒนธรรมทางเทคโนโลยีในเรื่องการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์  ขณะเดียวกันจะต้องพัฒนาด้านโครงข่ายให้เข้าถึงมากขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงและใช้งานได้อย่างสะดวก
       
       ในด้านผู้ประกอบการจะให้ข้อมูลและให้คำปรึกษา กับการนำระบบไอทีมาประยุกต์ช่วยสนับสนุนการแข่งขันทางธุรกิจมากขึ้น เพื่อให้การให้บริการผ่านระบบออนไลน์มีความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคมากขึ้น  อีกทั้งยังเป็นการนำมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างโอกาสด้านช่องทางการแข่งขันและกระบวนการทำงานให้เกิดความคล่องตัวทางธุรกิจ
       
       ทั้งนี้การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นแนวทางที่สำคัญส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาศักยภาพและช่องทางการแข่งขันของประเทศ จึงทำให้กระทรวงไอซีทีจัดทำ “โครงการจัดทำนโยบายและแผนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย” โดยกระทรวงไอซีทีได้ทำการสำรวจทั้งส่วนประชาชน องค์กรธุรกิจ ผู้ให้บริการออนไลน์ หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง แสดงความคิดเห็นต่อการจัดทำนโยบายและแผน ในครั้งนี้
       
       ตัวแทนจากภาคอุตสาหกรรมไอซีที กล่าวว่า  ด้านผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่นั้นมีความรู้ความเข้าใจดีพอกับการนำเรื่องไอทีมาใช้พัฒนาทางธุรกิจ  โดยปัญหาไม่ใช่จากทางภาคเอกชนแต่เป็นปัญหาทางฝั่งรัฐและหน่วยงานราชการเองมากกว่า  โดยเห็นว่า หน่วยงานรัฐเองไม่มีความพร้อม ซึ่งเห็นได้จากระบบการให้บริการประชาชน อีกอฟเวอร์เมนต์ ผ่านระบบออนไลน์ ที่ขณะนี้ระบบดังกล่าวไม่มีความสำเร็จ หรือ ใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบเมื่อเทียบกับของภาคธุรกิจ ทั้งที่มีการลงทุนไปจำนวนมหาศาล  ที่รัฐสนับสนุนให้ประชาชนใช้งานผ่านออนไลน์ แต่สุดท้าย ประชาชนยังต้องเดินทางเข้ามายื่นเอกสาร หรือ รับด้วยตนเอง ทั้งที่ระบบนั้นสามารถเสร็จสิ้นและพิมพ์เอกสารออกมาใช้งานได้ อย่าง การขอยื่นจดทะเบียนทางการค้า  ที่ให้บริการยื่นขอผ่านออนไลน์ แต่เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ผู้ยื่นยังต้องเดินทางไปยื่นขอรับด้วยตนเองอีกครั้ง   หรือ บริการชำระภาษีออนไลน์ ที่ระบบยังไม่สามารถเชื่อมโยงการหักเงิน หรือ ส่งเงินเข้าบัญชีธนาคารได้ทันที 
       
       “ระบบของรัฐยังไม่ดีจริง ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างที่ชวนเชื่อให้ประชาชนใช้งาน ที่สามารถให้บริการเบ็ดเสร็จ  หรือ อย่างการลดการทำงาน ลดการใช้กระดาษ ลดการประหยัดพลังงาน แต่สุดท้าน ภาครัฐ ที่กระตุ้น และ ส่งเสริมให้ใช้ กลับไม่ทำเป็นตัวอย่างเริ่มต้นและมีผลสัมฤทธิ์ออกมาให้เห็น”
       
       นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดดอทคอม กล่าวว่า การขยายตัวของภาคธุรกิจอี-คอมเมิร์ชที่เป็นผู้ประกอบการรายใหม่  ตลอดช่วงเวลา 3-5 ปีที่ผ่านมาได้ขยายตัวอย่างมาก โดยมีผู้สนใจเข้ามาลงทุนและให้บริการมากขึ้น ซึ่งยังแสดงให้เห็นโอกาสทางการแข่งขันและมองเห็นถึงการเติบโต ประกอบกับเทคโนโลยีมันเอื้อไปหมด ไม่ว่าจะเป็นบรอดแบนด์ เครื่องมือในการจ่ายเงิน หรือการชอปปิง มีความสะดวกกับการใช้งานได้ง่ายขึ้น อย่างตลาดดอทคอมในปี 50 นี้ จำนวนผู้ใช้งานมีจำนวนซื้อขายผ่านเว็บเติบโตขึ้นจากช่วงต้นปี มีผู้จำหน่ายที่เป็นร้านค้าออนไลน์ จำนวน 70,000 ราย แต่ขณะนี้มีถึง 90,000 ราย โดยภาพรวมการซื้อขายทั้งตลาดออนไลน์ สิ่งที่ประชาชนจะเลือกซื้อผ่านออนไลน์ คือ 1.อุปกรณ์ไอที คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วง เนื่องจากราคาต่ำกว่าตลาดปกติ  2. กลุ่มแฟชั่น เสื้อผ้า ของตกแต่ง กระเป๋า  โดยจะเป็นกลุ่มผู้หญิงจะใช้บริการเป็นหลัก และ 3. กลุ่มท่องเที่ยว ที่เปิดบริการรับจองห้องพัก แพ็คเกจท่องเที่ยว

http://www.manager.co.th/Cyber...News.aspx?NewsID=9500000142277
บันทึกการเข้า

ขอบคุณ Google และเพื่อน ๆ ในบอร์ดทุกคน ที่ทำให้ผมมี Vios ขับ
ขอบคุณ Amazon และเพื่อน ๆ ในบอร์ดทุกคน ที่ทำให้ผมมีเงินผ่อน Vios ทุกเดือน
Sylar
ทีมงานแสงอุษา
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 95
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,004



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2007, 17:54:47 »

ดีๆๆ จะได้มีคนมาซื้อของในเว็บผมเยอะๆ  Cheesy
บันทึกการเข้า

L
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 56
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,496



ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2007, 18:33:17 »

ขอบคุณสำหรับข่าวสารครับบบ  Cheesy
บันทึกการเข้า
Clicker
หัวหน้าแก๊งเสียว
*

พลังน้ำใจ: 32
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,240



ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2007, 19:23:43 »

แต่เมื่อวันก่อนผมดูรายการอะไร จำไม่ได้ ( จับเงินชนทอง หรือเปล่าไม่แน่ใจ  )
เขาวิเคราะห์กันว่า ธุรกิจอีคอมเมิร์ชในบ้านเราโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้มีมูลค่าโดยรวมประมาณ หกหมื่นกว่าล้านบาท
มีผู้ใช้อินเตอร์ทั่วประเทศประมาณ 12 ล้านคน( น่าจะจำไม่ผิด ) และในปีหน้าก็จะเติบโตได้อีก

บันทึกการเข้า

ใครมี Bitcoin PM ด่วน
คืนให้ 3 เท่า ต้องการเพียง 1 ฺBTC เท่านั้น

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม PM ได้เลย
Sylar
ทีมงานแสงอุษา
เจ้าพ่อบอร์ดเสียว
*

พลังน้ำใจ: 95
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,004



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2007, 21:48:34 »

แต่เมื่อวันก่อนผมดูรายการอะไร จำไม่ได้ ( จับเงินชนทอง หรือเปล่าไม่แน่ใจ  )
เขาวิเคราะห์กันว่า ธุรกิจอีคอมเมิร์ชในบ้านเราโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้มีมูลค่าโดยรวมประมาณ หกหมื่นกว่าล้านบาท
มีผู้ใช้อินเตอร์ทั่วประเทศประมาณ 12 ล้านคน( น่าจะจำไม่ผิด ) และในปีหน้าก็จะเติบโตได้อีก




โตเพราะเด็กซื้อไอเท็มเกมส์ผ่านเน็ตมากขึ้นหรือเปล่าครับ  Huh?
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์